bloggang.com mainmenu search


    ในที่สุด บ้านผมก็ได้ขึ้นหัวข้องาน Landscape สักทีครับ แต่ยังไม่ได้เข้าอยู่นะครับ เพราะงานในตัวบ้านยังเหลือเก็บเล็กๆน้อยๆ อืดๆ เฉื่อยๆตามประสาโฟร์แมน จริงๆแล้วงาน Landscape เป็นงานที่ผมไม่เคยคิดจะทำเลยในช่วงสร้างบ้าน ในใจผมคิดว่าทำเสร็จ เคลียพื้นที่เป็นดินๆ แล้วอยู่ไปก่อน งานปูหญ้า จัดสวนค่อยว่ากัน เหตุผลเพราะตังค์หมดครับ และคิดว่าอยู่ๆไป อยากได้อะไรก็ค่อยๆเพิ่ม

    และถึงแม้ตอนนี้บ้านผมมีสนามหญ้า มีต้นไม้บ้างแล้ว ก็ยังมีความคิดเดิมครับ คือไม่จัดสวนแบบพรึ่บเดียวจบ ค่อยๆเติมดีกว่า เหตุผลก็เหมือนเดิมคือเงินครับ มีเงินบันดาลทุกสิ่งได้จริงๆ 555+ แต่ไม่มีเงินก็บันดาลได้นะครับ ตามกำลังทรัพย์ ดังนั้นงาน Landscape ของบ้านผม ณ ตอนนี้ มีแค่ระบบน้ำสปริงเกอร์, ปูหญ้า, รั้วต้นไม้ และต้นไม้ในวงเวียนแค่นี้ครับ มีต้นไม้ใหญ่ต้นเดียวเองคือต้นหูกระจง นอกนั้นยังโล่งๆ แต่ผมก็ชอบนะโล่งดี

   ก่อนจะไปดูของจริงที่บ้านผม ผมก็จะขอเกริ่นเรื่องการทำ Landscape สักเล้กน้อยนะครับ เผื่อใครที่หลงมาอ่าน Blog ผมจะได้ความรู้เรื่องจัดสวนติดไปบ้าง เพราะถ้าหาเองในเนต ความรู้เพียบ และกระจัดกระจาย และส่วนใหญ่ก็เน้นขายของซะมาก แต่เหมือนเดิมครับ ผมจะไม่เจาะลงลึกไปในขั้นตอนแบบละเอียดยิบยับ เพราะผมคงคอนเซปส์ User ครับ รู้เท่าที่ควรรู้และไปคุยกับ ผรม.ได้รู้เรื่อง แต่ไม่ถึงขนาดสอนอะไรนะครับ เพราะผมไม่ใช่มืออาชีพเน้อ 

(คำเตือน Blog นี้รูปเยอะและยาวมากกก)

     งาน Landscape แบ่งออกใหญ่ๆเป็นสองส่วนคือ Hardscape กับ Softscape งาน Hardscape ก็คือส่วนแข็งๆทั้งหมด แปลตรงตัวมาก ใช่ครับ ส่วนแข็งๆ ก็ได้แก่ดิน หิน ทราย เนินดิน น้ำตก รวมไปถึงแผ่นพื้นทางเดิน ศาลานั่งเล่น สถาปัตยกรรม และงานระบบต่างๆที่จะเอามาตกแต่งสวน ส่วน Softscape ก็คือบรรดาต้นไม้นานาพรรณเนี่ยแหล่ะครับ



Hardscape พวกฐานราก ระบบน้ำ ไฟ เนินดิน หิน รูปปั้น



Softscape ดอกไม้ นานาพันธุ์ สีสันมากมายกันไป กลิ่นหอม รันจวญใจ ประดับไว้ให้โลกนี้สวยงาามมม

    ถ้าเราต้องการให้สวนสวยๆ จัดออกมาแล้วเข้ากับหน้าตาของบ้าน มีการวางระบบที่ดี คำนึงถึงแสงแดดร่มเงา ก็ควรให้นักออกแบบภูมิทรรศหรือที่เราเรียกว่า landscape Man มาเป็นคนออกแบบให้ เราจะได้สวนที่ถูกต้องและถูกใจแน่นอนครับ ซึ่งก็ต้องมีค่าใช้จ่ายไม่ต่างกับการออกแบบสถาปัตย์ตัวบ้าน ราคาก็ราวๆ 10% ของค่าใช้จ่ายงานสวน หรือเราก็อาจตั้งงบให้เขา เช่นเรามีงบจัดสวนหนึ่งล้าน เขาก็จะออกแบบมาให้เราตามงบ เหมือนกับออกแบบบ้านเลยครับ



Landscape Plan ของนักจัดสวน สวยงาม อลังการ อลังเงิน


   ข้อดีอีกอย่างของการจ้างคนออกแบบงานสวน คือเขาจะวางระบบไว้ให้ด้วยเลย เช่นระบบน้ำ ไฟ ฐานรากของสิ่งปลูกสร้างเช่นศาลา รั้ว ทุกอย่างออกมาสมูท ถ้าเราคิดเอง รับรองมั่วแน่ แต่ก็แลกกับราคาค่าตัวหล่ะครับ 

