5 วัน 7 ประเทศ ในที่นี้ คือ ทัวร์ยุโรปของนริสสาเพื่อนเลิฟจากอียิปต์ครับ โดยนับประเทศที่นริสสาทั้งแวะและผ่านในระยะเวลา 5 วันได้ถึง 7 ประเทศ ตั้งแต่อิตาลี วาติกัน เบลเยียม ฝรั่งเศส ลักเซมเบอร์ก ไปถึงเยอรมนี และจบท้ายด้วยเนเธอร์แลนด์ ประเทศในฝันของนาง
ประเทศทั้งเจ็ดที่เอ่ยมา ล้วนเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญของยุโรปทั้งสิ้น แต่ในช่วงที่เราตัดสินใจเดินทางกันนั้นมีอยู่หนึ่งประเทศที่หากเป็นคนปกติทั่วไปคงตัดสินใจยกเลิกหรือเปลี่ยน destination ไปแล้ว กำลังพูดถึงเบลเยียมครับ ช่วงที่เราไปบรัสเซลส์เป็นช่วงหลังเกิดเหตุการณ์ระเบิดที่สนามบินและรถไฟใต้ดินได้เพียง 3 วัน
ด้วยความตั้งใจอันแน่วแน่ที่จะเดินทางไปบรัสเซลส์ให้ได้ บวกกับแผนการท่องเที่ยวที่วางมานานแล้ว เราจึงไม่ได้กังวลกับเหตุการก่อการร้ายที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ แต่กลับเครียดเรื่องเปลี่ยนตั๋วเลื่อนตั๋วเสียมากกว่า สนามบินบรัสเซลส์ก็ประกาศปิดโดยไม่มีกำหนด
วุ่นวายอยู่ครึ่งวันจึงได้ตั๋ว Alitalia จากกรุงโรมไปบรัสเซลส์ในที่สุด
บินไปลงที่สนามบิน Liege ห่างออกไปจากบรัสเซลส์ทางรถยนต์ประมาณ 2 ชม.แทน เพื่อนช่วยนัดคนขับรถรับจ้างให้มารับพวกเราพร้อมค่าจ้าง 150 ยูโร
ถึงจะแพงแต่ไม่บ่นเลยครับ งานนี้ถ้าไม่มีคนมารับแย่แน่ ฝนก็ตกหนัก รถไฟหรือแท็กซี่จากสนามบิน Liege ก็ไม่มีเลย มีแต่คนนั่งรอรถกันคราคร่ำ
หมดเวลาไปกับการเดินทางพอสมควร เราจึงมีเวลาเดินดูกรุงบรัสเซลส์ในโซนที่พี่ๆ แอพพรูฟแล้วว่าปลอดภัยเพียงประมาณ 3 ชม. เท่านั้น
แต่แค่นี้ก็พอเห็นบ้านเมืองและอะไรต่ออะไรได้มากโขแล้ว เที่ยวน้อยๆ ซิดี วันหลังกลับมาจะได้มีที่ไปอีก
บ้านเมืองในบรัสเซลส์ดูน่ารัก ปลูกติดๆ กัน ตึกไม่โบราณหลายร้อยปีแบบโรม
สิ่งที่แตกต่างอีกอย่าง คือ ความเขียวชอุ่มของป่าและสวนสาธารณะที่มีให้แวะสูดอากาศบริสุทธิ์แทบตลอดทาง
พี่หนูผู้ใจดีขับรถพาเราชมเมืองและไปแวะถ่ายรูปกันที่เมือง Waterloo
เมืองที่นโปเลียนผู้เกรียงไกรแห่งฝรั่งเศสมาพ่ายแพ้ให้แก่กองทหารอังกฤษ
มีสิงโตยืนตระหง่านอยู่บนยอดเขาเทียม 1 ตัว ค่าขึ้นไปดูสิงโตค่อนข้างโหด แถมต้องเดินขึ้นอีกต่างหาก อยู่เก็บภาพกันข้างล่างพอ
เช้าวันรุ่งขึ้น roadtrip ในฝันของพวกเราเริ่มขึ้นตามแผน เรามีกัน 4 คน แต่มีผู้(จำเป็นต้อง)เสียสละขับรถตลอดทั้ง 3 วันเพียงคนเดียว ยกนิ้วให้เลยน้อง
ความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 180 กม./ชม. และความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 225 กม./ชม. เท้าหนักมาก นึกว่าเป็นโรคเท้าช้าง
เพราะความเร็วปานรถไฟหัวจรวด ทำให้เราไปถึงจุดหมายได้เร็วกว่าที่คาดไว้พอสมควร
เมืองแรกที่เราแวะเดินเล่นหลังจากออกจากบรัสเซลส์ คือ เมืองน็องซี หรือ Nancy ในดินแดนฝรั่งเศส
Nancy เป็นเมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส อยู่ในแผนแวะเที่ยวเพราะดูน่าสนใจในกูเกิลแมพ
มาถึงกันช่วงอาหารกลางวันพอดี แวะทานอาหารฝรั่งเศสเสียเลย
