bloggang.com mainmenu search
สวัสดีค่ะ กิ๊บนะคะ

วันนี้กิ๊บมาชวนเที่ยวกันอีกแล้ว หลายๆคนที่ติดตามกันคงจะพอทราบว่ากิ๊บเป็นคนชอบท่องเที่ยวม้ากมาก มีเวลาจากงานประจำและการเขียนบลอคปั๊บต้องขอไปเที่ยวทันที หลังๆนี่ส่วนใหญ่จะไปดำน้ำ แต่ไม่ได้มาเขียนบลอคเล่าให้ฟังกันสักเท่าไหร่ รอบนี้เป็นการไปยุโรปในรอบสามปี เป็นทริปอลังการเริ่มตั้งแต่วันที่ 4-15 กันยายน 2557 เป็นเวลาทั้งหมด 13 วัน 12 คืนที่จะไล่เที่ยวไปตั้งแต่ Paris – Nice – Monaco – Cannes – Barcelona และแถมท้ายแบบไม่ได้ตั้งใจไว้ก่อนคือ Amsterdam เรียกได้ว่าผจญภัยทั่วยุโรปเลยฮะ ทั้งหมดนี้ Backpack ไปเองหมด และมีบางช่วงที่ไปคนเดียว เที่ยวตลุยเดี่ยวด้วย ก็รู้สึกว่าอยากจะเอามาเขียนเป็น diary ไว้เผื่อใครจะอยากไปตามรอยกันบ้างนะ ฮิฮิฮิ

ทริปนี้กิ๊บวางแผนเองหมดเลย จริงๆการไปเที่ยวส่วนนึงที่สนุกก็ตรงวางแผน คิดทริป จองโรงแรม หาตารางรถไฟเนี่ยล่ะนะ แต่คิดอีกที ก็เหนื่อยตรงนี้เหมือนกันล่ะ 555

เอาภาพตัวอย่างจากทริปนี้ มาให้ดูกันก่อนว่า ได้ไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง แล้วจะมาแบ่งเป็นตอนๆ ค่อยๆรีวิวให้ดูกันนะจ้ะ ตอนแรกนี้ขอมาเล่ารายละเอียดการเตรียมตัว และประสบการณ์ดีๆกับการบินกันสายการบิน Air France หน่อย เพราะกิ๊บได้เข้าไปใช้บริการ sky lounge และได้นั่งที่นั่งแบบ Premium economy ด้วย ถ้าอยากรู้ว่าเป็นยังไง ต้องรอติดตามชมค่ะ

Eiffel tower



Notre Dame Cathedral


Pont des Arts


Sainte Chapelle


Montmatre – Moulin Rouge
Musee du Louvre 


Arc de Triomphe


Mont St. Michel


Loire Valley – Chateau de Chenonceau


Loire Valley – Chateau Chombord


Nice



Eze village

Monaco


ขั้นตอนการไปเที่ยวประเทศฝรั่งเศสก็ไม่ยากเลยค่ะ เริ่มจากหาตั๋วเครื่องบินก่อน

ทริปนี้กิ๊บได้สปอนเซอร์ตั๋วเครื่องบินจากสายการบิน Air France มา 1 ที่นั่งนะคะ เลยไม่ได้ทำการจองเอง แต่จองให้เพื่อนที่ไปด้วยกันอีกคนทางอินเตอร์เนตค่ะ ไม่ยากเลยจริงๆ เข้าไปดูตั๋วเครื่องบิน โปรโมชั่นต่างๆและรอบบินที่มีได้ทางนี้เลยค่ะ www.airfrance.co.th / call center 02-610-0808 / 00-1800-441-0771

หลายๆคนจะคิดว่าบินไปยุโรปอย่างฝรั่งเศสกับสายการบินชั้นนำ อย่าง Air France แบบนี้ จะแพงรึเปล่า แต่จริงๆเค้ามี promotion อยู่เรื่อยๆนะ ขนาดของเพื่อนกิ๊บ กิ๊บจองให้ก่อนเดินทางแค่สองอาทิตย์ยังได้ราคาไม่แพงมากเลย ประมาณ 33000 บาทรวมภาษีสนามบินค่ะ แต่ถ้าใครอยากได้ promotion ดีๆ เข้าไปดูได้ที่ www.facebook.com/Airfrance
เค้ามีกิจกรรมร่วมสนุกลุ้นรับตั๋วฟรี และข่าวสารอื่นๆด้วย และยังสมัครรับข่าวสารทางอีเมล์ได้ที่นี่ค่ะ //alturl.com/t9ja9

