Group Blog
 
All blogs
 

ที่มาของโฆษณาไทยประกันชีวิต "พ่อเป็นใบ้"

ที่มาของโฆษณาไทยประกันชีวิต "พ่อเป็นใบ้" เรื่องจริงของครอบครัวหนึ่ง



เรื่องราวคนขายเต้าหู้ คือพ่อฉันผู้เป็นใบ้


เรื่องจริงที่เปี่ยมด้วยความเป็นมนุษย์ เกิดขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่


ตอนเหนือของมณฑลเหลียวหนิง ประเทศจีน มีเมืองขนาดกลาง ชื่อว่า เทือกเหล็ก เกือบทุกเช้าตรู่หรือพลบค่ำ บนท้องถนนกรรมกร จะเห็นผู้เฒ่าเข็นรถขายเต้าหู้เคลื่อนไปอย่างช้าๆ ลำโพงที่ต่อกับแบตเตอรี่บนรถ กระจายเสียงใสของหญิงสาว


“เต้าหู้มาแล้วจ้า เต้าหู้อ่อนสูตรโบราณ เต้าหู้อร่อยจ้า – เสียงนี่เป็นของฉัน คนขายคือพ่อฉัน พ่อฉันเป็นใบ้”


ตราบ ถึงวันนี้อายุกว่ายี่สิบแล้ว ฉันจึงใจกล้าพอที่จะบันทึกเสียงตัวเองไว้บนรถขายเต้าหู้ของพ่อ แทนกริ่งทองเหลืองที่พ่อเขย่ามาหลายสิบปี อายุแค่ 2-3 ขวบ ฉันก็รู้จักว่ามีพ่อเป็นใบ้น่าอัปยศเพียงใด ดังนั้นฉันจึงเกลียดชังพ่อแต่เล็ก เมื่อฉันเห็นเด็กบางคนถูกแม่สั่งให้มาซื้อเต้าหู้ กลับหยิบเต้าหู้ไปโดยไม่จ่ายเงิน พ่อโก่งคอยาวแต่ไม่อาจตะเบ็งเสียงออกมา ฉันไม่อาจทำเหมือนพี่ชายที่ไล่ตามไปต่อยเด็ก ได้แต่เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ปริปาก ฉันไม่ชังเด็กคนนั้น แต่กลับชังพ่อที่เป็นใบ้


ถึงแม้ว่าทุกครั้งที่พี่ ชายช่วยหวีผมให้และเจ็บจนต้องสูดปากซี๊ด ฉันก็แข็งใจไม่ยอมให้พ่อถักผมเปีย ตอนที่แม่เสียไม่ได้เก็บรูปถ่ายบานใหญ่ไว้ มีเพียงรูปขาวดำขนาด 2 นิ้ว ที่ถ่ายร่วมกับสาวเพื่อนบ้านก่อนแต่งงาน เมื่อพ่อถูกฉันเมินเฉย ก็มักจะหันกระจกเงากลับมาดูรูปแม่อีกด้านหนึ่ง เพ่งจนนานพอแล้ว ค่อยจากไปทำงานอย่างซึมเซา


น่าโมโหที่สุดคือเด็กคนอื่นเรียกฉันว่า อีใบ้สาม (ฉัน เป็นลูกคนเล็กอยู่อันดับสาม) ฉันจะวิ่งกลับบ้านเมื่อด่าสู้พวกเด็กไม่ได้ ต่อหน้าพ่อที่กำลังโม่เต้าหู้อยู่ ฉันเขียนวงกลมบนพื้น แล้วถ่มน้ำลายที่ตรงกลาง ถึงแม้ฉันไม่เข้าใจว่าที่ตนทำนั้นหมายความว่าอย่างไร แต่ก็ทำเช่นนี้เมื่อถูกเด็กด่าว่าฉันคิดว่า นี่คงเป็นการแสดงคำด่าคนใบ้ที่ร้ายกาจที่สุดแล้ว ครั้ง แรกที่ฉันด่าพ่อด้วยวิธีนี้ ทำให้พ่อต้องหยุดงานในมือ มองดูฉันอย่างงุนงง น้ำตาไหลนองหน้าอยู่นาน น้อยครั้งที่ฉันเห็นพ่อร้องไห้ แต่วันนั้นพ่อขดตัวในโรงเต้าหู้ร้องไห้ตลอดทั้งคืน เป็นการสะอึกสะอื้นที่ไม่ส่งเสียงดัง เพราะเห็นพ่อหลั่งน้ำตา ฉันจึงดูเหมือนหาทางออกให้กับความน้อยใจของฉันได้ในที่สุด ดังนั้น ต่อจากนั้นเป็นต้นมา ฉันมักจะไปด่าพ่อต่อหน้าต่อตาแล้วเดินหนี ปล่อยให้พ่องงเป็นไก่ตาแตก ทว่าพ่อไม่หลั่งน้ำตาอีกแล้ว แต่จะขดตัวที่ผอมเซียวให้ลีบเล็กลง พิงกับคานโม่ หรือจานโม่ ดูน่าเกลียดยิ่งในสายตาฉัน ฉันต้องเรียนหนังสือให้ดี เพื่อเข้ามหาวิทยาลัย พ้นจากหมู่บ้านเล็กที่ใครๆก็รู้ว่าพ่อฉันเป็นใบ้ นี่เป็นความปรารถนาใหญ่ยิ่งของฉันในขณะนั้น


ฉัน ไม่รู้ว่าพี่ชายสองคนมีเหย้าเรือนได้อย่างไร ไม่รู้ว่าโรงเต้าหู้นั้นพ่อเปลี่ยนคานโม่ใหม่อีกกี่ด้าม ไม่รู้ว่ากริ่งทองเหลืองลั่นจนริมขอบสึก ผ่านไปแล้วกี่ฤดูกาลกี่ตำบลหมู่บ้าน รู้เพียงว่าฉันปฏิบัติต่อตนอย่างเคืองแค้น เรียนหนังสืออย่างบ้าคลั่ง ในที่สุดฉันก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้


เสื้อม่อฮ่อมกรมท่าซึ่งอาโกวตัดเย็บให้ตั้งแต่ปี 1979 พ่อเพิ่งเอามาใส่เป็นครั้งแรกในต้นฤดูใบไม้ร่วงปี 1992 ท่ามกลางแสงตะเกียงในยามค่ำ พ่อหน้าตาชื่นบานขณะยัดธนบัตรกำใหญ่ซึ่งยังติดกลิ่นคาวเต้าหู้ไว้ที่ฝ่ามือฉันอย่างพิถีพิถัน ปากก็เอะอะเออออไม่หยุดยั้ง ฉันมองดูความดีใจและภาคภูมิของพ่อโดยวางตัวไม่ถูก เหม่อมองพ่อเที่ยวแจ้งให้ญาติโยมเพื่อนบ้านทราบด้วยใบหน้ายิ้มกริ่มพอใจ เมื่อฉันเห็นพ่อพาคุณอาและพี่ๆ มาช่วยลากหมูตัวที่พ่อบรรจงขุนมา 2 ปี จนอ้วนพี ลงมือชำแหละเพื่อเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้าน เป็นการฉลองที่ฉันเข้ามหาวิทยาลัยได้ หัวใจแข็งดุจท่อนไม้ของฉันไม่รู้ถูกอะไรสะกิดเข้า จนฉันร้องไห้โฮ


