BlogGang.com : : Thaisoloclub : อยากทันสมัยให้ไปมิลาน อยากดูสะพานให้ไปเวนิส

อยากทันสมัยให้ไปมิลาน อยากดูสะพานให้ไปเวนิส - ปัจฉิมบท

ข้อดีของรถไฟด่วนของอิตาลี ซึ่งสังเกตดูแล้วไม่เห็นใครใช้ขนผักและผลไม้ คือ การสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวเมืองที่อยู่ห่างออกไปจากมิลานไปกว่า 250 กม. ในเวลาเพียง 2.5 ชม. เท่านั้น นี่ขนาดยังไม่ใช่แบบที่เร็วปรู๊ดปร๊าด

ซื้อตั๋วรถไฟจากสถานี Milano Centrale ไปสถานี Venezia Santa Lucia ซึ่งเป็นสถานีปลายทางสุดท้ายตั้งอยู่บนเกาะเวนิส แต่ละเที่ยว แต่ละช่วงเวลา และระยะเวลาในการจองล่วงหน้า ทำให้ค่าตั๋วแตกต่างกันออกไป ของผมขาไปออกตอนแปดโมงครึ่ง ราคา 38 ยูโร และขากลับตอนสี่โมงครึ่ง ราคา 40 ยูโร รวมแล้วเป็นเงินค่ารถไฟด่วนประมาณ 3,000 บาท

จะว่าไปแล้ว ราคาสูงนะ แต่ก็ได้นั่งรถที่เร็วและสะดวกสบายหน่อย พร้อมออกเดินทาง Milan - Venice

ระหว่างทางจากมิลานไปเวนิส มีสถานที่ที่รถด่วนจอดแวะไม่เกิน 10 สถานี เสียดายระหว่างจอดไม่มีคนขายข้าวเหนียวไก่ ข้าวหลาม กล้วยฉาบ ซาลาเปา โอเลี้ยง ทำให้ดูเงียบเหงา

หลายสถานีเป็นสถานที่ในภาพยนตร์และหนังสือต่างๆ ที่เคยอ่านมา เช่น Verona เป็นฉากสำคัญของภาพยนตร์โศกนาฏกรรมความรักที่น่าจะเป็นที่รู้จักมากที่สุด Romeo and Juliette

พอรถไฟกำลังจะถึง Venezia Santa Lucia เท่านั้นแหละ ฝนก็ได้ตกลงมาอย่างบ้าคลั่ง ชนิดที่ร่มเอาไม่อยู่ ไปเจอฝนหนักในเมืองยุโรปแบบนี้มาแล้วสองสามครั้ง แล้วมันจะต้องเป็นช่วงที่เรามีเวลาเพียงวันเดียวหรือครึ่งวัน แก้ตัวไม่ได้อีกแล้วทุกทีไป

เพื่อให้รูปที่ผมถ่ายเมืองเวนิสในช่วงที่ฝนกระหน่ำดูสวยและมีคุณค่าขึ้นมา โปรดพึงระลึกว่าท่านจะหาดูรูปสวยๆ สีจัดๆ แดดแรงๆ ของเมืองท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลกอย่างเวนิสจากที่ไหนก็ได้ครับ แต่รูปกลางฝนที่มีหมอกและหยดน้ำปะปนอย่างที่ผมถ่ายมาดูนี้ไม่น่าจะมีใครกล้าเอามาลง จึงขอให้ดูไปอย่างเห็นใจผู้ถ่ายภาพด้วย

เวนิสเป็นเมืองที่อาจจะเรียกว่าเกาะก็ได้ แต่เป็นเกาะแบบ islands ที่ต้องเติม s (อันนี้เป็นรูปที่ถ่ายจากหน้าต่างเครื่องบินเมื่อกัปตันการบินไทยบอกให้ผู้โดยสารชะแง้แลดูเมืองเวนิสจากมุมสูง)

เพราะเมืองตั้งอยู่บนเกาะแก่งจำนวน 117 เกาะ มีคลองตัดผ่านไปมาและเป็นช่องทางการคมนาคมขนส่งหลักจำนวนประมาณ 150 คลอง ส่งผลให้มีสะพานข้ามคลองเหล่านี้มากกว่า 400 แห่ง และแน่นอนว่าไม่มีรถทุกชนิดวิ่งบนเกาะ