พอจองทางอินเตอร์เนต ก็ได้ Electronic ticket มาแล้ว หน้าตาเป็นแบบนี้ แค่นี้ก็เริ่มต้นวางแผนการเดินทางได้แล้วจ้า


ที่สำคัญและต้องรีบทำที่สุดก็คือ Visa ใช่มั้ยคะ เดินทางเข้าฝรั่งเศสตอนนี้ ต้องขอเป็น Schengen visa ค่ะ ข้อดีคือทำให้เราไปเที่ยวประเทศอื่นๆในยุโรปได้ตามใจอยากเลย เหมือนอยากกิ๊บ วีซ่าเดียวตลุยสามประเทศ สะใจกันไปข้างเลย

Schengen visa ของแต่ละประเทศในยุโรปก็ต้องขอตามประเทศที่เราเดินทางเข้ายุโรปเป็นประเทศแรก หรือเป็นประเทศที่เราจะเดินทางเป็นที่หมายหลักเนอะ อย่างกิ๊บเข้ายุโรปทางฝรั่งเศส และอยู่ที่ฝรั่งเศสนานที่สุด ก็ต้องขอ Schengen visa จากประเทศฝรั่งเศสค่ะ แต่ละประเทศเค้าจะมีที่ติดต่อในการขอ visa ที่แตกต่างกันไป แต่ของฝรั่งเศสจะติดต่อที่ TLS Center ดูรายละเอียดได้ที่นี่เลยค่ะ https://www.tlscontact.com/th2fr/login.php?l=th ใช้เวลาในการนัดและขอวีซ่าไม่ได้นานมากนะคะ แต่ยังไงก็ควรเผื่อเวลาไปขอวีซ่าก่อนเดินทางประมาณ 1 เดือนนะ ไม่งั้นมันกระชั้นชิดมากไป แอบบอกนิดนึงว่าเดี๋ยวนี้ต้องใช้ electronic ticket ของสายการบิน และเอกสารการจองโรงแรมในการขอวีซ่าด้วยนะคะ เพราะฉะนั้น ต้องแพลนทริปให้เรียบร้อย จองโรงแรมให้เรียบร้อย แล้วเอาเอกสารไปขอวีซ่าค่ะ

แอบเสริมเรื่องการวางแผนเที่ยวนิดนึง เดี๋ยวนี้อะไรๆมันก็สะดวกขึ้นจริงๆนะ เทียบกับรอบที่แล้วที่กิ๊บวางแผนเองเมื่อ 2 ปีก่อน ตอนนี้มี application ในมือถือที่ช่วยได้ทุกอย่างเลยจริงๆ อย่างแผนที่แบบ offline ก็มี แทบจะวางแผนเที่ยวได้ใน app เดียวเลยอ้ะ แต่แนะนำๆๆๆๆมากๆ ว่าไปประเทศไหน ควรหาซื้อ sim ที่ใช้เล่นอินเตอร์เนตได้ เพราะว่าช่วยได้เยอะมากๆจริงๆ เวลาหลงทาง หรือเดินๆอยู่แล้วอยากหาร้านอร่อยๆ ก็แค่เปิดเนต มันง่ายสุดๆไปเลย อย่างกิ๊บไม่ได้แพลนเลยว่าจะไปเที่ยว Amsterdam แต่พอรู้ว่าจะไปปั๊บ คืนนั้นนั่งเปิดเนต แป้บเดียวก็ได้แพลนเที่ยวละ สบายจริงๆ

แอพที่แนะนำในการเที่ยวมีตามนี้เลย บอกก่อนนะค้า ว่ากิ๊บใช้ iOS เพราะฉะนั้นถ้าคุณใช้ Android ลองเชคดูก่อนน้า อาจจะมี app ใกล้เคียงกันจ้า