บนโต๊ะอาหาร ฉันคีบหมูหลายชิ้นให้พ่อต่อหน้าคนหลายๆคน ฉันน้ำตานองหน้า เรียกพ่อให้กินเนื้อหมู พ่อไม่ได้ยินหรอก แต่เข้าใจความหมายของฉัน นัยน์ตา พ่อฉายประกายที่ไม่เคยมีมาก่อน ดวดเหล้าเกาเหลียงที่ตวงซื้อมา พร้อมกับกินชิ้นหมูที่ลูกสาวคีบให้ พ่อคงเมาแล้ว หน้าแดงก่ำ หลังยืดตรง ส่งภาษามืออย่างองอาจ เป็นความจริงที่ว่า ผ่านมา 18 ปีเต็มๆ พ่อเพิ่งเคยเห็นรูปริมฝีปากฉันขณะเรียกพ่อเป็นครั้งแรก พ่อโม่เต้าหู้ด้วยความยากลำบาก เอาธนบัตรที่คลุกด้วยกลิ่นไอเต้าหู้ส่งเสียให้ฉันเรียนจนจบมหาวิทยาลัย


ปี 1996 ฉันเรียนจบได้รับบรรจุงานที่เทือกเหล็กห่างจากบ้านเกิด 40 กม. เมื่อจัดที่พักเรียบร้อย ฉันเดินทางไปรับพ่อผู้ใช้ชีวิตคนเดียวมาอยู่ในเมือง เพื่อรับความสุขที่ลูกสาวมอบให้แม้จะช้านานก็ตาม





ทว่าระหว่างทางนั่งแท็กซี่กลับหมู่บ้าน เกิดอุบัติเหตุขึ้น

เรื่องราวต่างๆหลังจากอุบัติเหตุ ฉันทราบจากพี่สะใภ้ เล่าให้ฟัง……… มี คนเดินทางจำได้ว่าผู้ประสบเหตุคือลูกสาวคนเล็กของเฒ่าถู ดังนั้น พี่ใหญ่พี่รอง สะใภ้ใหญ่สะใภ้รองต่างมาถึงที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว ทุกคนได้แต่ร้องไห้เมื่อเห็นฉันสลบคาที่ ทำอะไรไม่ถูก พ่อมาถึงที่เกิดเหตุเป็นคนสุดท้าย รีบช้อนร่างฉันขึ้นมาและโบกรถใหญ่ข้างทางให้หยุด ผู้คนในเหตุการณ์ต่างเห็นว่าฉันไม่รอดแน่ พ่อใช้ขายันร่างฉันไว้ แล้วใช้มือล้วงธนบัตรปึกใหญ่ออกจากกระเป๋าเสื้อ ยัดใส่มือคนขับรถ พร้อมกับขีดเขียนรูปกากบาทถี่ๆ ขอร้องให้พาส่งโรงพยาบาล พี่สะใภ้เล่าว่า พ่อแต่ไหนแต่ไรร่างกายอ่อนแอ แต่ขณะนั้นสำแดงพลังความแข็งแกร่งมหาศาลอย่างไม่น่าเชื่อ

หลัง จากพยาบาลเบื้องต้นแล้ว หมอให้ย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่น และเปรยกับพี่ๆ ว่า รักษาต่อไปก็ป่วยการเปล่า เพราะขณะนั้น ความดันโลหิตฉันเกือบวัดไม่ได้ หัวกระบาลถูกชนน่วมเป็นลูกน้ำเต้า ชุดสวมศพที่พี่ใหญ่ซื้อมาโดยเห็นว่าหมดหวังแล้วถูกพ่อฉีกทิ้ง พ่อชี้ที่ตาตัวเอง ชูหัวแม่มือ จ่อที่ขมับตัวเอง จากนั้นชูสองนิ้วชี้ที่ตัวฉัน แล้วชูหัวแม่มืออีก โบกมือแล้วหลับตา นั่นหมายความว่า พวกคุณอย่าร้องไห้ พ่อยังไม่ร้องเลย น้องสาวคุณไม่ตายหรอก เธออายุเพียง 20 กว่า ยังไหวแน่ เราช่วยชีวิตเธอได้แน่ หมอยังคงยืนยันว่าหมดทาง ให้พี่ใหญ่บอกกับพ่อว่า แม่หนูไม่รอดแน่ ถึงจะรักษาก็ต้องใช้เงินมหาศาล และยังไม่แน่ว่าจะรักษาได้

ทัน ใดนั้นพ่อคุกเข่าลง แล้วลุกขึ้นทันที ชี้มายังฉันพร้อมกับชูแขนสูง จากนั้นก็ทำท่าเพาะปลูก เลี้ยงหมู ถางหญ้า โม่เต้าหู้ แล้วปลิ้นกระเป๋าเสื้อซึ่งภายในว่างเปล่า พร้อมกับชูมือสองข้างกลับฝ่ามือไปมาสองรอบ นั่นหมายความว่า ขอร้องคุณหมอเถิด ช่วยชีวิตลูกสาวฉัน เธอมีอนาคตดี เป็นคนเก่ง คุณหมอต้องช่วยเธอ ผมจะหาเงินมาเสียค่ารักษา ผมเลี้ยงหมู ทำนา ทำเต้าหู้ได้ ผมมีเงิน ตอนนี้ก็มีอยู่4 พันหยวน

หมอจับมือพ่อพร้อมกับสั่นหัว นัยว่า แค่ 4 พัน หยวนยังขาดอีกเยอะ พ่อไม่รีรอ ชี้ไปยังพี่ๆและพี่สะใภ้ กำมือแน่น หมายความว่า ผมยังมีคนเหล่านี้ช่วยกันพยายาม เราทำได้แน่ เห็นหมอยังทำเฉย พ่อชี้ที่หลังคา ก้มหัวใช้เท้ากระทืบพื้น พนมมือสองข้างไว้ด้านขวาของศีรษะ แล้วหลับตา หมายความว่า ผมมีบ้านขายได้ ผมนอนบนพื้นดินก็ได้ แม้จะหมดเนื้อหมดตัว ผมก็ขอให้ลูกสาวอยู่รอด พ่อชี้ไปยังหน้าอกคุณหมอ แล้ววางมือลง หมายความว่า ขอให้คุณหมอไว้ใจ เราไม่เบี้ยวค่ารักษาหรอก เรื่องเงินเราจะหาทางออก พี่ใหญ่แปลภาษามือของพ่อให้หมอฟังพลางร้องไห้ไป ไม่ทันแปลจบ หมอซึ่งเห็นเรื่องเกิดแก่เจ็บตายจนชินชา บัดนี้ก็อดกลั้นน้ำตาไม่อยู่เช่นกัน

