bloggang.com mainmenu search
การเดินทางมายังภูเก็ตครั้งนี้ของผม ถูกจุดประกายจากการสนทนากับพี่พนักงานของ Six Senses Hideaway คนหนึ่ง ช่วงกำลังนั่งเรือกลับจากเกาะยาวน้อย โดยที่ระหว่างทาง ก่อนจะถึงท่าเรือบนฝั่งภูเก็ต พี่เขาได้ชี้ให้ดูเกาะนาคาใหญ่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Six Senses Destination Spa รีสอร์ทที่ใช้ชื่อนี้เป็นแห่งแรกของเครือ Six Senses หลังจากนั้นผมก็เริ่มกลับมาหาข้อมูลเกี่ยวกับรีสอร์ทแห่งนี้และพบว่า Six Senses Destination Spa Phuket เป็นรีสอร์ทที่มีแนวคิดต่างจากรีสอร์ทอื่นๆ ที่เคยไปมา เป็นรีสอร์ทที่เน้นการรักษาสุขภาพของแขกที่เข้าพักเป็นสำคัญ ทำให้ที่นี่เหมาะสำหรับคนที่มีแนวคิดใส่ใจในสุขภาพ ต้องการที่จะพักผ่อนและรักษาสุขภาพไปพร้อมๆกัน และอาจจะไม่เหมาะสำหรับคนที่ชอบแสงสีความคึกคักตอนกลางคืน คนที่ติดรายการโทรทัศน์ หรือครอบครัวที่มีเด็ก

จริงๆแล้วหลังจากที่ทราบแนวคิดและแนวปฏิบัติของทางรีสอร์ท ผมเองก็ลังเลไปเหมือนกัน แต่ด้วยความที่อยากลอง และอยากเห็นการออกแบบห้องพัก ตัวอาคารและการจัดพื้นที่ในรีสอร์ท ประกอบกับโดยส่วนตัวแล้วก็มีแนวคิดในการรักษาสุขภาพ ทำให้ผมตัดสินใจไปพักผ่อนที่รีสอร์ทแห่งนี้ และก็ไม่ผิดหวังครับ ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศริมทะเลในรีสอร์ทที่เงียบสงบ น่าพักผ่อน ห้องพักที่ออกแบบมาอย่างดี เป็นวิลลาที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัวทุกหลัง การบริการสปาที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และที่ประทับใจมากอีกอย่างคือ อาหารที่ผมกังวลในตอนแรก เกรงว่าจะไม่คุ้นกับอาหารเพื่อสุขภาพของทางรีสอร์ท แต่พอได้ลองถือว่าโดยรวม รสชาติดีมาก และยังส่งผลดีต่อสุขภาพ ส่วนจุดด้อยของรีสอร์ทที่เจอมา คงเป็นที่ชายหาดหน้ารีสอร์ท เวลาน้ำลดจะเป็นหิน ไม่สวยมากนัก แต่พอน้ำขึ้น ชายหาดสวย น้ำใส สามารถเล่นน้ำทะเลได้ การเดินทางต้องนั่งเรือ อาจจะไม่สะดวกช่วงฝนตก คลื่นลมแรง แต่เป็นการนั่งเรือช่วงสั้นๆประมาณสิบนาที ลองมาชมภาพความประทับใจจากการไปเยือนรีสอร์ทแห่งนี้ในมุมมองของผม

ดูรีวิวที่เหมือนกันของผมจากห้อง BluePlanet ใน Pantip.com ได้ที่
//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8211839/E8211839.html

ผมขอวางแผงนิตยสาร online ชานไม้ชายเขา ฉบับที่ 52 ประจำเดือนสิงหาคม กับความประทับใจและประสบการณ์ใหม่ในรีสอร์ทเพื่อสุขภาพ บนเกาะนาคาใหญ่ ที่ชื่อว่า Six Senses Destination Spa Phuket


จากสนามบินภูเก็ต ถ้าใช้รถและเรือของทางรีสอร์ท จะใช้เวลานั่งในรถประมาณครึ่งชั่วโมงเพื่อมายังท่าเรือ อ่าวปอแกรนด์ มารีน่า จากนั้นนั่งเรือเร็วอีกประมาณ 10 นาทีก็จะถึงตัวรีสอร์ท ที่รีสอร์ทมีท่าเรือส่วนตัว มีรถกอล์ฟมารับหลังจากขึ้นจากเรือทันที ก่อนที่จะเข้าไปในตัวรีสอร์ท ทางรีสอร์ทจะให้แขกเข้าพักได้ตีฆ้อง 2 ครั้งและให้อธิษฐาน


