coffeelover
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




วิสัญญีแพทย์แม่ลูกหนึ่ง ที่พยายามทำหน้าที่ทั้ง "หมอ" และ "แม่" ที่ดีในเวลาเดียวกัน

รักการอ่าน ถ่ายภาพ และท่องเที่ยว และกำลังเริ่มจะรักการเขียนจากการเขียน blog นี่ล่ะ


Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add coffeelover's blog to your web]
Links
 

 

Austria 2013: Snail trip..Slow life in Salzburg#2

14 มิถุนายน 2556

วันนี้แม่คิดว่าทุกคนคงตื่นสายเพราะ jet lag แต่เอาเข้าจริงพระอาทิตย์มาเยี่ยมเยียนเราแต่เช้าตรู่ ห้องสว่างจนอยากลุกมากกว่าจะนอนต่อ

ปลุกพราวเดี๋ยวเดียวลูกก็เด้งขึ้นจากเตียงแบบไม่งัวเงีย ลงไปทานอาหารเช้าที่ Pension จัดไว้ให้

ก่อนหน้านี้แม่กังวลนิดหน่อยว่าพราวจะทานอาหารเช้าแบบฝรั่งได้หรือเปล่า เพราะลูกไม่ทานขนมปัง ไม่ทานไส้กรอก แฮม หรือชีส

เช้านี้ผ่านไปได้ด้วยดีเพราะมี cereal ให้เลือกหลายแบบ เติมโปรตีนด้วยไข่ต้มอุ่นๆ ก็อยู่ท้องล่ะ

ปรึกษากับเจ้าของ Pension เรื่องข้อมูลการเดินทางแล้วก็ตรงกับที่เราเตรียมตัวมา คือ เราจะทิ้งรถไว้ที่พักแล้วเที่ยวโดยรถเมล์

การขับรถเข้าไปเที่ยวใน salzburg นอกจากจะต้องเสียค่าที่จอดรถแล้ว ถนนหลายสายยังเป็น one-way รวมทั้งเขตเมืองเก่ายังมีส่วนที่ห้ามรถยนต์เข้าอยู่พอสมควร การเที่ยวโดยใช้รถเมล์และเดินเท้าจะสะดวกกว่า

Pension ที่เราพักอยู่ในส่วนที่เป็น residential area นอกเมือง มีรถเมล์สาย 21 ผ่านหน้าบ้านเพียงสายเดียวทุก 15 นาที ดูเหมือนมีข้อจำกัดแต่เอาเข้าจริงแล้วสะดวกมากเพราะตรงเวลาและรถไม่ติดเลย

เราซื้อ Salzburg Card จากที่พัก เลือกแบบ 24 ชั่วโมง ราคา 23 Euro หนูพราวไม่ต้องใช้เพราะอายุต่ำกว่า 6 ขวบ

บัตรนี้คุ้มค่าสารพัดประโยชน์ เพราะสามารถเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวได้ฟรีหลายที่ ที่ไม่ฟรีก็มีส่วนลดให้ และใช้กับขนส่งสาธารณะได้ทุกเครือข่าย

พร้อมแล้วก็โดดขึ้นรถเมล์เข้าเมืองกันเลยค่า......

เดินเล่น Old Town Salzburg + Hohensalzburg Fortress

เช้านี้ใน Salzburg มีฝนโปรยปราย บรรยากาศขมุกขมัว เราลงรถเมล์แล้วเดินเข้าเขตเมืองเก่า ลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอย ซึ่งเชื่อมต่อกันเหมือนเขาวงกต จนมาเจอนักท่องเที่ยวกำลังถ่ายรูปกับเจ้าตึกสีเหลืองสดซึ่งก็คือ Mozart's Birthplace นั่นเอง

DSC_5945

Mozart เกิดและใช้ชีวิตวัยเด็กที่นี่ ภายหลังย้ายไปและไม่ได้กลับมาอีกเลย แต่ด้วยชื่อเสียงก้องโลก ที่นี่เลยได้รับการจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์ (ค่าเข้าชม 10 Euro ใช้ Salzburg card เข้าได้ฟรี - แต่เราไม่ได้เข้าค่ะ) และ Salzburg เลยกลายเป็นเมืองดนตรีที่ใครๆ ต้องนึกถึงไปด้วย

ฝนยังลงเม็ดเกินกว่าจะเดินเล่นกลางแจ้ง เราเลยเปลี่ยนจุดหมายไปชิม Mozart Ball ต้นตำรับกันดีกว่า

Mozartkugel หรือ Mozart Ball ก็คือ Chocolate ball ที่ภายในมีไส้เป็นถั่วชนิดต่างๆ  มีขายเป็นของฝากของที่ระลึกอยู่ทั่วไปในออสเตรีย แต่ร้านนี้เค้าเคลมว่าเป็นเจ้าแรกตั้งแต่ปี 1884 เลยทีเดียวเชียว

ด้วยความที่เป็นเจ้าแรกแถมยังฉลาดจดลิขสิทธิ์ไว้ด้วย Mozartkugel ของ Cafe- Kondetorei จึงเป็นร้านเดียวที่สามารถใช้บอลสีเงินขลิบน้ำเงินได้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ต่างจาก Mozart ball ยี่ห้ออื่นๆ ที่มักใช้สีแดงและทองเป็นหลัก

พ่อแม่ลูกซื้อมาชิมคนละลูก อร่อยดีค่ะ

~ ~ Cafe Kondetorei ~ ~

DSC_5953

~ ~ นอกจาก Mozartkugel ยังมีชอคโกแลตแบบอื่นๆ ขายด้วย ~ ~

DSC_5955

salzburg#2

salzburg#1

ฝนเริ่มซาเลยได้เดินเล่นในจัตุรัสกลางเขตเมืองเก่า บริเวณนี้มีโบสถ์และพิพิธภัณฑ์อยู่หลายแห่ง ซึ่งส่วนมากใช้ Salzburg card เข้าได้ฟรี แต่แม่มีหนูพราวมาด้วย อาจจะต้องเว้นการชมพิพิธภัณฑ์ไปบ้างทั้งที่ใจชอบมาก แต่คิดว่าหนูพราวอาจจะไม่สนุกเท่าเที่ยวแบบ outdoor

~~ Old town Salzburg วันฝนพรำ ตึกหัวมุมที่มีกันสาดยื่นออกมาคือ Cafe Tomaselli ชื่อดัง ~

DSC_5963

~~ Residentplatz รายล้อมด้วย Resident Gallery, Salzburg Museum, Panorama Museum ~~