- Tripomatic อันนี้ใช้วางแผนทริป และมี offline map ให้ด้วย แบบละเอียดมากค่ะ

- maps.me เป็น app สำหรับ off line map

- Tripomatic france อันนี้จะมี mapแบบละเอียด และบอกถึงที่เที่ยวสำคัญๆที่ไม่ควรพลาด มีรายละเอียดของที่เที่ยวแบบ offline  ให้ด้วยค่ะ

- Ulmon อันนี้คล้าย tripomatic แต่ละเอียดกว่ามาก กิ๊บชอบ map ของตัวนี้ที่สุดค่ะ

- tripadvisor สุดยอดเวบที่คนชอบเที่ยวเองต้องรู้จัก เอาไว้หาโรงแรม หาที่เที่ยว โดยมี rating review แบบน่าเชื่อถือจากผู้ใช้เหมือนกัน ก่อนจองโรงแรมต้องเชค rating และรีวิวจากเวบนี้ก่อนเพื่อความชัวร์ค่ะ

- Airbnb เวบหาคอนโด อพาร์ตเมนต์ที่เปิดให้เช่าระยะสั้นๆ ตอนไป barcelona กิ๊บได้ลองใช้ด้วย ดีทีเดียวสำหรับคนที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศจากการนอนโรงแรมค่ะ

ยังมีอีกหลายแอพที่อยากแนะนำ ที่ขาดไม่ได้ก็แอพแปลภาษานะคะ ไว้ว่างๆจะมาเขียนเรื่องนี้ให้อ่านละเอียดกันค่ะ

พอเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็มาเริ่มเดินทางกันเลยดีกว่า

อย่างที่บอกว่าเดี๋ยวนี้ทำทุกอย่างได้ทางอินเตอร์เนตจริงๆ อย่างการ check in  เดี๋ยวนี้ ไม่ต้องไป airport เช้าเว่อร์ๆแล้วจ้า ก็แค่ check in ไปจากบ้านเลยก็ได้ สะดวกขึ้นเยอะ แถมลดระยะเวลาที่ต้องไปรอคิวที่ airport ด้วยนะ สามารถ check in online ได้ 30 ชั่วโมงก่อนเวลาเครื่องขึ้นค่ะ

 Air France เค้ามี app สำหรับการ check in ซื้อตั๋วเครื่องบิน เชคไฟลท์ต่างๆได้ กิ๊บเลยลอง Check in ทาง app ดูค่ะ วิธีการง่ายๆ ก็เข้าไปที่ app store แล้ว search air france จะขึ้น app นี้มาเป็นอันแรกเลยค่ะ


พอเปิดเข้ามาในแอพ จะเจอหน้า log in ถ้าเราต้องการซื้อตั๋วเครื่องบิน หรือ หาไฟลท์ ดู promotion ก็ข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลยค่ะ

แต่ถ้าจะ check in ก็แค่กรอก email  ที่เราใช้ในการจองตั๋วเครื่องบิน และ password ค่ะ เสร็จแล้วก็เลือกปุ่ม check in พอเข้ามาที่จอนี้เค้าจะให้เรากรอก ticket number หรือรหัสการจอง ก็แล้วแต่เราเลือกเลยค่ะ แล้วก็แค่กรอก flight number ที่เราจะบิน


แค่นี้เอง ก็จะเข้ามาเจอรายละเอียดของตั๋วเครื่องบินที่เราทำการจองไว้ เช็ครายละเอียดให้ถูกต้อง แล้วก็ติ๊กช่องว่าเราจะเตรียมเอกสารที่จำเป็นในการเดินทาง และไม่มีสิ่งต้องห้ามสำหรับการขึ้นเครื่อง แล้วกด continue

ก็จะเข้ามาที่หน้าจอที่มีรายละเอียดของตั๋วของเราค่ะ กิ๊บได้ที่นั่งเบอร์ 23A ซึ่งถ้าเราต้องการเปลี่ยนที่นั่ง หรือจะเพิ่มกระเป๋าที่จะโหลดขึ้นเครื่อง ก็สามารถทำการเปลี่ยนใน app นี้ได้เลยนะคะ (ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มตามที่สายการบินกำหนดค่ะ)


