Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2557
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
7 ตุลาคม 2557
 
All Blogs
 
"คือรัก" (บทที่ 9)




บทที่ 9






สิ่งที่ผมไม่เข้าใจจนเดี๋ยวนี้เกี่ยวกับป๋อง


“ผมเห็นอยู่นะ..”
ป๋องพลิกตำราตัดกางเกง “นี่ไง มีรูปแสดงการวัดตัวด้วย ตี๋ลองทำตามสิ”

“อือ..” ผมเริ่มวัดตัวป๋อง

“ชิดๆ หน่อยสิ เอวนะไม่ใช่พุง..” ป๋องถกชายเสื้อขึ้น ซิกแพครำไร “วัดตามขอบกางเกงตัวนี้ก็ได้ ใส่กำลังดี”

“เอวใหญ่เหมือนกัน..ต่อไปเป็น..” ผมก้มหน้าดูรูปภาพ..ลังเล “เป้า!”

“ไหนๆ ช่วยดู..” ป๋องก้มตาม “ลอดสายวัดรอบใต้เป้า” จับมือผมสอดสายวัดจากขอบกางเกงด้านหน้าไปถึงขอบด้านหลัง..อย่างนี้..อย่างนี้..” ยิ้ม ยักคิ้วให้

ผมจดขนาดรอบเอว ขอบกางเกง และรอบเป้า

“ความยาวเป้าไม่วัดหรือ?..” ป๋องดึงมือผมไปที่เป้ากางเกง จงใจเลื่อนมือผมจากขอบกางเกงลงล่าง สักพักทาบหัวสายวัดที่ขอบกางเกง ลูบลงไปถึงยอดเป้าที่กำลังแสดงขนาด “ยาวเท่าไหร่..ใ ห ญ”

“เฮ้ย!..” ผมรู้สึกแปลกๆ ทั้งการจัดการ ขนาดเป้าที่กำลังเพิ่มขึ้นตามมือ และความเหนียวหนืดของน้ำลายในคอ “จะทะลึ่งไปไหน..” มองเพื่อนหนุ่มที่ยืนข้างๆ เหมือนฟ้อง..ให้ช่วยปรามป่อง..แต่ให้ตายสิโรบิ้น!..นายคนนั้นกำลังตั้งใจมองการวัดของผม แถมมือไม่อยู่นิ่งลูบไปมาที่กางเกงของตัวเอง

“ความยาวกางเกงล่ะ?..” ป๋องกดไหล่ผมให้คุกเข่าตรงหน้า “จากขอบกางเกงถึงพื้น..นี่ไง..นี่ไง..” ชะโงกคร่อมไปชี้ภาพในตำรา..หน้าท้องเปลือยเปล่า เป้ากางเกง เต็มหน้าผม

“หนึ่ง..สอง..สาม..” ผมนับในใจแต่ป๋องทำไม่รู้ไม่ชี้กับตำแหน่งสัมผัสที่ผมกำลังจะหมดความอดทน

“โครม!..” ป๋องล้มลงตามแรงผลักของผม

“ป๋อง!..” เพื่อนทรุดลงตาม “ไหนว่าชิวๆ ไง”




งานตัดเสื้อของผมดีขึ้นเรื่อยๆ..ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการตลาดของแม่และความพิถีพิถันของผม..บ่อยครั้งที่เรามีความเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งมองย้อนกลับไปตอนนั้นผมเป็นฝ่ายผิดมากกว่า..ก็เจ้าความละเอียดเกินไปของผมละ..งานราคาถูก งานระดับชาวบ้านแต่ผมก็ใส่ฝีมือ ความคิดลงไปเกินราคา..บางทีรีดอยู่นั่นแล้ว จนแทบจะเป็นกระดาษ

แต่ผลของความใส่ใจของผมต่อผลงานทำให้เวลาต่อมาชื่อเสียงและลูกค้ามากขึ้นตามลำดับ



“ตี๋ไปดูอะไรกัน!..” วันศุกร์หนึ่งแม่กลับบ้านเร็วกว่าปกติ “อยู่ข้างตลาด”

ข้างตลาดเป็นที่ว่างโรยกรวด ทางสัญจรของคนในชุมชน เป็นทางตันหรือต้นทางของถนนซิเมนต์กว้างพอสวนกันอย่างอบอุ่นของรถสองคัน ถนนที่นำออกถนนใหญ่วิ่งไปต่างจังหวัด

“ไม่เห็นมีอะไรเลยแม่” ผมเหลียวมองซ้ายขวา มีแต่รถของคนในละแวกนั้นจอดอยู่..แต่ละบ้านไม่มีเนื้อที่พอจะจอดรถได้ ซ้ำบางบ้านอยู่ในซอยย่อยที่แทบจะเดินชนกัน

“คุณ!..” เสียงมาจากรถคันหนึ่ง “อยู่นี่” แม่เดินตรงไปที่รถคันนั้น

“หัวหน้าของแม่เอง” แม่บอกพร้อมเปิดประตูรถ ใส่เป้ที่เพิ่งถือมาจากบ้าน

“ฮึ!..” ผมหันหลังกลับ..ที่แท้แม่จะแนะนำให้รู้จักท่านผู้ใหญ่ของแม่..ไม่ใช่เรื่องของผมสักหน่อย

