bloggang.com mainmenu search
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ในและต่างประเทศ ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 49 ( KTSUPB49 ) เสนอขาย ในวันที่ 15-22 สิงหาคม 2555 อายุโครงการ 6 เดือน มูลค่า 5,000 ล้านบาท 

โดยลงทุนในเงินฝากประจำ The Commercial Bank of Qatar เป็นธนาคารขนาดใหญ่ อันดับ 2 ในกาตาร์ ดำเนินธุรกิจทั้งธนาคารพาณิชย์ และธนาคารเพื่ออิสลาม มีองค์กรเพื่อการลงทุนของรัฐบาลกาตาร์ เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด , ลงทุนในเงินฝากประจำ Bank of China สาขามาเก๊า เป็นธนาคารภาครัฐถือหุ้นใหญ่โดยหน่วยงานเพื่อการลงทุนของรัฐบาลจีน มีบทบาทในการสนองนโยบายของภาครัฐ มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 17 ของโลก และขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของธนาคารในจีน และลงทุนใน MTN ออกโดย Banco Bradesco S.A. เป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่อันดับ 3 ดำเนินธุรกิจการเงินครบวงจรในบราซิล โดยทั้งหมดลงทุนในสัดส่วน 59% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝาก / ตราสารการเงินระยะสั้นธนาคารพาณิชย์ไทย/ ตั๋วแลกเงินบริษัทเอกชนไทย โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.15% ต่อปี 

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6 เดือน 5 ( KTSIV6M5) ประเภท Roll Over อายุ 6 เดือน เสนอขายตั้งแต่วันที่ 14 - 17 สิงหาคม 2555 เป็นกองทุนที่ลงทุนในเงินฝาก บัตรเงินฝาก ตั๋วแลกเงินของ ธนาคารออมสิน ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และ ตั๋วแลกเงินของภาคเอกชนที่มีอันดับเครดิตตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.90% ต่อปี สามารถซื้อผ่านสาขาธนาคารกรุงไทย ทั่วประเทศ หรือผ่านทาง //www.ktamsmarttrade.com เพื่อความสะดวก และสามารถชำระค่าซื้อโดยการตัดบัญชีได้ถึง 3 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และ ธนาคารกสิกรไทย 

สำหรับภาวะการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ เริ่มปรับตัวลดลง หลังจากมีแรงเทขายทำกำไร เมื่อคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อย่างไรก็ตาม การประกาศตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือน ก.ค.อยู่ที่ 2.73% โดยเฉลี่ย 7 เดือนแรก เพิ่มขึ้น 2.92% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ แม้ว่าในครึ่งหลังของปีนี้ อัตราเงินเฟ้อมีโอกาสเพิ่มขึ้นสูงกว่าครึ่งปีแรก แต่โดยเฉลี่ยทั้งปีอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะต่ำกว่าที่ทางการคาดการณ์ไว้ที่ 3.50% นอกจากนี้ สำนักเศรษฐกิจต่างๆ เริ่มทยอยปรับลดประมาณการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจของไทยลง รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจในต่างประเทศที่แสดงการฟื้นตัวล่าช้าและยังมีโอกาสที่จะถดถอย ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะคงอยู่ในระดับเดิมหรือมีโอกาสปรับลดลงภายในปีนี้ ส่งผลให้มีแรงซื้อตราสารหนี้โดยเฉพาะตราสารหนี้รุ่นอายุ 3-5 ปี และตราสารหนี้รุ่นอายุไม่เกิน 1 ปี มีแรงซื้อค่อนข้างมาก

Create Date :15 สิงหาคม 2555 Last Update :15 สิงหาคม 2555 8:01:18 น. Counter : 1410 Pageviews. Comments :0