bloggang.com mainmenu search


ช่วงนี้ได้ออกไปเที่ยวถ่ายภาพ นอกบ้านน้อยมาก ครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน
ได้ไปเก็บภาพประเพณีลากพระได้แค่ช่วงสั้นๆ ครับ เนื่องจากสุขภาพ
ไม่แข็งแรง ภาพที่ได้จึงไม่ค่อยสวย และครบถ้วนเท่าไหร่





กำเนิดประเพณีลากพระ
ประเพณีลากพระหรือประเพณีชักพระ จัดขึ้นหลังวันปวารณาออกพรรษา 1 วัน
ตามความเชื่อตามพุทธประวัติที่ว่า "เมื่อครั้งที่พระสัมมาสัมพุทธพุทธเจ้า
เสด็จแสดงธรรมเทศนาโปรดพุทธมารดา ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หรือดุสิตเทพพิภพนั้น
พระองค์ได้เสด็จกลับมายังมนุษย์โลกทางบันไดแก้วถึงที่ประตูเมืองสังกัสสะในตอนเช้าตรู่
วันแรม 1 ค่ำเดือน 10 ตรงกับวันออกพรรษา
พุทธบริษัทต่างยินดี จึงอันเชิญพระพุทธองค์ขึ้นประทับบนบุษบก ที่ได้จัดเตรียมไว้
แล้วแห่แหนกลับไปยังที่ประทับ "

และจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ในจดหมายเหตุของพระภิกษุจีน
ชื่อ "อี้จิง" ทำให้ทราบว่า ประเพณีลากพระในภาคใต้
มีมาตั้งแต่สมัยศรีวิชัย
โดยได้บันทึกไว้เมื่อครั้งที่ท่านได้จาริกผ่านคาบสมุทรมาลายูเพื่อไปศึกษาพระพุทธศาสนาที่ประเทศ
อินเดียช่วงปี พ.ศ. 1214-1238 ซึ่งมีประเพณีลากพระของชาวเมือง "โฮลิง"
ซึ่งเป็นชื่อเดิมเมืองนครศรีธรรมราชว่า "พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์องค์หนึ่ง
มีคนแห่แหนนำมาจากวัด โดยประดิษฐานบนรถหรือบนแคร่ มีพระสงฆ์และคราวาสหมู่ใหญ่แวดล้อม
มีการตีกลองและบรรเลงดนตรีต่างๆ มีการถวายของหอม ดอกไม้ และถือธงชนิดต่างๆ
ที่ทอแสงในกลางแดด พระพุทธรูปเสด็จสู่หมู่บ้านด้วยวิธีดั้งกล่าวนี้ภายใต้เพดานกว้างขวาง"

นอกจากนี้ ประเพณีลากพระ ก่อให้เกิดประเพณีและวัฒนธรรมอื่นๆ
ที่สืบเนื่องอีกหลายประการ เช่น ประเพณีชันโพนหรือแข่งโพน
ประเพณีชัดต้ม และการเล่นเพลงแข่งเรือ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีความเชื่อที่ว่า
จะทำให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล การลากพระในหลายท้องถิ่นมักอันเชิญ
พระพุทธรูปปางคันธาราษฏร์ (ปางขอฝน) ประดิษฐานบนเรือ
และตกแต่งเรือพระเป็นรูปพญานาคตามคติความเชื่อที่ว่า
พญานาคเป็นผู้ให้น้ำแก่มนุษย์โลก



เรือพระ
รู้จัก "เรือพระ"
(1) บุษบก
บุษบก หรือ ปราสาท สร้างขึ้นสำหรับประดิษฐานสิ่งสำคัญในศาสนา เช่น พระพุทธรูปองค์สำคัญ หรือ
พระบรมสารีริกธาตุ

(2) เขาพระสุเมรุ
ตามคติในศาสน่พราหณ์ และพุทธศาสนา คือ ภูเขาที่เป็นหลักของโลก ตั้งอยู่จุดศูนย์กลางของโลก
หรือจักรวาร เป็นที่อยู่ขอสิ่งมีวิญญาณในภพและภูมิต่างๆ

