|
oO(shopping ding ding ding)
ลัล ลา ลัล ลา วันนี้ได้เสียตัง ได้ไปเที่ยวกาดหลวง เสียเงินไปเป็นกาละมัง เดินไปเห็นของก็อยากจะเสียเงินจัง ก็เลยได้เสียซะเลยเอวัง ลัล ลา ลัล ลา
อยากไปจะจัก อยากไปซื้อผัก เอ้ย มะช่ายอยากไปซื้อโอ้ยอะไรดีสระอัก แต่อยากไปจะจัก
คิดถึงเมื่อก่อน ขี่รถไปกับสวย ไปก็ไม่รุ้จะซื้ออะไร ได้แต่ดอกไม้กลับมาปักถังในห้องดีซายน์ ห้องอารัยอยู่กันไปได้ทั้งวี่ทั้งวัน แต่ไม่ได้ทำอะไรกันซ๊าากกอย่าง
เดี๋ยวนี้ไปกาดหลวง ได้อะไรเยอะกว่าเมื่อก่อน เริ่มได้เสื้อผ้า เริ่มได้อุปกรณ์ประกอบชีวิตประจำวัน เริ่มได้อาหารการกิน ว่าไปแล้ววันนี้กินตอนกลางคืนอีกแล้ว อยากกลับไปตื้นตัน กินอะไรไม่ลงเหมือนเดิมจัง จะได้กินน้อย ๆ อยากผอมเว้ย พูดงี้มาสองปีและ
อ้ออีกอย่างสามวันแล้วที่ กินแต่ข้าวผัดกุ้งที่ดินดี มันมีอะไรดีน๊าาา รู้แต่ว่ามันอร่อย และ มีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน และแร่ธาตุ แถมด้วยบรรยากาศเหมือนนั่งกินที่สวนหลังบ้าน ว่าไปนั่น แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนมีบุญมี ร้านนี้เราคงไม่ได้เหยียบ เพราะมันต้องไปป่วนต้นไม้เค้าพังเป็นแน่แท้ แต่ตอนนี้บุญมีหมาป่วงประจำแมด จากไปแล้วอย่างไร้ร่องรอย เราก็เลยได้มีโอกาสไปนั่งชิลล์ที่ดินดี ได้อย่างก็เสียอย่าง ตอนนี้ร้านติดไฟสวยเชียว อยากไปนั่งชิลล์ ต้องรอหายเบื่อข้าวผัดกุ้งก่อน แล้วเราได้เจอกันแน่ ดินดี
บุญมีเอ้ย แกก็ไม่มีใครรักเหมือนเดิม ตอนแกยังอยู่ใคร ๆ ก็ไม่รักแก แต่ตอนแกไม่อยู่ ทำไมฉันคิดถึงแกจริงๆ แก้ยังไงก็ไม่หาย "คิดถึงแกทุกทีที่ข้าวเหลือ" เป็นประโยคที่พูดที่ไรแล้วเศร้าทุกที แกไปอยู่ที่ไหนว้าาาา คิดถึงเว้ย
Create Date : 01 กรกฎาคม 2550 |
| |
|
Last Update : 1 กรกฎาคม 2550 4:35:47 น. |
| |
Counter : 365 Pageviews. |
| |
|
|
|
oO(ดาวน์ ดาวน์ ดาวน์ แอนด์ อัพ อัพ อัพ ... ฮึบ)
อีกใจมันบอกตัวเองว่าให้ิวิ่งเล่น วิ่งเล่น ให้สุดเหวี่ยง มาแอ๊บไม่เหนื่อยกัน เดี๋ยวจะเสียดายเวลา แต่อีกใจมันก็บอกว่าไปกันเถอะ ถึงเวลาสงบจิตได้แล้ว จะเชื่อข้่างไหน ? คำตอบไม่มี ต้องตัดสินใจเอง แล้วจะเชื่อใคร ? คำตอบไม่มีอีกเช่นกัน เชื่อมั่นในใจตัวเองดีที่สุด มีเพื่อนคนหนึ่งเคยเีขียนเอาไว้ว่า เขาชอบเวลาที่ขี่จักรยานที่สุด เพราะมันทำให้ได้ความรู้สึกว่าเวลาลมพัดหน้า