C H I C A G O : Field Museum of Natural History
วันนี้เป็นวันที่สาม-วันสุดท้ายของการเที่ยวชิคาโก (วันอื่นๆ เราอยู่บ้าน พักผ่อน เม้าท์ และกิน) แม่นอนคิดทั้งคืนว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี ไม่ใช่ว่าเที่ยวหมดแล้วนะ แต่เป็นเพราะว่าชิคาโกมีที่เที่ยวเยอะมากต่างหาก คิดไม่ออกเลยต้องใช้ตัวช่วยโดยการดูพยากรณ์อากาศ ซึ่งบอกว่ามีโอกาสฝนตก 40% และพิจารณาว่าที่ไหนที่ลูกจะสนุกและได้ประโยชน์ที่สุด...เลยมาลงตัวที่ Field Museum of Natural History
Field Museum อยู่ในบริเวณ Museum Campus ติดกับ Shedd Aquarium ที่เราเพิ่งไปมาวันก่อน...แม่กังวลนิดหน่อยว่าคนจะเยอะเหมือนทุกที่แต่ปรากฎว่าพอไปถึงบริเวณขายบัตร กลับไม่มีคนรอคิวเลย แม่ซื้อตั๋วแบบ Discovery Pass ซึ่งสามารถชม permanent exibition ได้ทั้งหมดบวกกับ special excibition อีกหนึ่งอย่าง ซึ่งเราเลือกเป็น Mammoth & Mastodons ราคา 22 เหรียญสำหรับผู้ใหญ่ แต่ถ้ามีโอกาสเลือกใหม่แม่จะเลือกแค่ Basic admission (15 เหรียญ) เพราะลำพังแค่ permanent exibition ก็ดูกันวันเดียวไม่ทั่วอยู่แล้ว
เราเริ่มต้นที่นางเอกชื่อก้องโลกก่อน เธอชื่อ "Sue" เป็นฟอสซิลของไดโนเสาร์กินเนื้อ Tyrannosaurous rex หรือ T-rex ที่มีความสมบูรณ์มากที่สุด ชื่อ Sue ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ค้นพบ -Sue Hendrickson ซึ่งขุดพบฟอสซิลนี้บริเวณ South Dakota...Sue เริ่มมีชื่อเสียงเนื่องจากนักวิทยาศาสตร์พบว่าฟอสซิลมีความสมบูรณ์มาก และยิ่งโด่งดังมากขึ้นเมื่อมีการฟ้องร้องกรรมสิทธิ์ระหว่างทีมขุดค้น เจ้าของที่ดิน และรัฐบาลสหรัฐ...ซึ่งฝ่ายหลังเป็นผู้ชนะคดีในที่สุด...Sue ตกเป็นสมบัติของ Field Museum ในปี 1997 ผ่านการประมูลด้วยมูลค่า 8.36 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งได้รับการบันทึกว่าเป็นฟอสซิลที่ราคาสูงที่สุดในโลก สปอนเซอร์รายใหญ่ในการประมูลครั้งนี้ ได้แก่ McDonald's และ Walt Disney (เศรษฐีใจบุญมีอยู่จริง อิอิ)
ถ่ายรูปกับนางเอกเสร็จเราเข้าไปดู Mammoth กันต่อ...แนวคิดหลักของนิทรรศการส่วนนี้ก็เพื่อถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับลักษณะและวิถีชีวิตของแมมมอธ สาเหตุของการสูญพันธ์ เปรียบเทียบกับช้างพันธุ์ต่างๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน พราวชอบส่วนนี้มากเพราะพราวรู้จัก "ช้าง" แล้ว และมี interactive zone ให้ลูกได้เล่นเต็มไปหมด
ออกจาก Mammoth แม่ดูแผนที่แล้วชวนคุณยายขึ้นไปชั้นบน เพื่อดูนิทรรศการเกี่ยวกับอัญมณี ซึ่งแม่คิดว่าจัดได้ดีและน่าสนใจ ถึงแม้ว่าจะไม่มีเพชร Hope คอยเป็นแม่เหล็กเหมือนกับที่วอชิงตัน ดีซี ก็ตาม..ใกล้ๆ กันมีส่วนที่แสดงอารยธรรมโบราณ ทั้งจีน ธิเบต ชาวเกาะในทะเล Pacific น่าสนใจมาก...แต่เราไม่ได้ใช้เวลาในส่วนนี้มากนัก เพราะแม่คิดว่าออกจะน่าเบื่อสำหรับเด็กๆ (ทั้งพราวและเอด้า)
ก่อนกลับบ้านเราแวะชมอีกส่วนสุดฮิตคือ Ancient Egypt ซึ่งพระเอกก็คือมัมมี่ มีทั้งมัมมี่ผู้ใหญ่ มัมมี่เด็ก มัมมี่แมว (สองอย่างหลังแม่เพิ่งเคยเห็นที่นี่) และยังมีการแสดงภูมิปัญญาต่างๆ ของชาวอียิปต์โบราณด้วย เช่น การชั่ง ตวง วัด เงินตรา พิธีกรรม แต่คุณยาย ปะป๊า และแม่ ลงความเห็นเราชอบการจัดแสดงของ Vatican Museum มากกว่า เพราะที่นี่ทำทางเดินค่อนข้างแคบ และไฟสลัวๆ (คงตั้งใจจัดแสงแบบนี้) แต่เรารู้สึกอึดอัดมากกว่าจะอินไปกับบรรยากาศ
เราใช้เวลาที่ Field Museum นี้เกือบ 4 ชั่วโมงก็ตกลงกันว่ากลับดีกว่า เพราะพราวเริ่มเหนื่อยและงอแง เอด้าก็เริ่มเบื่อ แล้วเรายังต้องใช้เวลาเดินทางอีกร่วมชั่วโมงจึงจะถึงบ้าน...ส่วนตัวแล้วแม่คิดว่าที่นี่เป็นที่ๆ เหมาะสำหรับพาเด็กๆ มาเที่ยวมากทีเดียว ห้องน้ำ ห้องเปลี่ยนผ้าอ้อม ร้านอาหาร ทางลาดสำหรับรถเข็นก็มีเพียงพอ นิทรรศการก็มีส่วนที่สามารถ hand on ได้ ไม่น่าเบื่อ...เอาเป็นว่าพราวโตเร็วๆ นะลูก แล้วแม่จะพากลับมาใหม่
Create Date : 04 กันยายน 2553 |
Last Update : 4 กันยายน 2553 13:54:13 น. |
|
4 comments
|
Counter : 1271 Pageviews. |
|
|