ส่วนประกอบหลักที่สำคัญอย่างหนึ่งในการรักษาสุขภาพของทางรีสอร์ท คือการได้พักผ่อนในบรรยากาศที่ผ่อนคลายเงียบสงบ เป็นธรรมชาติ ติดทะเล


ห้องพักที่ออกแบบไว้น่าอยู่ มีสระว่ายน้ำ ห้องอบไอน้ำส่วนตัว มีกำแพงกั้นวิลลาแต่ละหลังเพื่อความเป็นส่วนตัว


ส่วนของการดูแลสุขภาพอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ร่างกายได้ผ่อนคลายคือการทำสปา



และส่วนที่สำคัญในการรักษาสุขภาพที่ขาดไม่ได้ คือเรื่องอาหารการกิน ที่ทางรีสอร์ทเน้นเฉพาะอาหารเพื่อสุขภาพ มีแปลงปลูกผักปลอดสารพิษอยู่ทั่วบริเวณรีสอร์ท เนื่องจากทุกๆส่วนล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้ดูแลรักษาสุขภาพให้แก่แขกที่เข้าพัก การเข้าพักที่นี่จึงเป็นแบบแพ็กเก็ตที่รวมทั้งค่าที่พัก อาหารทุกมื้อ และสปา



ต่อไปมาชมภาพของรายละเอียดแต่ละส่วน ภาพนี้เป็นที่นอนเล่นริมทะเล บรรยากาศดี


ป้ายที่ออกแบบได้เก๋ ข้างๆสระว่ายน้ำส่วนกลาง


บรรยากาศยามเย็นที่โรแมนติกบริเวณสระว่ายน้ำ ถ้าอากาศดี สามารถชมพระอาทิตย์ตกจากชายหาดหน้ารีสอร์ท


ผมจะพาไปชมห้องพักก่อนครับ ห้องพักที่นี่อยู่กระจายตามเนินเขา มีรั้วกั้นแยกห้องพักแต่ละห้องเพื่อความเป็นส่วนตัว ห้องแถวแรกที่เห็นวิวทะเลจะเป็นห้องพักแบบ Beach Pool villa เป็นห้องพักอยู่บนเนิน ส่วนห้องพักที่อยู่สูงขึ้นไปจะเป็นห้องพักแบบ Hill Pool villa นอกจากนี้ยังมีห้องริมหาดที่อยู่ใกล้ๆกับสระว่ายน้ำส่วนกลาง ห้องที่ผมจะพาไปชมเป็นห้องพักแบบ Beach Pool Villa ในรูปทางเข้าห้องพัก


มีผลไม้ต้อนรับ น่าทาน อยู่ในตู้เย็น


โต๊ะทำงานบรรยากาศดีที่สามารถชมวิวสระว่ายน้ำส่วนตัวด้านนอกและวิวทะเลจากมุมสูง


จดหมายต้อนรับจาก GM อยู่ในกระบอกไม้ไผ่ เท่ห์ดีครับ


โต๊ะทำงานบรรยากาศดีอีกภาพ นั่งอ่านหนังสือไปชมวิวไปได้เรื่อยๆ ที่นี่ไม่มีสัญญาณอินเตอเน็ตไร้สาย แต่จะมีช่องสัญญาณอินเตอร์ที่บริเวณโต๊ะทำงาน สามารถต่อสายใช้อินเตอเน็ตได้ครับ


บรรยากาศในห้องนอนที่มีทางเชื่อมไปยังห้องน้ำด้านหลัง


ห้องน้ำที่นี่จะแยกจากห้องนอน ภาพนี้เป็นภาพของห้องนอนเมื่อมองจากห้องน้ำ จะมีสวนต้นเตยหอมกั้น


ส่วนของห้องน้ำถูกออกแบบได้น่าใช้ มีที่นั่งเล่น ในส่วนห้องน้ำจะไม่เป็นส่วนปรับอากาศ