DSC_5966

DSC_5968

DSC_5969

~ ~ เดินต่อมุ่งหน้าสู่ป้อมปราการ เข้าสู่ Kapitelplatz

กลางลานมีหมากรุกยักษ์ และประติมากรรมชายคนหนึ่งยืนเหนือลูกโลกสีทองอร่าม

พยายามค้นหาที่มาที่ไปจากหลายแห่ง แต่ถึงตอนนี้ยังไม่ทราบเลยค่ะ ~ ~

DSC_5974

IMG_2064

salzburg#5

~ ~ โชคดีที่่ฝนหยุดฟ้าเปิด เตรียมนั่ง cable car ขึ้นไป  Hohensalzburg Fortress

ใครฟิตและอยากประหยัดก็เดินเอา หรือเสียเงินเฉพาะขาขึ้นแล้วเดินลงก็ได้ค่ะ

Salzburg card ใช้บริการ cable car + เข้าชมป้อมได้ฟรี (ราคารวม 11 ยูโร)

แถมมี fast track ให้ด้วย เริ่ดดดด ~ ~

salzburg#3

~ ~ เมือง Salzburg มองจาก Hohensalzburg Fortress อีกฝั่งแม่น้ำเป็นส่วนเมืองใหม่ ~ ~

DSC_5983

~ ~ มองลงมายัง Kupitelplatz เห็นลูกโลกทองคำลิบๆ ~ ~

DSC_5984

~ ~ บ้านนี้สี่แพร่ง !!! ก่อนจะออกจากบ้านเล็งดีๆ นะ ~ ~

DSC_6012

~ ~ ร้านอาหารวิวสวย แต่ราคาไม่สวยเหมือนวิว ~ ~

DSC_6016

DSC_5992

~ ป้อมปราการอายุกว่า 900 ปีแห่งนี้ ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ด้านการสงครามและประวัติการสร้างป้อม

มีพิพิธภัณฑ์ตุ๊กตาหุ่นเชิด ห้องแสดงดนตรี และร้านอาหารอีกหลายร้าน ~ ~

IMG_2033

IMG_2030

~ พิพิธภัณฑ์หุ่นเชิด salzburg card เข้าฟรีเช่นกัน แต่น่ากลัวมากกว่าน่ารัก ~ ~

salzburg#10

~ ~ The Trapp Family จากเรื่อง The Sound of Music ...หาหนูพราวเจอไหมคะ ~ ~

IMG_2040

DSC_6014

DSC_6007

IMG_2044

IMG_2053

IMG_2056

เดินเล่น ถ่ายรูป ใช้ชีวิตเชื่องช้าจนได้เวลาอาหารเที่ยง หาอาหารง่ายๆ ทานแถวสถานี cable car มีอยู่หลายร้านหลายราคา

เดินมาอีกนิดแม่ขอแวะ Salzburg cathedral ตามประสาคนรักโบสถ์ พ่อลูกทานไอติมรออยู่ด้านนอก

ใน old town ยังมีโบสถ์เล็กๆ แต่สำคัญอยู่ใกล้กันอีกหลายแห่ง แต่เพราะพ่อลูกไม่ปลื้มกิจกรรมนี้ แม่เลยขอแวะแค่ที่เดียว

DSC_6026

DSC_6030

เดินย้อนกลับมาริมฝั่งแม่น้ำ เพื่อรอรถเมล์ข้ามไปฝั่ง new town ผ่าน "Getreidegasse" ถนนคนเดินสายเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยร้านรวงมากมาย

มีทั้งร้านขายของที่ระลึก ร้านค้าท้องถิ่นประวัติยาวนาน ไปถึงแบรนด์เนมหรู

ที่เป็นเอกลักษณ์คือป้ายชื่อร้านแนว vintage เข้ากับบรรยากาศตึกเก่าอายุหลายร้อยปี

DSC_6041

~~ ป้ายร้าน McDonald สาขานี้น่าจะสวยที่สุดแล้วนะ ~ ~

DSC_6045


Mirabell place & Garden

ขึ้นรถเมล์ข้ามแม่น้ำไม่เกิน 10 นาทีก็ถึง "Mirabell Garden" สวนสวยในเรื่อง The Sound of Music

เดิมเป็นพระราชวังเก่า ปัจจุบันเป็นที่ทำการของคณะเทศมนตรีและเปิดให้ประชาชนเข้าชมความงามภายในได้ (ข้อมูลบอกว่ามี wedding hall ที่สวยงามมาก)

เสียดายวันที่เราไปมีจัดงานจึงงดให้เข้าชม ได้แต่เดินเล่นสวนภายนอก โชคดีที่ได้มาช่วง spring ดอกไม้ใบไม้สวย สีสดมาก

salzburg#4

 

 

DSC_6057

 

 

 

DSC_6059

 

 

DSC_6061

 

 

DSC_6065

 

 

DSC_6067

 

 

IMG_2078

 

 

IMG_2083

 

~ ~ ลูกสาวของแม่ ชอบอยู่หลังกล้องมากกว่าอยู่หน้ากล้องเหมือนกันเลย ~ ~

 

salzburg#6

IMG_2075

โอ้เอ้อยู่กับดอกไม้ใบหญ้าเกือบสองชั่วโมง ตกลงกันว่าจะเดินชมวิวกลับไปฝั่ง old town โดยไม่นั่งรถเมล์ล่ะ

จุดประสงค์หลักคือการกลับไปชิมของอร่อยประจำเมือง

~~ เราไปในช่วงที่ central europe เพิ่งผ่านน้ำท่วมหนักมาไม่กี่วัน

น้ำในแม่น้ำยังสูงและเชี่ยวจนเรือท่องเที่ยวล่องแม่น้ำงดให้บริการ ~~

DSC_6094

DSC_6088

DSC_6085

~ ~ Nookie ของบ้านไหนล่ะเนี่ย ~ ~

DSC_6093

ในที่สุดก็ถึงร้านตามลายแทง  ร้านเค้กและกาแฟเจ้าดังอายุเกินร้อยปีแห่ง Salzburg  (ที่นี่อะไรๆ ก็อายุเกินร้อยปีไปซะทั้งนั้น)

~ ~ Cafe Tomaselli ~ ~

IMG_2099

~ ~ บรรยากาศในร้านอบอุ่น สบายๆ ถึงจะราคาสูงแต่ดูแลนักท่องเที่ยวบ้านๆ อย่างเราเป็นอย่างดี ~ ~

salzburg#8

~ ~ ในเมนูมีชุดอาหารเช้า ไอศกรีม กาแฟ เบียร์ ไวน์

ส่วนเค้กจะมีพนักงานเสิร์ฟแบกถาดเค้กมาให้เลือก (คล้ายๆ ร้านติ่มซำแถวปักษ์ใต้บ้านเรา)

ไม่ได้ถ่ายภาพไว้ เพราะถ่ายไม่ทัน และเกรงใจแขกในร้านค่ะ ~ ~

salzburg#7

~ ~ มาแล้วต้องลอง ~ ~

Left: "Tomaselli Melange"  ส่วนผสมของ Mocha ร้อนๆ นมสดและ whip cream อร่อยและอ้วน!

