Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2559
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
19 สิงหาคม 2559
 
All Blogs
 
ใจเจ๊ก บทที่ 8



นวนิยาย “ใจเจ๊ก”

โดย เดชา เวชชพิพัฒน์

บทที่ 8

ภูมิชัยสงสัยตัวเองว่าทำไมภาพใบหน้าเศร้าๆของพรเพ็ญจึงติดตาติดใจเขาเหลือเกินใบหน้าขาวใสที่ดวงตาแดงก่ำและมีคราบน้ำตาอาบสองแก้มไม่ใช่ภาพที่น่าดูของผู้หญิงคนไหนในโลกนี้ แต่กลับทำให้เขารู้สึกแปลกๆเหมือนเข้าเว็บไซต์แล้วดูข่าวโน้นข่าวนี้ไปเรื่อยๆอยู่ๆก็มีภาพผู้หญิงหน้าเศร้าโผล่ขึ้นมาให้เห็นสะดุดตาสะดุดใจถึงขนาดต้องอ่านรายละเอียดอยากรู้ว่าผู้หญิงหน้าเศร้าเป็นข่าวเรื่องอะไรเขาอ่านจนรู้ก็หยุดดูภาพนั้นอีกครั้งอย่างประทับใจ จากนั้นก็ดูข่าวอื่นๆอีกต่อไป

แต่ผู้หญิงหน้าเศร้าที่เขาเคยเรียกว่าอีหมวยถึงตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าเธอร้องไห้ทำไม

วันนั้นหลังขับรถออกจากวัดได้ไม่นานพจน์ขอให้เขาพาไปเที่ยวชมศูนย์วัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ที่อพยพมาจากประเทศเพื่อนบ้านปัจจุบันกลุ่มชาติพันธุ์กลุ่มนี้มีลูกหลานได้สัญชาติไทยศูนย์วัฒนธรรมนี้จัดแสดงผ้าทอ เครื่องประดับ เครื่องจับนก เครื่องจับปลาเครื่องจับหนู และ “เซี้ยนหมาก” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาของกลุ่มชาติพันธุ์นี้ภูมิชัยไม่เคยมาที่ศูนย์ฯแห่งนี้ด้วยคิดว่าคงจะน่าเบื่อแต่เมื่อได้ชมแล้วกลับรู้สึกตรงกันข้าม

“คนสมัยก่อนฉลาดจังเลยครับ ฉลาดกว่าสมัยนี้อีก” ภูมิชัยกล่าวกับพจน์ขณะเดินดูอุปกรณ์ต่างๆที่เกิดจากภูมิปัญญาของกลุ่มชาติพันธุ์นี้

พจน์ถามยิ้มๆด้วยน้ำเสียงมีนัย “ฉลาดกว่าอย่างไรล่ะ”

“ดูเครื่องจับนก จับปลา และจับหนูสิครับเกิดจากความคิดแทนว่าถ้าเป็นสัตว์พวกนี้แล้วจะหลงกลให้ถูกจับได้อย่างไรแสดงว่าเขาสังเกตธรรมชาติการใช้ชีวิตของพวกมันเป็นอย่างดี แต่คนสมัยนี้ใช้ปีนยิงนกใช้แหจับปลา ใช้ยาเบื่อหนู ไม่ได้ใช้ความคิดอะไรเลย”

พจน์ยิ้มให้ภูมิชัยอย่างเต็มที่ก่อนกล่าว“ขอบใจที่ชมบรรพบุรุษของลุงนะ”

ภูมิชัยอ้าปากหวอ“จริงเหรอครับ”

พจน์กล่าวเป็นภาษาเพื่อนบ้านที่ไม่ต่างจากภาษาไทยเท่าไรนักภูมิชัยถึงกับอ้าปากค้างก่อนกล่าวตรงไปตรงมา “ผมนึกว่าลุงเป็นคนไทยแท้”

สีหน้าผู้อาวุโสเปลี่ยนไปเพียงนิดเดียวเขาเม้มปากก่อนกล่าว “ไทยแท้กับไทยไม่แท้ต่างกันอย่างไรหลานชาย ไหนบอกลุงหน่อยสิ”