    อย่างที่เกริ่นไว้ตอนแรก ว่าบ้านผมจะยังไม่ทำสวนอะไรเลย ดังนั้นผมเลยไม่ได้คิดจะจ้าง landscape man แต่พอตัวบ้านเสร็จหมด และเริ่มเคลียพื้นที่บางส่วน ก็เริ่มคิดว่าฝุ่นมันเยอะ ฝนตกก็เลอะเทอะมาก แล้วด้วยเนื้อที่บ้านผมมันไร่กะสองงาน ตัวบ้านประมาณ 200 ตร.วา. ทำให้เหลือพื้นที่โล่งๆเกือบ 300 ตร.วา ซึ่งโล่งเกินไป ทำให้ร้อนด้วย เลยคิดว่างั้นก็ปูหญ้าก็พอ เนื่องจากไม่ได้กันงบไว้ และคิดว่าแค่ปูหญ้าก็พอ เลยคิดจะทำเองครับ  


รูปขนาด และพื้นที่สวนบ้านผมที่ Plan ไว้ วาดยังกะเด็กอนุบาล


     ก่อนอื่นเราก็ต้องรู้ก่อนว่าเราชอบสวนแนวไหน จะได้วางแผนถูก ส่วนตัวผมกับแฟนชอบโล่งๆครับ อย่าเรียกว่าสวนเลย เรียกว่าสนามหญ้าดีกว่า 55+ ซึ่งตรงคอนเซปส์เลยคือโล่งๆ หญ้าๆ งบน้อยๆ เลยชอบสวนแนวโมเดิร์น มีแค่ปูหญ้า ต้นไม้ใหญ่ต้นสองต้น และรั้วต้นไม้พอเลย ผมไม่ชอบสวนแนว Trpocal แนวป่า หรือพวกแนวดอกไม้ พุ่มไม้เยอะๆ ผมว่ามันดูรก และเฉอะแฉะครับ ดูแลยากด้วย (คหสต.นะครับ คนที่ชอบก็มีครับ)



สวนแนวโมเดิร์น โล่งๆ ต้นไม้น้อยๆ เน้นหญ้าและ Hardscape ที่มีเหลี่ยมมุม



สวนโทรปิคอล สวนแนวป่าร้อนชื้อ ต้นไม้เยอะๆ มอสๆ หินๆ รกแบบมีสไตล์ ดูชุ่มฉ่ำๆ



สวนโมเดิร์นโทรปิคอล ก็ผสมกันระหว่างหญ้าเรียบโล่ง และมีมุมที่ดูรกๆแบบมีสไตล์หน่อย ตอนนี้กำลังนิยม



สวนอังกฤษ Signature เลยคือต้องมีน้ำพุ เน้นสถาปัตยกรรมปูนปั้นประดับสวน ไม้พุ่มเตี้ยๆ จัดเป็นรูปทรงเลขาคณิต


ผมก็เริ่มวางแผนว่าจะทำสวนปูหญ้า ปลูกต้นไม้ต้องมีอะไรบ้าง ก็ list ออกมาเป็นข้อๆดังนี้
1.Hardscape เราจะมีอะไรบ้าง เนินดิน ศาลา รูปปั้น 9ล9
2.ระบบน้ำ จะเดินรดน้ำเอง หรือจะทำระบบรดน้ำอัตโนมัติแบบหัวสปริงเกอร์ค่อยว่ากัน
3.หญ้าที่จะปู
4.ต้นไม้ที่จะปลูก ทั้งต้นไม้ทำรั้ว และต้นไม้ใหญ่

      โดยผมก็เริ่มศึกษาทีละหัวข้อครับ เพราะใจตอนนั้นคิดจะทำเองทั้งหมด(เก่งเกิ๊น) เริ่มจากงาน hardscape ตรงนี้ผมเคลียร์เลยว่าไม่ต้องการอะไรเลย เอาโล่งๆ ตัวบ้านผมถมสูง 1 เมตรอยู่แล้ว ก็ให้ไล่ระดับสนามจากตัวบ้าน ลาดลงมาจนถึงขอบรั้วเลยครับ ง่ายๆ จ้างรถแบคโฮมาเกลี่ยๆ  ระบบน้ำก็คงต้องใช้การรดน้ำอัตโนมัติ เพราะเนื้อที่สนามใหญ่ แต่สำคัญคือไม่ค่อยมีเวลามารดน้ำ เดี๋ยวหญ้าตายหมด ก็เลยเริ่มศึกษาระบบสปริงเกอร์อัตโนมัติ ก็มีความรู้ระดับนึงพอจะทำเองได้ หญ้าที่จะปูก็คิดว่าคงจะใช้นวลน้อย ไม่ก็พาสพาลัม แต่ดูราคาแล้ว นวลน้อยดีกว่า 555+ เริ่มศึกษาการปูหญ้าจนคิดว่าทำได้ สุดท้ายคือต้นไม้ ผมเองไม่ใช่ Tree lover ครับ ไม่สนหรอกว่าต้นแบบไหน ชื่ออะไร มงคลไหม ผมสนแค่จะเอาแบบนี้ สวย พอเลยจบ และคงลงแค่สองสามต้นเอง หนึ่งในนั้นคือหูกระจง เพราะแฟนชอบ