Right: "Tomasellium Kaffee" Mocha และไรอีกหลายอย่าง มี Gin เสิร์ฟมาด้วย หนาวๆ ทานแล้วคงอุ่นไม่เบา

ส่ั่ง Sashertorte -เค้กชอคโกแลตมาลองอีกชิ้น แต่ไม่ผ่านค่ะ หวานเกิ๊นนนนน

salzburg#9

ท้องอิ่มแล้วเราก็ใช้เวลาสบายๆ ต่อใน old town เดินดู display เก๋ไก๋กุ๊กกิ๊กของร้านค้า หยุดฟังเพลงจากศิลปินเปิดหมวก เข้าร้านมือถือจัดการซื้อ prepaid sim เพื่อจะได้ใช้ติดต่อกันได้สะดวก

เป็นเวลาที่ได้ใช้ชีวิตแบบ slow life...คุ้มค่ากับวันพักผ่อนที่รอคอยมาตลอดหลายเดือน

พรุ่งนี้ยังเที่ยวใน Salzburg ต่อ (ใช้ salzburg card ยังไม่คุ้มเลย) ...เดี๋ยวดูซิว่าจะไปไหนกันดี

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


Tips

Download ผังการเดินรถเมล์ และตารางการเดินรถได้ตามลิ้งค์ค่ะ



ข้อมูลเที่ยว Salzburg


Salzburg card

มีขายทั่วไปตามศูนย์บริการนักท่องเที่ยวและที่พักต่างๆ มีแบบ 24, 48 และ 72 ชั่วโมง  

อายุ 6-15 ปีจ่ายครึ่งราคา ต่ำกว่า 6 ขวบใช้บริการหรือเข้าชมสถานที่ต่างๆ ฟรีโดยไม่ต้องมีบัตรใดๆ

validate บัตรอาศัยความซี่อสัตย์ที่จะกรอกวันและเวลาที่เริ่มใช้ด้วยตนเอง แต่มีการตรวจสอบการใช้บัตรผ่านทางระบบอัตโนมัติ

ไม่สามารถใช้บัตรซ้ำในสถานที่ท่องเที่ยวเดิมได้

DSC_6191

Prepaid sim card

เราเลือกใช้เครือข่าย A1 ราคา 9.99 Euro ใช้ได้หนึ่งเดือน ช่วงที่ไปมีโปรโมชั่น unlimited internet ให้ด้วย

เครือข่ายใช้ได้ดีทั้งโทรศัพท์และ internet แม้จะอยู่กลางหุบเขาก็ยังสัญญาณดีไม่มีตก หาซื้อได้ง่ายตามเมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆ ค่ะ

2013-10-04 07.17.11




 

Create Date : 17 ตุลาคม 2556    
Last Update : 17 ตุลาคม 2556 12:38:21 น.
Counter : 1750 Pageviews.  

Austria 2013: Snail trip..Slow life เลียบไหล่ Alps#1

ปะป๊าเกริ่นตั้งแต่ต้นปีแล้วว่า จะไปประชุมที่ออสเตรียช่วงเดือนมิถุนายนนะแม่ ไปด้วยกันไหม???

ที่ต้องถามก็เพราะว่าถ้าปะป๊าไปคนเดียวก็คงบินไปประชุม 3-4 วันแล้วกลับเลย

แต่ถ้าไปด้วยกัน แพลนเที่ยวคงไม่ต่ำกว่าสัปดาห์ ...และเหมือนทุกครั้ง แม่ต้องเป็นคนจัดการ (คนอยากเที่ยวก็ต้องรับผิดชอบใช่มะ)

กว่าจะคอนเฟิร์มแน่นอนก็กลางเดือนเมษา เหมือนมีเวลาเตรียมตัวเยอะนะแต่พอต้องจัดการเรื่องตั๋ว วีซ่า โรงแรมเอง สองเดือนนี่พอดีๆ เลย

ก่อนสงกรานต์รีบไปจองคิววีซ่าของสถานทูตออสเตรีย ได้คิวเร็วที่สุดต้นเดือนพฤษภาคม

เพราะให้บริการแค่วันละ 30 คนเท่านั้น!!!

แนะนำว่าให้เตรียมเอกสารทุกอย่างให้พร้อมค่ะ ตั๋วเครื่องบิน ที่พักให้ครบทุกวัน หลักฐานการเงิน แผนการเดินทาง ประกันสุขภาพ

เพราะถ้าไม่ครบจะต้องมานัดคิวเพื่อยื่นเอกสารใหม่ ซึ่งถ้าเป็นฤดูท่องเที่ยว คิวอาจจะยาวมากจนฉุกละหุก

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

วางแผนเที่ยว

เริ่มที่เป้าหมายหลักคือ เวียนนา แล้วชื่อเมืองยอดฮิตอื่นๆ ก็ตามมา เช่น Salzburg, Hallstatt, Innsbruck รวมถึงการเดินทางไปประเทศใกล้ๆ อย่างเชค ฮังการี

แต่หลังจากอ่านรีวิวใน pantip.com และ  trekkingthai.com แล้วก็พบว่า เป้าหมายหลักที่เราอยากไปให้ถึงคือ Glossglockner Alpine Road ถนนแสนสวยเลียบเทือกเขาแอลป์ ซึ่งเปิดให้บริการแค่ไม่กี่เดือนในหนึ่งปี

ดังนั้นแผนเที่ยวก็ลงตัวที่การขับรถวนเป็นวงกลมแบบนี้...