ภูมิชัยรู้สึกได้ว่าน้ำเสียงของพจน์เอาเรื่องเขาจึงอึกอัก “เอ่อ ก็ ไทยแท้ก็อย่างผมไงครับ”

“เป็นอย่างไรล่ะ”

“ก็ เอ่อ พ่อผม ปู่ผม หรือแม้แต่พ่อของปู่ผม อยู่ที่นี่มาก่อนก่อนคุณลุงเอ๊ย ก่อนคนพวกนี้ เอ๊ย ก่อนบรรพบุรุษของคุณลุงไงครับ ว้า” ภูมิชัยกล่าวแล้วเกาหัวแกรกๆรู้สึกเกร็งว่าจะพูดอะไรให้ผู้ใหญ่ไม่พอใจ

พจน์พยักหน้าช้าๆ“ใช้เวลากับอาณาเขตเป็นตัวกำหนดใช่ไหม แล้วถ้าไม่มีแม่น้ำโขงล่ะถ้าฝรั่งเศสไม่ยึดดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงไปล่ะคนที่อยู่บนแผ่นดินนี้เป็นคนไทยแท้หรือไม่”

“เป็นสิครับ” ภูมิชัยตอบทันทีหลุดปากออกไปแล้วจึงรู้ว่าเข้าทางพจน์ เขาหัวเราะชอบใจก่อนกล่าวเสียงสนุก “ลุงตะล่อมผมแบบนี้ก็ต้องตอบเข้าทางลุงสิครับ”

พจน์ฟังแล้วเปลี่ยนประกายตาที่จริงจังเป็นมองเขาอย่างเอ็นดู“อ้าว หรือไม่จริง ถ้าหลานบอกว่าความเป็นไทยแท้คืออยู่บนแผ่นดินนี้มาก่อนจะกี่ร้อยกี่พันปีก็ตาม ลุงว่ามันก็มีเรื่องอาณาเขตมาเกี่ยวด้วยแล้วถ้าไม่มีอาณาเขตล่ะ ไม่มีแม่น้ำโขง ไม่มีทิวเขาพนมดงรัก ไม่มีแม่น้ำสาละวินไม่มีเทือกเขาถนนธงชัย ประเทศไทยมีอาณาเขตครอบคลุมคาบสมุทรนี้ทั้งหมดเลยหลานว่าคนบนคาบสมุทรอินโดจีนนี้จะเป็นคนไทยแท้ใช่หรือไม่”

ภูมิชัยรู้สึกว่าพจน์เอาจริงเอาจังเกินเหตุจึงพยายามคลี่คลายบรรยากาศ “ก็ดีน่ะสิครับประเทศไทยจะได้ใหญ่กว่านี้”

พจน์ยิ้มอย่างระอาใจบอกตนเองว่าคุยกับเด็กรุ่นลูกรุ่นหลานก็เป็นแบบนี้ จึงกล่าวสรุป “เอาเป็นว่าหลานอย่าไปยึดติดกับเวลา อาณาเขต เพื่อกำหนดว่าใครเป็นไทยแท้หรือไม่แท้ลุงจะบอกให้ว่าแท้หรือไม่แท้มันอยู่ที่ใจและอยู่ที่การแสดงออก”

กล่าวแล้วพจน์เดินห่างออกไปชม“เซี้ยนหมาก” ที่ทำจากไม้แกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงปล่อยให้ภูมิชัยยืนเกาหัวเสียงดังแกรกๆ อีกครั้ง

จนกระทั่งออกจากศูนย์วัฒนธรรมแล้วป้าลำดวนขอให้แวะปั๊มน้ำมันเพื่อเข้าห้องน้ำขณะนั่งรอผู้ใหญ่อยู่ในรถ เขาเห็นรถของพรเพ็ญขับเข้ามาจอดหน้าร้านขายของชำก็จำได้รออยู่พอสมควรจึงสงสัยว่าทำไมเธอไม่ลงจากรถ เขาจึงลงจากรถแล้วเดินเข้าไปดูใกล้ๆเห็นเธอก้มหน้าซบพวงมาลัยรถแล้วคิดว่าไม่สบายจึงเคาะกระจก

