Group Blog
 
<<
กันยายน 2552
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
5 กันยายน 2552
 
All Blogs
 
The flower shop without roses ร้านดอกไม้ไร้กุหลาบ

The flower shop without roses (Bara no nai Hanaya )

 ร้านดอกไม้ไร้กุหลาบ





เมื่อไหร่ก็ตามที่ได้ดูละครแนว Light heart warming เป็นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกชอบซีรีย์เรื่องๆ นั้นๆ อย่างมากมาย ....โดยเฉพาะซีรีย์ที่ประกอบไปด้วยตัวละคร “เด็กๆ” ในชีวิตจริงก็ใช่ว่าจะเป็นคนรักเด็กอะไรหรอกนะคะ ... นี่อาจจะเป็นสาเหตุ..ที่เมื่อไหร่ก็ตามได้เห็นความฉลาดน่ารักของเด็ก รวมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ เป็นอดไม่ได้ที่จะหลงรักซีรีย์เรื่องนั้นๆ ... 

~ Smiley  ร้านดอกไม้ไร้กุหลาบ Smiley ~ 

เป็นการตั้งชื่อซีรีย์ได้เพราะพริ้งและดึงดูดความสนใจได้ทันที ทำไมร้านดอกไม้ ไม่ขายกุหลาบ ? แต่ก็ไม่ได้สนใจหามาดู เพราะเวลาที่หาอ่าน review ในเน็ต ...แน่นอนว่า..พระเอกนั้นหน้าตาช่างไม่เข้าข่าย “ความหล่อ” เอาซะเลย .. แม้ว่าจะหลงรัก  ทาเคอุจิ ยูโกะ นักแสดงหญิงที่มีรอยยิ้มแสนน่ารักเปรียบประหนึ่งว่ายิ้มออกมาแล้วจะทำให้โลกสดใสขึ้นทันตา  .. แต่ว่านะ ... ละครที่นางเอกตาบอด ก็คงรันทดพอๆ กับนางเอกขาพิการใน Beautiful life ที่ถ้าไม่ใช่ทาคุยะคงไม่หยิบขึ้นมาดูให้เปลืองน้ำตาเล่น

จนกระทั่งได้อ่าน review ในของเพื่อนชาว bloggang นี้เอง ที่เขียนถึงได้น่าสนใจ และเหมือนว่านางเอกจะตาบอดไม่แท้ ....ก็ยิ่งทำให้น่าสนใจยิ่งขึ้นอีก ส่วนที่ทำให้ตัดสินใจจะดูจริงๆ เพราะว่าเด็ก...เป็นความเชื่ออย่างหนึ่งว่าละครเรื่องไหนมีเด็กเรื่องนั้นต้องมีเนื้อหาดีๆ ไม้เว้นแม้แต่ผู้ใหญ่ลีกับนางมา ช่อง 3 ที่คนหลงรักไอ้ปี๊ดกันทั้งเมือง ไม้เว้นแม้แต่พี่สาวโต๊ะทำงานด้านหลังที่ออฟฟิศ คนที่แทบจะไม่ดูละครเลยยังพรรณาถึงไอ้ปี๊ดให้ฟังอยู่บ่อยๆ

เปิดฉากเรื่องราวได้น่าสนใจ .... ภาพของหญิงสาวน่ารัก รอยยิ้มสดใส กับถ้อยคำจากความรู้สึกดีๆ จากนั้นก็เป็นเหตุการณ์ความสูญเสียที่มีผู้ชายหัวฟู คนนึงวิ่งมาที่โรงพยาบาล (พระเอกหัวฟู นี่ทำเอาใจเสียทุกราย ...มันเป็นทรงผมที่รับไม่ค่อยได้Smiley ) ดอกกุหลาบในมือร่วงลงพื้น เมื่อได้พบว่า...เธอผู้เป็นที่รักได้จากไป  ...หลังจากที่ให้กำเนิดลูกสาวตัวน้อย สิ่งมีค่าเดียวที่เธอเหลือทิ้งไว้ให้เขา พร้อมกับชีวิตที่"ไร้กุหลาบ" ตั้งแต่นั้นมา



ภาพของช่วงเวลาที่ชายหนุ่มคนนึงเฝ้าถนอมเลี้ยงลูกเล็กให้เติบโตขึ้นมา  ควักเอาใจไปครองตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้าพระเอกชัด... จึงไม่มีปัญหาหากว่าพระเอกจะมีหน้าตาที่ไม่ได้หล่อเหลาอะไร (ดังความคาดหมาย) ดูเป็นผู้ชายหน้าตาธรรมดาๆ คนนึง ... เช่นเดียวกับเด็กหญิงผู้เป็นลูกสาว ....ใบหน้าที่ปิดบังไว้ด้วยถุงกระดาษอยู่พักใหญ่ ...นอกจากจะคอยลุ้นว่าคนเป็นพ่อจะทำอย่างไรให้ลูกสาวตัวน้อยยอมเปิดถุงให้เห็นหน้าแล้ว เหตุผลที่เธอซ่อนหน้าตาตัวเองจากผู้เป็นพ่อ ยังทำให้หลงรักเธอเข้าเต็มเปา ..