     ทั้งหมดทั้งมวล ผมก็ใช้เวลาศึกษาพอควร จนคิดว่าตัวเองน่าจะทำได้ ทีนี้จุดพลิกผันคือวันนึง ผมก็มาลองเดินดูที่รอบบ้านอย่างจริงจัง ดูว่าจะวางปั๊มตรงไหน ท่อวางยังไง ออกแบบแนวท่อของสปริงเกอร์รดน้ำต่างๆ พกเสียมไปด้วยครับ เพื่อไปลองขุดๆ เกลี่ยๆ เดินไปมาสักสองชั่วโมง...ปรากฏจะเป็นลม นี่ขนาดยังไม่ได้ทำอะไรเลย ขุดก๊อกๆแก๊กๆ เอาตลับเมตร สายวัดมาวัด ตีวง ก็จะเป็นลมแล้ว แดดร้อนมาก ที่ก็ใหญ่ซะเหลือเกิน ส่วนภรรยาผมเหรอครับ หลบแดดตั้งแต่ 5 นาทีแรก 

      สุดท้ายเลยคิดว่าไม่ไหวแน่ มีสมอง มีทฤษฎี แต่ไม่มีกำลัง ถ้าสนามสัก 100-200 ตร.ม. ก็พอว่า แต่นี่ล่อไป 1200 ตร.ม.(300 ตร.วา) ไม่ไหวจริงๆครับ เลยลองเอาความต้องการตัวเอง ให้ทางร้านจัดสวนเสนอราคา รวมถึงไปเดินงานบ้านสวนก็ให้ร้านสปริงเกอร์ตีราคาค่าแรงทำสปริงเกอร์และปูหญ้า...ผลออกมาลมจับยิ่งกว่าเดินตากแดด เจ้าแรกตีมาล้านห้า(รวมหมดทั้งปรับดิน ถมดิน ปูหญ้า สปริงเกอร์ ต้นไม้) อีกเจ้าแค่ระบบสปริงเกอร์อย่างเดียวก็สองแสนห้า(แค่ปั๊มน้ำ ท่อน้ำ และหัวสปริงเกอร์รวมค่าแรง) มายก๊อดดด นึกว่าโดนฟันหัวแบะแล้วกรู แต่ได้ลองคุยกับสถาปนิก กับพี่ๆคนอื่นๆที่มีบ้านในหมู่บ้านก็บอกว่าราคาประมาณนี้แหล่ะ สำหรับเนื้อที่เท่านี้ สถาปนิกก็บอกว่าเหมือนงานภายในนั่นแหล่ะ ทีงานภายในสองล้านกว่าไม่บ่น(นั่น เจอเหน็บไปอีก) งานภายนอกจะเอาดีๆก็ต้องมี คชจ.ประมาณนี้...



สปริงเกอร์อัตโนมัติรดสนาม


      พอเห็นราคาแล้วเงิบงัน มานั่งคุยกะเมียว่าจะทำไงดี เลยว่าจะแค่ทำสปริงเกอร์พอละกัน ขอต่อราคามาหน่อย หญ้าก็จ้างปูเอง ตร.ม.ละ 30-50(ไม่รวมปรับที่) ต้นไม้ก็จ้างมาลงเอง ก็น่าจะประหยัดไปได้หลายอยู่..พอดีเจอพี่หมอในหมู่บ้านแนะนำ ผรม.จัดสวนท่านนึง ชื่อคุณใหม่ บอกว่าฝีมือดี ราคาไม่แพง และจัดสวนในหมู่บ้านหลายหลังแล้ว ผมเลยโทรไปและลองไปดูตามบ้านในหมู่บ้านที่ ผรม.รายนี้เขาจัด ก็โอเคเลยครับ บางบ้านผมแอบชอบสวนเขาเหมือนกัน พอรู้ว่าพี่คนนี้จัด ก็เลยชอบ ลองให้ประเมิณราคาดู บอกเขาเลยให้แยกเป็นหมวดๆ สปริงเกอร์ หญ้า ต้นไม้ เผื่อตรงไหนแพงจะได้ตัดออก...พอประเมินออกมาก็แปดแสนกว่า อะเฮื้อ...



รูป 3D ที่คุณใหม่ออกแบบมาให้ดู



อีกมุมนึง


       แต่พอลองแยกหมวดดู ก็พบว่ามีพวกต้นไม่ใหญ่หลายต้นที่พี่เขาใส่เข้ามา มีห้องเก็บปั๊มน้ำที่ผมไม่ได้ต้องการ มีสวนในวงเวียน สวนญี่ปุ่นต่างๆที่เขาเพิ่มมาให้ ก็เลยลองๆตัดทิ้งไป แล้วเหลือ 4 ข้อที่ผมต้องการ ต่อรองไปมา จนคุณใหม่บอกว่า งั้นเอางี้ครับคุณหมอ ผมขอรับเป็นงานเหมาเลย สรุปตัวเลขออกมา แล้วผมจะทำให้ทั้งหมดเลยครับ ในราคาที่ผมพอใจ และเขาไม่ขาดทุน (ผมเดาว่าเขาคงสงสารผมน่ะ เพราะจะคุยอะไรก็ลงไปเรื่องราคา ขอถูกๆ 555+ ณ เวลานั้นผมก็ไม่ไหวครับ จะทำหน้าใหญ่ แต่เงินไม่มีก็คงไม่ใช่ละ) 



ตรงนี้เป็นหัวมุมเล็กๆ ที่ตอนนี้ไม่รู้จะทำอะไรดี แต่คุณใหม่ว่าจะทำสวนหินให้



สวนหินแนวๆนี้ครับ


     สุดท้ายเลยตกลงราคากันได้ เท่าไหร่ผมขอไม่บอกละกันครับ คุณใหม่ขอเอาไว้ เพราะบางอย่างแกก็ใช้ของแกเอง(ที่ไม่ได้ปลูกไว้ขาย) บางอย่างก็ตัดของเหลือๆจากไซต์ใหญ่ๆที่แกทำ (แกบอกว่าทำไซต์นึง ขนาด 10 ไร่ ของเยอะมาก แกเลยไปตัดมาให้ได้บางส่วน) ดังนั้นราคาที่ผมได้ อาจจะถูกกว่าราคาจริงๆที่ควรจะเป็นในท้องตลาด ผมเลยขอไม่ลงราคานะครับ