นี่คือสาเหตุที่ทำให้เขาต้องมานั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ในร้านอินเตอร์เน็ตในตอนเย็นวันเดียวกันแต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อด่าว่าคนไทยเชื้อสายจีนในกระทู้ของเว็บไซต์เหมือนเคยแต่กำลังพยายามหาทางติดต่อพรเพ็ญทางโทรศัพท์มือถือ

ภูมิชัยบอกตัวเองได้เพียงว่าที่กำลังทำเช่นนี้เพราะอยากรู้ว่าเธอร้องไห้ทำไมแต่เขาไม่สามารถบอกตัวเองได้ลึกไปกว่านั้น

ภาพใบหน้าขาวใสที่เศร้าสร้อยนั้นได้อยู่ในใจเขาไปตลอดชีวิตตั้งแต่เสี้ยววินาทีที่ได้เห็น

ภูมิชัยพบว่าการหาทางติดต่อพรเพ็ญทางโทรศัพท์มือถือนั้นแม้มีวี่แววว่าจะทำได้แต่กลับเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งนอกจากนี้ยังทำให้เขาทึ่งในตัวของเพื่อนร่วมโรงเรียนสมัยเด็กอีกด้วย ทึ่งในความสามารถและการประสบความสำเร็จของเธอเพราะเพียงพิมพ์ชื่อและแซ่ของพรเพ็ญลงไปในเว็บไซต์หาข้อมูลชื่อดังภูมิชัยก็พบชื่อและแซ่ของพรเพ็ญในเว็บไซต์ต่างๆมากมาย มีทั้งที่เป็นรายชื่อนักข่าวมีทั้งที่ถูกกล่าวถึงในฐานะผู้เขียนบทความ มีทั้งที่ถูกใช้กล่าวอ้าง แต่ทั้งหมดนี้ไม่มีเว็บไซต์ไหนที่แจ้งหมายเลขโทรศัพท์มือถือของพรเพ็ญแม้แต่ที่เดียวเขาจึงกลับไปที่ช่องค้นหาพิมพ์ชื่อสื่อสังคมออนไลน์ที่โด่งดังและยอดนิยมเพิ่มเข้าไปเพียงครู่เดียวเขาก็พบแล้วสามารถเข้าไปดูที่หน้าเพจของเธอ

ในเมื่อคนไทยหลายสิบล้านและตัวเขาล้วนใช้บริการสื่อสังคมออนไลน์นี้พรเพ็ญเองก็เป็นเช่นเดียวกัน

ภูมิชัยพบว่าแทนที่จะใช้รูปประจำตัวเป็นรูปถ่ายใบหน้างดงามเหมือนผู้หญิงส่วนใหญ่ พรเพ็ญกลับใช้รูปพระธาตุประจำจังหวัดเป็นรูปประจำตัวเขาเห็นแล้วยิ้มบางๆอย่างพอใจ ตัวเขาและคนทั้งจังหวัดเคารพนับถือพระธาตุองค์นี้เป็นอย่างยิ่งพรเพ็ญทำเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าเธอยังไม่ลืมจังหวัดบ้านเกิดแม้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานเป็นนักข่าวสาวที่มีเพื่อนเต็มห้าพันคนและมีผู้ติดตามจำนวนมากซึ่งตัวเลขเหล่านี้ทำให้ภูมิชัยถึงกับพยักหน้าหงึกๆราวกับนั่งคุยอยู่กับใครสักคนภูมิชัยทึ่งเพื่อนสมัยเรียนที่เขาเคยเรียกว่า “อีหมวย” อย่างไม่เคยทึ่งใครมาก่อนยิ่งอ่านข้อความที่พรเพ็ญแสดงไว้ก็ยิ่งทึ่งมากขึ้นเพราะแสดงให้เห็นว่าพรเพ็ญเป็นนักข่าวที่ “คลุกวงใน” อย่างลึกซึ้งถึงแก่น