ความสัมพันธ์ของสองเรา ( พ่อ-ลูก )  ช่างน่ารักเหลือเกิน


พ่อ : ชิโอมิ เอย์จิ Smiley  นอกจากจะเป็น"คุณพ่อแสนดี"ที่เลี้ยงลูกสาวมาเพียงลำพังเป็นเวลา 8 ปี ยังเป็น "ผู้ชายแสนดี"..ต่อผู้คนรอบข้าง มีน้ำใจ ช่วยเหลือคนอื่น ไม่เคยถือโทษโกรธใคร ดีชนิดที่เรียกว่า “เลิศประเสริฐศรี” (ดูไปก็สงสัยนะ อะไรจะเป็นคนดีกันได้ขนาดนั้น)

ลูก : ชิโอมิ ชิซูกุ  Smiley  เด็กหญิงตัวน้อยวัยแปดขวบ ..หน้าตาแจ่มใสน่ารัก ช่างพูด ช่างคิด มีความเป็นผู้ใหญ่เกินตัวและฉลาดเป็นกรด (เด็ก 8 ขวบอะไรจะฉลาดปานนั้น ถึงขนาดมีหน้าที่ดูแลการเงินของบ้าน) แถมยังมีจิตใจดีแบบที่เรียกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เพราะทั้งแม่ผู้ให้กำเนิดและพ่อผู้เลี้ยงดู สุดแสนจะเป็นคนดี(อย่างเหลือเชื่อ) ทั้งคู่ โดยเฉพาะคนเป็นแม่ เทปวิดิโอที่เธอทิ้งไว้ให้คนเบื้องหลัง ทุกคำพูดกลั่นออกมาจากความรักความจริงใจ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเป็น “ผู้หญิงคิดบวก” Positive thinking อย่างที่สุด

หลังจากที่แม่ของชิซูกุเสียชีวิตไป เอย์จิต้องทำงานอย่างหนักเพื่อจะเลี้ยงดูชิซูกุให้ดีที่สุด พร้อมกับทำความฝันของเธออันเป็นที่รักให้เป็นจริงนั่นคือการเปิดร้านขายดอกไม้  เรื่องการแต่งงานใหม่หรือเปิดหัวใจให้ใครจึงเป็นเรื่องที่เอย์จิไม่เคยคิดถึงมาก่อน ถึงจะเศร้าโศกเสียใจสักแค่ไหนกับการจากไปของเธอ แต่เอย์จิก็มีชีวิตอยู่มาได้เพื่อสิ่งเดียวที่มีความหมายสำหรับเขานั่นก็คือชิซูกุ



สองผู้ลูกอาศัยอยู่ในบ้านที่เป็นร้านดอกไม้ด้วยกันตามลำพัง ต่อมาเอย์จิได้ให้ความช่วยเหลือ นาโอยะ ที่ถูกแกงค์นักเลงตามทวงหนี้ให้มาอาศัยอยู่ในบ้านและช่วยงานร้านดอกไม้ด้วย  นอกจากนี้ เพราะความเป็นคนดีสุดประเสริฐของคุณพ่อและความน่ารักของคุณลูก ทำให้เห็นผลของความดีอย่างหนึ่งนั่นคือพวกเขามีมิตรแท้ ไม่ว่าจะเป็นคุณลุงร้านคาเฟ่ฝั่งตรงข้าม  คุณครูประจำชั้นแสนสวยของลูกสาว  คุณป้าสวนดอกไม้ ที่เป็นคนสอนเอย์จิเกี่ยวกับเรื่องดอกไม้ และยังเป็นคนช่วยดูแลชิซูกุตลอดมา ภายหลังเธอถูกลูกๆ ทอดทิ้ง และต้องไปอยู่บ้านพักคนชรา ทำให้เอย์จิชวนคุณป้ามาอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว (เป็นอีกหนึ่งความแสนดีมีน้ำใจของพระเอก)

อยู่มาวันหนึ่ง ท่ามกลางฝนพรำ...ร้านขายดอกไม้ที่ไม่ขายดอกกุหลาบ ก็มีหญิงสาวคนนึงเข้ามายืนพักพิงเพื่อหลบฝนอยู่ใต้ชายคาหน้าร้าน  เอย์จิได้หยิบยื่นน้ำใจให้แก่เธอคนนั้นด้วยการชวนให้เข้ามานั่งหลบฝนอยู่ในร้าน หาเครื่องดื่มร้อนๆ ให้ดื่ม และชวนพูดคุย 

นั่นเป็นการพบกันครั้งแรกของเขาและเธอ  เอย์จิคุณพ่อลูกติดเจ้าของร้านขายดอกไม้ กับ Smiley  มิโอะ..หญิงสาวตาบอดที่หน้าตาสะสวยน่ารักและ เหมือนว่าจะ' มีชีวิตที่โดดเดี่ยวในโลกมืดมิดลำพัง

รอยยิ้มของเธอ..เหมือนดอกไม้  เอย์จิชอบผู้หญิงที่มีรอยยิ้มเหมือนดอกไม้...เธอจึงกลายเป็น..ดอกไม้ในหัวใจ..ในเวลาต่อมา

เขาเป็นผู้ชายอบอุ่นแสนดี  จิตใจที่งดงาม เต็มเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ ทำให้หัวใจของมิโอะสั่นคลอน เล่ห์กลความหลอกลวงที่เคลือบเอาไว้ถูกกะเทาะเปลือกออกจากใจทีละน้อย...