เป็นเมืองแห่งสถาปัตยกรรมที่สวยงามและศิลปะอันเลื่องชื่อ

ตึกรามบ้านช่องเก่าแก่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี

สอดรับกันเป็นอย่างดีกับคลองและสะพานต่างๆ

สะพานที่มีชื่อมีหลายสิบแห่ง

แต่ที่ถ่ายมาและพอรู้ประวัติมี 2 แห่ง คือ สะพาน Rialto เป็นสะพานข้าม Grand Canal ที่เก่าแก่ที่สุดในเวนิส และแบ่งเขต San Marco ออกจาก San Polo ด้วย

Grand Canal คลองที่ใหญ่ที่สุดในเวนิสและมีเรือเมล์โดยสารวิ่งให้บริการรอบเกาะหน้าตาแบบนี้

สะพานนี้ชื่อ Bridge of Sighs หรือสะพานถอนหายใจ ชื่อเก๋ๆ ได้มาเพราะสะพานนี้เป็นสะพานที่นักโทษในสมัยโบราณต้องเดินผ่านก่อนถูกนำตัวไปประหารชีวิต นักโทษจะหันมามองวิวทะเลเวนิสและถอนหายใจเฮือกใหญ่

วิวที่นักโทษจะได้เห็นจากสะพานถอนหายใจก่อนตาย คือ วิวนี้ครับ

ขนาดพื้นที่ทั้งเกาะไม่ใหญ่มาก ประมาณ 400 กว่าตารางกิโลเมตร เดินจริงๆ 3 ชม. ก็ทั่วเกาะแล้ว แต่ถ้าจะเอาแบบจุใจ แวะทุกโบสถ์ ถ่ายรูปทุกสะพาน นั่งเรือทุกแบบก็ทั้งวัน

พื้นที่ที่จำกัดนี้เองส่งผลให้บ้านต่างๆ เปลี่ยนตัวเองเป็นโรงแรมขนาดเล็กรับนักท่องเที่ยว ห้องนี้ติดไวไฟให้นิด ทำอาหารเช้าง่ายๆ บริการอีกหน่อย ก็ขายได้มากกว่าคืนละ 3,000 บาทแล้ว

สิ่งที่คนมาเวนิสครั้งแรกมักจะไม่พลาดกันแต่ผมจงใจพลาด คือ การนั่งเรือ Gondola ซึ่งยังเห็นคู่รักนิยมนั่งกันอยู่แต่ไม่เห็นคนพายเรือจะร้องเพลงเลย

สนนราคาก็แตกต่างกันไปตามสภาพของเรือ ยิ่งตกแต่งวิลิศมาหรายิ่งราคาแพง มีตั้งแต่ 40 60 จนถึง 100 ยูโร

ส่วนของที่ระลึกท้องถิ่นเวนิส มีหน้ากากแฟนซีต่างๆ ซึ่งมีขายแทบทุกร้าน ไว้ใส่งาน Carnival of Venice จัดปีละครั้ง

ลูกปัดแก้วมูราโน่ ซึ่งพี่คนไทยที่ผมรู้จักคนหนึ่งชอบเอามากๆ เลย

สถานที่สำคัญมีหลายแห่ง เท่าที่รู้จัก คือ วิหาร San Marco

เป็นจัตุรัสสำคัญที่สุดของเวนิส อยู่คู่เมืองนี้มานานน๊านนาน ตั้งแต่สมัยปี ค.ศ. เลข 3 ตัวโน่น

ดูเอาละกันว่าฝนตกหนักแค่ไหน ไม่ล้มหมอนนอนจับไข้ก็ดีมากแล้ว

แม้ว่าก่อนนี้จะเบื่อเมืองสวยๆ ในยุโรปซึ่งดูคล้ายกันแทบทุกเมืองไปแล้ว แต่สรุปแล้วชอบเวนิสมากครับ คงด้วยขนาดที่ไม่ใหญ่เกินไป มีคลองตัดผ่านและทะเลล้อมรอบ ตึกสีสันสดใส ร้านรวงขายสินค้าน่ารัก จะติหน่อยก็ตรงฝนเนี่ย ตกไม่เลือกวันเลย ถ้าฝนพูดได้ก็คงย้อนผมว่าไม่รู้จักดูพยากรณ์อากาศเหมือนกัน

Create Date : 09 พฤษภาคม 2556

Last Update : 21 พฤษภาคม 2556 9:17:03 น.

0 comments

Counter : 5952 Pageviews.