“ข่าวล่าสุดค่ะ ม็อบสถานีรถไฟจะขยับขยายไปที่อื่นเร็วๆนี้เพราะสถานที่คับแคบเกินไป ส่วนจะย้ายไปที่ไหน บอกไม่ได้จริงๆค่ะบอกได้เพียงว่าที่ใหม่นี้รองรับคนได้เรือนแสน”

“โพสต์” นี้มีคน “ไลค์” หลายพันคน มีผู้แสดงความคิดเห็นหลายร้อยมีทั้งที่อ้อนวอนให้พรเพ็ญเปิดเผยว่าม็อบจะย้ายไปที่ไหนมีทั้งที่แสดงความคิดเห็นทางการเมืองทั้งสนับสนุนม็อบและต่อต้านซึ่งหลายรายใช้ถ้อยคำหยาบคาย แต่พรเพ็ญก็ไม่ตอบโต้ภูมิชัยใช้สื่อสังคมออนไลน์นี้จนคุ้นเคยพอบอกตนเองได้ว่ารูปแบบของพรเพ็ญคือเน้นการสื่อสารฝ่ายเดียวแจ้งข้อมูลข่าวสารแล้วไม่ตอบคำถามหรือตอบโต้ใดๆอีกเลยซึ่งเป็นรูปแบบที่คนเด่นคนดังและน่าเชื่อถือเท่านั้นที่จะใช้ได้เพราะไม่เช่นนั้นจะถูกมองว่าหยิ่งยโส จำนวนเพื่อนและจำนวนคนกดไลค์ก็จะลดลงไปเรื่อย

ภูมิชัยบอกตัวเองว่า“อีหมวย” ได้เปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเด็กหญิงที่เขาเคยเหยียดหยามเพราะมีเชื้อสายจีนได้เติบโตเป็นนักข่าวชื่อดังมีคนเชื่อถือหลายหมื่น มีวิธีการสื่อสารชัดเจน และมีรูปแบบที่คนทั่วไปทำไม่ได้

ภูมิชัยดูกระทู้เก่าอีกไม่กี่กระทู้ก็กดปุ่มเพื่อดูข้อมูลส่วนตัวของพรเพ็ญซึ่งปราศจากหมายเลขโทรศัพท์มือถือ มีเพียง “อีเมลแอดเดรส” และหมายเลขโทรศัพท์ที่ทำงาน เขาจึงทำได้เพียงกดปุ่มเป็น “ผู้ติดตาม” เพจของเธอทำให้สามารถอ่านกระทู้ต่างๆที่เจ้าของเพจแสดงไว้

ภูมิชัยอ่านกระทู้ต่างๆบนเพจของพรเพ็ญต่ออีกเกือบครึ่งชั่วโมงจึงออกจากร้านอินเทอร์เน็ตขณะกำลังเดินผ่านร้านลำดวนเขาก็ถูกเรียกจากหลายเสียงมองเข้าไปก็เห็นทุกคนที่ไปทำบุญร่วมกันนั่งอยู่ เกือบทุกคนกวักมือเรียกเขาภูมิชัยเดินเข้าไปอย่างงงๆ

“ลุงพจน์จะเลี้ยงจิ้มจุ่มค่ะ ไปด้วยกันนะพี่” กระแตลูกสาวลำดวนกล่าวเสียงใส

ภูมิชัยลังเลด้วยเห็นว่ามีแต่สมาชิกในครอบครัวของลำดวน“จะดีหรือครับ”

“ดีสิ” พจน์ตอบทันที “ลุงเป็นเจ้ามือนี่จะชวนใครไปก็ได้”

เมื่อผู้ใหญ่ออกปากชวนภูมิชัยจึงไหว้แล้วกล่าวขอบคุณไม่นานนักทั้งคณะก็ย้ายไปนั่งที่ร้านอาหารใกล้วัดอันเป็นที่ตั้งของพระธาตุประจำจังหวัด

ขณะที่ทุกคนสั่งอาหารและเครื่องดื่มภูมิชัยมองพระธาตุที่ถูกแสงไฟสปอตไลท์ส่องให้โดดเด่นสง่างามในยามค่ำคืนโดยเฉพาะยอดฉัตรเหนือองค์พระธาตุที่ทำด้วยทองคำเป็นประกายโดดเด่นราวกับยานอวกาศลำน้อยที่ลอยตัวอยู่รอเวลาติดเครื่องแล้วพุ่งสู่ท้องฟ้ายามราตรี ไม่นานก็หายลับตาไปในความมืด