ในความหลอกลวงมีความรัก และในความรัก...เพื่อให้รักคงอยู่...จึงต้องหลอกหลวงกันต่อไป



การสร้างความน่าสนใจอย่างหนึ่งของละคร ก็คือการสร้างปมให้คนดูอยากรู้...เมื่ออยากรู้ก็ต้องติดตาม และนี่คือสาเหตุที่..เมื่อเปิดละครเรื่องใดขึ้นมามาดูแล้ว ก็แทบจะตัดใจหยุดดูไม่ลง จนกว่าเรื่องมันจะคลี่คลายหรือจบไปให้หายค้างคาใจ ... เรื่องนี้ก็เช่นกัน

การพบกันของเอย์จิกับมิโอะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ...เธอจงใจเข้ามาในชีวิตของเขาด้วยวัตถุประสงค์บางอย่าง...(อยากรู้...ว่าพระเอกของเราผิดตรงไหน ถึงมุ่งหวังทำลายกันเยี่ยงนั้น )

เธอนำความรักมาให้ แต่ก็นำความสูญเสียมาด้วยการพรากสิ่งสำคัญในชีวิตไป

ยิ่งดูก็ยิ่งทำให้เคลือบแคลงสงสัย  ตกลงว่า พระเอกนั้น เนื้อแท้ลึกลงไป เป็นคนดีๆ จริงๆ หรือเปล่าหว่า ? หรือเป็นอดีตคนเลวที่กลับใจ หรือเป็นแค่คนเลวที่พยายามจะชดใช้ความผิด ....เอย์จิรักแม่ของชิซูกุมากมายจริงๆ หรือแท้จริงไม่เคยรักเลย และการรับเลี้ยงลูกสาวมาก็เพียงแค่ต้องการจะรับผิดชอบ.... สับสนมึนงงค่ะ  คิดและคิด... ว่าตกลง ความจริงเป็นอย่างไรกันแน่...แม้จะหักมุมทำร้ายจิตใจบ้าง แต่หักมุมอย่างเดียวกันนี้เคยเจอมาแล้วในบันทึกหัวใจนายซางดู หนนี้เลยไม่น้ำตาท่วมจอมากเกินไป และที่สำคัญ...ก็ไม่ได้จบแบบทำร้ายจิตใจ ตรงกันข้ามเลยคือ Happy Ending (อย่างสุดซึ้ง)

สำคัญคือ  มีเด็กหญิงชิซูกุ คอยทำให้อมยิ้มไปกับความน่ารักของเธอได้ตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะความน่ารักกับทุกฉากที่พ่อลูกเค้ากุ๊กกิ๊ก หรือนั่งคุยปรึกษาหารือกันอย่างจริงจัง ...ชอบตอนที่ชิซูกุบอกพ่อว่า เงินของร้านขาดไปไม่ว่าจะตรวจบัญชีบวกเลขกี่รอบแล้วก็ยังขาดอยู่ แล้วเอย์จิแบบว่าทำ...หน้าเจี๋ยมเจี้ยม นั่งพับขาตัวลีบสารภาพกับลูกสาวว่าพ่อเอาเงินไปเอง แล้วลูกสาวก็ดีเหลือใจ "พ่อจ๊ะ ไม่เป็นไรหรอกที่พ่อจะเอาเงินไป นี่เป็นเงินที่พ่อทำงานหนักหามาได้ พ่อมีสิทธิ์ที่จะใช้..............." บทพูดประมาณนี้ล่ะค่ะ  แค่ 8 ขวบเองนะเนี่ย  น่ารักจริงๆ




“ทำดีได้ดีมีที่ไหน  ทำชั่วได้ดีมีถมไป”

ไม่รู้ใครช่างคิดคำพูดนี้ออกมานะ  แสดงถึงความอัดอั้นตันใจแบบ "ทำดีไม่ได้ดี" ...ดูอย่างพระเอกเรื่องนี้ ก็เป็นคนดีที่ถูกทำร้าย ในความเป็นจริง..มันก็อาจจะจริงบ้างถ้าจะตัดสินกันในช่วงเวลาสั้นๆ   แต่ทางที่ดีอย่าไปคิดอย่างนั้นให้ท้อแท้ใจในการทำความดีจะดีกว่าค่ะ ...ขอเพียงว่า  ให้เชื่อมั่นศรัทธาในกรรมดี ผลแห่งความดี ....วันนึงจะต้องเห็นผล.. อีกเช่นกัน ...ดูละครเรื่องนี้เป็นตัวอย่างได้ว่า  ปิดทองหลังพระ พระก็เป็นทอง (สุภาษิตบ้านไหนเนี่ย)  “ทำดีต้องได้ดีอย่างแน่นอน”

มีคำพูดที่กินใจอยู่ในซีรีย์เรื่องนี้ คือตอนที่เอย์จิบอกกับตาของชิซูกุถึงคำพูดที่ รูริ (แม่ของชิซูกุ) พูดถึงพ่อ

“ ฉันได้รับความรักมากมายจากพ่อ เพราะฉะนั้นก็ไม่เป็นไรเลยที่ฉันจะไม่ได้รับมันมากกว่านั้น”  ถ้าได้ดูเนื้อเรื่องจะเข้าใจความหมายของคำพูดนี้ค่ะ

และตอนจบที่เอย์จิร้องไห้และกำลังจะลุกหนีไปจากภาพของครอบครัวอบอุ่นตรงหน้า และมิโอะรั้งไว้พร้อมกับบอกว่า