แค่นี้เองก็ check in เรียบร้อย ได้ boarding pass แล้วค่ะ ซึ่ง boarding pass นี้ใช้ขึ้นเครื่องได้เลย ไม่ต้องการเอกสารใดๆเพิ่มเติมแล้วนะ เพื่อนๆก็แค่ต้องไปโหลดกระเป๋าที่ counter check in ก่อน และไปที่ gate ก่อนเวลาเครื่องขึ้น 30 นาทีค่ะ(แต่เผื่อเวลาหน่อยก็ดีนะตัว)

  ทีนี้เวลาไป check in ก็เลือกเข้าช่อง drop off luggage ได้เลยค่ะ ซึ่งขั้นตอนการไปโหลดกระเป๋าที่ counter ที่ไทย ยังไม่ได้รวดเร็วขึ้นเยอะนะคะ เพราะยังต้องแสดงเอกสารอย่าง passport และชั่งน้ำหนักกระเป๋า ก็มีคิวอยู่บ้างล่ะ เพราะฉะนั้นก็ต้องไปเร็วหน่อยอยู่ดี แต่การ check in online จะช่วยให้รอคิวสั้นลง จากคิว check in ปกติที่อาจจะคิวยาวกว่าค่ะ

แต่ถ้าเป็นเมืองนอกนะ เร็วสุดๆไปเลยค่ะ อย่างขากลับกิ๊บ online check in  ทั้งที่ paris CDG และ amsterdam ไปถึงไม่มีคิวเลย แค่เอากระเป๋าเข้าโหลด เดินตัวปลิวเลยค่ะ และไม่ต้องไปที่ airport เร็วเลยจริงๆ สามารถไปถึง gate ก่อนเครื่องขึ้นสามสิบนาทีได้จริงๆ หวังว่าต่อไปบ้านเราก็จะพัฒนาให้เป็นแบบนั้นได้เร็วๆน้า  เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น check in online มันจะช่วยให้สบายม้ากมากจริงๆค่ะ

รอบนี้ ทาง Air France ได้อัพเกรดที่นั่ง ให้กิ๊บเป็นแบบ Premium Economy ด้วย เดี๋ยวรอดูกันนะ ว่าจะเป็นยังไง ต่างกับ economy มากน้อยขนาดไหน


แอบบอกนิดนึงว่า ของ Air France กระเป๋าโหลดเครื่องได้ 1 ใบ น้ำหนักไม่เกิน 23 kg นะคะ สามารถนำสัมภาระข้ึนเครื่องได้อีก 1 ใบที่ขนาดไม่ใหญ่และหนักเกิดนกว่าที่ทางสายการบินกำหนดค่ะ

แต่ทริปนี้ กิ๊บต้องบินในประเทศ ข้ามประเทศในยุโรปอีกเยอะมากๆ ซึ่งไฟลท์ในประเทศจะให้น้ำหนักไม่เกิน 20  kg แล้วประเทศทางยุโรปเค้าซีเรียสมากนะตัว ไม่มีแถมๆยืดหยุ่นแบบไทยนะคะ กิ๊บเคยต้อง repack และโยนของทิ้งที่สนามบิน frankfurt มาแล้ว รอบนี้เลยเข็ด เอาของไปแค่ 15 กิโล กะว่าต้องไปเพิ่มน้ำหนักจากของฝากและของที่เราซื้ออีก แถมไปคนเดียวด้วย แบกกระเป๋าไปให้เล็กที่สุดที่จะไม่ลำบาก (แต่ต้องพอใส่ชุดสวยไปเปลี่ยนทุกวัน) เรียกว่ากระเป๋าเล็กและเบาเป็นประวัติการณ์ 555

SKY LOUNGE

ก่อนขึ้นเครื่อง ทาง Air France ได้ให้กิ๊บเข้าไปใช้บริการ Sky Lounge ของเค้าด้วยค่ะ ซึ่งปกติ Sky Louge จะเป็นสิทธิ์ของผู้โดยสารแบบ Business และ First class และสมาชิกของบัตรต่างๆค่ะ เช็คสิทธิ์การใช้ได้ที่นี่เลยจ้า //www.airfrance.com/TH/en/local/resainfovol/meilleuresoffres/New_AF_KL_Lounge.htm