อีกมุมหนึ่งในห้องน้ำ สบู่ที่เห็นเป็นสบู่ตะใคร้


บรรยากาศในห้องนอนที่เห็นวิวทะเล โต๊ะทำงานที่เห็น ไม่ใช่โต๊ะญี่ปุ่นนะครับ เขาออกแบบเจาะพื้นลงไป สามารถนั่งทำงานเหมือนโต๊ะทั่วไป ทำให้เห็นวิวทะเลทั้งที่โต๊ะทำงานและบนเตียงนอน ในห้องนอนไม่มี ทีวี แต่มี iPod พร้อมลำโพง


ด้านนอกห้องมีศาลาไว้นั่งเล่น นอนเล่น อ่านหนังสือ ช่วงลมเย็นๆบางครั้งก็เผลอหลับไปเลย บรรยากาศดีมากครับ


ส่วนที่สำคัญมากอีกส่วนหนึ่งของ Six Senses Destination Spa คือส่วนที่เรียกว่า The 7th Sense ซึ่งคล้ายกับเป็นอาณาบริเวณที่ไว้สำหรับดูแลสุขภาพของแขกที่เข้าพักโดยเฉพาะ ในภาพเป็นทางเข้าไปยัง The 7th Sense


ส่วนนี้จะมีพื้นที่กว้าง มีส่วนของสปาตามแนวคิดชาวตะวันออกแตกต่างกันอยู่ 4 แนวคิดแยกเป็น 4 อาคาร คือ อาคารสปาแบบ อินเดีย จีน อินโดนีเซียและ ไทย ซึ่งแขกที่เข้าพักจะเริ่มต้นด้วยการได้รับคำแนะนำจากพนักงานว่า สปาแบบไหนจึงจะเหมาะกับวิถีการดำเนินชีวิต หรือจุดประสงค์ของการเข้าพักของแต่ละคน ในภาพเป็นส่วนต้อนรับของ The 7th Sense


อาคารนี้เป็นอาคารสปาตามแนวคิดแบบอินเดียที่ออกแบบได้สวยงาม


อีกมุมหนึ่งของอาคารสปาแบบอินเดีย


ห้อง Treatment ภายในอาคาร ผมมีโอกาสได้ใช้บริการ Indian Head Massage ซึ่งทำให้ผ่อนคลาย และสบายตัว สปาของ Six Senses ไม่ว่าเป็นที่ไหน ยังคงมาตราฐานเหมือนเดิม


การให้แสงที่ทางเดิน สวยงามมากทีเดียว ช่วงที่ผมไปนอกจากเย็นวันแรก วันอื่นๆวันตก ฟ้าปิดตลอด


ขออนุญาตเข้าไปถ่ายห้องสปาในแนวคิดแบบจีน บรรยากาศดี ได้มีโอกาสมานวด Fusion ที่นี่


ส่วนนี้เป็นทางเข้าไปยัง Hair Spa ผมไม่ได้ใช้บริการ แต่เห็นทางเข้าออกแบบได้สวยดี


ภาพนี้ ถ่ายตอนที่ติดฝนในอาคารสปา หามุมถ่ายไปเรื่อยๆ มีนวดอีกอย่างที่ผมชอบเป็นพิเศษ เรียกว่า Lomi Lomi มีการเปิดเพลงจังหวะสนุกๆ คนนวดก็เต้นไปด้วย ตามแนวคิดที่ว่า พลังงานจากการเต้นของคนนวด จะถ่ายทอดไปยังคนที่ถูกนวด


ห้องน้ำที่อยู่ใกล้ๆกับส่วนต้อนรับใน The 7th Sense



ต่อไปมาดูห้องอาหารครับ ห้องอาหารของรีสอร์ทมีอยู่สองส่วนคือ Ton Sai Restaurant ซึ่งเป็นห้องอาหารหลักอยู่ใกล้ๆสระว่ายน้ำส่วนกลาง บริการอาหารทุกมื้อ