    เกริ่นมาซะยาว ยังไม่ได้เข้าเรื่องบ้านผมซักนิด อิอิ สรุปก็คือผมให้คุณใหม่ทำงานสปริงเกอร์ ปูหญ้า ลงรั้วต้นไม้ให้ครับ มาทยอยดูทีละขั้นตอนกันเลย โดยผมจะแทรกเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆให้ เผื่อใครคิดจะทำเองก็ได้นะครับถ้าขนาดเล็กๆ แต่ถ้าขนาดใหญ่ จ้างเถอะครับ เหนื่อย




สภาพบ้านก่อนทำงานสวน ใกล้เคียงภาพนี้เลยครับ ภาพนี้ถ่ายไว้เดือน มิย.

    เริ่มด้วยรูปสภาพบ้านผมก่อนเริ่มทำงานสวนครับ ถ้าใครจำ Blog ผมสัก 2 - 3  Blog ย้อนหลัง ผมจะเอ่ยชื่อคุณใหม่ไว้บ้างแล้ว ว่าแกมาช่วยปรับสภาพ ขนดิน ขนขยะ ทำท่อน้ำทิ้ง และทำอิฐขอบถนนไว้ให้ แทนโฟร์แมนที่ตอนนี้พะงาบๆแล้วครับ ซึ่งงานต่างๆที่นอกเหนือจากงานสวนนี่เป็นงานเพิ่ม จ้างต่างหากนะครับ แต่ผมจะไปเคลียกับคุณกอล์ฟเอง



รูปนี้คือเคลียแล้วระดับนึง แต่ยังไม่ยอมรื้อแคมป์สักที

     หลังจากเคลียที่เบื้องต้น ก็ติดปัญหาแคมป์คนงานที่โฟร์แมนแกไม่รื้อสักที พอไม่รื้อ คุณใหม่ก็ลงงานสวนไม่ได้ ซึ่งพอดีกับตอนนั้นมีปัญหาเรื่องขโมยขึ้นบ้านหลังนึง จับได้ว่าเป็นคนงานในหมู่บ้านหลังอื่น ทางนิติบุคคลจึงมีมติฟันธง ให้ลดคนงานทุกไซต์เหลือ 2 คนเท่านั้น และรื้อแคมป์ที่ไม่จำเป็นออก ทำให้เป็นไฟต์บังคับที่โฟร์แมนต้องรื้อ แต่จนแล้วจนรอดแกก็ยังไม่รื้อ (จะรื้อได้ไง มีคนงานบ้านผมอยู่ 2 คนเอง ไม่ได้อยู่ 2 คนตามกฏหมู่บ้านนะ แต่มันเหลือแค่ 2 คน ที่เหลือไปไหนไม่รู้) สุดท้ายเลยต้องให้คุณใหม่มารื้อแคมป์ให้และปรับที่ให้เรียบร้อย



คนงานของคุณใหม่เริ่มเข้ามารื้อแคมป์



จาก Blog ที่แล้วที่บอกไว้ครับ พอคุณใหม่ปรับที่ให้ แกก็เข้ามาขุดหลุมสามหลุม เพื่อเอาต้นไม้มาลงให้



เอาต้นอินทผาลัมมาลงสามต้น ในรูปนี้ต้องห่อใบมาก่อน ไม้ล้อมพวกนี้ต้องประคบประหงมดีๆ



หลังจากลงต้นไม้สัปดาห์นึงก็เอาที่ห่อใบออก กลายเป็นฮาเร็ม



จากนั้นก็ทำการปรับที่ไปเรื่อยๆ ใช้รถแบคโฮคันใหญ่มาลง วันเดียวเสร็จ



พอรื้อแคมป์ออกแล้วบ้านดูโล่งขึ้นมากเลยครับ ตรงนี้กลายเป็นลานกว้างๆเลย



มุมนี้ลองเทียบกับมุมเดียวกันกับรูปด้านบนก่อนรื้อแคมป์ เริ่มเห็นเป็นสวนขึ้นมาบ้างละ


     จากนั้นก็เริ่มทำรั้วต้นไม้ครับ จริงก็ทำไปพร้อมๆกับทำระบบสปริงเกอร์แหล่ะครับ ไปดูรูปตอนทำรั้วต้นไม้กันก่อน ตอนแรกผมกะจะเอาไทรเกาหลีมาลงเองเพื่อลดค่าใช้จ่าย แต่คุณใหม่บอกว่าแกหาได้ดีและสวยกว่ามากครับ



นี่เป็นรูปต้นไทรเกาหลีที่ผม Plan จะสั่งจากเนต ต้นละ 199 บาท สูง170 เซน ถ้าจะทำรั้วหนาๆต้องใช้สามต้นต่อเมตร ซึ่ง 170 เซนเนี่ยยอดมันแหลมๆ ต้องรอโตอีก




นี่คือต้นไทรเกาหลีที่คุณใหม่เลือกให้ครับ ต้นใหญ่มากๆ ต้นที่คุณใหม่เตรียมไว้นี่สามเมตรสี่ต้นพอเลย สวยกว่าเห็นๆ แกบอกแกเอาต้นสองเมตรกว่ามาตัดยอดเลย จะได้หนาๆ