หรือผู้โดยสารชั้น economy ที่อยากเข้าใช้ก็สามารถใช้ได้นะ จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม 1000 บาท หรือ 750 บาทถ้าเป็นเด็กอายุน้อยกว่า 17 ปีค่ะ

ที่สนามบินสุวรรณภูมิ Sky Lounge อยู่หลังจาก check in ผ่านขั้นตอนตรวจ security แล้ว ทาง gate G ที่ชั้น 3  หาไม่ยากค่ะ

แอบตื่นเต้นที่จะได้เข้าไปใน sky lounge นะนี่ เพราะปกติ กิ๊บไม่เค้ยไม่เคยใช้บริการ lounge หรือห้องรอพิเศษของสายการบินเลยค่ะ


ด้านในบรรยากาศสบายๆดีค่ะ เงียบสงบดีด้วย ใครที่เดินทางบ่อยๆคงรู้ว่าบรรยากาศที่สนามบินมันวุ่นวายมากเนอะ นั่งก็ไม่สบาย พอได้มาเจออารมณ์สบายๆผ่อนคลาย นั่งชิลๆใน sky lounge แบบนี้ชักจะติดใจ 5555


นอกจากบรรยากาศสบายแล้ว เค้ายังมีอำนวยความสะดวกอื่นๆอีกเยอะเลยค่ะ มีหนังสือพิมพ์และนิตยสารให้อ่านฆ่าเวลา มี wifi ให้เล่นฟรีไม่จำกัดเลย มีปลั๊กไฟให้ใช้อุปกรณ์ electronic ได้เต็มที่ และที่ชอบมากกกก คือวิวด้านนอก เป็นวิวที่สวยมากค่ะ มองเห็นวิวงามๆ นั่งมองก็สบายใจแล้ว


ถ้าใครต้อง transit เครื่องนานๆ ก็สบายเลยค่ะ เพราะห้องน้ำเค้าอำนวยความสะดวกให้เต็มที่ มีห้องอาบน้ำ และมีไดร์เป่าผมไว้ให้บริการด้วย


แต่ๆๆๆๆ จุดเด่นที่สุด คงไม่แพ้เรื่องอาหารใช่มั้ย 555 กิ๊บเตรียมท้องมาเต็มที่ค่ะ เค้ามีอาหารเสริฟ์แบบบุฟเฟ่ต์ค่ะ ทานแบบเอาอิ่มหนึ่งมื้อได้เลยอ่ะ เพราะว่ามีอาหารให้เลือกทานเยอะมากๆ ถึงจะเป็นอาหารแบบทานเป็นคำๆ แต่ก็ปริมาณและมีให้เลือกเยอะสะใจ ชิมไปชิมมา อิ่มไม่รู้ตัว


อาหารก็มีให้เลือกหลากหลายนะ ทั้งอาหารฝรั่งแบบ sandwich, puff ขนมปัง มีติ๋มซำและซุปให้ทานด้วย ช่วงที่กิ๊บเข้ามาเป็นช่วงเช้าค่ะ ไม่แน่ใจว่าถ้าเป็นช่วงบ่ายและเย็น อาหารจะเปลี่ยนเมนูตามช่วงเวลารึเปล่า แต่บอกได้เลยว่า ที่ทานนะ อร่อยยยยย 


ยังไม่ทันจะเริ่มทริป ก็เริ่มเติมน้ำหนักกันแล้ว 5555 แล้วจะบอกว่า เป็นการใช้เวลาใน airport ที่ผ่านไปเร็วมากๆสำหรับกิ๊บเลยค่ะ เพราะว่านั่งเลือกอาหาร ทานขนม แค่แป๊บๆ อ้าว ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้วหรอ เพลินมากจนรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วจัง ปกตินั่งรอที่ airport บางทีเบื่อจนอยากจะร้องไห้ 555


นอกจากอาหารคาวหวานแล้ว ยังมีเครื่องดื่มให้หยิบจากตู้ทานได้เลยไม่อั้น และมีเครื่องดื่ม alcohol ด้วยค่ะ แต่กิ๊บขอตัวนะ ยังเป็นมื้อเช้าอยู่เลยจ้า