เขานึกไปถึงภาพประจำตัวของพรเพ็ญเป็นภาพถ่ายพระธาตุตอนกลางวัน เห็นองค์พระธาตุฐานรูปสี่เหลี่ยมสีขาวบริสุทธิ์ส่วนบนเป็นทรงบัวเหลี่ยมสีทองยอดฉัตรทองคำเจ็ดชั้นดูบอบบางแต่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวจังหวัด

“คิดถึงใครอยู่คะพี่ภูมิ” เสียงลูกสาวลำดวนทำให้เขาหันหน้ามองทุกคนในโต๊ะ

“ยังหนุ่มยังแน่นแบบนี้จะคิดถึงใครอีกล่ะ ถามได้ลูกคนนี้” ลำดวนกล่าวทีเล่นทีจริง

ภูมิชัยยิ้มแห้งๆก่อนสบตาพจน์แล้วกล่าวเปลี่ยนเรื่อง“ผมทราบมาว่าม็อบสถานีรถไฟจะย้ายที่เร็วๆนี้ครับ”

“ย้ายหรือยุบ” นวลกล่าวด้วยน้ำเสียงคาดหวังให้เป็นประการหลัง

พจน์ขมวดคิ้วมองภรรยาราวกับมองเด็กที่พูดเรื่องไร้สาระก่อนกล่าว “ยุบได้ไงล่ะ ชาติจะล่มจมอยู่แล้ว”

นวลไม่ยอมง่ายๆ เธอเสียงดังขึ้นเล็กน้อย “ล่มจมอย่างไรไม่ทราบจ๊ะที่รักเห็นเปลี่ยนรัฐบาลมากี่ชุดก็ไม่เห็นจะล่มจมอะไร ก็ยังทำมาหากินได้ไม่ติดขัด”

พจน์ส่ายหน้า “เธอมองอะไรผิวเผินอย่าพูดดีกว่า ฉันอายหลานๆ”

ทั้งภูมิชัยและกระแตรีบหันหน้าออกไปมองพระธาตุแทนการบอกว่าผมและหนูไม่เกี่ยวด้วย

“แต่ฉันว่ามันติดๆขัดๆนะเธอ” ลำดวนกล่าวกับน้องสาว “ยิ่งมาก็ยิ่งขายไม่ดี ข้าวของก็แพงขึ้นทุกวัน”

นวลยิ้มแห้งๆก่อนกล่าวกับพี่สาว “เออจริง ของแพงมากๆเลย แพงแบบไม่เคยเป็นมาก่อนเงินร้อยบาทจ่ายตลาดไม่พอแล้ว ต้องสองร้อยเป็นอย่างต่ำ”

ประโยคนี้ทำให้ “หลานๆ” ทั้งสองคนหันหน้ากลับเข้ามาในวงสนทนา พจน์จึงถามภูมิชัย

“หลานคิดว่าม็อบจะย้ายไปที่ไหนล่ะ”

ภูมิชัยตอบทันที“สนามหลวงครับ”

พจน์ส่ายหน้าทันทีเช่นกัน“ไม่น่าเป็นไปไม่ได้นะสนามหลวงปรับปรุงแล้วแถมประกาศว่าจะไม่ให้ม็อบใดๆมาใช้อีกอย่างเด็ดขาดลุงเห็นรูปแล้วล่ะ มีรั้วเหล็กกั้นรอบ”

ภูมิชัยทำท่าคิดก่อนตอบ“ถ้าเช่นนั้นคงเป็นบริเวณหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม”

กล่าวแล้วเขาขมวดคิ้วก่อนรีบแก้คำพูดตัวเอง“ก็คงไม่ใช่อีกครับ เพราะผมทราบมาว่าสถานที่ใหม่นี้รองรับคนได้เป็นแสน”