Vienna -- Melk -- Salzburg -- Hallstatt -- Zell am see -- Glossglockner alpine road -- St. Wolfgang -- Vienna

Screen Shot 2556-06-27 at 10.07.34 PM

Road trip ใช้เวลาทั้งหมด 8 วัน จากนั้น 4 วันสุดท้ายส่งปะป๊าประชุมที่เวียนนา รวมทริปนี้ 12 วันจ้า

หลายคนเห็นแล้วอาจจะเสียดายว่า เวลาขนาดนี้ถ้าไปทัวร์น่าจะได้สัก 5 ประเทศ หรือเที่ยวในออสเตรียเองก็น่าจะเก็บได้หมดทุกเมืองใหญ่ ไม่น่าพลาด Innsbruck

แต่แม่วางแผนเที่ยวในเวลาที่รู้สึกว่าชีวิตเหนื่อยสุดๆ ยุ่งสุดๆ งานเยอะไม่มีเวลาหายใจ

แม่ต้องการชีวิต ช้า-ช้า ถึงช้ามาก....เลยออกมาเป็น "Snail Trip" แบบนี้ล่ะ

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

12 มิถุนายน 2556

เที่ยวบิน OS 026 Austrian Airline ออกจากสุวรรณภูมิเกือบเที่ยงคืน เด็กหลับตั้งแต่สี่ทุ่ม อุ้มขึ้นเครื่องก็ยังหลับต่อ

มาปลุกแม่เสียงแจ๋วๆ ตอนเวลา 7 โมงเช้าของเมืองไทย ตื่นตรงเวลาเหมือนเดิมเป๊ะ !

ทานมื้อเช้าบนเครื่องซึ่งมีแค่แซนด์วิชร้อนหนึ่งชิ้นกับเครื่องดื่ม คิดถึงอาหารเช้าอลังการของสายการบินรักคุณเท่าฟ้าสุดๆ เลย

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

13 มิถุนายน 2556

เครื่องลงจอดที่ Vienna Schwechat Airport ตามเวลาคือตีห้าครึ่ง...ผ่าน ตม. ออกมาแบบใสๆ ไร้ความเข้มงวด (คนละฟีลกับตอนขอวีซ่า)

ยังมีเวลาอีกสองชั่วโมงในสนามบิน เพราะนัดรับรถเช่าคือแปดโมงเช้า ถ้าต้องการรับเร็วกว่านั้นจะต้องจ่ายเพิ่มประมาณ 50 euro...แน่นอนว่าเรายินดีรอ เก็บตังค์ไว้กินไว้เที่ยวดีกว่าน่ะ

+ Departure & Arrival Hall กิ๊บเก๋ดี แต่สายตาระดับป้าแบบแม่คงต้องเพ่งหน่อย +

+ ภาพนี้ถ่ายตอนขากลับ +

IMG_2437

+ บรรยากาศสนามบินเช้าตรู่เงียบเหงา แต่มีร้านกาแฟ เบเกอรี่และแมคโดนัลด์ที่เปิด 24  ชั่วโมง +

IMG_1969

+ Supermarket ชื่อ SPAR มีสาขาทั่วออสเตรีย ขายทั้งของกินของใช้ ของฝาก

เปิดสิบโมงเช้าไปจนถึงค่ำ เหมาะกับ last minute shopping ก่อนโหลดกระเป๋า

ถึงอยู่ในสนามบินแต่ราคาไม่ได้โหดร้าย ภาพนี้ถ่ายตอนขากลับ  +

IMG_2254

+ รถไฟ City Airport Train (CAT) เข้าเมือง ใช้เวลาเพียง 16 นาที ออกทุกครึ่งชั่วโมง

เที่ยวเดียว 12 euro ไปกลับ 19 euro และสามารถ check-in โหลดกระเป๋าได้ที่สถานีในเมืองด้วย +

IMG_2251

+ ตารางรถบัส มีทั้งเข้าเมือง และไปเมืองต่างๆ รวมถึง Prague และ  Bratislava +

IMG_2252

+  เด็กนอนเต็มอิ่ม แจ่มใส พร้อมเที่ยว +

IMG_1968

ล้างหน้าแปรงฟัน เปลี่ยนเสื้อผ้า จิบกาแฟ เล่นกับลูก แป๊ปๆ ก็ได้เวลารับรถค่ะ

จองมาเป็น Mid-size car เพราะกระเป๋าเราเยอะ แถมมีรถเข็นลูกอีก หวยออกที่ Peugeot 3008...

ปะป๊าทำความคุ้นเคยกับคุณรถอยู่แป๊ปนึงก็ออกเดินทางกันได้

เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง (และลูกเราก็ช่างเลือกกิน) จุดหมายแรกคือ Billa Supermarket ใกล้ๆ สนามบิน

ปกติเวลาไปต่างประเทศ แม่กับปะป๊าชอบสำรวจตลาด เดินเที่ยว supermarket ดูของกินของใช้อยู่แล้ว

รอบนี้เช่ารถเลยตุนเสบียงได้สบาย คิดแล้วสะดวกและประหยัดกว่าแวะกินตามร้านแน่ๆ

IMG_1977

IMG_1970

IMG_1973

IMG_1976

IMG_1972

รถพร้อม คนพร้อม เสบียงพร้อม ก็ได้เวลามุ่งสู่จุดหมายท่องเที่ยวแห่งแรกของทริปนี้...เมือง "Melk"

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

เที่ยวเมือง Melk

Melk เป็นเมืองเล็กริมแม่น้ำ Danube ห่างจากเวียนนาประมาณ 90 กิโลเมตร เราขับรถบนเส้นทาง A1 ใช้เวลาแค่ชั่วโมงเดียวก็ถึง

Melk เป็นเมืองมรดกโลก มีโบสถ์ใหญ่สไตล์ Baroque คือ "Melk Abbey" เป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยว

+ ถ่ายรูปกับสัญลักษณ์ที่จัตุรัสกลางเมือง วันนี้ฟ้าใสอากาศดีมาก +

IMG_1980

+ เดินขึ้นเนินเพื่อไป Melk Abbey ซึ่งจริงๆ ขับรถไปจอดใกล้ๆ ทางเข้าได้เลยค่ะ

แต่เราไม่รู้เลยต้องเดินไกลหน่อย ถือว่าชมวิวดูเมืองด้วยละกัน +

DSC_5857

+ ถึงทางเข้าแล้วค่ะ ดูจากแผนที่ Melk Abbey กินอาณาเขตใหญ่โตมโหฬาร +

DSC_5923

DSC_5922

+ แวะซื้อตั๋วกันก่อน ค่าเข้าชม 9.50 ยูโร ถ้ามีไกด์ราคา 11.50 ยูโร จัดเป็นรอบตามเวลาที่กำหนด +

+ หนูพราวฟรีค่ะ +

DSC_5862

DSC_5860

DSC_5863

DSC_5864

DSC_5868

IMG_1981

IMG_1983

DSC_5869

+ เข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ ส่วนแรกจัดแสดงเกี่ยวกับคริสตศาสนาและการสร้าง Melk Abbey +