นาคราชพันโอบเขาพระสุเมรุ
ครั้งหนึ่งเมื่อพระพุทธเจ้าได้เสด็จพร้อมด้วยพระอรหันต์เพื่อไปยังเทวโลก ได้ผ่านวิมานของเหล่าพญานาค
ที่กำลังมีการรื่นเริงกันอย่างสนุกสนาน เมื่อเห็นคณะสงฆ์ผ่านไปเหนือวิมาน จึงโกรธมาก แปลงกายเป็นนาค
ขนาดใหญ่พันโอบเขาพระสุเมรุด้วยขดถึง 7 รอบแล้วแผ่พังพานบังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เอาไว้ เพื่อไม่ให้
พระพุทธเจ้าและ พระอรหันต์ผ่านไปได้

(3) พระพุทธรูปปางเปิดโลก
เป็นพระพุทธรูปตามพุทธประวัติเมื่อครบกำหนด 3 เดือน ที่พระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปจำพรรษาโปรดพุทธมารดา
จึงเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อยู่ในอิริยาบถยืนอยู่บนดอกบัว พระหัตถ์ทั้งสองห้อยลงข้างพระวรกาย แบฝ่า
พระหัตถ์ทั้งสองออกไปข้างหน้าเป็นกิริยาทรงเปิดโลก

(4)ธรรมจักรและครุท
จากพุทธประวัติ ที่ว่า พระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญเพียรจนได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ประทานเทศนา
เป็นครั้งแรกแก่พระภิกษุปัญจวัคคีย์ 5 รูป ณ เมืองพาราณสี การเทศนาครั้งนี้เรียกว่า "ปฐมเทศนา" โดยเรื่องที่
เทศนานั้นเรียกว่า"ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร"(พระสูตรว่าด้วยเรื่องพระพุทธเจ้าทรงหมุนธรรมจักรหรือล้อแห่งธรรม)

(5) พญานาคในพระพุทธสนา
เป็นตำนานเล่าขาน ของพญานาคที่ต้องการพ้นจากการเป็นนาค และต้องการเป็นมนุษย์ได้เร็วขึ้น จึงได้
บรรพชาอุปสมบทและเมื่อเผลอจำวัดจึงกลายร่างเป็นพญานาค พระพุทธเจ้าจึงให้โอวาทแก่นาคว่า
"จงไปรักษาอุโบสทในวันที่ 14 ที่ 15 และที่ 8 ของปักษ์นั้นแหละ และด้วยวิธีนี้เจ้าจะพ้นจาคการกำเนิด
เป็นนาค และจักกลับได้อัตภาพเป็นมนุษย์เร็วพลัน"
(ที่มา : หนังสือลูกผู้ชายต้องบวช ผู้แต่ง ญาณวชิระ)

(6) แม่ย่านางเรือ
เป็นคำศัพท์เฉพาะที่ใช้เรียกสิ่งศักสิทธิ์ ที่เชื่อกันว่าสถิตอยู่ประจำเรือแต่ละลำ โดยเชื่อว่าแม่ย่านางจะ
ดลบันดาลให้มีโชคลาภหรือประสบความสำเร็จตามปรารถนา



รูปที่ 1


รูปที่ 2


รูปที่ 3


รูปที่ 4


รูปที่ 5


รูปที่ 6


รูปที่ 7


รูปที่ 8


รูปที่ 9


รูปที่ 10


รูปที่ 11


รูปที่ 12


รูปที่ 13


รูปที่ 14


รูปที่ 15


รูปที่ 16 รูปรถติดครับ


รูปที่ 17 มาเที่ยวภายในงานสักเล็กน้อยครับ


รูปที่ 18


รูปที่ 19



รูปที่ 20


ปีนี้ได้ถ่ายภาพเฉพาะตอนกลางวัน ไม่ไปถ่ายตอนกลางคืนครับ


ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชม และติชมครับ
Create Date :28 ตุลาคม 2553 Last Update :28 ตุลาคม 2553 20:32:41 น. Counter : Pageviews. Comments :31