นั่งรอสบายๆไม่ต้องกังวลใจได้เลย เพราะพอถึงเวลา boarding time จะมีการประกาศให้เราทราบด้วยค่ะ


ออกเดินทางกันเลยดีกว่า ไฟลท์จากกรุงเทพ ไปฝรั่งเศส ใช้เวลาทั้งหมด ประมาณ 12 ชั่วโมง 30 นาทีค่ะ

เครื่องที่บินวันนี้เป็นของสายการบิน Air France แบบ Boeing 777-300 ER นะคะ เครื่องใหญ่ แถมใหม่ด้วย


PREMIUM ECONOMY

อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่า กิ๊บได้อัพเกรดที่นั่งเป็นแบบ Premium Economy ค่ะ ซึ่งไม่ใช่แค่ที่นั่งบนเครื่องและบริการที่แตกต่างนะ แต่ว่าตั้งแต่เช็คอนที่ airport ก็เริ่มได้รับความสะดวกสบายมากขึ้นแล้วล่ะ เพราะว่าสามารถเข้าแถวที่เคาทเตอร์เช็คอินแบบ Sky priority ได้เลย ซึ่งไม่มีคิวเลยค่ะ

และพอจะขึ้นเครื่อง ก็จะได้รับสิทธิ์ให้ขึ้นเครื่องก่อน เวลาลงจากเครื่องก็จะลงเป็นกลุ่มแรกเลยนะ

7787576452_fb3b6c4455_z

มาดูที่นั่งกันค่ะ ที่นั่งของกิ๊บได้รับการอัพเกรดเป็นแบบ Premium Economy ซึ่งจะมีขนาดเก้าอี้และพื้นที่ใหญ่กว่าแบบ economy มากขึ้นถึง 40% เลยค่ะ  นอกจากที่นั่งแล้ว ยังมีสิทธิพิเศษในเรื่องการเป็น sky priority ทั้งการ check in ที่จะทำได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น และตอนขึ้นเครื่องที่จะได้รับสิทธิ์ในการขึ้นเครื่องก่อนด้วย นอกจากนี้ บริการอาหารบนเครื่องก็จะ  premium มากขึ้นกว่าปกติด้วยนะ

ที่นั่งแบบนี้สามารถอัพเกรดได้ ตอนทำการจองที่นั่งค่ะ ถ้าจองไปแล้วก็สามารถอัพเกรดได้ตลอดจนถึงเวลา check in  นะคะ โดยราคาจะแตกต่างกันแล้วแต่เส้นทางการบินค่ะ แต่ว่าราคาก็จะเพิ่มขึ้นจาก economy ประมาณนึง ในเครื่องจะมี 32 ที่ต่อเครื่อง โดยอย่างเครื่องที่กิ๊บบิน cabin จะแยกเป็นสัดส่วนออกจากส่วน economy เลยค่ะ

ที่นั่งของกิ๊บกิ๊บเลือกแบบ window seat ค่ะเพราะชอบมองวิวนอกเครื่อง และชอบนอนพิงกำแพง 555 แต่พอมาเห็นที่นั่งแล้ว โอ้วววว เก้าอี้ใหญ่มากกก และมีพนักพิงใหญ่ ที่สามารถปรับตามศรีษะเราได้ด้วยอ้ะ อย่างงี้ไม่ต้องนอนพิงกำแพงแล้วจ้า

ที่แตกต่างชัดเลย คือ ขนาดและความสบายของเก้าอี้ที่นั่งเนอะ เก้าอี้แบบ premium economy จะมี lumbar support และมีพนักพิงศรีษะขนาดใหญ่ ที่ปรับได้ตามที่เราต้องการค่ะ ขนาดเก้าอี้จะใหญ่กว่าเก้าอี้ปกติเยอะเลย ทั้งความกว้างและพื้นที่สำหรับขา ทำให้ด้านที่นั่งฝั่งติดหน้าต่าง ที่ปกติในชั้น economy จะมีสามที่ พอเป็นแบบ premium economy จะเหลือแค่สองที่เท่านั้น แถมที่นั่งจะสามารถปรับเอนนอนได้มากกว่าปกติด้วย เรียกว่า นั่งและนอนสบายขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ

กิ๊บเคยนั่งสายการบินอื่นแบบ Business มาแล้ว ขอบอกว่า ไม่ต่างกันกับแบบ premium economy เลยค่า สบายมากพอๆกันเลย


ดูขนาดว่า seat belt ยังบุนวมและเป็นหนังเพื่อความนุ่มสบายอ้ะ และขาก็มีที่เหลือเยอะมากๆ กิ๊บเป็นคนขายาวนะคะ เพราะว่าสูงประมาณ 167 เซนติเมตร ปกตินั่ง economy ก็อึดอัดเล็กน้อยแต่ก็ทนไหว ไม่ถึงกับเมื่อยขาหรือไม่มีที่วางขาเหมือนคุณผู้ชายสูงๆขายาวๆ แต่พอมานั่ง premium economy แล้วแบบเหลือที่วางขาเยอะมากๆ สบายมากๆไปเลย


ถาดสำหรับวางอาหารก็สามารถพับออกมาได้มากกว่าปกติ ทำให้มีพื้นที่เยอะมากขึ้นค่ะ แต่ไม่ได้ทำให้เราอึดอัดเลยนะ เพราะอย่างที่อบกว่าเก้าอี้กว้างมาก เพราะฉะนั้นถึงจะเลื่อนโต๊ะออกมาได้เยอะก็ยังสบายค่ะ


อีกจุดนึงที่ surprise มากๆคือ มีช่องสำหรับชารต์ไฟสำหรับแต่ละที่นั่งด้วยค่ะ ไม่ต้องกลัวว่าจะใช้งานอุปกรณ์อิเลคทรอนิคจนไฟหมดแล้วล่ะ อย่างกิ๊บก็เล่น iPad ได้สบายเลย ชาร์ตไฟเพิ่มใหม่ได้ตลอดค่ะ


จุดเล็กๆที่กิ๊บแอบรู้สึกว่าน่ารักอีกอย่าง คือทุกที่นั่ง มีน้ำแร่ให้บริการแบบนี้ฮะ ไฟลท์ที่บินค่อนข้างนาน หลายๆคนคงรู้ว่า บางทีเราก็กระหายน้ำ แต่ยังไม่ถึงเวลาเสริฟอ่าเนอะ ก็ต้องขอน้ำอะไร ซึ่งสำหรับคนไทยอาจจะขี้เกรงใจ 555 แต่มีน้ำมาวางไว้ให้ตลอดเวลาแบบนี้ ก็สะดวกดีค่ะ


มาดูทีวีบนเครื่องบ้าง แต่ละที่นั่งจะมีจอทีวี เป็นของตัวเองเลยค่ะ ซึ่งเป็นระบบ interactive แบบจอสัมผัสด้วย เราควบคุมและเลือกโปรแกรมได้เอง หน้าจอสัมผัสออกจะทำงานช้านิดนึง เพราะเราอาจจะชินกะจอสัมผัสของมือถือนะ อันนี้จะดีเลย์กว่านิดหน่อย แต่ไม่ได้ใช้ยากอะไรค่ะ


โปรแกรมที่มีเลือกให้ชมบนเครื่องก็หลากหลายมากค่ะ ไม่ต้องกลัวว่ามาขึ้น Air France จะมีแต่หนังฝรั่งเศสให้ชมนะ 555 เพราะว่ามีหนังใหม่ๆเยอะเลย หรือถ้าเป็นคนชอบดูซีรี่ย์นี่ยิ่งไม่ต้องห่วงเลยค่ะ มีซีรี่ย์ใหม่ๆมาแบบครบทุกตอนทั้ง season ให้ดูเลยอ้ะ นอกจากนี้ก็มีเกมส์ให้เล่น เพลงให้เลือกฟัง หรือถ้าอยากชมข่าวก็มี แต่เป็นภาษาอังกฤษกับฝรั่งเศสนะจ้ะ ที่เก๋คือมีระบบ chat ระหว่างที่นั่งได้ด้วยนะ เผื่อนั่งไกลจากเพื่อน อยากจะแอบเม้ากันก็ทำได้สบายๆเลย