พ่อใช้ท่ามือที่ รวดเร็ว สื่อความแม่นยำ ใครๆเห็นแล้วต้องร้องไห้ หมอบอกอีกว่า ทำศัลยกรรมก็ไม่รับรองว่าจะช่วยชีวิตได้ เกิดพลาดขึ้นมาจะทำอย่างไร พ่อตบกระเป๋าเสื้อตัวเอง แล้วลูบที่หน้าอก หมายความว่า ขอให้หมอช่วยเต็มที่ แม้จะไม่ไหว ก็จะจ่ายเงินให้ครบ โดยไม่บ่นโทษแม้แต่คำเดียว ความรักอันยิ่งใหญ่ของพ่อ ไม่เพียงแต่ค้ำจุนชีวิตฉัน ยังค้ำจุนกำลังใจและความแน่วแน่ให้หมอในการช่วยชีวิตฉัน ฉันถูกนำเข้าห้องผ่าตัด พ่อรออยู่นอกห้องเดินไปมาอย่างลุกลี้ลุกลนตามระเบียงจนรองเท้าสึกเป็นรู

พ่อ ไม่หลั่งน้ำตาแม้แต่หยดเดียว แต่กลับเป็นแผลพุพองเต็มปากหลังจากเฝ้ารออยู่นอกห้องสิบกว่าชั่วโมง พ่อทำท่าอธิษฐานขอพรจากพระเจ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างสับสนไม่เป็นระเบียบ จนฟ้าดินปรานี ให้ฉันรอดมาได้


ฉันสลบ เหมือดตลอดระยะเวลาครึ่งเดือน ไม่ตอบสนองต่อความรักจากพ่อ ทุกคนหมดกำลังใจในตัวฉันซึ่งกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา มีเพียงพ่อคนเดียวที่ยืนหยัดเฝ้าอยู่ข้างเตียงคนไข้รอฉันฟื้นขึ้นมา พ่อใช้มืออันหยาบกร้านบรรจงนวดให้ฉันกล่องเสียงพิการของพ่อได้แต่เปล่งลมเออ ออเรียกฉัน เหมือนกับพูดว่า “ลูกหยูน ตื่นเถิด ลูกหยูน พ่อทำน้ำเต้าหู้สดๆรอลูกอยู่”







เพื่อ เอาใจหมอและพยาบาล พ่อจะอาศัยเวลาที่พี่มาเฝ้าไข้แทน ทำเต้าหู้ร้อนๆถาดใหญ่ มาแจกแก่เจ้าหน้าที่พยาบาลเกือบทุกคนในแผนกศัลยกรรม แม้โรงพยาบาลตั้งระเบียบไม่ให้รับของจากคนไข้ แต่ด้วยคำขอร้องที่บริสุทธิ์จริงใจเช่นนี้ พวกเขาก็รับไว้อย่างเงียบๆ แค่นี้พ่อก็พอใจและมีความมั่นใจยิ่งขึ้น

พ่อใช้ภาษามือสื่อความว่า ท่านทั้งหลายเป็นผู้ใจบุญ เชื่อว่าต้องรักษาลูกสาวผมได้แน่

ระหว่าง นั้น เพื่อระดมค่ารักษา พ่อเดินสายไปทุกหมู่บ้านที่เคยไปขายเต้าหู้ ความซื่อสัตย์สุจริตตลอดชีวิตที่ผ่านมา ได้รับความสนับสนุนเพียงพอที่จะช่วยลูกสาวรอดพ้นจากเส้นตาย ชาวบ้านต่างออกเงินช่วยเหลือ พ่อก็ไม่ปล่อยปละละเลย ใช้ดินสอจดบัญชีเต้าหู้บันทึกรายละเอียดด้วยลายมือหงิกงอ ทว่าชัดเจนดังนี้ คุณจัง 20 หยวน คุณลี่100 หยวน อาซ้อหวัง 65 หยวน……

ใน ที่สุดฉันฟื้นขึ้นมาจนได้ตอนเช้าตรู่วันหนึ่งหลังจากครึ่งเดือนผ่านไป ฉันเห็นผู้เฒ่าผอมเซียวจนเสียรูป อ้าปากกว้าง เปล่งเสียงเออออดังลั่นด้วย ความดีใจที่ได้เห็นฉันตื่นขึ้นมา ผมขาวโพลนของเขาเปียกชุ่มด้วยเหงื่อในฉับพลันเนื่องจากความตื่นเต้น ครึ่งเดือนก่อนพ่อยังมีผมดำเต็มศีรษะ ครึ่งเดือนผ่านไป พ่อแก่ไปตั้ง 20 ปี หัวโกนจนเกลี้ยงของฉันเริ่มมีเส้นผมงอกขึ้นแล้ว พ่อลูบไล้หัวฉันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเมตตา การลูบไล้เช่นนี้ ในอดีตถือเป็นความสุขเกินตัวสำหรับพ่อ

เวลา ผ่านไปครึ่งปี ผมฉันยาวพอที่จะถักเปียได้ ฉันจูงมือพ่อขอร้องช่วยหวีผมให้ พ่อกลับออกอาการเปิ่นเก้อ พ่อหวีทีละกระจุก หมดไปค่อนวันก็ยังไม่อาจหาทรงที่ถูกใจพ่อ มีอยู่ครั้งหนึ่ง พ่อหันมาอยู่หน้าฉัน ทำท่าอุ้มฉันโยนออกไป แล้วงอนิ้วมือเหมือนท่านับเงิน อ้อ พ่อคิดจะเอาตัวฉันไปขายเหมือนขายเต้าหู้ละสิ ฉันแสร้งปิดหน้าร้องไห้ จนพ่อดีใจหัวเราะ ฉันแอบดูพ่อผ่านช่องนิ้วมือ เห็นพ่อหัวเราะจนขดตัวยองๆกับพื้น เกมนี้เราเล่นจนกระทั่งฉันลุกขึ้นยืนและเดินได้