DSC_5872

DSC_5871

DSC_5874

DSC_5875

DSC_5881

+ ผ่านเข้าสู่ Marble Hall ห้องจัดเลี้ยงที่พื้นและผนังประดับด้วยหินอ่อน

เพดานมีภาพวาด fresco สวยงาม +

DSC_5882

DSC_5885

+ เฉลียงเชื่อมจาก Marble Hall มายัง Library มุมนี้มองเห็นวิวเมือง Melk สวยๆ ได้เลย +

DSC_5893

DSC_5887

+ Library ห้องที่สำคัญเป็นอันดับสองรองจากโบสถ์ บรรจุหนังสือกว่า 100,000 เล่ม +

+ ภายในห้องสมุดห้ามถ่ายภาพ รูปนี้ถ่ายจาก postcard ค่ะ +

DSC_5916

+ แล้วเราก็มาถึงส่วนที่สำคัญที่สุดของ Melk Abbey นั่นก็คือ Abbey Church +

+ ถึงจะไม่ใหญ่โตเหมือน St. Peter ในวาติกัน แต่ความประณีตสวยงามไม่แพ้กันเลยทีเดียว +

DSC_5898

DSC_5901

DSC_5904

DSC_5913

DSC_5912

DSC_5910

ออกจากโบสถ์ เราหาที่นั่งเพื่อทานอาหารกลางวันที่แพคมา พราวชอบมาก พูดแต่ว่าพราวชอบปิคนิคแบบนี้ แม่พามาบ่อยๆ นะ ^^

ท้องอิ่มก็เที่ยวต่อ ยังเหลือส่วน Garden Pavillion และ Stiftpark ให้เดินเล่น ส่วนแรกจะเป็นสวนจัดสวย มีน้ำพุ ไม้ดอกไม้ประดับ ส่วน Stiftpark มีลักษณะเป็นสวนป่าร่มรื่น

ค่าเข้าชมรวมอยู่ในบัตรที่ซื้อเข้า Melk Abbey แล้ว แต่ต้องเก็บบัตรไว้เพื่อสแกนเข้าชมสวนอีกครั้งหนึ่ง

แดดแจ๋มากแต่ลมพัดเย็นสบาย พราวเลยวิ่งเล่นซะหนำใจ  

DSC_5929

DSC_5932

DSC_5935

IMG_1995 (1)

IMG_1997

ปล่อยพลังแล้วท้องก็ว่างพอให้ชิมขนมเล็กๆ น้อยๆ ก่อนออกจาก Melk

ขนมที่ว่าคือ "Kolomanitorte" ว่ากันว่ามีขายเพียงที่นี่ที่เดียว ลักษณะเป็นเค้กชอคโกแลตผสมกับ Elderberry jam

ส่วนตัวคิดว่าแปลกดีค่ะ แต่ไม่ได้ถึงขั้นอร่อยน้ำตาไหล ส่วนปะป๊าไม่ชอบเลยทั้งเพราะไม่ชอบ berries และติว่าหวานไปหน่อย

DSC_5937

+ Kolomanitorte: Coloman cake ราคาชิ้นละ 3.10 ยูโร +

DSC_5938

บ่ายคล้อย...ท้องอิ่ม ใจอ่ิม ก็ได้เวลาเดินทางต่อ ค่ำนี้เราจะนอนที่ Salzburg ค่ะ

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


Tips

วีซ่าท่องเที่ยวออสเตรีย (ระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน) ค่าธรรมเนียม 60 ยูโร เด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบได้รับการยกเว้น

ตั้งแต่ 16 กันยายน 2556 สามารถนัดหมายการทำวีซ่าผ่านเอเจนซี่ VFS ได้แล้วค่ะ ไม่ต้องไปลงชื่อจองด้วยตนเองที่สถานทูตแล้ว

ข้อมูลเที่ยวเมือง Melk




 

Create Date : 02 ตุลาคม 2556    
Last Update : 2 ตุลาคม 2556 15:47:53 น.
Counter : 1183 Pageviews.  

Welcome to The Magic: Disneyland HK#1

ผัดผ่อนกับเด็กๆ ที่คอยทวงเช้าเย็นว่าเมื่อไหร่จะได้ไปดิสนีย์แลนด์มาร่วม 2 วัน ก็ได้เวลาไปทำความฝันให้เป็นความจริงกันซะที

3 ธันวาคม 2555


เช้านี้เรา check out แล้วฝากกระเป๋าไว้ก่อน เก็บตกช้อปปิ้งเล็กๆ น้อยๆ รอบโรงแรม

ชั้นใต้ดินของ Langham  Place  มี duty free ร้านเดียวกันกับที่สนามบิน เปิดตั้งแต่สายๆ ถึงห้าทุ่ม ใครอยากช้อปแล้วแพคกระเป๋าเลยมาที่นี่สะดวกมาก สินค้ามีทุกอย่างตั้งแต่เครื่องสำอางค์ ขนม กระเป๋า เสื้อผ้า ติดกันยังมีร้านเครื่องสำอาง Sasa และ H&M  ฝั่งตรงข้ามมี Flagship store ของ Hi-end brand ....นี่แหละถนนละลายทรัพย์ขนานแท้

ใกล้เที่ยงเรายกขบวนกันไปทานติ่มซำที่ "Serenade Restaurant"  ร้านที่เราวางแผนไว้ตั้งแต่วันแรกแล้วผิดหวังไปนั่นแหละ

ร้าน Serenade อยู่ที่ชั้น 1 ของอาคาร Hong Kong Cultural Center ด้านหนึ่งเป็นกระจกใสบานใหญ่ติดอ่าวฮ่องกงที่กลางคืนสามารถดูโชว์ Symphony of Lights ได้ด้วย ทำเลดีสุดๆ

รายการอาหารนอกจากติ่มซำแล้ว ยังมีซีฟู้ดหลายอย่าง วันนี้เราสั่งติ่มซำเป็นหลัก รสชาติดี บริการดี สถานที่สวยงามแต่ราคาค่อนข้างสูง

serenade2

serenade1

อิ่มหนำสำราญก็ได้เวลาเดินทางต่อ เรานั่งรถไฟใต้ดินสายสีส้ม จากสถานี Kowloon ไปถึงสถานี Sunny Bay แล้วเปลี่ยนเป็นรถสายสีชมพู - - Disney resort line - -

หน้าตาเด็กรอรถไฟไปดิสนีย์แลนด์ มีความหวังสุดๆ

IMG_0604

รถไฟไปอาณาจักรแห่งความสุขเคลื่อนมาแล้ว....