พจน์ฟังแล้วมองภูมิชัยด้วยแววตาเป็นประกาย“เป็นแสนเชียวหรือ อืม เพื่อนหลานที่เป็นนักข่าวบอกใช่ไหม”

ภูมิชัยยิ้มแล้วกล่าวหน้าตาเฉย“ใช่ครับ”

“เขาบอกเหรอว่าจะมีคนถึงแสน”

“ใช่ครับ”

“เชื่อถือได้มากแค่ไหน”

“เต็มร้อยเลยครับ” ภูมิชัยตอบด้วยน้ำเสียงและท่าทางมั่นใจ

“ถ้าเช่นนั้นก็สนุกละสิงานนี้”

นวลเห็นท่าทางสามีแล้วกล่าวดักคอ“จะไปร่วมม็อบกับเขาอีกละสิ”

พจน์ทำท่าราวกับเด็กวัยรุ่นเขายักไหล่ก่อนกล่าว “ก็ไม่แน่”

“แก่แล้วนะเรา” นวลกล่าวยิ้มๆเพื่อสื่อให้สามีรู้ว่าเป็นการพูดเล่น

“โอ๊ย แก่กว่าฉันก็มี เยอะด้วย ทั้งผู้ชายผู้หญิง” ตอบภรรยาแล้วพจน์สบตาภูมิชัยเขม็งก่อนถาม

“หลานชายไปกับลุงไหม”

ภูมิชัยปฏิเสธทันที“ผมต้องช่วยแม่ขายข้าวแกงครับ”

นวลเห็นเป็นโอกาสอันดีจึงรีบกล่าว“ไปหน่อยนะ ไปเป็นเพื่อนลุงเขา อย่างน้อยก็มีคนป้อนข้าวป้อนน้ำ”

พจน์ค้อนภรรยาวงใหญ่“ฉันยังไม่แก่ถึงขนาดนั้นนะแม่คุณ”

ทุกคนพร้อมใจกันหัวเราะบรรยากาศจึงผ่อนคลายขึ้น

“ไปสิคะพี่ภูมิ หนูยังอยากไปเลย แต่แม่ไม่ยอม หาว่าเป็นผู้หญิงไม่รู้เกี่ยวอะไร” ลูกสาวลำดวนกล่าวเสียงสนุก

ลำดวนคีบต้นแขนลูกสาวทันที“ลองไปสิ แม่จะหยิกให้เนื้อหลุดเลยทีเดียวเชียว”

พจน์กล่าวกับภูมิชัยด้วยน้ำเสียงเป็นงานเป็นการ“ไปเถิดยังหนุ่มยังแน่นแบบนี้ไปดูให้รู้ว่าชาติต้องการความช่วยเหลือมากเพียงใด”

“ผมต้องช่วยแม่ขายข้าวแกงครับ ต้องขอโทษลุงพจน์ด้วย”

ภูมิชัยไหว้พร้อมก้มหน้ากล่าวเพราะไม่กล้าสบตาพจน์เขาละอายแก่ใจที่นำการช่วยงานพ่อแม่เป็นข้ออ้างจริงๆแล้วภูมิชัยเห็นว่าการชุมนุมทางการเมืองเป็นเรื่องไร้สาระทำไปก็ไม่เกิดประโยชน์ใดๆแก่ตนเองและประเทศ ท้ายที่สุดก็เห็นมีแต่นักการเมืองเป็นผู้ได้ประโยชน์ได้ตำแหน่งสูง ได้เงินเดือนสูง และได้ผลประโยชน์ใต้โต๊ะมหาศาลเรื่องอะไรที่เขาจะยอมเป็นเครื่องมือใคร ไม่ว่าฝ่ายไหนก็ตาม สู้อยู่เฉยๆดีกว่าไม่ได้ไม่เสียอะไร




Create Date : 19 สิงหาคม 2559
Last Update : 19 สิงหาคม 2559 16:58:26 น. 1 comments
Counter : 620 Pageviews.

 
ดีจ้า มาทักทายนะจ้ะ sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ


โดย: สมาชิกหมายเลข 4061181 วันที่: 25 สิงหาคม 2560 เวลา:13:15:14 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

dejaboo44
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add dejaboo44's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.