ทุก วันนี้ มีเพียงอาการปวดหัวเป็นครั้งคราวเท่านั้น สุขภาพโดยทั่วไปฉันดูแข็งแรงดี พ่อจึงพึงพอใจยิ่ง เราช่วยกันชำระหนี้สินจนหมด แล้วพ่อก็ย้ายเข้าเมืองอยู่กับฉัน โดยที่พ่อขยันทำงานมาตลอด ทนไม่ได้กับชีวิตอยู่เฉยๆ ฉันจึงเช่าเพิงเล็กๆ ใกล้บ้านให้พ่อทำเป็นโรงเต้าหู้ เต้าหู้ที่พ่อทำ รสชาตินุ่มหอมก้อนใหญ่ดี เป็นที่นิยมของชาวบ้าน ฉันติดตั้งชุดลำโพงกับแบตเตอรี่บนรถเข็นเต้าหู้ให้พ่อ แม้ว่าพ่อไม่ได้ยินเสียงกังวานของฉัน แต่ท่านย่อมทราบดี ทุกครั้งที่พ่อกดปุ่มเสียง ท่านจะอกผายไหล่ผึ่ง รู้สึกถึงความสุขและพอเพียง เรื่องราวในอดีตที่ฉันเหยียดหยามพ่อ ท่านมิได้จดจำจองเวรไว้เลยแม้แต่น้อย จนตัวฉันเองก็ใจไม่ถึงพอที่จะสารภาพผิดต่อท่าน


ฉัน คิดอยู่เสมอว่า โลกเราเปี่ยมล้นด้วยสังคีตแห่งความรัก เราสดับฟัง สาธยาย สัมผัส และสะเทือนใจ แต่แล้ว พ่อผู้ใบ้ของฉันกลับสอนให้ฉันเข้าใจว่า อันที่จริงแล้ว สังคีตอันยิ่งใหญ่ที่สุดคือปลอดเสียง อันเป็นพลังที่ไม่พึงสงสัย ทำให้ฉันตีความความรักให้สูงขึ้นไปอีก

ขอให้เราปฏิบัติต่อกันด้วยความจริงใจ เพราะชีวิตเราได้มาไม่ง่าย มีโอกาสพบกันถือเป็นบุญวาสนา

ขอให้เราปรนนิบัติต่อพ่อแม่ด้วยความกตัญญูกตเวที เพราะหลังจากท่านสิ้นบุญแล้วจะเหลือแต่ความรำลึก

ขอให้เราปฏิบัติต่อคู่ชีวิตด้วยความจริงใจ เพราะหลังจากจากกันแล้วจะไม่มีโอกาสจูงมือกันเดินเที่ยว

ขอให้เราทะนุถนอมการเจริญเติบโตของบุตร เพราะเมื่อถึงเวลาอันควรจะไม่มีโอกาสได้โอบกอดลูกๆอีก

ขอให้เราทุ่มเทและให้อย่างเต็มที่ ขอบคุณและอุทิศโดยไม่เห็นแก่ตัว ต่อการพบปะในบุญวาสนาทุกโอกาส



ขอบคุณ : niceoppai.47.forumer.com




 

Create Date : 06 สิงหาคม 2554    
Last Update : 6 สิงหาคม 2554 10:42:09 น.
Counter : 996 Pageviews.  