“ อย่าไปเลยค่ะ อยู่ที่นี่แหละ อยู่ในที่ที่คุณกลัวและพยายามหลบเลี่ยงมาตลอด อยู่กับความสุขตรงนี้ เพราะคุณเป็นคนที่ไม่เคยปล่อยมือใคร เพราะฉะนั้นคุณควรเป็นคนที่เหมาะจะอยู่ตรงนี้มากที่สุด"   คนที่ไม่เคยปล่อยมือใคร... เป็นคำพูดที่อธิบายถึงพระเอกเรื่องนี้ได้ดีที่สุดเลยทีเดียว


นักแสดง 
 

ชิโอมิ เอย์จิ/ รับบทโดย คาโตริ ชินโง คุณพ่อที่แสนอบอุ่นอ่อนโยน และใจดีกับผู้คนเป็นที่สุด


 

ชิโรโตะ มิโอะ / รับบทโดย ทาเคอุจิ ยูโกะ  หญิงสาวตาบอด และนางพยาบาลแสนสวยที่แบกรับความกดดันจากปัญหาอาการเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงของพ่อ และเป็นเหตุผลที่บีบบังคับให้เธอต้องเข้าไปใกล้ชิดกับเอย์จิ และหลงรักเขาในที่สุด (แพ้ความดี)
 

 

คุโด้ นาโอยะ / รับบทโดย มัตสึดะ โชตะ  ตอนดู Love Shuffle ชอบโชตะอย่างมากมาย มาเรื่องนี้... แรกๆ เกลียดขี้หน้าอย่างมาก ...( แสดงว่าตีบทแตกพอสมควร Smiley) แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นตัวละครสำคัญของเรื่อง ..  จึงหมั่นไส้ในบางครั้ง ชอบความตลกบ้างในบางหน...พอเรื่องดำเนินมาถึงตอนท้ายๆ จึงกลับไปเทใจให้อย่างเดิมSmiley
 
โอโนะ ยูกิ /รับบทโดย ซากุ ยูมิกุ เป็นคุณครูประจำชั้นของชิสึกุ ที่คอยดูแลคนเป็นลูก เป็นที่ปรึกษาและให้กำลังใจคนเป็นพ่ออยู่เสมอ


ชิโอมิ ชิสึกุ / รับบทโดย ยากิ ยูกิ ลูกสาวของเอย์จิ ..เพราะเจ้าถุงกระดาษสีเหลืองบ้าง สีชมพูบ้างนี่แหละ ทำให้ลุ้นหน้าตาของเด็กน้อยแทบแย่เลยในการเปิดฉากละครออกมาตอนแรกๆ  ถ้าอยากเห็นว่าน่ารักแค่ไหน ต้องไปหาเรื่องนี้มาดูนะคะ (เชียร์เด็กสุดฤทธิ์)Smiley


ขอบคุณภาพสวยๆ จาก


www.ballwad.com/forum/index.php?topic=99.0




Free TextEditor


Create Date : 05 กันยายน 2552
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2553 0:42:59 น. 18 comments
Counter : 3316 Pageviews.

 
ไปว่าเค้าไม่หล่อได้ไงค่ะ เป็นถึง แมมเบอร์ SMAP วงเดียวกับคิมุ ทาคุ เชียวน่ะ (เออเห็นด้วย ไม่หล่อจริงๆ 555)
เหตุผลที่ดูเรื่องนี้ เพราะมีคนเขียนเชียร์เยอะ แต่ก็ยังไม่ดูเพราะทำใจกับหน้าตาพระเอกก่อน ต่อมาเห็นรายชื่อ โชตะ อยู่ในนั้น ก็เลยรีบดู (ยังไม่ผิดคอนเซป) เป็นหนังดีสุดยอด สมคำล่ำลือ ไม่ก็ไม่ร้องไห้หรอกน่ะ (ดราม่า บางเรื่องน้ำตาจะไหลออกมาเอง โดยไม่ต้องมีใครมาบอกว่ามันจะเศร้า) ชอบความรักของพ่อ ลูกคู่นี้อบอุ่นหัวใจดี

แต่ยิ่งไปกว่านั้น เพลงไตเติ้ลสวยมาก เพลงเพราะ ไมเคยเปิดข้ามเลยสักตอน ปัจจุบันก็ยังนั่งฟังอยู่เรื่อยๆ น่ะ


โดย: mamLHC IP: 117.47.212.172 วันที่: 6 กันยายน 2552 เวลา:11:27:42 น.  

 
ว้าลืมตอบคำถาม.....
เรื่องที่โทมะ เล่นมีหลายเรื่องจ้า
Hama Kimi (น่าจะดูแล้วน่ะ) อันนี้น่ารักโครตๆ
Honey & clover เป็นหนังรักสามเส้าของนักศึกษา ศิลปะ แต่ภาพสวย เนื้อเรื่องดี โทมะหล่อ อยู่คณะสถาปัตย์
VOICE (มีพรีวิวน่ะ) โทมะเป็นนักเรียนแพยท์นิติเวช สนุกเชียวแหละ
Maou ดูไปแล้วสิน่ะ เราบ้าโอจังหล่ะ
Majo Saiban ใหม่สุดเพิ่งลาจอ และกะลังจะหามาดู อิ อิ (แต่ใครจับโทมะ ไปดัดผมเนี้ยะ ขัดใจมาก)


โดย: mamLHC IP: 117.47.212.172 วันที่: 6 กันยายน 2552 เวลา:11:35:56 น.  

 
หามาดูจนได้นะครับ

เล่าไม่พลาดสักตอนเลย

เเต่หายไปนานนะครับ


โดย: Chanpanakrit IP: 124.120.162.187 วันที่: 6 กันยายน 2552 เวลา:23:32:11 น.  

