bloggang.com mainmenu search

ความรักเป็นหัวข้อที่ถูกศึกษามาอย่างยาวนาน และปรากฏอยู่ในแทบจะทุกแง่มุมของชีวิตเราทั้งหนัง เพลง ละคร งานเขียน บทกวี งานศิลปะ ถึงอย่างนั้น ความรักก็ยังเป็นความซับซ้อนที่สุดสิ่งหนึ่งของมนุษย์ ความรักเป็นเหมือนดาบสองคม ด้านหนึ่งมันช่วยเปลี่ยนโลกทั้งใบของคนหนึ่งให้สดใส มีความหมาย มีพลังได้ แต่อีกด้านก็สามารถทำลายชีวิตคนหนึ่งให้พังทลายได้เช่นเดียวกัน ความรักเป็นสิ่งสำคัญตั้งแต่คนเรายังไม่ออกจากท้องแม่ และสำคัญในทุกแง่มุมของชีวิต 

ความรักถูกสร้างภาพให้สวยงามหอมหวานผ่านนิยาย หนัง ละคร แต่ความจริงแล้ว ความรักเองก็ถูกใช้เป็นเครื่องมือหรือข้ออ้างในการทำร้าย ควบคุม บงการคนอื่นเช่นเดียว ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ที่บอกให้ลูกต้องทำตามความต้องตัวเองเพราะบอกลูกว่านั่นคือความรัก สามีที่บังคับให้ภรรยาทำสิ่งที่เขาไม่ต้องการโดยใช้ความรักเป็นข้ออ้าง เราอยู่ในสังคมที่พยายามบอกเราว่าความรักคืออะไรอยู่เสมอ โฆษณาอาจบอกว่าแหวนเพชรคือความรักที่นิรันดร์ เทศกาลวาเลนไทน์อาจบอกว่าดอกไม้สีแดงช่อโตคือความรัก เราถูกกรอกหูอยู่แทบตลอดเวลา การมีนิยามความรักของตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะมันจะไม่ทำให้เราหลงไปกับอะไรที่ไม่ใช่ตัวเอง และนำมาซึ่งความว่างเปล่าในที่สุด

ความรักเป็นสิ่งที่มีนิยามที่หลากหลาย บางคนบอกว่ามันคือความผูกพัน บางคนบางบอกมันคือการอยากอยู่ใกล้ บางคนบอกว่ามันคือการคิดถึงเขาทุกวินาที แต่ละคนล้วนมีนิยามความรักในแบบของตัวเอง

สิ่งที่ถูกเข้าใจผิดบ่อยๆ ว่าเป็นความรัก  ความคิดถึง บางครั้งเราคิดถึงคนบางคนก็เพียงเพราะความเคยชินที่เขาตอบสนองความรู้สึกได้ จึงต้องระวังเพราะถ้าไม่รู้ทันความรู้สึกอาจหลงคิดว่านั่นคือความรัก เซ็กส์ การมีเซ็กส์กับคนหนึ่งแล้วรู้สึกดีไม่ได้แปลว่ารักเสมอไป บางครั้งอาจหมายความว่าเขารู้ใจว่าคุณชอบอะไร ความตื่นเต้น ความตื่นเต้นดีใจเวลาที่ได้อยู่ใกล้เขา เขาทำดีด้วย ไม่ได้แปลว่านั่นคือความรักเสมอไป เรื่องแบบนี้หลายครั้งก็เหมือนการเล่นการพนันตรงที่เรารู้สึกดีรู้สึกลุ้นที่จะได้บางสิ่งจากการพนันแต่ก็ไม่ได้แปลว่าการพนันนั้นทำให้เรารู้สึกดีจริงๆ มันเป็นเพียงแค่ความตื่นเต้นเพียงชั่วคราว รักเพราะเขาทำบางสิ่งให้ เรื่องนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน ผมพึ่งเข้าใจผ่านการทำจิตบำบัด (self-analysis) ได้ไม่นาน เพราะต้องแยกให้ดีว่านั่นคือเรารักเขาเพราะเขาทำบางสิ่งให้ หรือรักที่เขาเป็นเขา แน่นอนว่าเราต่างก็ต้องการให้เขาทำดีด้วย แต่ต้องระวังว่ามันจะเป็นเงื่อนไขที่ผูกมัดแค่ว่า ถ้าคุณไม่ตอบสนองในสิ่งที่เราต้องการ เราก็จะไม่รักคุณ และใช้ความกลัวไม่ถูกรักของเขาเป็นการควบคุมให้เขาทำสิ่งต่างๆ ตามที่เราต้องการ เพราะนั่นไม่ใช่ความรัก แต่คือการต้องการได้รับการตอบสนอง

นิยามความรักของแต่ละคนแตกต่างตามประสบการณ์ที่ผ่านมา เด็กมักจะเรียนรู้นิยามความรัก หรือความหมายของความรักจากพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงดูหลัก พ่อแม่ที่ให้ความรักอย่างสม่ำเสมอ คอยอยู่ข้างๆ ไม่ตัดสิน พยายามทำความเข้าใจ ให้พื้นที่แต่ก็ไม่ห่างเหิน ก็จะทำให้เด็กเห็นภาพความรักแบบที่เขาถูกเลี้ยงดูมา ส่วนเด็กที่เติบโตมากับพ่อแม่ที่ไม่ค่อยมีเวลาให้ โมโหร้าย ใจร้อน ทำร้ายจิตใจ ก็มักจะนิยามความรักตามรูปแบบความรักที่คุ้นเคยในอดีต แต่เมื่อโตขึ้นเราไม่ได้เรียนรู้ความรักจากพ่อแม่เท่านั้น บางคนอาจเรียนรู้จากคุณครูที่สนิท บางคนเรียนรู้จากเพื่อน บางคนก็เห็นภาพจากคู่รักตัวเอง 