พราวกระโดดโลดเต้นกรี๊ดกร๊าดบอกแม่ว่า "รถไฟไปบ้านมิคกี้มาแล้วแม่...พราวจะได้ไปเจอมิคกี้ตัวจริงแล้วววว"

น้ำเสียง รอยยิ้ม แววตาลูก บอกว่าหนูดีใจและมีความสุขมากมายแค่ไหน

ความฝันวัยเยาว์ช่างสวยงามและมีความหมาย แม่ดีใจที่ได้ช่วยทำความฝันหนูให้เป็นจริง...

และแน่นอน...ขึ้นรถไฟ Disney resort line ได้ เด็กๆ ก็ยิ่งมีความสุขกับตัวการ์ตูนรอบๆ

อย่าว่าแต่เด็กๆ เลย บรรยากาศแบบนี้ผู้ใหญ่ก็อดยิ้ม อดคึกคักไปด้วยไม่ได้เหมือนกัน

Disney1

Disney2

ถึง Disneyland แล้วจ้าาาาาาา


IMG_0622

IMG_0626

พยายามจะบอกว่า "หนูตัวสูง ต้องจ่ายค่ารถไฟแล้วนะแม่ อย่าลืมซื้อตั๋วให้พราวนะ"


IMG_0632

ถ่ายรูปกันจนพอใจก็ได้เวลาเช็คอินเข้าที่พัก จากสถานีรถไฟมี shuttle bus ไปส่งที่โรงแรมฟรี

เราพักที่ "Disney Hollywood Hotel" เพื่อจะได้ไม่เสียเวลาเดินทาง ให้เด็กๆ ได้ซึบซับบรรยากาศเต็มที่  และเผื่อเที่ยวกันจนเหนื่อยหรือไม่สบายก็จะได้พักผ่อนระหว่างวันได้ แพคเกจที่ซื้อรวมค่าโรงแรม 2 คืนและแถม 2-day ticket ให้ด้วยอีกสองใบ บ้านเราเลยต้องซื้อ 2-day pass ให้พราวต่างหากอีกหนึ่งใบ ส่วนเอมิเข้าฟรีเพราะยังไม่ถึง 3 ขวบ

ถ่ายรูปเล่นในโรงแรมค่ะ


disney3

disney4

เก็บของล้างหน้าล้างตากันแล้วออกไป Citygate outlet นั่งรถไฟแค่สองสถานีเท่านั้นเอง มื้อเย็นฝากท้องไว้ที่ Food Court ที่นั่น แล้วมี free time อีกสองชั่วโมงเผื่อช้อป แปลกใจตัวเองเหมือนกันที่แม่ไม่ได้อะไรเลย ปะป๊ายังงงว่ารอบนี้กลับโรงแรมมือเปล่าได้ไง

โชคดีที่เราเลือกห้องด้าน resort view สามทุ่มเลยได้ชมพลุสวยๆ จากห้องที่โรงแรม...เสียงดนตรีประกอบที่เปิดจากทีวีในห้อง เข้ากับจังหวะจุดพลุแบบเป๊ะเว่อร์ ...

ให้พราวดู Bedtime story channel อีกหน่อยแล้วส่งลูกเข้านอนอย่างมีความสุข พรุ่งนี้เราจะไปตะลุย Disneyland กัน !

4 ธันวาคม 2555


ตื่นเช้าหม่ำอาหารที่ซื้อมาจาก supermarket เมื่อวาน แล้วนั่ง shuttle bus กลับไปดีสนีย์แลนด์

เสียดายฟ้าฝนไม่เป็นใจ พยากรณ์อากาศวันนี้จะครึ้มและมีฝนเปาะแปะทั้งวันเลย...แต่ยังไงเราก็พร้อมลุย!

disney10

บรรยากาศคริสต์มาสอบอวลไปทั่ว อากาศเย็นสบายทำให้ทุกคนอารมณ์ดี

disney5

DSC_4866

เอาใจเด็กๆ ด้วยการเร่ิมต้นที่ "It's a Small World" ใน Fantasyland


disney8 disney7

IMG_0717 IMG_0722

IMG_0721

แล้วมาต่อกันที่ "The many adventures of Winnie the Pooh" ถูกใจทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่

ข้างในค่อนข้างมืดแม่เลยไม่ได้ถ่ายรูปไว้ แถมรูปที่ดีสนีย์ถ่ายไว้ขายก็แพงไปเลยไม่ซื้อ อิอิ

มีเจ้าหญิงมาโชว์ตัวพอดี และมีเจ้าหญิงเบลล์ขวัญใจตลอดกาลของหนูพราวด้วย ...จัดไป

disney6

"The Golden Mickeys Show" ระหว่างแสดงมีเหตุขัดข้องต้องหยุดไปสิบนาที แปลกดีเหมือนกัน


disney9

ยังตะลุย Fantasyland กันต่อ กับ "Mad Hatter Tea Cups"

ตอนแรกพราวกล้าๆ กลัวๆ ไม่ยอมเล่น จนเอมิไปเล่นให้ดูก่อนเลยยอมลองบ้าง

หลังจากนั้นตลอดสองวัน เราเล่นถ้วยหมุนนี้ไปไม่ต่ำกว่าสิบรอบ...เอิ๊กกกก

disney17

ขาดม้าหมุนเหมือนมาไม่ถึงสวนสนุก "Cinderella Carousel" เบาๆ ชิลๆ แต่แอบมีคนเวียนหัว 555

disney14

รูปครอบครัวอีกสักใบ ขอบคุณอาจั๋งและลุงนัยที่่ช่วยถ่ายรูปให้ตลอดเลยค่ะ

IMG_0740

อีกหนึ่งเวลาที่รอคอย " Flights of Fantasy Parade"

disney11 disney12

disney16

"Toystory Land" ฝนเริ่มลงเม็ด เด็กๆ หลับ ส่วนผู้ใหญ่ตะลุยเครื่องเล่นต่อ

disney13

มื้อเย็นกับ Disney's Style food หน้าตาดี รสชาติใช้ได้เลยนะ

disney18

หลังมื้อเย็นแวะไป Tomorrowland ซะหน่อย ถึงตอนนี้พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว ฝนพรำ คนน้อยมากๆ แทบไม่มีคิวเลย

เราลุ้นสุดๆ ว่าจะมีจุดพลุหรือเปล่า เพราะ Christmas Illumination Parade ยกเลิกเพราะสภาพอากาศไม่อำนวยไปแล้ว

โชคยังเข้าข้าง ได้ดู "Disney in the Star" Fireworks จนได้

- - ขอบคุณภาพสวยๆ จากอาจั๋งนะคะ แม่กับพราวดูไปหลบฝนไป ไม่ได้ถ่ายภาพเลย  ถึงถ่ายก็คงไม่ได้ดีแบบนี้ค่ะ - -

disney15

disneyfw1

ปิดท้ายไดอารี่นี้ด้วยปราสาทเทพนิยาย...ถ้าชีวิตมีความสุขดั่งความฝันได้ทุกวันแบบนี้ก็คงดี

Good Night ค่ะ

disneyfw2




 

Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2556    
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2556 23:18:08 น.
Counter : 1036 Pageviews.  