ทานเสร็จเราเดินกันในโซนจัตุรัส Stanislas และบริเวณโดยรอบ 1 รอบ
เวลามีน้อยแต่เป้าหมายมีเยอะ
ขับทะลุฝรั่งเศสเข้าสู่เยอรมนีไปเมือง Freiburg ที่เราจองโรมแรมไว้สำหรับคืนนี้
มาถึงเพลาค่ำจึงได้แต่เดินหาร้านอาหารค่ำและชมเมืองหลังตะวันตกดิน
เสียดายที่ไม่ได้ลองอาหารร้านไทยในโรงแรมที่เราพักเพราะอยากลองทานอาหารท้องถิ่น
สุดท้ายกินอาหารเวียดนามเฉยเลย ผู้ร่วมทริปไม่ได้ว่ากะไร คงเห็นใจผมที่ต้องทนทานอาหารฝรั่งครีมๆ เค็มๆ ตลอดสองวันที่ผ่านมา
Freiburg สวยดีครับ มีแม่น้ำสายเล็กๆ ไหลผ่าน
มีจุดเดินเล่นถ่ายรูปพอสมควร แต่ไม่มีอะไรโดดเด่นมากนัก ส่วนหนึ่งคงเพราะเรามีเวลาจำกัด ได้เดินในโซนที่ใกล้โรงแรมเท่านั้น
คนที่ฟินถึงจุดที่สุดที่ Freiburg คงเป็นนริสสาที่ตามหารองเท้า Adidas Superstar มาหลายประเทศ ของหมดมาโดยตลอด มาได้ที่ร้านรองเท้าเล็กๆ ที่เมืองเล็กนี้เอง
ออกจาก Freiburg ตอนบ่าย ขับรถอีกพักใหญ่ จะว่าไปแล้วใช้เวลาในรถมากทีเดียวครับ คุยไปจนไม่รู้จะคุยอะไร ตาก็ต้องคอยชำเรืองดูว่าเพื่อนมันจะเหยียบถึง 200 เมื่อไหร่จะได้เอ็ดมัน
มาถึง Cochem เมืองสุดท้ายในคืนสุดท้ายของ roadtrip ท่องยุโรปของพวกเรา
ตั้งแต่มาถึงฝนก็ปรอยตลอดเวลา
เพราะเวลาที่จำกัด(อีกแล้ว) จึงยอมทนหนาวออกมาเดินกางร่มชมเมือง
ผมชอบเมืองนี้มากกว่า Freiburg เพราะแม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่าน
ทำให้วิวทิวทัศน์ดูสวยงามสดชื่นขึ้นมาก
ไม่ได้เป็นเมืองใหญ่ ไม่มีแหล่งช็อปปิง ไม่มีที่ไปสำหรับผีเสื้อราตรี
เงียบๆ เบาๆ เหงาๆ ซอฟท์ๆ คนออกมานั่งดื่มเบียร์ ทานอาหารกันตามร้าน แล้วก็กลับบ้านนอน
ฝนตกปรอยๆ ไม่มีทีท่าจะหยุด เลยทำให้บรรยากาศไปในแนวนั้นด้วย
จริงๆ อาจมีแหล่งอโคจรที่เพื่อนผมแอบหนีไปกันตอนผมหลับก็เป็นได้
ทานอาหารเช้าที่ Cochem เสร็จก็ออกเดินทางครับเพราะเป้าหมายเราคือการไปขึ้นเครื่องตอน 2 ทุ่มที่สนามบิน Schiphol อัมสเตอร์ดัมโน่นเลย
เพื่อความคุ้มค่า จาก Cochem เรามุ่งไปเมืองแห่งกังหันลม Zaanse Schans (หรือเมือง Sunshine ของนริสสา)
ถึง Zaanse Schans ประมาณเกือบบ่ายโมง
เดินชมถ่ายรูปในเวลา 1 ชม. เท่านั้น แต่ก็เก็บภาพไฮไลท์ได้ครบถ้วน
ประเทศนี้ลมแรงมากจริงๆ ขับรถบนทางด่วนเร็วไม่ได้เลย ถ้ามา 200 แบบที่เพื่อนผมขับมา คงลอยเป็นว่าว
วันซังกุงที่อุตส่าขับรถมาเจอจากเฮกบอกว่าเพราะลมที่มีความเร็วหลายน็อตแบบนี้ จึงไม่ต้องคิดจะทำผมไปทำงานเลย เพราะยังไงก็ได้ทรงพังอยู่ดี
มื้อสุดท้ายในอัมสเตอร์ดัม เพื่อนๆ ตามใจผมเช่นเคย
เราตกลงใจทานอาหารไทยยอดนิยมร้านหนึ่งในเมือง
รสอร่อย แซ่บ แฮ่ด อย่างใจปรารถนา ผมกินจริงจังมากจนแทบคลานออกจากร้าน
เดินเล่นในอัมสเตอร์ดัมและเสพหญ้าพอเป็นพิธีก็ต้องรีบเผ่นขึ้นรถไฟกลับมาขึ้นเครื่องที่ Schiphol
เดินอัมสเตอร์ดัมเพลินดีแท้ เล่นเอาเกือบตกเครื่องแน่ะ
ขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ อีกหลายคนที่ได้เจอแต่ไม่มีรูปจะลงตรงนี้ด้วยครับ
ไลน์และโหวตท่องเที่ยวค่ะ