 
เรื่องนี้ที่ชอบที่สุด คือ ฉาก..

เค้าทำฉากได้สวยมากเลย. .. บรรยากาศดีสุด ๆ ...

ชอบเนื้อเรื่องด้วยค่ะ.. ชอบคนขายดอกไม้..


โดย: poongie วันที่: 10 กันยายน 2552 เวลา:22:21:23 น.  

 
เย้!กลับมาอ่านเรื่องย่ออีกรอบ
เพราะวาทางไทยพีบีเอสกำลัง
จะเอามาฉายในแดนสยาม
ใ้ห้ชนอปกติบุคคลได้กล่อมเกลาจิตใจกัน


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 5 มิถุนายน 2553 เวลา:11:35:39 น.  

 
ลองดูเมื่อคืน ทีวีไทย
เพราะติดพันจาก บ้าบ๋า ย่าหยา(จบแล้วยังเสียดาย ออกซ้ำอีกสัก 3 เดือน ก็จะยังดูใหม่) ..รู้สึกดี วันนี้ เลยต้องหาข้อมูลเพิ่ม ..เห็นด้วย เผื่อคนไทย จะดีได้มั่ง(..ถ้าดูแล้ว...รู้เรื่อง รู้ภาษา..คน กันมากขึ้น).


โดย: badboy IP: 118.172.34.56 วันที่: 11 มิถุนายน 2553 เวลา:16:25:42 น.  

 
ชอบ series ญี่ปุ่นมากๆ ดูแล้วอยากเป็นคนดีต่อไปเพราะได้เห็นตัวอย่างดีๆ อยากให้คนไทยทำหนังดีๆ ออกมาแบบเขาบ้าง จะได้เป็นตัวอย่างให้เยาวชนไทย


โดย: kornchan IP: 117.121.221.80, 117.121.208.2 วันที่: 11 มิถุนายน 2553 เวลา:18:05:17 น.  

 
^*^ vvv


โดย: ss IP: 118.172.177.228 วันที่: 18 มิถุนายน 2553 เวลา:17:19:09 น.  

 
เปนหนังที่ดีมาก เรียบๆเเต่เนรื้อเรืองทำดีมากๆ


โดย: ยุง บิน ชุม IP: 192.168.1.213, 124.122.234.76 วันที่: 18 มิถุนายน 2553 เวลา:22:18:22 น.  

 
ใครมีเพลงประกอบซีรี่ย์เรื่องนี้บ้างค่ะ กำลังหาอยู่อ่ะค่ะ แต่หาไม่ได้..

ช่วยแนะนำหน่อยค่ะ


โดย: ยุ้ย IP: 210.246.80.136 วันที่: 20 มิถุนายน 2553 เวลา:19:15:58 น.  

 


โดย: prysang วันที่: 21 มิถุนายน 2553 เวลา:15:00:08 น.  

 
พยายามหาอยู่เหมือนกันนะคะ แต่หาไม่ได้ ชื่อเพลงจริง ๆ ชื่อตามเรื่องหรือเปล่า ก็ไม่แน่ใจ


โดย: prysang วันที่: 21 มิถุนายน 2553 เวลา:15:46:55 น.  

 
ชอบมากเลยดูทุกตอนแต่เวลาน้อยไปนิด ชอบนักแสดงเล่นได้ราวกับเรื่องจริงครับ


โดย: red IP: 125.26.207.238 วันที่: 25 มิถุนายน 2553 เวลา:13:10:11 น.  

 
หนังเรื่องนี้เป็นหนังดีมาก ดูแล้วทำให้ต้องติดตาม ไม่อยากหยุด เป็นหนังที่ถึงแม้จะดูเรียบๆแต่ให้ข้อคิดดีตลอด
คนที่คิดดีก็จะพูดออกมาดี อย่างพ่อ/ลูกคู่นี้ที่มีจิตใจดีและช่วยเหลือคน การพูดของเขามาจากจิตใจที่ดี ทำให้คนรัก
ชอบหนังประเภทนี้มากค่ะ


โดย: Jane IP: 132.147.21.26, 58.137.171.195 วันที่: 25 มิถุนายน 2553 เวลา:13:44:36 น.  

 
ได้ดูทาง ทีวีไทยค่ะ

ชอบมากๆ โดยเฉพาะ ชิสึกุ


โดย: PenKa วันที่: 16 กรกฎาคม 2553 เวลา:13:38:25 น.  

 
เปนอะรัยที่ซึ้งมากๆเลยดูเเล้วทำหัยคิดว่าคนเราโง่เเต่ก็เปนคนดีดัย อยากดัยเพลงประกอบมากคัยกรุณาส่งหัยหน่อยคับ koko50@hotmail.comเปนพระคุณมากเลย โค-ตะ-ระเลยม่ายเสพขอหามาเสพนะกั้บ


โดย: kim hui kung IP: 192.168.1.27, 124.122.115.136 วันที่: 31 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:30:53 น.  