พื้นห้องอาหารนี้ด้านล่างจะเป็นทราย สามารถเดินเท้าเปล่าเข้ามาทานอาหารได้เลย


ห้องอาหาร อีกส่วนคือ Dining at the point ช่วงที่ผมไปห้องอาหารส่วนนี้ยังไม่เปิดบริการเต็มรูปแบบ โดยเปิดให้บริการเฉพาะอาหารเที่ยงสำหรับบางวันเท่านั้น มาดูหน้าตาอาหารเช้า สำหรับอาหารเช้า สามารถสั่งอาหารจานหลักจากเมนู เช่น ออมเล็ตไข่ขาว ก๋วยเตี๋ยวปลา อื่นๆ ส่วน เบเกอรี่ ผลไม้ ซีเรียล อาหารทานเล่น ก๋วยเตี๋ยวสุขภาพ(ในรูป) น้ำผลไม้เป็นแบบบุฟเฟ่


ในส่วนของเบเกอรี่ ทางรีสอร์ทจะไม่ใช้เนย และยีสต์เป็นส่วนประกอบ แต่ก็ยังคงอร่อย นุ่มน่าทาน และมีแยมผลไม้


จานนี้เป็นก๋วยเตี่ยวปลา อาหารเช้าจานโปรดของผม


เริ่มสนุกกับการถ่ายภาพอาหารตั้งแต่ทริปไปราชบุรี ทริปนี้ยิ่งสนุกเข้าไปอีก อาหารเที่ยงก็จะคล้ายๆกัน คือสั่งอาหารจานหลักจากเมนู ซึ่งจะเน้นปลา หรือกุ้ง จะมีส่วนอาหารทานเล่นเช่น ยำวุ้นเส้นกุ้ง ส้มตำ สลัด อาหารว่าง ผลไม้ เป็นแบบ บุฟเฟ่ ส่วนอาหารเย็น เริ่มจากอาหารเรียกน้ำย่อย ขนมปังที่มีกระเทียมเผาแทนเนย สลัดผักที่มี ลูกแพร์ย่าง อร่อยทั้งสองจาน


ส่วนภาพนี้ ทางซ้ายเป็นอาหารจานหลัก จานนี้เด็ดสุดครับ เป็นปลาแซลมอล ส่วนด้านขวาเป็นอาหารหวาน ข้าวเหนียวดำราดกะทิกับแก้วมังกร จานนี้ไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ จืดไปนิด ห้องอาหารที่นี่จะไม่มีเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์บริการ แต่จะมีไวน์และแชมเปญของทางรีสอร์ทบริการเฉพาะหลังหกโมงเย็น


ช่วงที่ผมไปจะมีอยู่วันนึงที่อาหารเย็นเป็นบุฟเฟ่ บาบีคิวอาหารทะเล มื้อนี้อร่อยมากครับ มีทั้ง ภูเก็ตล๊อบสเตอร์ กุ้งตัวใหญ่ ปลา หอย และยังมี พิซซ่าที่สั่งแล้วอบกันสดๆตรงร้านอาหาร


โต๊ะอาหารในห้องอาหาร Ton Sai ใกล้ๆเตาบาบีคิว


ภาพนี้เป็นห้องสอนทำอาหาร ขอทางรีสอร์ทไปถ่ายก่อนที่จะมีการสอน ห้องสอนทำอาหารออกแบบได้เท่ห์มากครับ เป็นเหมือนถ้ำ เหมือนอยู่ชั้นใต้ดินของห้องอาหาร Ton Sai


มาดูพื้นที่ส่วนกลางต่อครับ บรรยากาศที่สระว่ายน้ำช่วงเย็นๆ


ที่นอนเล่น ริมทะเล ถ้าวันที่อากาศดี ช่วงเย็นๆนอนชมพระอาทิตย์ตกได้เลยครับ


และที่ขาดไม่ได้อีกอย่างสำหรับรีสอร์ทเพื่อสุขภาพคือ ห้องออกกำลังกายที่มีอุปกรณ์เยอะทีเดียว อยู่ใกล้กับชายทะเลและสระว่ายน้ำ


กลับมาดูห้องพักอีกนิดครับ บรรยากาศในห้องนอนที่น่าอยู่


ซุ้มเล็กๆน่ารักนี้ เป็นส่วนของอ่างอาบน้ำ ที่อยู่ในสวน บรรยากาศธรรมชาติ


ตัวซุ้มจะแยกจากห้องน้ำและห้องนอน สามารถวิวทะเลบางส่วน


ข้างๆซุ้มจะเป็นส่วนของฝักบัวฝนตกกลางแจ้ง


ในส่วนของห้องน้ำโปร่งสบาย มีห้องอบไอน้ำส่วนตัว และสามารถใช้เป็นห้องอาบน้ำ


บรรยากาศที่ห้องน้ำอีกภาพ ที่ห้องน้ำมีอ่างล้างหน้าสองอ่าง


จากห้องน้ำมีทางเดินไปยังสระว่ายน้ำด้านหน้าโดยไม่ต้องผ่านห้องนอน แสงไฟที่เห็นจากท่าเรืออ่าวปอ แกรนมารีน่า