คนงานเอาต้นไทรเกาหลีมาวางรอเตรียมไว้ข้างๆกระถาง พร้อมดินและวัสดุปลูก



เนื่องจากกระถางมันแคบกว่าฐานต้นไม้ เลยต้องเฉาะออกบางส่วน



ตัดได้ขนาด ก็เอามาใส่ในกระถางครับ



จากนั้นก็จัดเรียงลงไป ช่วงเสานึงประมาณสามเมตร ใช้สี่ต้นเต็มๆพอดีเลย



ค่อยๆไล่ใส่ที่ละกระถาง



กระถางที่ใส่ไปแล้ว ก็จะมีช่างค่อยๆไล่ตัดแต่งให้เป็นรูปทรงครับ จากรูปจะเห็นกระถางด้านขวาจะเรียบเป็นระนาบดีครับ



วิ่งโค้งมาชนกับแพงประตูหน้าบ้าน ดูเข้ากันดี



รั้วไทรเกาหลีเขียวๆ ตัดกับรั้วปูนสีขาว และเหล็กดัดสีดำ ออกมาสวยลงตัวมากเลยครับ ตอนแรกว่าจะทำแค่รั้วต้นไม้ชั่วคราว พอเจอแบบนี้เปลี่ยนใจเลยครับ ดูแลให้ดีทำเป็นรั้วถาวรไปเลย ช่องว่างระหว่างเสาปูน รอต้นไทรเกาหลีโตก็จะปิดช่องว่างพอดี (ขัดใจเสาไฟฟ้าจริงๆ) ส่วนใครห่วงเรื่องความปลอดภัย ในหมู่บ้านนี้มีแต่รั้วเตี้ยๆครับ รั้วโชว์ รั้วต้นไม้ทั้งแผงยังมีเลยครับ ดังนั้นก็ปลอดภัยระดับนึงครับ


   ต่อมาก็เป็นเรื่องของระบบน้ำสปริงเกอร์ โชคดีที่หมู่บ้านผม นิติให้ใช้น้ำจากทะเลสาบได้ เลยทำการต่อปั๊มหอยโข่งดูดน้ำจากธารหลังบ้านได้เลย



ปั๊มมิตซูหอยโข่งสามแรงม้า สูบน้ำจากธารหลังบ้านโดยตรงเลย ทุ่นค่าน้ำรดสวนไปได้มากเลยครับ ขืนใช้น้ำประปามารดหญ้า 1 ไร่นี่ ตายแน่ๆ

      ผมได้มีโอกาสศึกษาการทำระบบน้ำอัตโนมัติด้วยสปริงเกอร์พอสมควร สมัยช่วงที่คิดจะทำเอง จริงๆแล้วไม่ได้ยากอะไรเลยนะครับ หลักการง่ายๆเลยคือ เราต่อปั๊มเข้ากับท่อน้ำ ที่ปลายท่อน้ำ(หรือระหว่างทาง) ก็จะต่อกับหัวสปริงเกอร์ เวลาจะใช้งานก็เปิดปั๊ม น้ำก็จะดูดจากปั๊มจ่ายมาตามท่อ สปริงเกอร์ก็จะทำงานฉีดน้ำตามที่เราต้องการ ถ้าเราไม่ได้ติดตั้งระบบอัตโนมัติ เราก็ต้องเดินไปเปิดสวิตช์ปั๊มทีนึง รดเสร็จก็ไปปิดปั๊มทีนึง วันนึงรดสองรอบ ก็เดินไปเปิดปิดบ่อยหน่อย แค่นั้นเอง ฟังดูไม่มีอะไร แต่ถ้าเราหยุดงาน ไปเที่ยว หรือช่วงนั้นอากาศร้อน ต้องเปิดปิดบ่อย คงไม่สนุก ต้นไม้ใบหญ้าตายแน่ เราก็เลยมีระบบอัตโนมัติเข้ามา

     ทีนี้ถ้าเราอยากจะจ่ายน้ำแบบอัตโนมัติ ก็แค่ทำยังไงก็ได้ให้น้ำจ่ายออกมาตามเวลาที่เราต้องการ ก็มีสองวิธีคือหนึ่ง ใช้ปั๊มหอยโข่ง แล้วไปตั้งสวิตช์อัตโนมัติที่ไฟเข้าปั๊มให้เปิดปิดตามเวลาที่เราตั้ง หรืออีกอย่างนึงคือติดตั้งวาล์วน้ำไฟฟ้า ใช้คู่กับปั๊มแรงดันอัตโนมัติตามบ้านทั่วไปโดยวาล์วน้ำไฟฟ้า(วงการจัดสวนเรียกว่าโซลินอยด์วาล์ว) ก็เหมือนวาล์วน้ำทั่วไปเนี่ยแหล่ะครับ เพียงแต่ใช้ไฟฟ้าทำหน้าที่เปิดปิดแทนมือเรา แล้วเราก็ใช้อุปกรณ์ตั้งเวลาเปิดปิดไฟที่วาล์วน้ำอีกที  แค่นี้ก็เสร็จละง่ายจัง