 
ก่อนหน้านี้ถ้าจะมีใครถามว่าซีรีส์ญี่ปุ่นในดวงใจของเราคือเรืองอะไร เราคงยังตอบไม่ได้เต็มปากเพราะยังหาที่โดนใจจริงๆไม่ได้

แต่ถ้ามีใครมาถามเราตอนนี้ Bara no nai Hanaya (ร้านดอกไม้ไร้กุหลาบ) นี่แหละคือสคำตอบที่จะบอกได้เต็มเสียง
ทั้งที่ตั้งแต่เริ่มต้นเรื่องเรารู้สึกว่าไม่เข้าท่าที่ใครจะสั่งให้ใครไปหลอกลวงใครเพื่อทำลายคนๆ นั้น โดยเฉพาะสั่งให้ผู้หญิงแกล้งทำทีเป็นตาบอดไปหลอกผุ้ชายให้หมดตัว

เราจึงรู้สึกว่าโครงเรื่องมันช่างอ่อนซะจริงๆ แต่พอดูไปได้แค่ครึ่งเรื่องและพอจบตอนที่ 1 มันกลับเปลี่ยนความคิดของเราไปอย่างรวดเร็วจนเกิดอาการลุ้นในตอนต่อไปชนิดตั้งตัวไม่ติด

และยิ่งดูก็ยิ่งพบว่า เรื่องนี้มันช่าง โรแมนติกจิตวิทยามากๆ (โรแมนติกโครตๆ ไม่ว่ากับนางเอก หรือโรแมนติกกับความรักที่มีให้กับลูกสาว และจิตวิทยาปรัญชาโดนๆ ตลอดเรื่อง ขอคำนับให้กับผู้เขียน โค้งต่ำๆ ด้วยความเคารพอย่างสูง)

เอย์จิ พระเอกของเรื่องไม่หล่อ หน้าตาบ้านๆ ชาตินี้คงหาผุ้หญิงเป็นแฟนยากแน่ๆ หากไม่ใช่เป็นเพราะนิสัยที่ผิดกับหน้าตา เขาเป็นคนให้เกียรติคนอื่นแม้แต่กับลูกของตัวเอง เขาเลี้ยงลูกแบบเพื่อนจึงไม่เคยที่จะะลืมให้เกีรยติลูก คำว่าขอบคุณ และขอโทษกับลูก ทุกครั้งที่พูดมันออกมา เขาพูดมันออกมาจากใจ
การพูดขอบคุณหรือขอโทษด้วยใจ จึงมีพลังที่ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ก็รับรู้ได้ ปกติพ่อแม่มักเป็นฮีโร่ของลูกอยู่แล้ว ชิสึกุ ลูกสาวจึงรับรู้ความรู้สึกนี้ได้ดี นั่นจึงไม่แปลกเลยที่เขาจะได้รับเกีรยติเช่นนั้นจากลูกของเขากลับมา เหมือนเป็นกระจกที่สะท้อนในสิ่งที่เขาทำ

"เราทำอะไรกับใครไม่ว่าจะมากหรือน้อย สิ่งนั้นจะสะท้อน ย้อนกลับมาฉายที่เราเสมอ" (ประโยคเด็ดประโยคหนึ่งจากซีรีส์เรื่องนี้)

และไม่เพียงแต่กับลูกสาวเท่านั้น เขายังให้เกียรติและอ่อนโยนกับทุกๆ คน

ชิสึกุ ลูกสาวซึ่งอยู่กับเขาตลอดเวลา 8 ปี จึงลอกเลียนนิสัยอ่อนโยน ชอบช่วยเหลือผู้อื่นมาทั้งหมด ทั้งๆ ที่สุดท้ายจะเฉลยว่า เธอจะไม่ใช่เลือดเนื้อที่แท้จริงของเขา แต่ความผูกพันของทั้งคู่ มันมากกว่า และยิ่งกว่าความมีสายเลือดเดียวกันของพ่อลูกทั่วไปซะอีก
นั่นไม่ใช่เพราะชิสึกุ ลูกสาว เป็นเด็กดีหรอก แต่เป็นเพราะเอย์จิ พระเอกของเรื่องมีนิสัยที่แสดงให้ลูกรับรู้วิถีของการใช้ชีวิตที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีใครมีนิสัยได้น่าทึ่งเช่นนี้อยู่บนโลก

เอย์จิ พระเอกของเรื่องเป็นคนที่ชอบหาสาเหตุ เขาจะไม่มองปัญหาแค่ผิวเผินและคาดโทษกับคนๆ นั้น สิ่งนั้นๆ ในทันที แต่จะมุ่งหาสาเหตุและแก้ไขมันด้วยคำพูดที่ละเอียดอ่อน เข้าถึงหัวใจของปัญหาที่เกิดขึ้นกับคนๆ นั้น สิ่งนั้นๆ แล้วจะหาคำพูด ใช้คำพูดแก้ไขอย่างละมุน และโดนใจผู้ฟังให้คล้อยตามจนไม่ว่าใครๆ ที่ได้ยินก็อดทึ่งไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นครูของลูกสาว ป้าผู้สอนให้เขารู้จักการดูแลดอกไม้ ซึ่งขณะนั้นลูกสาวของเขาก็มักจะอยู่ด้วย และเรียนรู้วิธีการพูดกับคนอื่น ความเอาใจใส่ที่พ่อมีต่อคนอื่นอยู่ตลอดเวลา จึงไม่น่าแปลกใจที่ลูกสาววัยเพียงแค่ 8 ขวบ จะฉลาดเป็นกรด มีเหตุผล ไม่เอาแต่ใจ มีเทคนิคการพูดกับคนอื่นที่ดี และมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเกินอายุ จนบางครั้งดูจะโอเวอร์ ว่าจะมีเด็กแบบนี้ในอายุเท่านี้อยู่จริงๆ เหรอ? หุหุ