Winter Breeze in Hong Kong#1

ทนความเย้ายวนของโปรโมชั่นนกยักษ์ A380 ของการบินไทยไม่ไหว จองตั๋ว วางแผน ได้เวลาเดินทางกันอีกครั้ง

ทริปนี้ชวนเพื่อนรักได้หนึ่งครอบครัว (ตุ้ย-เอ๋-น้องเอมิ) กับอีกสองหนุ่ม (จั๋ง - พี่นัย)

ทั้งหมดไม่ใช่คนอื่นไกล เป็นเพื่อนเรียนเพื่อนเที่ยวกันมาสิบกว่าปีแล้ว

1 ธันวาคม 2555


แหกขี้ตาตื่นมาตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง อาบน้ำแต่งตัว เช็คกระเป๋ากันอีกรอบ แล้วหอบพราวมาสนามบินทั้งๆ ที่ยังไม่ตื่น

ทำ internet check-in มาจากบ้าน ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีในการโหลดกระเป๋า ผ่าน ตม. ได้เข้า fast lane อีกเพราะมีเด็กเดินทางด้วย

ไม่เกินครึ่งชั่วโมงเราก็มานั่งชิลอยู่ใน Royal Orchid Lounge ให้พราวได้อาบน้ำแปรงฟัน เปลี่ยนเสื้อผ้าและฝากท้องมื้อเช้าไว้ที่นี่

IMG_0413

ขึ้นเครื่องแบบมึนๆ งงๆ เร่ิมง่วงเพราะตื่นเช้า

ผ่านประตูเครื่องเข้าไปถึงขั้นตาสว่าง อยากกรี๊ดดด...เพื่อนต้นมาทำงานไฟล์ทนี้ด้วย

ปีนึงเจอกันไม่กี่หน นัดกันแสนยากเย็น ดวงดีได้มาเจอกันบน A380 ไฟล์ทแรกของทั้งเราทั้งต้น

ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกหน่อย

photo

A380.1

A380.2

ถึงสนามบิน Chek Lap Kok พาเด็กๆ ขึ้น Airport Express train ไปลงสถานีเกาลูน แล้วต่อ Airport shuttle bus ที่ให้บริการฟรี ไปลงหน้าโรงแรม

ขึ้นสาย K2 เพราะเราพักที่ Langham Hotel (เพราะราคาโปรโมชั่นดีๆ เช่นกัน) ^^

IMG_0424

ทิ้งสัมภาระกองเบ้อเริ่มไว้ที่โรงแรม แล้วออกไปหม่ำมื้อเที่ยง

แล้วก็พบกับความผิดหวังเพราะร้านอาหารที่อาจั๋งอุตส่าห์ทำการบ้านมีจัดเลี้ยงงานแต่งงาน และคงเป็นวันฤกษ์ดีมาก เพราะตระเวนไป 2-3 ร้านก็มีงานเลี้ยงเหมือนๆ กันหมด สุดท้ายได้ฝากท้องไว้ที่ Food court ของห้าง SOGO...ผิดแผนไปหน่อยแต่อร่อยใช้ได้เหมือนกัน

หลังมื้อเที่ยงเดินย่อยอาหารกลับโรงแรม แวะถ่ายรูปกับ X-mas display สวยๆ บริเวณ "1881 Heritage" กลุ่มอาคารสไตล์ Victorian ที่เคยเป็นที่ทำการของ Marine police ในช่วงปี ค.ศ. 1880 ปัจจุบันเป็น exhibition hall, shopping mall และโรงแรม

DSC_4745

DSC_4751

DSC_4757

- - - เห็นแม่กับอาจั๋งไหมคะ  - - -


DSC_4754

ท้องตึงหนังตาก็หย่อน...กลับโรงแรมแล้วห้องเรียบร้อยพอดี บ่ายนี้เลยเป็นเวลาของการนอนกลางวัน ! ...อ่านแล้วอาจจะคิดว่าอุตส่าห์บินข้ามทะเลมา เพื่อมานอนกลางวันเนี่ยนะ แต่แม่ว่านี่แหละสไตล์การเที่ยวของแก๊งค์เรา เหนื่อยก็พัก หิวก็กิน วางแผนไว้หลวมๆ และเปลี่ยนแปลงได้เสมอ อิอิ

เย็นนี้เป็นเวลาแห่งการหม่ำและช้อปปิ้ง เราเดินเลียบถนน Canton เพื่อตามหาร้านซีฟู้ดที่อาตุ้ยเคยประทับใจ..แต่ไม่เจอ ผ่าน Sweet Dynasty ก็มีคิวไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง เลยเปลี่ยนแผนเข้าไปใน Harbour City แต่เหมือนวันนี้เราจะไม่มีโชคในการกิน ทุกร้านคนเต็มและคิวจองยาวมาก

สุดท้ายลงเอยที่ "Canton Deli" อร่อยใช้ได้เหมือนกันนะ แต่ร้านค่อนข้างแคบและไม่มี high chair สำหรับเด็กค่ะ อาจจะไม่เหมาะนักกับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก

เมนูแนะนำร้านนี้คือ "โจ๊กฮ่องกง" หอม เนื้อละเอียดมาก, "เกี๊ยวน้ำ" ซึ่งกุ้งตัวใหญ่และน้ำซุปอร่อยหอม และของโปรดพิเศษของแม่คือ "หมูสับนึ่งปลาเค็ม" หมูเด้งๆ มีรสเค็มพอดี อร่อยมากเลย

Cantondeli

จบมื้อเย็นก็มีแรงเที่ยวต่อ อาจั๋งวางแผนให้เป็นเวลาแห่งการช้อปปิ้ง เพราะวันมะรืนเราจะเข้าไปพักที่ Disneyland Hotel แล้ว

แม่เสียทรัพย์ไปกับร้านเครื่องสำอางค์สุดฮิตที่มีอยู่ทุกตรอกซอกซอย อยากจะสอยกระเป๋าสักใบ แต่เกรงใจปะป๊า อุอุ

DSC_4769

ช้อปกันพอหอมปากหอมคอ ก็ได้เวลากลับโรงแรมพักผ่อน เตรียมลุยต่อวันพรุ่งนี้ค่า




 

Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2556    
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2556 9:52:17 น.
Counter : 927 Pageviews.  