คำถาม-คำตอบ 1 ข้อทายนิสัย

> หากพรุ่งนี้จะเป็นวันที่โลกแตก จะไม่มีใครสามารถรอดไปได้จากโลกนี้
> แต่เนื่องจากคุณเป็นคนดีมาตลอด
> พระเจ้าทรงประทานพรให้คุณสามารถมีชีวิตอยู่ได้บนดินแดนที่พระองค์ได้จัดทำขึ้น
> และให้คุณสามารถเลือกสิ่งมีชีวิตไปกับคุณได้เพียง 1 เท่านั้น
> คุณจะเลือก... ( อย่าแอบดูเฉลยนะ)
>
> 1. สิงห์โตที่ประกาศตัวยอมเป็นลูกน้องผู้ซื่อสัตย์ต่อคุณ
>
> 2. กระต่ายป่าตัวน้อยช่างพูดที่อ้อนวอนขอให้คุณช่วยชีวิตไว้
>
> 3. มังกรพ่นไฟได้ที่พร้อมจะรับใช้คุณตลอดเวลา
>
> 4. นกวิเศษที่สามารถร้องเพลงได้ทุกเพลงที่เคยมีมาบนโลก
>
> 5. ลูกเจี๊ยบตัวน้อยที่ยอมทำได้ทุกอย่าง
> เพื่อขอให้คุณเลือกแม่ไก่ของเจ้าลูกเจี๊ยบไปแทน
>
> 6. แมวน้อยพูดได้ที่แสนซื่อสัตย์ที่ขออยู่เป็นเพื่อนคุณตลอดไป
>
> 7. เสือแข็งแรงกำยำที่ยอมเป็นทั้งพาหนะและผู้จะคอยหาอาหารให้คุณ
>
>
>
>
>
> มาดูคำตอบกันนะ
>
> 1. คุณเป็นคนใจร้อนอารมณ์ร้ายค่ะ คุณออกจะมุทะลุและขี้โมโห
> แต่เป็นคนที่มีบุคลิกโดดเด่น ต้องตาผู้คนไม่ว่าหนุ่มหรือสาว
> ต่างก็ชอบแต่งตัวเด่นทันสมัย รสนิยมเลิศเลอ
> ชอบเฮฮาปาร์ตี้ในระดับไม่ธรรมดา ใจกว้างและกล้าเสี่ยง
> กล้าทุ่มเทค่อนข้างหยิ่งยโส ไม่ค่อยยอมอ่อนข้อใคร
> ยึดมั่นในชื่อเสียงเกียรติยศมากเป็นคนเด็ดขาดไม่โลเล เป็นผู้นำได้ดี
> มีสติปัญญา มีความรักง่าย หลายใจ รักเพื่อน ๆ และชอบมีอิสระเสรีค่ะ
>
> 2. คุณเป็นคนน่ารักนุ่มนวล คุณมักจะมีหน้าตาท่าทางมีเสน่ห์มาก
> มีจิตใจอ่อนโยนช่างคิดฝันแบบศิลปินทุกแขนง ใจคอไม่เฉียบขาดหนักแน่น
> นิสัยพาลเกเรขึ้งอนเหมือนเด็ก ช่างหึงหวงร้ายกาจ
> ใจอ่อนโมโหง่ายแต่ก็หายเร็ว เจ้าชู้หลายใจ ขี้กลั วและเสียขวัญง่าย
> ถ้าโกรธก็อารมณ์ร้าย พร่ำบ่นเอาเรื่องแต่เป็นคนขยันหมั่นเพียร
> บางครั้งกล้าหาญอย่างน่าทึ่ง อาจต้องระวังเรื่องถูกหักหลังได้ค่ะ
> และบั้นปลายชีวิตจะมีความสุขมากค่ะ
>
> 3. คุณเป็นคนใจแกร่ง คุณชอบเรื่องต่อยตีอย่างเจ้าพ่อ
> ติดนิสัยดื่มกินเที่ยวแต่ก็เลิกได้ง่ายค่ะ
> ถ้าทำดีกับใครไม่ค่อยมีผลดีตอบคืน เป็นคนเจ้าชู้ ฟุ่มเฟือยใช้เงินเก่ง
> มักมีนิสัยปลื้มคำชมเชย มีเพื่อนมาก อารมณ์ร้าย ฉุนเฉียวเกรี้ยวกราด
> ทั้งดื้อดึงใจเด็ด ขี้ใจน้อย แต่ก็ใจร้อนมาก เป็นคนไม่อ่อนแอ
> และมุ่งมั่นมากทำอะไรจะทำสุดตัวให้เสร็จให้ได้ถึงจะพัก
> ชอบทำอะไรให้เสร็จเร็วๆ หากหมดไฟขยันก็จะไม่แตะต้องอะไรเลยค่ะ
>
> 4. คุณเป็นคนที่ตื่นเต้นง่ายคุณชอบเฮฮาปาร์ตี้ดื่มกิน ร้องรำทำเพลง
> พูดจาเป็นเสน่ห์ รู้จักวาทะศิลป์ เอาชนะใจคนได้ดี มีความนุ่มนวล
> มีมนุษยสัมพันธ์ เป็นคนรู้จักกาลเทศะ และรู้จักวางตัวดีมาก
> ไม่หุนหันพลันแล่น จะคิดให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจเสมอ
> เป็นคนช่างจำ ช่างเก็บข้อมูล คารมดีบางครั้งก็ฉวยโอกาสคนอื่นได้
> เพราะเป็นคนไม่ค่อยมักน้อย แต่ไม่มีความก้าวร้าว ไม่หยาบกระด้างค่ะ
>
> 5. คุณเป็นคนหน้าตาดี คุณมีบุคลิกสวยสง่าน่าชื่นชม
> สนใจใฝ่รู้เรื่องลี้ลับและวิชาการทุกแขนง มักจะเป็นคนที่มีจิตใจดี
> ไม่เกเร ไม่ทำผิดคิดร้ายกับใครๆ รักความถูกต้อง ความดีงาม ใจอ่อนขี้สงสาร
> มีน้ำใจกับคนอื่น ๆ แต่ไม่ได้ชอบไปวุ่นวายกับใคร มีความละเอียดอ่อน
> ไม่ชอบเรื่องเหลวไหลไร้สาระ มักจะทุ่มเทใจให้เรื่องมีประโยชน์ตลอดเวลาค่ะ
>
> 6. คุณเป็นคนที่มีจิตใจดี บริสุทธิ์ คุณไม่คิดร้ายกับใคร
> ชอบสิ่งที่งดงามน่าดู
> แต่ตัวเองไม่ได้ชอบแต่งตัวหรือเที่ยวเฮฮาปาร์ตี้มากนัก ค่อนข้างชอบสันโดษ
> เกลียดความอึกทึกวุ่นวาย มีใจคิดฝันเรื่องความรัก
> มีความเด่นด้านการพูดจาเข้าสังคม พูดเพราะและมีจิตวิทยาสูง ใจกว้าง
> ไม่ขี้เหนียว เก่งในเชิงศิลปะ ชอบสนุกกับดนตรี มุ่งมั่นฝันไกล
> เก็บเงินได้ถ้าตั้งใจเก็บออมมีนิสัยชอบทำบุญทำกุศล
> แต่บางครั้งก็เป็นคนที่คนอื่นเดาใจยากเหมือนกันค่ะ
>
> 7. คุณมีจิตใจช่างอาฆาตแค้น คุณเป็นคนเด็ดขาดมาก ไม่ชอบอ้อมค้อม
> ไม่ลืมอะไรง่าย ๆ บางครั้งก็มีเล่ห์เหลี่ยมมีสติปัญญาดี
> มุมานะไม่ย่อท้อ ไม่ค่อยเชื่อหรือไว้ใจใครจริงจังนัก
> เป็นคนที่ไม่หาประโยชน์จากคนอื่นแต่ก็ไม่ยอมเสียเปรียบใคร
> ดื้อแบบไม่ยอมรับผิดชอบโต้แย้งถกเถียง ติดจะมีนิสัยนักเลง
> กล้าชนกล้าเสี่ยง ขี้หึงโมโห ไม่ค่อยช่างพูดช่างคุย
> ถือในเกียรติศักดิ์ศรีเป็นใหญ่ มักเกเร จองหอง ไม่ลงให้ใครมีแฟนหลายคน
> แม้หน้าตาไม่เด่นนัก เป็นคนดุ แต่ไม่หาเรื่องใครค่ะ




 

Create Date : 05 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 5 กรกฎาคม 2554 17:04:36 น.
Counter : 423 Pageviews.  

นิยามคำว่าเพื่อน

* คน ที่เป็น เพื่อน **

ไม่จำเป็นต้องจบการศึกษา

ระดับเดียวกัน

ไม่จำเป็นต้องมีฐานะ

เท่าเทียมกัน

ไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งหน้าที่

การงานเท่าเทียมกัน

เพื่อนดีๆคือเพื่อนอย่างไร???

คอยเตือน ยามเพื่อนพลั้ง

คอยฟัง ยามเพื่อนขอ

คอยรอ ยามเพื่อนสาย

คอยพาย ยามเพื่อนพัก

คอยทัก ยามเพื่อนทุกข์

คอยปลุก ยามเพื่อนท้อ

คอยง้อ ยามเพื่อนงอน

คอยสอน ยามเพื่อนผิด

คอยสะกิด ยามเพื่อนเผลอ

คอยเจอ ยามเพื่อนหา

คอยลา ยามเพื่อนกลับ

คอยปรับ ยามเพื่อนเปลี่ยน

คอยเรียน ยามเพื่อนเที่ยว

คอยเคี่ยว ยามเพื่อนเล่น

คอยเย็น ยามเพื่อนร้อน

คอยหอน ยามเพื่อนเห่า

คอยเฝ้า ยามเพื่อนฟุบ

คอยอุบ ยามเพื่อนปิด

คอยคิด ยามเพื่อนถาม

คอยปราม ยามเพื่อนหลง

คอยปลง ยามเพื่อนแกล้ง

คอยแบ่ง ยามเพื่อนหมด

คอยอด ยามเพื่อนทาน

คอยคาน ยามเพื่อนล้ม

คอยชม ยามเพื่อนชนะ

คอยสละ ยามเพื่อนชอบ

ส่งให้คนที่คุณคิดว่า

เค้าเป็น... 'เพื่อน'

และอย่าลืมส่งกลับ

ให้กับ 'เพื่อน'

คนที่ส่งมาให้คุณ

เพื่อนที่รักเรา

หาไม่ง่ายเลย

ถ้าเพื่อนๆ คนไหนมีแล้ว

จงรักษา"เพื่อน"ไว้ให้ดีดี

รักกันไว้ให้มากๆ

ไม่มีอีกแล้ว

ถ้า

เราเสียเพื่อนที่ดีไป

เพียงเพราะ

แค่เหตุผล โง่โง่




 

Create Date : 02 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 2 กรกฎาคม 2554 19:02:01 น.
Counter : 450 Pageviews.  