มาดูภาษาที่พ่อใช้พูดกับลูกกันค่ะ เป็นตอนที่พ่อไม่รู้จะทำยังไงให้ลูกถอดหน้ากากออก เพราะลูกเชื่อว่าเธอทำให้แม่ตาย ถ้าพ่อเห็นหน้าเธอ พ่อคงจะรู้สึกเศร้าที่เห็นหน้าเธอ ดังนั้นเธอแคร์หัวใจพ่อ เธอจึงเริ่มสวมหน้ากากตลอดเวลา

เอย์จิ ไม่ได้ใช้อำนาจของพ่อบอกลูกสาวว่า "ถอดหน้ากากออกเดี๋ยวนี้นะ" ตรงกันข้ามเขาพยายามหาสาเหตุอยู่หลายวัน ถึงได้เข้าใจ และประโยคที่พูดกับลูก เขาให้เกียรติลูกสุดๆ ด้วยคำพูดเหมือนพูดกับผู้ใหญ่เลยค่ะ ประมาณว่า...

พระอาทิตย์ให้ความอบอุ่น แต่ถ้าพระอาทิตย์เผลอไปรักใครจริงๆ ขึ้นมา พระอาทิตย์ก็จะไม่สามารถเข้าใกล้คนๆ นั้นได้เลย เพราะแสงแดดจะแผดเผาคนรักของเขา พระอาทิตย์จึงได้แต่เฝ้าดูคนรักอยู่ห่างๆ เพราะนั่นเป็นสิ่งเดียวที่เขาทำได้ แม่ของลูกต้องการอุ้มลูก เธอจึงคลอดลูกออกมา ทั้งๆที่รู้ว่าอาจไม่มีโอกาสได้อยู่กับลูก เช่นดวงอาทิตย์ที่ให้ความอบอุ่น ก็ขอเพียงได้เฝ้าดูลูกอยู่ห่างๆ พ่อเองก็เหมือนกัน หากไม่มีลูก พ่อคงใช้ชีวิตไปวันๆ อย่างไร้แก่นสาร แต่เพราะมีลูกพ่อถึงได้มีชีวิตอย่างที่มีที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ (ประมาณนี้นะคะ)

ธีมตลอดเรื่องได้หยิบยกประเด็นลูกที่ถูกพ่อแม่ทิ้ง หรือถูกทำร้ายจนต้องไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ไม่ว่าจะเป็นพระเอก เพื่อนพระเอก เพื่อนนักเรียนของลูกสาว ที่พระเอกต้องเข้าไปช่วยให้ออกมาจากการถูกทำร้ายโดยพ่อแม่มหาภัย พระเอกเรียกการที่ไม่มีพ่อแม่เลี้ยงดูนี้ว่า นักรบนิรนาม ซึ่งหมายถึงเหล่านักรบที่กล้าหาญ แต่ต้องอดทนจากการขาดแคลนความรัก แต่เพราะเป็นนักรบ จึงต้องกล้าหาญ อดทนและฝ่าฟันความขาดแคลนนี้อย่างฮีโร่ให้ได้

ตอนที่พระเอกเข้าไปช่วยเพื่อนของชิสึกุออกมาจากการถูกทุบตีสำเร็จ และพามาที่บ้านเด็กกำพร้า เด็กชายทำท่าแปลงร่างเป็นนักรบนิรนาม ฉากนี้ในความหมายทางจิตวิทยาแล้ว เราแทบน้ำตาร่วง พยายามกลั่นสุดๆ แต่สำหรับบางคนอาจเฉยๆ กับฉากนี้ หากว่าคุณได้รับความรักจากพ่อแม่โดยสมบูรณ์มาตลอด แต่สำหรับผู้ที่ขาดแคลนแล้วจะเข้าใจได้ โดยเฉพาะเข้าใจเพื่อนของพระเอกเป็นพิเศษว่าทำไมต้องไข่ทิ้งไว้ และยังทิ้งไปโดยไม่เหลียวแลหรือรู้สึกผิดที่แม่เด็กมาตายไป และพระเอกต้องมารับภาระเลี้ยงลูกให้เขาอยู่คนเดียวอย่างที่เป็นมานานถึง 8 ปี

ทั้งนี้เพราะเพื่อนพระเอกถูกทำร้ายทางจิตใจจนไม่อาจเชื่อใจใครว่าจะมอบความรักแท้ๆ ให้กับเขาได้ (ก็แม้แต่พ่อแม่ หรือแม้แต่คนที่รับเขามาเลี้ยง ยังหักหลังเขาเลย แล้วนับประสาอะไรกับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่พยายามทำให้เขาเชื่อใจด้วยการตั้งท้องกับเขาล่ะ)

อีกฉากหนึ่งในหลายๆ ฉากที่โดนใจเรา สำหรับพระเอกแล้วความรักลูกคือความอดทน เพราะหากลูกทำผิด เขาจะตีลูกเป็นความคิดสุดท้าย

นั่นเพราะพระเอกไม่เชื่อว่าการตีลูกแล้วหลังจากนั้นเด็กจะดีขึ้น เขากล่าวกับเจ้าของร้านกาแฟที่เป็นเพื่อนกับเขาว่า เด็กจะดีขึ้นไม่ใช่เพราะว่าถูกตี แต่เด็กดีขึ้นเชื่อฟังขึ้นเพราะความกลัว