Winter Breeze in Hong Kong#2

2 ธันวาคม 2555

แม้จะเป็นวันเที่ยวแต่ทัวร์นี้ก็ตื่นกันสายๆ อาหารเช้าดูแลตัวเองเพราะไม่มีรวมอยู่ในราคาโรงแรม

หนูพราวได้กินเกี๊ยวกุ้ง CP จาก 7-11 ที่ปะป๊าแว้บออกไปซื้อมาให้ ^^

แม่กับปะป๊าทานเบเกอรี่รองท้องคนละหน่อย..เพราะจุดหมายแรกวันนี้คือ  "The Sweet Dynasty"

IMG_0459

น้าเอ๋จัดการจองโต๊ะตั้งแต่เมื่อคืนกันพลาด แถมเรามาถึงร้านประมาณ 11 โมง คนยังไม่เยอะมาก

IMG_0485

IMG_0466

ถึงจะชื่อ Sweet Dynasty แต่ร้านนี้ไม่ได้มีดีเพียงเรื่องขนม อาหารคาวกว่าร้อยเมนูมีให้เลือกจนตาลาย

โลเคชั่นร้านดีมาก ตกแต่งร้านสวยงามสะดวกสบาย เลยเป็นที่นิยมทั้งคนฮ่องกงและนักท่องเที่ยว

IMG_0486

Sweetdynasty1

sweetdynasty2

จานนี้สุดโปรดของหนูพราวค่ะ ถึงกับต้องสั่งซ้ำเลยทีเดียว

IMG_0483

เพราะท้องว่างและอาหารอร่อย เลยสั่งกันไม่มียั้ง เช็คบิลออกมาคิดเป็นเงินไทยประมาณ 3000 บาท

แม่ว่าไม่แพงมากนะสำหรับผู้ใหญ่โหยหิว 6 คนและเด็กที่กินเก่งอย่างพราว (ปกติเอมิทานน้อย วันนี้ก็ยังหม่ำได้เยอะนะ)

หลังมื้อเที่ยงเป็น free time ...อาจั๋งและลุงนัยแยกไปต่างหาก เหลือบ้านเรากับบ้านเอมิเดินเล่นชิลๆ อยู่แถว Harbour city

IMG_0490

ช้อปร้านโน้นออกร้านนี้พอให้เด็กๆ เบื่อ เลยออกมาเดินเล่นด้านหลังซึ่งติดกับทะเล วันนี้อากาศดีมากๆ

DSC_4773

DSC_4793

DSC_4807

สี่โมงเย็นทุกคนรวมตัวที่โรงแรมอีกครั้ง จะไปไหว้พระกันที่วัดหม่านโหมว (Man Mo Temple)

นั่งรถไฟไปถึงสถานี Sheung Wan ออก Exit A2 แล้วเดินขึ้นเนินไปสัก 15 นาทีก็ถึงวัดค่ะ

DSC_4838

วัดหม่านโหมวเป็นวัดลัทธิเต๋าที่เก่าแก่ที่สุดในฮ่องกง สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าหม่าน (เทพแห่งอักษรศาสตร์) และเทพเจ้าโหมว (เทพแห่งสงคราม)

พ่อแม่มักพาเด็กๆ มาไหว้พระที่นี่เพื่อให้มีสติปัญญาฉลาดปราดเปรื่อง และสุขภาพแข็งแรงไม่เจ็บป่วย

ส่วนนักท่องเที่ยวมักมาแวะเพื่อชมขดธูปนับร้อยๆ อันที่จุดบูชาเทพเจ้าภายในวัด

DSC_4857

DSC_4850

DSC_4849

DSC_4847

DSC_4845

DSC_4844

เทพเจ้าหม่านเข้าใจว่าเป็นองค์นี้ค่ะ จริงๆ เค้ามี audio guide ให้ด้วย แต่ค่ำแล้วเด็กๆ ชักหิวข้าว แม่เลยไม่ได้ใช้บริการ

DSC_4843

DSC_4841

ออกจากวัดหม่านโหมว เรานั่งรถไฟไปสถานี Causeway Bay เพื่อทานอาหารเย็น

มืี้อนี้ฝากท้องไว้กับ "Tai Hin" เป็ดย่างหมูแดง ร้านนี้มีหลายสาขาทั่วฮ่องกง

Taihing

อาหารอร่อย เสิร์ฟจานไม่ใหญ่มากค่ะ มาสามคนสั่งได้ 3-4 อย่างสบายๆ

แต่ละโต๊ะค่อนข้างเล็ก เพราะร้านออกแนว express food อย่างกรุ๊ปเราก็ต้องนั่งแยกกันเป็นสองโต๊ะ

ร้านค่อนข้างแคบ จอดรถเข็นเด็กลำบาก และแน่นอนไม่มี High chair

เอาเป็นว่าไม่ใช่ร้าน Kids-friendly นัก

ตรงข้ามร้าน Tai Hing สาขานี้ มี Pineapple Bun เจ้าอร่อยอยู่ด้วย ขึ้นชื่อถึงขนาดมีเปิดสาขาในสนามบิน

ทานคู่กับชานมเย็นแล้วสดชื่นนนนนนน

ตอนแรกเข้าใจกันว่าจะมีไส้สับปะรดอยู่ด้านใน แต่กัดจนหมดก้อนก็ไม่มีสับปะรดสักนิด กลิ่นก็เป็นกลิ่นหอมของแป้งมากกว่า

ยังสงสัยกันว่าทำไมถึงเรียก Pineapple bun ได้

pineapplebun

IMG_0504

ปิดท้ายคืนนี้ด้วย Symphony of Lights และเดินเล่นที่ Avenue of Stars

อากาศหลังฝนหยุดกำลังเย็นสบาย แถมเติมพลังกันมาเรียบร้อย ทั้งผู้ใหญ่ทั้งเด็กเลยเริงร่ากันใหญ่

พยายามถ่ายรูปกันหลายช็อต แต่ฝีมือบ้านๆ เลยได้รูปประมาณนี้ เอาเป็นว่าเก็บความประทับใจสวยๆ ไว้ในใจแล้วกัน

IMG_0518

SOL

IMG_0578

IMG_0567

IMG_0577

เดินรับลมกันจนพอใจแล้วกลับโรงแรม แพคของ เตรียมเช็คเอาท์พรุ่งนี้เช้า

พรุ่งนี้...ได้เวลาไปตามหาความฝันวัยเด็กกันแล้ว

PS. ขอบคุณอาจั๋งสำหรับ collage สวยๆ นะคะ




 

Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2556    
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2556 9:52:31 น.
Counter : 612 Pageviews.  

1  2  3  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.