ขยันขมิบชีวิตรักดีขึ้น

ขยัน“ขมิบ” แล้วชีวิตรักจะ“กระชับ”ขึ้น


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 กุมภาพันธ์ 2553 13:00 น.

อีกหนึ่งปัญหาส่วนตั๊วส่วนตัวที่หญิงเราอดกังวลไม่ได้ คือ ช่องคลอดหลวม

ไม่ว่าจะเพราะผ่านการคลอดลูกมาแล้ว, ใช้ผ้าอนามัยแบบสอดบ่อยๆ, หรือการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองบ่อยๆ กระทั่งการร่วมเพศบ่อยๆ ฯลฯ

“การสอดใส่สิ่งใดๆ ในช่องคลอด ทำให้เยื่อพรหมจารีย์ฉีกขาดเท่านั้น ไม่ถึงกับทำให้ช่องคลอดหลวม”

คำตอบของสูตินรีแพทย์เจ้าประจำทำให้เราสบายใจขึ้น และเผยสาเหตุเดียวที่ทำให้ช่องคลอดหลวม

“มีอย่างเดียวคือ การคลอดบุตรทางช่องคลอดตามธรรมชาติ เพราะช่องคลอดอาจจะสูญเสียความสามารถในการบีบรัดตัว”

หลายคนจึงพึ่งหมอสูติฯทำรีแพร์ (Repair) ยอมเสียตังค์เป็นพันเป็นหมื่นไปทำสาว ทว่าการทำรีแพร์นั้น เป็นการเย็บผนังช่องคลอดให้ตึงเท่านั้นนะจ๊ะ ขณะที่กล้ามเนื้อภายในช่องคลอดโดยรอบยังหลวมอยู่ หมายความว่าช่องคลอดก็จะไม่ได้มีแรงพอที่จะบีบรัด...

อะฮ้า! ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนค่ะ

“ขมิบ”ด้วยตัวเองเท่านั้น เป็นวิธีที่ได้ผลที่สุด

ตามประวัติ คุณหมอสูติฯ Kegel เป็นผู้คิดค้นเทคนิคขมิบเมื่อ 50 ปีก่อน เพื่อรักษาผู้ป่วยหญิงที่มีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ แต่ผลออกมาได้สองเด้ง นอกจากช่วยรักษาอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ให้ดีขึ้นแล้ว ยังทำให้คนไข้มีชีวิตเพศสัมพันธ์ที่ดีขึ้นด้วย คนไข้กลับมาเล่าว่าสามีได้รู้สึกรับสัมผัสได้ยอดมาก ส่วนตัวเองก็รู้สึกถึงจุดสุดยอดได้เยี่ยมกว่าเดิม

เทคนิคนี้จึงได้รับการขนานนามว่า Kegel exercise

“ขมิบโดยความหมาย หมายถึง การทำให้ช่องทวารหนัก ทวารเบาเม้มไว้ การเม้มหรือขมิบโดยปกติก็มีหรือเกิดขึ้นได้โดยธรรมชาติอยู่แล้ว แต่ที่ต้องฝึกก็เพื่อให้สามารถควบคุมได้ตามที่เราต้องการ เช่น ความแรง ความนาน จำนวนครั้ง”

จากบทความของ นพ. รุ่ง โรจน์ ตรีนิติ อธิบายความหมายไว้ ท่านบอกชื่อกล้ามเนื้อของเราที่ใช้ในการขมิบด้วยค่ะ

“การขมิบต้องอาศัยกล้ามเนื้อในอุ้งเชิงกรานที่เรียกว่า ชุดกล้ามเนื้อซึ่งประกอบด้วยกล้ามเนื้อย่อยๆ อีกหลายชิ้น เช่น กล้ามเนื้อ pu bo coccigeous, กล้ามเนื้อ pu bo rectalis แต่กล้ามเนื้อหลักที่ใช้งานคือ กล้ามเนื้อ pu bo coccigeous หรือเรียกย่อๆ ว่า PC บางคนจึงเรียกการออกกำลังกล้ามเนื้อในอุ้งเชิงกรานว่า PC exercise หรือ pelvic floor exercise”

เอาล่ะ ต่อไปนี้เรามาศึกษาวิธีการออกกำลังกล้ามเนื้อในอุ้งเชิงกราน หรือเรียกง่ายๆ ว่า มาฝึกขมิบกันค่ะ

How to ขมิบ

1. ขมิบหรือเกร็งกล้ามเนื้อไว้ นับหนึ่งถึงสามแล้วปล่อย หายใจเข้าออกตามปกติ

2. เกร็งกล้ามเนื้อขณะสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามเกร็งมากขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะการหายใจเข้า โดยจะต้องระวังอย่าเผลอเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้องตามไปด้วย

3. ขมิบแล้วปล่อย ขมิบแล้วปล่อยสลับกันไป ทำให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้พร้อมกับหายใจเข้าตามปกติ

4. ออกแรงเบ่งให้เหมือนว่ากำลังพยายามดันอะไรบางอย่างออกจากช่องคลอดหรือกำลังรีบฉี่ให้หมดเร็วๆ ตามปกติคนมักกลั้นหายใจเวลาทำแบบนี้ แต่ตามหลักการ Kegel exercise ต้องพยายามหายใจตามปกติให้ได้

ขมิบให้ได้ผลดี คุณต้องมีวินัย...