ดังนั้นการตีลูกจึงไม่ใช่เพราะรักลูก มันเป็นคำแก้ตัวของพ่อแม่ว่าทำไปเพราะรัก แต่จริงๆ เป็นความใจร้อน (แต่เราว่าเป็นเพราะความใจร้อนบวกกับความต้องการเอาชนะลูกของพ่อแม่ในขณะนั้นไปในเวลาเดียวกัน ก็ในเมื่อฉันให้กำเนิดพวกเธอมาหนะค่ะ)

พระเอกคิดว่าพ่อแม่ที่คิดแบบนี้ไม่สมควรให้อภัย พระเอกเชื่อว่าถ้าลูกไม่เชื่อฟังก็ควรพูดให้เขาเข้าใจ ถ้ายังไม่เข้าใจก็ต้องพยายามพูดให้เข้าใจ ถ้ายังไม่เข้าใจก็พูดกับเขาใหม่ซ้ำจนกว่าจะเข้าใจด้วยความอดทน อดทน ๆ และอดทน นั่นแหละถึงจะเป็นรักที่แท้จริง

แต่เจ้าของร้านกาแฟได้ตอบกลับไปอย่างให้ข้อคิดเช่นเดียวกันว่า พ่อแม่ก็เป็นคนนะ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอก (ก็จริงแฮะ) ถ้าพ่อแม่รู้สึกผิดก็ควรขอโทษลูก ให้รู้ว่าคนเราทุกคนแม้แต่พ่อแม่ก็ล้วนแต่มีข้อบกพร่องด้วยกันทั้งนั้น (เป็นการสอนให้ลูก เด็กๆ รู้จักโลกแห่งความเป็นจริง เราโดนซะ)

นอกจากนี้คำว่า "ไม่เป็นไร" เป็นคำติดปากของพระเอก ไม่ว่าจะดีหรือจะเลวร้าย ไม่ว่าเหตุการณ์จะผลักให้เขาตกที่นั่งลำบากขนาดไหน เขาก็จะพูดกับคนที่มาให้กำลังใจเขาว่า เขาไม่เป็นไร สำหรับคนที่มีพ่อแม่อยู่พร้อม อาจคิดว่าพระเอกอดทนไปได้ยังไง แต่สำหรับคนที่ไม่มีพ่อแม่และโตมาเพียงลำพังอย่างเขา สำหรับเราแล้ว เราคิดว่าเขาเคยผ่านความยากลำบากที่ไม่เคยมีอะไรเลยในชีวิตมาตลอดช่วงชีวิตในวัยเด็ก แล้วจะมีเรื่องไหนในชีวิตที่หนักหนาสาหัสไปกว่านั้นอีกล่ะ ดังนั้นสิ่งต่างๆ ที่เลวร้าย ที่วิ่งเข้ามากระทบ สำหรับเขาจึงเป็นเรื่องที่ไม่เป็นไรเลย แค่นี้เขาเจอมาแล้ว เจอมาเยอะจนชินชาซะแล้ว

นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้พระเอกกลัวความสุขเป็นอย่างมาก เขาเคยระบายเรื่องนี้ออกมาครั้งหนึ่งว่า ถ้าเขาอยู่กับความสุข เขากลัวว่ามันจะหลุดลอยไป ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าอยู่กับมัน หรือแม้แต่เพียงคิดถึงความสุข (วิ่งหนี หันหลังให้ความสุข แม้แต่ตอนที่เด็กๆ ที่มีคนคิดจะรับเขาไปเลี้ยง เขาก็ให้เพื่อนเขาถูกไปรับเลี้ยงแทนเขา)

ดังนั้นหลังจากทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดี ทุกคนเข้าใจในตัวพระเอก ในฉากจบทุกๆ คนต่างมาอวยพรวันเกิดให้เขาด้วยความยินดีจากใจ เขารับรู้ความรู้สึกนั้นได้ ถึงกับกลั้นน้ำตาอย่างสุดๆและคิดจะลุกเดินหนีความสุขที่อยู่ตรงหน้า นางเอกรั้งแขนเขาไว้แล้วกล่าวว่า นี่คือสิ่งที่คุณกลัวและพยายามเลี่ยงมาตลอด แต่เพราะคุณเป็นคนที่ไม่เคยปล่อยมือของใคร ฉะนั้นคุณจึงเป็นคนที่เหมาะจะอยู่ตรงนี้ (ตรงที่ๆ มีแต่ความสุข) มากที่สุดกว่าใครทั้งหมด (เขียนออกมาแล้วอาจไม่ซึ้งเท่าได้ดูเรื่องราวมาตั้งแต่ต้น เพราะการไม่เคยปล่อยมือใครของพระเอก มันช่างน่าทึ่งและวิเศษ ถึงขนาดหมดตัวก็ไม่เคยคิดจะทิ้งใคร) จะมีคนแบบนี้จริงอยู่ในโลกรึเนี่ย หุหุ

สุดท้ายขอขอบคุณ คุณพรายแสง ที่แนะนำเรื่องนี้มาให้เราอาตี้ดูค่ะ


โดย: เราอาตี้้มาบุกแล้ว หุหุ IP: 119.46.167.30 วันที่: 7 ตุลาคม 2554 เวลา:11:13:21 น.  

 
คุณมะนาวเก็บเนื้อมาได้ละเอียดทีเดียวค่ะ ชินโงะ เป็นผู้ชายที่เหมาะกับนิสัยแสนดีที่อ่อนโยนจริงๆ นะคะ คอนเฟิร์ม!

เด็กน่ารักมากๆ



โดย: prysang วันที่: 7 ตุลาคม 2554 เวลา:11:51:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

prysang
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.