ซ้ายมือคือสวิตช์แม่เหล็ก เอาไว้เปิดปิดปั๊มน้ำ ที่ต้องใช้สวิตช์แม่เหล็กแทนตัวตั้งเวลาทั่วๆไป เพราะจะได้ประกอบกับตู้คอนโทรลที่มีตัวตั้งเวลาอีกที ขวามือคือโซลินิยด์วาล์ว เหมือนวาล์วทั่วไป แต่ก้อนกลมๆสีดำด้านบนวาล์วคือวาล์วไฟฟ้า ลากสายไปต่อกับไฟ 12v DC คุมการเปิดปิดน้ำแทนมือเรา

      จริงๆก็มีรายละเอียดปลีกย่อยอีกเช่น ขนาดของปั๊ม ขนาดของท่อน้ำ ขนาดของสปริงเกอร์ หัวจ่าย เพราะถ้าเราซื้อมามั่วๆ ปรากฏว่าปั๊มแรงดันไม่พอ น้ำไหลเป็นฉีแมว หรือปั๊มแรงเกิน หัวสปริงเกอร์ปลิว ท่อเล้กไป น้ำก็อั้น พวกนี้ถ้าอยากทำเองก็ลองศึกษาดูครับ ไม่ยาก เข้าอากู๋บอกหมด



ตัวอย่างหัวสปริงเกอร์แบบต่างๆ พ่นไกล ใกล้ พ่นเป็นวง ปรับองศา น้ำหยด น้ำแผ่ เพียบบบ


     โห แค่นี้ก็ง่ายเลยดิ ของพวกนี้หาซื้อได้ตามร้านจัดสวนทั่วๆไป สั่งทางเนตก็ได้มีเพียบ งั้นทำเองโลด ซื้อปั๊ม ซื้อท่อPE ซื้อสปริงเกอร์ ซื้อวาล์ว ง่ายๆ ...ใช่ครับ ตอนแรกผมก็คิดแบบนี้แหล่ะ ถ้าเนื้อที่สวนท่านไม่เกิน 50 ตร.วา ก็โอเคอยู่ครับ ลองผิดลองถูก ซื้อหัวสปริงเกอร์แบบต่างๆมาลองดู คำนวนคร่าวๆ ใช้ปั๊มบ้านของเราเนี่ยแหล่ะ ต่อท่อมาอีกท่อนึงเพื่อมารดน้ำ ลองปิดๆ เปิดๆ ผมก็ว่าไม่ยาก แต่ถ้าที่สวนของท่าน 300 ตร.วา คงไม่ไหวล่ะมั๊งครับ อย่างที่ผมบอกข้างบน แค่เดินสำรวจก็ลมจับแล้ว ก็เลยให้มืออาชีพทำดีกว่า แต่ถ้าเรามีความรู้บ้าง เราก็จะคุยกับเขารู้เรื่อง ไม่โดนฟันราคาของ

      วันที่ช่างเข้ามาติดและเทสระบบสปริงเกอร์ ผมทำงาน เข้าไปอีกทีตอนเย็น เสร็จไปแล้ว!! เร็วมากๆเลยครับ เลยไม่ได้เห็นการวางท่อ แต่คุณใหม่ก็ถ่ายรูปมาให้ดูบ้าง ผมใช้โซลินอยด์วาล์วสามตัว ที่ต้องใช้สามตัว เพราะขนาดพื้นที่กว้าง เลยต้องเปิดน้ำรดทีละตัวครับ ตัวนึงก็คุมโซนนึง แบ่งเป็นหน้าบ้าน หลังบ้าน และข้างๆบ้าน ตั้งเวลาให้รดต่อเนื่องกัน เช่นหน้าบ้านรดเวลาสี่โมงเย็น 20 นาทีปิด ก็ตั้งให้ตัวที่สองรดตอนสี่โมงยี่สิบรันไปเรื่อยๆ  เพราะถ้าเราเปิดน้ำพรวดเดียวรดทั้งบ้านไม่แบ่งโซน น้ำจะแรงไม่พอที่จะดันสปริงเกอร์ให้เด้งขึ้นมา หรือไม่น้ำก็ไหลเอื่อย ถามว่างั้นผมเพิ่มขนาดปั๊มได้ไหม ตอบคือได้ครับ แต่ท่อก็ต้องเพิ่มขนาดตามแรงดันปั๊ม ค่าไฟก็เพิ่มตามแรงม้าปั๊ม ดังนั้นคำนวนให้พอดีๆ แล้วใช้วาล์วหลายๆตัวเอาสะดวกกว่าครับ

ปั๊มสวน ต่อท่อมาเข้าโซลินอยด์วาล์วสามตัวครับ ครอบด้วยกล่องเพื่อความสวยงาม



หน้าตาเป็นแบบนี้ครับ นี่ภาพก่อนจัดระเบียบด้านบนนะครับ ดูเยินเชียว



ต่อเข้าตู้คอนโทรลของปั๊ม
A - ตัวตั้งเวลาเปิดปิดปั๊ม และโซลินอยด์วาล์ว
B - สวิตช์แม่เหล็กเปิดปิดปั๊ม
C - สายไฟเมนเข้าตู้ ต่อเข้าตู้เมนไฟหลักของบ้านแบบแยกเบรคเกอร์เลยนะครับ อย่าไปต่อรวมๆกับไฟบ้านอื่นๆ
D - เบรคเกอร์ย่อยคุมไฟในตู้