ความรักที่ดี

แต่ละคนมีประสบการณ์เรื่องความรักที่แตกต่างกัน คำว่า “รัก” ของแต่ละคนจึงมีความหมายต่างกัน ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมีสิ่งที่เป็น “จุดร่วมของความรักที่ดี” ที่เอามาชวนคุยกันได้ 

เวลาพูดถึงการรักตัวเอง เรามักจะเห็นบทความที่พูดถึงการกลับมามองข้อดีของตัวเอง กลับมาขอบคุณสิ่งต่างๆ ที่ผ่านมา เพื่อให้เราได้ดื่มด่ำและรู้สึกดีกับข้อดีของตัวเอง นั่นไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่มันอาจไม่ใช่การรักตัวเองอย่างแท้จริง เพราะมันยังคงไม่ได้มีการโอบกอด ยอมรับและทำความเข้าใจด้านมืดในตัวเองด้วย ซึ่งหมายถึง ด้านที่เราปกปิดไม่อยากนึกถึง ไม่อยากให้คนอื่นรับรู้ว่าเราเป็นแบบนี้ ด้านที่เรารู้สึกเกลียดตัวเองอยู่ลึกๆ และบางทีเราเองก็ไม่อยากรับรู้ด้วย หากเราสามารถโอบกอด ยอมรับ และไม่ผลักไสด้านเหล่านี้ในตัวเอง แต่ทำความเข้าใจอย่างแท้จริงว่าตัวตนที่ปลอม (false self) เหล่านั้นล้วนหล่อหลอมให้เรากกลายเป็นเราในวันนี้ และการที่เราเคยมีตัวตนที่ปลอมมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราได้เข้าใจความเจ็บปวด ความน่าเกลียดของมนุษย์ นั่นอาจเรียกว่า ‘การรักตัวเอง’ 

การรักคนอื่นก็เช่นกัน มันไม่ใช่เพียงแค่การมองเห็นข้อดีของเขาแล้วก็สนใจหรือชอบ การเห็นข้อดีของอีกฝ่ายเป็นสิ่งสำคัญในหลายงานวิจัยทางจิตวิทยาของคู่รักที่ประสบความสำเร็จ แต่การโอบกอดและยอมรับข้อเสียของอีกฝ่ายก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน ความรักจะทำให้เรารู้สึกว่า เราเห็นข้อเสียของคุณนะ แต่เราก็เห็นว่าคุณมีข้อดีเช่นเดียวกัน ไม่ใช่ว่าเราไม่หงุดหงิดกับข้อเสียของคุณ เพียงแค่เรารู้ว่ามันไม่ใช่ทั้งหมดของคุณและความรักก็ทำให้เราอยากยอมรับคุณแบบไร้เงื่อนไข แล้วเราก็พร้อมที่จะปรับปรุง พัฒนา อยู่ข้างๆ คุณ – ที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียนั้น

เวลาพูดถึงความรักที่ไร้เงื่อนไข (unconditional love) ผมจะนึกถึงแม่เสมอ แม่เป็นคนที่เห็นข้อดีของผม แต่ก็เห็นข้อเสียอันมากมายด้วย แต่แม่ก็ยังยอมรับแม้ผมจะไม่สมบูรณ์แบบ การรักใครสักคนหนึ่งก็เป็นเช่นนั้น มันคือการยอมรับเขาแม้เขาจะไม่ได้ดีไปทุกอย่าง ยอมรับไม่ใช่การมองผ่านข้อเสียโดยไม่สนใจ แต่คือเราจะไม่เอาข้อเสียของเขาไป ‘ตัดสิน’ หรือทำร้ายให้เขารู้สึกแย่กับตัวเอง เพราะเรารู้ว่าความรักที่ไร้เงื่อนไขจะเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เรามีความสัมพันธ์ที่ดี ความรักที่ไร้เงื่อนไขอีกอย่างที่ผมค้นพบในการทำจิตบำบัดคือ การที่เรารักใครสักคนโดยที่ไม่หวังผลตอบแทน ไม่คิดว่าเขาจะให้สิ่งนี้ฉันไหม สิ่งที่ฉันให้มันจะคุ้มค่าไหม

อันที่จริงเรื่องการยอมรับอย่างไร้เงื่อนไขเป็นเคล็ดลับสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์เลย คุณลองนึกถึงคนที่คุณรู้สึกปลอดภัย อบอุ่น เข้าอกเข้าใจดูสิ เขาน่าจะมีคุณสมบัตินี้อยู่ในตัว นักจิตวิทยาหรือนักบำบัดหลายคนที่ต้องทำงานกับผู้ใช้บริการที่มีบาดแผลทางจิตใจก็ใช้แนวคิดนี้เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ใช้บริการเช่นเดียวกัน

อันที่จริงความลับของการมีความรักอย่างไร้เงื่อนไขอาจเป็นการที่เราพยายามสำรวจความสัมพันธ์ดูว่า ‘อะไรคือเงื่อนไขในการรักของเรา’ อะไรคือสิ่งที่ถ้าเขาไม่ทำให้แล้วเราจะไม่รัก 

https://sg246.com/]

 
Create Date :23 เมษายน 2567 Last Update :23 เมษายน 2567 18:47:31 น. Counter : 72 Pageviews. Comments :0