บรรยากาศที่โต๊ะทำงานและสระว่ายน้ำในห้องอีกภาพ


เตียงนอนที่นุ่มน่านอนตามแบบฉบับของ Six Senses


บรรยากาศดีๆที่โต๊ะทำงานอีกภาพ ถ้ามี iPod ส่วนตัวอย่าลืมเตรียมเพลงเพราะๆให้เข้ากับบรรยากาศไปด้วยนะครับ


และก็บรรยากาศดีๆที่ศาลาด้านนอก


ช่วงท้ายของรีวิว มาดูส่วนอื่นๆอีกนิดครับ ภาพนี้คือส่วนของ Spa Gallery มีเสื้อผ้าและของที่ระลึกจำหน่าย


มุมสบายๆในส่วนของ reception ที่ The 7th Sense


ดอกไม้ใบหญ้ากับวิวทะเลหน้าห้องพัก


บรรยากาศสบายๆยามเย็นที่สระว่ายน้ำริมทะเลอีกซักภาพ ต้นมะพร้าวสองต้นนั้นเหมือนเป็นฝาแฝด ลำต้นโค้งเหมือนๆกัน


และก็ปิดท้ายด้วยภาพจากปกเช่นเคย บรรยากาศน่าพักผ่อนภายในห้องนอน ที่อยู่แล้วไม่อยากออกไปไหน


หลังจากที่ได้เข้าพักที่นี่ ผมประทับใจกับหลายๆอย่างของรีสอร์ทแห่งนี้มากทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นวิลลาที่น่าอยู่ บรรยากาศที่ติดทะเล เงียบสงบ สปาที่มีให้เลือกหลายแบบและยังคงมาตรฐานของ Six Senses และส่วนของอาหารเน้นอาหารประเภท ผัก ผลไม้ ปลา อาหารทะเล ไม่รู้สึกท้องอืด หรือแน่นท้องหลังจากทานอาหาร เลยทำให้ผมคิดว่ากลับมาที่บ้าน ต้องหัดทานอาหารประเภทนี้ให้มากขึ้นและลดเนื้อสัตว์อื่นๆลงบ้าง ในความคิดของผม แนวโน้มของรีสอร์ทที่มีแนวคิดรักษาสุขภาพของผู้เข้าพักน่าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะนอกจากจะได้พักผ่อนในบรรยากาศธรรมชาติ ทำให้จิตใจได้ผ่อนคลายแล้ว ร่างกายยังได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ได้ทานอาหารที่มีประโยชน์ ก่อนที่จะดูจุดเด่นและจุดด้อย ผมจะลองสรุปข้อมูลที่ควรทราบสำหรับรีสอร์ทแห่งนี้

ข้อมูลที่ควรทราบ
1. ภายในห้องพักมี iPod พร้อมลำโพง เพื่อความบันเทิง และสามารถขอใช้ดีวีดีแบบพกพาของทางรีสอร์ทเนื่องจากไม่มี ทีวีบริการ มีช่องสัญญาณไว้ต่ออินเตอร์เน็ต(แบบมีสาย)
2. ทางรีสอร์ทอนุญาตเด็กอายุ 16 ปีขึ้นไปเท่านั้นเข้าพัก
3. เพื่อให้เกิดบรรยากาศพักผ่อนอย่างเต็มที่สำหรับแขกทุกๆคน ทางรีสอร์ทไม่แนะนำให้แขกใช้โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์แบบพกพา บริเวณพื้นที่ส่วนกลาง แต่สามารถใช้ได้ในวิลลาส่วนตัว
3. มีออแกนิคไวน์และแชมเปญ บริการหลัง หกโมงเย็น ไม่มีเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลเช่น เหล้า เบียร์ บริการ
4. อาหารของที่นี่จะเน้นอาหารเพื่อสุขภาพ ปลา ผัก และอาหารทะเล ไม่มี เนื้อหมู เนื่อไก่ เนื้อวัว อาหารเบเกอรี่จะไม่ใช้เนย หรือยีสต์
5. การถ่ายภาพในรีสอร์ทต้องพยายามไม่ไปรบกวนความเป็นส่วนตัวของแขกท่านอื่น ในบางสถานที่ต้องขออนุญาตเป็นพิเศษ