Popup Springer แบบหัวใหญ่ ฉีดน้ำได้ 10-12 เมตรของ Naandanjan อิสราเอล



พอติดตั้งใช้งานแล้วจะฝังในดินแบบนี้ พอเลิกใช้มันจะปิดฝาหดกลับไปในกล่อง



ติดตั้งตามตำแหน่งและมุมที่สามารถรดน้ำได้ทั่วสนาม



อันนี้ด้านข้างบ้าน เป็นหัวสปริงเกอร์แบบฝอย ฉีดน้ำได้ 120 องศา ระยะประมาณ 2-3 เมตร



มินิสปริงเกอร์ วางตามแนวกระถางรั้วต้นไทร เพื่อรดน้ำต้นไทรเกาหลี


     ติดตั้งระบบสปริงเกอร์เสร็จ ก็ทำการปูหญ้า เรื่องหญ้านี่ก็เหมือนกันครับ ตอนแรกผมก็กะจะทำเอง ก็หาข้อมูลมา ว่าจะจ้างคนเอาหญ้ามาลงให้ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย แต่พอคิดๆไป ลงเสร็จเขาก็ไป ถ้าจ้างคุณใหม่ เขาดูแลจนกว่าหญ้าจะติดเลย ถ้าหญ้าตาย เขาก็ต้องแก้ไขให้ ดีกว่าทำเองแน่นอน เพราะหญ้าจะสวยไม่สวย จะตายไม่ตายขึ้นกับตอนปลูกเลยครับ ผมมีความรู้เรื่องหญ้าและขั้นตอนการปลูกมาฝากเล็กน้อยครับ

    หญ้าที่นิยมปลูกในบ้านก็มีประมาณ 4 ชนิด ได้แก่หญ้านวลน้อย หญ้ามาเล หญ้าญี่ปุ่น หญ้าเบอมิวด้า และที่กำลังมาแรงคือหญ้าพาสพาลัมครับ ผมขอยกมาจากเวบ //www.poolprop.com  เลยละกันนะครับ เขาเขียนไว้ดีอยู่แล้ว


หญ้านวลน้อย เป็นหญ้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากขึ้นง่าย ทุกสภาพดิน แถมยังดูแลง่าย เป็นหญ้าที่ชอบแดดจัดนิยมปลูกกลางแจ้ง ดอกสีน้ำตาลขึ้นเร็ว ต้องคอยตัดออก ทนต่อการเหยียบ เหมาะปลูกปูพื้นสนามหญ้า ข้อเสียคือจะเหลืองง่าย ถ้าปล่อยให้ยาวแล้วตัด โคนต้นจะเหลืองไม่สวย


หญ้ามาเลเซีย สามารถปลูกได้ทั้งในที่ร่มและกลางแจ้ง หญ้าชนิดนี้ชอบชอบแดดรำไร ไม่จ้ามาก เหมาะที่จะปลูกใต้ไม้ใหญ่ หรือที่แดดรำไร ดอกสีขาว ต้องการน้ำมากควรรดน้ำสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรให้ท่วมขัง ข้อเสียคือบอบบาง ไม่เหมาะเดินเหยียบย่ำบ่อยๆ เพราะจะทำให้ช้ำตายได้


หญ้าญี่ปุ่น เป็นหญ้าที่โตช้า เหมาะสำหรับคนขี้เกียจตัดหญ้า แต่พอโตแล้วจะหนาแน่น และทนต่อการเหยียบย่ำได้ดีมาก ดอกเป็นช่อสีดำ เป็นหญ้าคล้ายหญ้ามาเลเซีย ที่ชอบแดดและต้องการน้ำมาก ทนต่ออากาศหนาวได้ดี  ข้อเสียคือตัดแล้วจะแข็งๆตำเท้า


หญ้าเบอมิวด้า เป็นหญ้าต้องการแสงแดดมาก เหมาะจะปลูกกลางแจ้ง ทนต่อความแห้งแล้ง แต่ต้องตัดบ่อย ควรหมั่นรดน้ำ ข้อเสียคือยาวเร็ว พอยาวแล้วจะไม่สวย



หญ้าพาสพาลัม เป็นหญ้าที่ทนทานเหมือนหญ้านวลน้อย แต่ให้สีที่เขียวสดกว่า ถึงแม้จะยาวก็ไม่มีสีเหลืองแซม ชอบแดด ทนทานทุกสภาวะอากาศ ดูแลง่าย ชอบแดดจัด นิยมใช้ทำ T-off และกรีนพัตในสนามกอล์ฟ ข้อเสียคือถ้าปล่อยให้ยาวจะไม่สวย และราคา ณ ตอนนี้ยังแพงอยู่


      สนนราคาหญ้าแต่ละชนิด อยู่ที่ประมาณ 15 - 20 บาทต่อ ตร.ม. ราคาค่าปู รวมดิน วัสดุปลูก (ไม่รวมปรับที่ ทรายถม) ประมาณ 30-50 บาท รวมๆแล้วก็ราวๆ 50-80 บาทครับ ต่อ ตร.ม. ใครอยากจ้างมาปู หรือปูเองก็แล้วแต่สะดวกเลยครับ


     สรุปแล้วผมก็เลยเลือกหญ้าพาสพาลัม ตอนแรกว่าจะเอานวลน้อย แต่คุณใหม่บอกว่าเขาหาหญ้าพาสพาลัมได้ในราคานวลน้อย ก็โอเคครับ ไปดูขั้นตอนการปลูกกันยาวๆครับ



ก่อนปลูกก็ต้องทำการปรับหน้าดินอีกรอบครับ การปรับดินและปรับสโลปเป็นขั้นตอนที่สำคัญนะครับ เพราะถ้าดินเป็นหลุม หรือสโลปไม่ดี น้ำจะขัง และทำให้หญ้าตายได้ครับ