- ความแรงของการขมิบ ให้กล้ามเนื้อบริเวณก้น ท่อปัสสาวะ และช่องคลอด การหดรัดตัวอยู่ในระดับปานกลาง โดยสามารถ ‘สั่ง’ ให้ขมิบหรือหยุดขมิบได้

- การปฏิบัติมิใช่แค่ขมิบแล้วคลายทันที แต่ต้องทำเหมือนคนเล่นกล้าม คือ ขมิบและเกร็งไว้ราว 10 วินาที (นับ 1-10) แล้วค่อยคลาย อย่างนี้เรียกว่า 1 ครั้ง

- จำนวนครั้ง ควรทำให้ได้ 6-10 ครั้งต่อชุด และฝึกอย่างน้อยวันละ 6-10 ชุด แต่จะขมิบวันละกี่ชุดก็ได้ ไม่ต่ำกว่า 100 ครั้งต่อวันยิ่งดี แต่ไม่ต้องทำรวดเดียวจบ เสนอให้แบ่งเป็นหลังอาหารสามเวลา เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เพิ่มรอบดึกได้

- การฝึกขมิบช่วงแรกๆ ให้เริ่มวันละน้อยๆ ครั้ง เพราะทำใหม่ๆ จะเหนื่อยง่าย เดี๋ยวจะหมดแรงเสียก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มจำนวนครั้งขึ้นเรื่อยๆ …แนะนำว่ายิ่งทำมากเท่าไร ก็ยิ่งได้ผลดีเท่านั้น

- การฝึกขมิบควรทำเป็นคอร์สๆ ละ 1-3 เดือน ซึ่งการขมิบจะได้ผลและมีประสิทธิภาพจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 สัปดาห์ค่ะ

ขณะขมิบ ไม่ควร...

- ไม่ควรเกร็งกล้ามเนื้อหน้าอกและกลั้นหายใจขณะฝึก ซึ่งจะก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะได้

- ไม่ควรเกร็งกล้ามเนื้อท้องและกล้ามเนื้อหลังขณะฝึก ซึ่งจะก่อให้เกิดอาการปวดท้อง และปวดหลัง

- ไม่ควรขมิบขณะที่ปวดปัสสาวะมากๆ เพราะการกลั้นปัสสาวะบ่อยๆ ตอนที่กระเพาะปัสสาวะเต็มจะทำให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบได้

ขมิบไปเถอะค่ะไม่ว่าจะเป็นสาววัยใด แม้แต่สาวรุ่นอายุน้อย เพราะจะเป็นประโยชน์ทีเดียวสำหรับสตรีที่ยังไม่เคยมีบุตร และสตรีที่ผ่านการมีบุตรแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว นอกจากจะช่วยให้ชีวิตรักการมีเพศสัมพันธ์ของคุณแฮปปี้ขึ้น ยังช่วยป้องกันเรื่องการหย่อนตัวของมดลูก ทวารหนัก และกระเพาะปัสสาวะในระยะยาว ดีต่อสุขภาพภายในของหญิงเราอีกด้วยนะ




 

Create Date : 02 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 2 กรกฎาคม 2554 19:00:26 น.
Counter : 906 Pageviews.  

แกว่งแขนรักษาโรค

ประสบการณ์เรื่องการแก่วงแขน
ผมเป็นคนนอนไม่ค่อยหลับและความดันโลหิตสูง ผมเกือบตายเพราะเชื่อหมอสมัยใหม่จนต้องเข้าห้องไอซียูเป็นเวลา7 วัน หลังจากนั้นผมเสื่อมศรัทธาหมอสมัยใหม่ผมจำเป็นต้องมีทางออก
มิย. 2547 ภรรยาผมที่เป็นทัตแพทย์มาบอกผมว่ามีคนไข้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงและครอเรสตรอรอลสูง ได้หายจากโรคดังกล่าวภายใน3 เดือน โดยการแก่วงแขน2,000 ครั้งต่อวันทุกวัน ผมไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่เพราะไม่รู้ว่าแก่วงแขนอย่างไร
กค. 2547 ผมได้ไปงานวันเกิดของลุงของภรรยา ลุงอายุ83 ปีแต่สุขภาพและท่าทาง ไม่ต่างจากคนอายุ40 ปี เคลื่อนไหวว่องไวพูดจาเสียงดังฟังชัดมิหน่ำซ้ำยังขับรถไปไหมมาไหนเอง ผมก็เลยถามลุงว่าลุงมีเคล็ดลับในการบำรุงสุขภาพอย่างไร? ลุงบอกว่าลุงแก่วงแขนวันละ1,000 ครั้ง ทุกวัน

ผมก็เริ่มสนใจว่าการแก่วงแขนเป็นอย่างไร ก็เลยเดินหาหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้ บังเอิญโชคดี ไปเจอในร้านหนังสือเล็กราคา20 บาทแล้วผมก็ฝึกการแก่วงแขนตามหนังสือช่วง15 นาทีก่อนนอนจำนวน1,000 ครั้งทุกวัน ผมนอนหลับได้สนิททุกคืนมิหน่ำซ้ำยังต้องนอนกลางวันหลังอาหารเที่ยงอีก

19 สค. 2547ผมกินอาหารกลางวันปรากฏว่าผมเจ็บขากรรไกรด้านขวาขณะเคี้ยวอาหาร คล้ายๆกระดูกบนล่างหลุดออกจากกันและกันทำให้เวลาเคี้ยวจึงเจ็บปวดมาก ผมรีบไปโรงพยาบาลศิครินทร์ หมอผู้เชี่ยวชาญติดประชุมผมต้องรอครึ่งชั่วโมง ขณะที่รอนั้น ผมโทรบอกภรรยาเกี่ยวกับอาการดังกล่าว ภรรยาผมบอกให้กลับบ้านเถอะ เพราะประเทศไทยยังไม่มีหมอผู้เชี่ยวชาญบริเวณขากรรไกรอย่างมาก หมอก็ให้ยาคลายกล้ามเนื้อและยาแก้ปวดผมก็ไม่เชื่อ จนผมได้พบหมอ ก็เป็นจริงอย่างที่ภรรยาผมพูด หมอให้ยาคลายกล้ามเนื้อและยาแก้ปวด ตอนเย็นผมทรมานมากในการกินอาหาร แล้วก่อนนอนผมก็แก่วงแขนตามปรกติขณะที่แก่วง ก็เกิดความคิดว่าน่าจะเอากล้ามเนื้อไหล่ชนบริเวณหลังหู ได้ผลครับ ภายใน3 วัน อาการเจ็บขากกรไกรหายโดยไม่ได้กินยาสักเม็ด
6 ธค. 2547ตื่นมาตอนเช้าเป็นหวัดน้ำมูกไหลพร้อมจามในวันนั้นไปเล่นกอลฟ์กับลูกค้าผมจามจนหมดแรง ขณะเล่นกอลฟ์จนเล่นไม่ไหวจึลขอกลับก่อนในสภาพที่แย่มาก คืนนั้นผมก็แก่วงแขนตามปรกติและก็เกิดความคิดอีกว่าการแก่วงแขนก็เหมือนทำชี่กงคือพลังงานอยู่ที่มือหลังการทำชี่กง แก่วงแขนก็น่าจะเป็นเหมือนกันดังนั้นพอแก่วงแขนเสร็จผมก็ใช้มือทั้งสองถูกันจนเกิดความร้อนแล้วเอามือทั้งสองโป่ะที่จมูกเพื่อรักษาอาการหวัดแล้วถูใหม่ แล้วโป่ะอีกอย่างนั้นอยู่5 ครั้ง
7 ธค.2547ตื่นเช้าขึ้นมา ไม่ปรากฏอาการหวัดเหลืออยู่เลย และลูกค้าที่ผมเล่นกอลฤ์ด้วยเมื่อวานมาเจอผม เขางงมากที่ผมหายภายในข้ามคืน