ไฟลท์นี้กิ๊บเลยนอนดูหนังสบายเลย ดูเรื่องชีวิตของ designer ​ชาวฝรั่งเศส Yves Saint Lorent ซะเลย ไหนๆจะไปฝรั่งเศสแล้ว จะได้แรงบันดาลใจในการเที่ยวและช็อปปิ้ง 5555


หลายๆคนชอบบ่นว่าหูฟังบนเครื่อง ไม่ดีเลย ดูหนังไม่สนุก ขอบอกว่า ถ้าบินกับ Air France แบบ  premium economy ไม่ต้องเซ็งเลยนะ เพราะหูฟังเค้าอย่างดีจ้า เป็นของแบรนด์ Sennheiser เสียงแน่น ชัดมาก แหม…เลิศแม้กระทั่งหูฟังอ้ะ คิดดู

ในทุกที่นั่ง เค้าจะมีกระเป๋าผ้าเล็กๆให้คนละใบฮะ พอเปิดมาจะเจอ อุปกรณ์จุ๊กจิ๊กที่ใช้ประโยชน์บนเครื่องบินนะ ตั้งแต่ ถุงเท้า ที่อุดหู แปรงสีฟัน ยาสีฟัน เข้าใจคิดดีค่ะ


มาดูที่อาหารกันบ้างฮะ เค้าบอกว่า Premium Economy จะเสริฟ์อาหารที่ premium กว่าปกติด้วยนะ กิ๊บได้ทานบนเครื่องสองมื้อฮะ

มื้อแรก เป็นสตูไก่ รสชาติโอเคเลย ทานแกล้มกับไวน์ที่เสริฟ์มาทั้งขวด อร่อยดี จะตินิดนึงว่าปริมาณน้อยไปนิด อิ่มแต่อิ่มแบบเบาๆท้องค่ะ



มื้อที่สองเป็นมื้อเบาๆ เป็นมักกะโรนีชีสค่ะ ขอบอกว่า ของหวานอร่อยมาก


ก่อนลงจากเครื่อง มีของที่ระลึกมาแจกกันด้วย พอแกะออกมาแล้วดีใจปลื้มปริ่ม เป็นของหวานจากร้าน Fauchon เบเกอรี่และร้านขนมชื่อดังของฝรั่งเศสที่เพิ่งมาเปิดสาขาที่ไทยไปไม่นานนี้ด้วยแหละ รีบหม่ำเลย เพราะขนมร้านนี้เค้าอร่อยมากจ้า


ขอบอกว่า ไฟลท์นี้ประทับใจมากๆเลยค่ะ เพราะว่า เป็นหนึ่งในไฟลท์ที่สบายที่สุดตั้งแต่เคยนั่งมาเลยแหละ เพราะที่นั่งที่เป็นแบบ Premium economy ที่ใหญ่และนั่งสบายมากๆ แล้วยังได้รับบริการทั้งบนไฟลท์และที่ airport แบบเหนือกว่าไฟลท์ปกติที่เคยได้รับมา สมเป็นที่นั่งแบบ premium จริงๆ ก็บอกเลยว่า ใครที่ต้องนั่งเครื่องบินนานๆ แล้วอยากได้อะไรที่ดีกว่า ในราคาที่ไม่ต้องสูงมากจนเกินเอื้อม ก็ลองเปลี่ยนมานั่งแบบ Premium Economy กันได้นะคะ เพราะที่เช็คมา ราคาสูงกว่ากันไม่มากค่ะ แต่บริการและความสบายมันเยอะกว่ากันจริงๆนะ

ก็ต้องขอขอบคุณสายการบิน Air France ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางครั้งนี้หลายๆอย่าง ทำให้รู้สึกว่า สโลแกนเค้าที่ว่า FRANCE IS IN THE AIR มันสมกับประโยคนี้จริงๆนะ 

วันนี้ก็ขอลาไปที่ตรงนี้ก่อนค่ะ แล้วตอนหน้า เรามาตลุยเที่ยวด้วยกัน รับรองว่า เต็มที่แน่นอน

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาชมค่ะ

Disclaimer – Sponsored by Air France


Create Date :22 ตุลาคม 2557 Last Update :22 ตุลาคม 2557 15:49:56 น. Counter : 2793 Pageviews. Comments :0