ทำการโรยปุ๋ย และวัสดุปลูก พวกดินร่วนดำ ใบไม้แห้งต่างๆ เพื่อเร่งการติดของหญ้า



หญ้ามาแล้ว เอามาลงเป็นแผ่นๆ



ไล่ลงหญ้ากันไปครับ



ด้านหลังบ้าน



ด้านนี้เป็นด้านนอกรั้วบ้านนะครับ จริงๆไม่เกี่ยวกับสนามด้านในเลย แต่คุณใหม่แกบอกจะลงหญ้าให้ครับ จะได้สวยๆ



เมื่อลงหญ้าแล้วก็ต้องใช้ลูกกลิ้งหนักทับหญ้าอีกทีครับ เพื่อให้รากจมลงในดิน



จากนั้นก็เปิดน้ำรดให้ชุ่มครับ ช่วงแรกที่ปลูกต้องรดน้ำวันละ 3 ครั้งเลยครับ น้ำต้องถึง ไม่งั้นตาย ตรงสนามหน้าบ้านนี้เป็นสปริงเกอร์โซน1



ด้านระเบียงหลังบ้าน เป็นสปริงเกอร์โซน2 ลงหญ้าแล้วสวยเลยครับ หญ้าเขียวๆ ตัดกับเคนไซสีดำ และไม้เทียมสีโอ๊ค เข้ากันมาก



มุมด้านข้างบ้าน เป็นโซนที่3 ยาวจากประตูรั้วไปจนถึงด้านหลังโน้นเลย



มุมมองจากห้องนอนเล็กชั้นสองครับ จะเห็นต้นไม้ในโซนวงเวียนด้วย คุณใหม่เอามาลงพร้อมๆกับตอนปูหญ้าครับ



มาดูกันชัดๆ..แต่อย่าถามว่าต้นอะไรนะครับ ผมตอบ ต้นมู่ไล้ ทุกต้นเลย


     หลังจากปูหญ้าเสร็จ ต้องรอสองสัปดาห์ เพื่อให้รากติดครับ ตอนนี้ห้ามเดินเหยียบหญ้าเลยครับ ถนอมไว้ก่อนเลย แต่ไม่วายเจ้าปีโป้ก็ลงไปย่ำเล่น แต่ดีที่มันเป็นสุนัขที่ไม่ชอบขุด ไม่งั้นแย่เลย

     สองวันหลังปู ฝนก็ตกลงมาเยอะเลยครับ เนื่องจากพายุเข้า ทำให้ประหยัดน้ำที่รดหญ้าไปพอสมควร (ถึงจะใช้น้ำในทะเลสาบ ก็ประหยัดค่าไฟปั๊มแหล่ะนะ อิอิ) แถมยังได้รู้ปัญหาหลังปูด้วยครับ ตรงไหนเป็นแอ่ง ดินทรุด สโลปไม่ดี จะได้แก้ไขทัน ตอนนี้งานสวนก็เหลือลงต้นไม้ใหญ่ต้นนึง แล้วก็ทำสวนหินตรงห้องฟิตเนสที่กล่าวไว้ด้านบน ซึ่งคุณใหม่บอกว่ารอให้หญ้าติดดีก่อน ประมาณ 2 สัปดาห์ ค่อยทำครับ เพราะถ้าเดินลุยๆตอนนี้หญ้าตายหมด



หลุมหลังบ้านตรงนี้ขุดไว้รอลงต้นหูกระจงครับ ถามว่าทำไมต้องหูกระจง ก็เพราะแฟนชอบครับ คุณใหม่แนะนำต้นพะยอม แต่แฟนอยากได้หูกระจงมากกว่า เชื่อเมีย เจริญทุกคนคร้าบบ (ปลูกซะห่างตัวบ้านเลยครับ 55+)



นี่เป็นต้นหูกระจงที่คุณใหม่ไปล้อมมาครับ ต้นใหญ่มากๆ สะใจเลยทีนี้


      จบตอนที่ 1 สำหรับงาน Landscape งานสวนที่เห็นทั้งหมดนี้ ทำภายใน 5 วัน เร็วมากๆครับ จริงๆอยากเรียกงานสนามหญ้ามากกว่างานจัดสวน เพราะบ้านผมมันไม่เป็นสวนเลย เหมือนสนามหญ้าพัดกอล์ฟ เตะบอลมากกว่าครับ 55+ แต่โดยรวมแล้วผมชอบมาก ตรงใจเลยครับ สนามโล่งๆ เขียวๆ ต้นไม้ในวงเวียนเด่น เป็นจุดเด่นของบ้าน เอาไว้มีอะไรมาเพิ่มจะอัพเดตอีกครับ



ตามธรรมเนียมครับ ลากันไปด้วยภาพบ้านหน้าตรงหลังจากปูหญ้าเสร็จ ชอบมากเลย อยากลงไปกลิ้งเกลือกกับหญ้าจริงๆ

**ขอขอบคุณเจ้าของรูปทุกรูป เวบทุกเวบที่ผมไปเอารูปมาจาก Google มาลงนะครับ อาจจะไม่มีเครดิตทุกรูป แต่ไม่มีเจตนาทำการค้าใดๆอยู่แล้วครับ**
Create Date :13 กันยายน 2559 Last Update :22 เมษายน 2560 15:50:50 น. Counter : 20609 Pageviews. Comments :26