14 ธค2547ตอนบ่ายรู้สึกเจ็บคอด้านซ้ายคล้ายอาการหวัดอีกครั้งผมก็ทำอีกครั้งแต่เอามือทั้งสองลูบบริเวณคอด้านซ้ายทำอยู่5 ครั้ง

15 ธค. 2547 ตื่นเช้าขึ้นมาไม่ปรากฏอาการเจ็บคอเหลืออยู่เลย

ในช่วง ธค2547 ถึง มค2548 ผมผ่านการเป็นหวัด4 ครั้งแล้วก็หายภายในข้ามคืนทั้งสี่ครั้งซึ่งโดยปรกติ การเป็นหวัดครั้งหนึ่งจะใช้เวลาประมาณ7 ถึง 10 วัน ถึงจะหาย
มีอยู่ช่วงหนึ่ง ผมมีอาการเสียวฟันกรามล่างซ้าย ภรรยาผมก็ตรวจดูว่ามีฟันผุหรือหินปูนเกาะหรือเปล่าปรากฏว่าไม่มีความผิดปรกติใดๆ แต่ก็ยังเสียวฟันซี่นี้อยู่ ตอนช่วงแก่วงแขน ผมก็ใช้วิธีเดิมคือการให้กล้ามเนื้อไหล่กระแทกต้นคอด้านซ้าย อาการเสียวฟันดังกล่าวก็หายไป
อาการอีกอย่างคือเหนื่อยง่าย ซึ่งผมได้กลั้นหายใจในขณะแกว่งแขนประมาณ30 รอบของการแกว่งแขนทุกๆการแก่วงแขน100 ครั้ง จากนั้นก็ปล่อยลมหายใจออกมา ผมรู้สึกความร้อนวิ่งจากต้นคอขึ้นไปทั่วสมอง นี่หรือเปล่าที่ทำให้เส้นเลือดในสมองได้มีโอกาสออกกำลังกายคือให้มีการยืดหยุ่นทำให้รักษาความดันโลหิตสูง ขณะเดียวกันอาการเหนื่อยง่ายของผมก็หายไป
ผมได้แชร์ประสบการณ์นี้ให้คุณพิชัย ซึ่งเขาเป็นโรคปัสสวะไม่สุดและภรรยาเขาเป็นโรคนอนไม่หลับสนิทคือนอนได้2-3 ชั่วโมงแล้วก็ตื่น พอเขาไปแก่วงแขน1,000 ครั้งต่อวันสม่ำเสมอ หนึ่งสัปดาห์ต่อมาผมก็เจอคุณพิชัยอีก ผมก็ถามอาการปัสสวะไม่สุดของเขาอีก ปรากฏว่าเขาลืมปัญหานี้ไปแล้วเพราะมันหายไปตั้งแต่สองวันแรกที่เขา
แก่วงแขน ขณะเดียวกันภรรยาเขาก็นอนหลับได้สนิททุกคืน ปัจจุบันทั้งคู่ก็ยังคงแกว่งแขนวันละ1,000 ครั้งและคุณพิชัยด้ไปเหมาหนังสือนี้ทั้งหมดที่สำนักพิมพ์มีอยู่เพื่อนำไปแจกเพื่อนๆ
อีกคนหนึ่งคือคุณธานีซึ่งผมได้บอกเรื่องการแกว่งแขนให้เขาฟังแล้วเขาก็เอาไปบอกให้พ่อเขาซึ่งมีอาการปวดเข่าหลังจากนั้นประมาณ3 วัน พ่อเขาก็หายจากอาการดังกล่าวเพราะการแก่วงแขน ซึ่งผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้บางครั้งคนเราอาจจะอุปโลกขึ้นมาเพื่อหลอกตัวเองก็ได้
นี่เป็นประสบการณ์จริงที่ไม่มีการเสริมแต่งใดๆ เพราะผมไม่ได้ผลประโยชน์ใดๆจากการเผยแพร่ประสบการณ์นี้นอกจากการได้ช่วยให้ญาติมิตรหายจากการเป็นโรคต่างๆโดยไม่ต้องกินยาของพวกฝรั่งที่มีผลข้างเคียงระยะยาว
วิธีการแก่วงแขน
ยืนแยกเท้าเท่าความกว้างของไหล่ ย่อเข่าเล็กน้อย แขนทั้งสองแนบลำตัวปลายลิ้นแตะเพดานบน จากนั้นยกแขนทั้งสองไปข้างหน้าแล้วผลักแขนทั้งสองไปข้างหลัง แล้วให้แขนกลับมาเองโดยธรรมชาติเหมือนกับลูกตุ้มนาฬิกา ไม่ช้า ไม่เร็วเกินไปบริเวณลำคอและไหล่ควรจะผ่อนคลาย หลับตาเพ่งสมาธิไปกับการนับจำนวนครั้งในการแก่วงแขน ทุกๆ100 ครั้งของการแก่วงควรจะมีการกลั้นลมหายใจจำนวน30 ครั้งของการแกว่ง ควรจะแกว่งแขนต่อเนื่องกันวันละ500 ครั้งสำหรับผู้ที่ต้องการให้ร่างกายแข็งแรง และ 1,000 ครั้ง ต่อวันสำหรับผู้มีโรคประจำตัว เวลาในการแก่วงที่ดีที่สุดคือก่อนอาบน้ำตอนเย็น หลังการแก่วงทุกครั้ง ฝ่ามือทั้งสองจะมีพลังงานสะสมอยู่ ให้เอาฝ่ามือทั้งสองถูกันให้เกิดความร้อนแล้วไปลูบบริเวณที่เราต้องการรักษาเช่น หัวใจ ท้อง หรือจมูกคอเมื่อเป็นหวัด




 

Create Date : 02 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 2 กรกฎาคม 2554 18:58:56 น.
Counter : 610 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

pongspol
Location :
แพร่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หนทางที่ก้าวเดิน ยังอีกยาวไกล
ความพลั้งพลาดคือบทเรียน
ความคาดหวังว่าพรุ่งนี้ต้องดีกว่าเดิม
แรงใจเท่านั้นที่ขับเคลื่อนไปต่อได้
ชีวิตเริ่มมีจุดหมายเมื่อเจอเธอ
Friends' blogs
[Add pongspol's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.