ลองมาดูสรุปจุดเด่น จุดด้อยในมุมมองของผม
จุดเด่น
- พื้นที่รีสอร์ทกว้าง บรรยากาศธรรมชาติ เงียบสงบ ติดทะเล สามารถชมพระอาทิตย์ตกที่ชายหาดหน้ารีสอร์ท
- เป็นรีสอร์ทที่เน้นเรื่องสุขภาพ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการพักผ่อนและรักษาสุขภาพไปพร้อมๆกัน
- ห้องพักออกแบบได้ดี ห้อง Beach pool villa ที่ผมเข้าพักเห็นวิวทะเล บรรยากาศดี มีสระว่ายน้ำส่วนตัวที่เป็นระบบน้ำเกลือ
- ห้องน้ำในห้องพักน่าใช้และบรรยากาศธรรมชาติ มีอ่างอาบน้ำ ฝักบัวฝนตก ที่อาบน้ำในห้อง และห้องอบไอน้ำส่วนตัว
- มีอาคารสปา 4 แบบและ สปาหลายเมนูไว้ให้บริการ มีห้อง Fitness สระว่ายน้ำส่วนกลางริมทะเล
- ห้องอาหารบรรยากาศดี เน้นอาหารเพื่อสุขภาพ รสชาติอาหารดี ทางรีสอร์ทมีแปลงปลูกผักปลอดสารพิษ
- การบริการจากพนักงานทุกๆคน ทุกๆแผนก ดีมาก มีใจบริการ ยิ้มแย้มทักทาย ช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ
- ถึงแม้ตัวรีสอร์ทจะอยู่บนเกาะ แต่นั่งเรือไม่นาน

จุดด้อย
- ชายหาดหน้ารีสอร์ทช่วงน้ำลดจะเป็นหิน ไม่สวยงามมากนัก แต่ช่วงน้ำขึ้นชายหาดสวย น้ำใสน่าเล่นน้ำ
- เนื่องจากตัวรีสอร์ทอยู่บนเกาะ อาจจะไม่สะดวกในการเดินทางช่วงฝนตกหรือลมแรง

จากความประทับใจในการมาเยือน Six Senses Destination Spa Phuket ในครั้งนี้ ผมต้องขอขอบคุณ คุณ Ana Maria(GM,MD) คุณ Lionel (Director of Operations) คุณ Anja(Executive Manager to MD) ที่ต้อนรับเป็นอย่างดียิ่งและด้วยความเป็นกันเอง ขอบคุณเป็นพิเศษ คุณยุทธ คุณหญิง (Butler) คุณหนู น้องเง็ก (แผนกต้อนรับ) น้องแท็ด คุณพล และพนักงานสปา คุณอีฟ คุณพร คุณน้อง คุณตุ๋ย รวมถึงพนักงานทุกๆคนไม่ว่าจะเป็นที่ห้องอาหาร สปา และส่วนอื่นๆทุกๆส่วน ที่ให้การต้อนรับ และความช่วยเหลือเป็นอย่างดี มีโอกาสคงได้กลับไปนอนเล่น พักผ่อนที่นี่อีก และก็ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์ที่เข้ามาทักทาย จ่ายค่านิตยสารกันเช่นเคยครับ


เวปของรีสอร์ท
Resort Website: //www.sixsenses.com/Six-Senses-Destination-Spa-Phuket
ตรวจสอบราคาห้องพัก ณ ปัจจุบันได้ที่ เวปของรีสอร์ท
ผมแนะนำให้ลองโทรไปที่ฝ่ายจองห้องพักของ Six Senses โดยตรง อาจจะมีโปรโมชันสำหรับคนไทยที่ราคาต่ำกว่าในเวป
Architecture : Habita Co., Ltd.
Create Date :17 สิงหาคม 2552 Last Update :18 สิงหาคม 2552 15:05:28 น. Counter : Pageviews. Comments :163