มันสร้างความสบายใจบางอย่าง มันคงจะดีไม่น้อยถ้าไอ้ความรู้สึกลมพัดหน้าเนี้ย มันเกิดทุกครั้งที่เราเศร้า สองอาทิตย์ที่ผ่านมาข้าน้อยจิตตกอย่างรุนแรง บางครั้งความรู้สึกนึ้เกิดขึ้นในยามที่เราไม่มีใคร โดยไม่มีสาเหตุ ไม่บอกไม่กล่าวล่วงหน้า และไม่เคยแม้แต่จะบอกลาเมื่อจากไป บางครั้งคนเรานิยามมันด้วยคำว่า "ความเหงา" และมันชอบชวนเพื่อนของมันมาด้วย คือคำว่า "ความเศร้า" วันนี้เป็นครั้งแรกที่ที่ข้าน้อยสามารถอัพความรู้สึกของตัวเอง ได้อีกเลเวล นับจากสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ความที่ข้าน้อยมัวจมปลักอยู่กับความรู้สึกเดิม ๆ และเรียกร้องอะไรมากมายจากความว่างเปล่า ที่ตัวเองก็รู้อยู่ว่ามันไม่มีสิ่งใดที่จัับต้องได้วางอยู่ ณ ที่ตรงนั้น ใครคนหนึ่งพูดกับข้าน้อยว่า "อะไรมันก็อยู่ที่ตัวหล่อนเองนี่แหละค่ะ ตอนนี้หล่อนว้าวุ่นใจเลยเหมือนคนฮีสทีเรียในห้องมืดค่ะ ลองหล่อนตั้งสติได้ก็เหมือนหล่อนเดินไปกดสวิตส์ไฟให้ห้องสว่าง" ดู๊ ดู มันเปรียบเปรย แต่มันเป็นอีกครั้งที่มันทำให้เราได้ฉุกคิดอะไรบางอย่าง น้ำตาที่อยากจะให้ไหลมาซะตั้งแต่สองอาทิตย์ก่อน เริ่มไหลริน ก็เพราะตัวเราเอง กดดันตัวเอง ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย ข้าน้อยดีใจเหลือเกินที่ตัวเองยังร้องไห้ได้อีกครั้ง แต่ไม่ยักกะรู้เหตุผลว่าร้องไห้เพราะรู้สึกว่ามีคนเป็นห่วง หรือร้องไห้เพราะเกิดจากความเศร้าที่ทับถม แต่ขอบอกจริง ๆ ว่ามันได้ผล ชะงัด ยิ่งกว่าวิธีอื่นที่เคยทำมา ทำตัวให้วุ่นวาย ก็ไม่หาย อ่านหนังสือก็ไม่วายคิดเรื่องเดิม ฟังเพลง ยิ่งฟังมันจะยิ่งอิน ไม่ดีต่อสุขภาพจิตใจอย่างยิ่ง ดูหนัง โอ้ว อันนี้หลอกตัวเองได้มากสุดก็ 3 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นจงระบายมันออกมา อย่าเก็บงำเอาไว้ มันเหนื่อย กับการปิดประตูที่อัดแน่นด้วยความว้าวุ่น เพื่อนคนเดิม กล่าวด้วยคติประจำใจของมันอีกประการหนึ่งว่า "เศร้าไปสองไพเบี้ย แรดเสียตำลึงทอง" ที่นี้ถึงประตูทางออกเลย ว่าเข้าไปนั่นสิ
Create Date : 19 มิถุนายน 2550 |
| |
|
Last Update : 19 มิถุนายน 2550 3:49:05 น. |
| |
Counter : 371 Pageviews. |
| |
|
|
|
oO(ดอยอินทนนท์สด ๆ ร้อน ๆ)