“เดี๋ยวสิตี๋!..” แม่คว้าผมได้ทัน “รถคันนี้เป็นรถของเรานะ ของแม่ ของตี๋”

“อะไรนะแม่?” แวบหนึ่งดีใจ แต่แล้วคิดได้..บ้านเราไม่มีใครขับรถเป็น

“แม่บอกแล้วว่าให้ตี๋ไปเรียนขับรถ”

“หนูตี๋ไปเรียนขับรถอย่างแม่บอกสิ..” ท่านผู้ใหญ่รับไหว้ผม “ขับเป็นเมื่อไหร่อาจะจอดไว้ที่นี่เลย”



นี้ก็อีกหนึ่งอย่างที่ผมไม่เข้าใจ แต่พอเดาได้..หมู่นี้มีเรื่องให้ผมไม่เข้าใจเกิดขึ้นบ่อย

สุดสัปดาห์นั้นแม่ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับผู้ใหญ่ของแม่ ทิ้งให้ผมเฝ้าบ้านตามเคย ถึงจะมีสาวๆ ลูกน้อง และงานที่ทำให้สมองผมไม่ว่างพอจะคิดฟุ้งซ่าน แต่เมื่อความเกียจคร้านเข้าครอบงำผมก็ฟุ้งซ่านอีกจนได้

วันอาทิตย์คือวันหยุดสุดสัปดาห์สากลอยู่แล้ว แต่งานบางอย่างโดยเฉพาะที่เป็นงานส่วนตัวไม่ค่อยได้หยุดตาม ไม่ใช่ขยันนักหนาแต่เพราะถ้าหยุดงานผมไม่มีอะไรทำ ลูกน้องแต่ละคนก็เกิดมากับการทำงาน จึงไม่มีใครบ่นหรือนึกอยากหยุดงาน อีกอย่างเมื่อก่อนที่ยังไม่มีผู้ใหญ่ท่านนั้น เสาร์อาทิตย์แม่อยู่บ้านกับผมเสมอ..กาลเวลาผ่านไปอะไรๆ ย่อมเปลี่ยนไป แน่ใจว่าผมไม่เปลี่ยน..แต่..เอ๊ะหรือเปลี่ยน..ไม่รู้สิ


พญาน้อยชมตลาดเริ่มเดินหาเม๊ยเจิงวันอาทิตย์นั้นเอง

“วันนี้อาตี๋ปิดร้านเหรอ?” ไม่ใช่เม๊ยแต่เป็นซิ้มของเม๊ย

“ออกมาโดนแดดบ้างซิ้ม เดี๋ยวจะถูกจับไหว้ตรุษจีน” อำคนแก่ซะงั้น

“พูดไรอ้า อั๊วม่ายเข้าใจ..ตรุษจีนอีกตั้งนาน”

“ก็พี่ตี๋เค้าขาวซีดจนเป็นไก่ต้มแล้วไงซิ้ม” ไอ้แขกโผล่มาจากไหนไม่รู้

“ความจริงกินไก่ต้มไม่ต้องรอถึงตรุษจีนก็ได้..” ผมหันไปอำ..ทดสอบ..หยั่งเชิง “ใช่ไหมแขก?”

“ผมทำน้ำจิ้มให้นะ” โห..ไอ้แขกก้าวหน้ากว่าที่ผมคิด



สรุปแล้ว ไม่ใช่เม๊ยเจิงแต่เป็นไอ้แขกที่อยู่เป็นเพื่อนผม จะผิดหรือถูกไม่รู้แต่ชีวิตต้องดำเนินไป..ผมชักไม่อยากเรียกคำนำหน้านามของไอ้แขกเสียแล้ว..แขกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมอย่างไม่รู้ตัว


“ความรักเป็นอย่างไรนะ..” แขกรำพึงอยู่บนอกผม “อย่างที่ผมและพี่กำลังเป็นอยู่ใช่ไหม?”

“เป็นอะไร?” แกล้งถาม..ลูบหัวแขกเล่น

“เป็นแฟนกันไง” แขกคว้ามือผมไปกอด ยันร่างขึ้นทาบทับ

“ผมรู้สึกดี และอุ่นใจเมื่อได้อยู่ใกล้พี่ตี๋..” เลื่อนหน้าลงต่ำ เสียงอู้อี้กับหน้าท้องผม “วันก่อนโน้นที่พี่ป๋องและเพื่อนมาหาพี่ ผมแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่”

“อือ..เอิ่ม..อืมม..” ผมพูดอะไรไม่ออก “จริ ง เ หร อ ..”


ผมกำลังทำอะไรอยู่นี่..แขกยังเป็นเด็ก..ความรู้สึกสับสนของเขาถูกผมนำมาใช้เป็นประโยชน์กับตัวเองอย่างนั้นหรือ..ผมทำบาปหรือเปล่า?





Create Date : 07 ตุลาคม 2557
Last Update : 7 ตุลาคม 2557 17:09:15 น. 0 comments
Counter : 756 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาเรน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add ดาเรน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.