สามวันที่ผ่านมาข้าน้อยได้ไปเที่ยวดอยอินฯ จริง ๆ ไม่ได้ไปเที่ยวกะเค้าหรอก ไปทำงาน ควบไปเที่ยวซะมากกว่า โดยมีโครงการการพัฒนามัคคุเทศน้อยให้กับเด็กชาวเขา เด็ก ๆ บนดอยก็น่ารักดี ดูเขามีความตั้งใจกันดีเลยทีเดียว ในการเป็นมัคคุเทศ เล่าถึงบรรยากาศบนดอยกลางเดือนมิถุนายนดีกว่า ก่อนขึ้นไปนั่น มีข่าวว่าพายุจะเข้า แต่ถ้ามองจากด้านล่างไปยังดอย ก็จะเห้นเมฆเป็นหย่อม ๆ ก็พอจะรู้ว่าข้างบนนั่นฝนตก แต่ยังไม่พอ เนื่องจากป่ามันชื้น ฝนมันตก อากาศเลยพานปั่นป่วน หนาว เ็ย็น ชื้น จับใจ นั่ง ๆ อยู่ ฝนตก นั่ง ๆ อยู่ แดดออก นั่ง ๆ อยู่ เมฆเริ่มมาเยี่ยม นั่ง ๆ อยู่ ฝนเริ่มปรอย นั่ง ๆ อยู่ ฝนเริ่มตกหนัก นั่ง ๆ อยู่ ฝนเริ่มซา นั่ง ๆ อยู่ แดดออก เป็นอยู่อย่างนี้วนลูปอยู่ทั้งวัน อากาศหนาว เย็น ชื้น จับใจ คืนนั้นนอนสบาย แย่งผ้าห่มกันอุตลุต 555 ตื่นมาเดินเล่นตรงทางเดินสำรวจธรรมชาติของโครงการหลวง โอกาศดีอีกอย่างคือ คณะของเราได้นอนในบ้านพักของโครงการหลวง ซึ่งตื่นเช้ามาก็เห็นวิว ดอกไม้สวย ๆ ที่นี่เค้าส่งเสริมให้เกษตกรปลูกดอกเบญจมาศ และดอกเยอบีร่า ซึ่งเจ้าสองดอกนีเค้าจะปลูก แล้วทำร่มให้มัน เป็นแถว ๆ ตามแนวปลูกต้นไม้ พอตกกลางคืน เค้าจะเปิดไฟ ไม่รู้เปิดทำไมเหมือนกัน เวลาเราไปนั่งกินข้าวกันที่ร้านอาหารของโครงการ มองลงไปที่ไร่ปลูกดอกไม้ เหมือนเป็นงานเลี้ยงอะไรซักอย่าง เปิดไฟในกระโจมสีขาว เหมือนอยู่ในเมือง ไม่เหมือนอยู่บนดอยเลยซักนิด แต่อากาศเนี้ยสิมันคอยเตือนเราให้รู้ว่าเราไม่อยู่ที่พื้นราบ ไปดอยครั้งนี้มีโอกาสได้ิกิน ปลาเรนโบว์เทราต์ จริง ๆ มันก็เป็นปลาเลี้ยงในลำธาร แต่เนื้อของมันเหมือนปลาทะเลเอามาก ๆ เอ๋หรือมันไปวางไข่ในทะเลหว่า เหอ เหอ ไม่รู้แหะ อันนี้ต้องกลับไปดูสารคดี National Geographic หรือไปถามโปรเฟสเซอร์กูลเกิ้ล วันสุดท้ายมีการออกไปฝึกนอกสถานที่ เป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสเดินไปตามทาง แล้วไปตรงหมู่บ้านม้ง ม้งที่นี่เค้ามีฐานะกันส่วนใหญ่ แตกต่างจากภาพชาวเขาในใจข้าน้อยตอนก่อนไป คนที่นี่เรียกว่า "เผ่าม้งลาย" ส่วนใหญ่ก็ปลูกดอกไม้ขายนั่นแหละ ไปถามดูตอนนี้ดอกเบญจมาศตัดดอกนี่ราคาขายส่งอยู่ที่ ดอกละ 3 บาท แต่ถ้าราคาดี ๆ จะอยู่ 7 - 8 บาท โอ้วเป็นรายได้ที่ดูงดงามจริง ๆ สำหรับคนที่มีเงินทุนในการลงทุน
Create Date : 18 มิถุนายน 2550 |
| |
|
Last Update : 18 มิถุนายน 2550 1:43:01 น. |
| |
Counter : 507 Pageviews. |
| |
|
|
|
| |
|
 |
เอาเข้าจริงแล้ว |
|
 |
|
|