Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
18 กรกฏาคม 2555
 
All Blogs
 
Juui Dolittle "การรักษาสัตว์คือธุรกิจ" เงินไม่มาการรักษาไม่มี บอกไว้ก่อนนะ นี่ไม่่ใช่ถูกๆ



ภาพและข้อมูลจาก Dramawiki
Title : Juui Dolittle
Genre: Human drama, animals, medical
Episodes: 9 Viewership rating: 13.4%
Broadcast : TBS Oct 2010 Sunday 21:00
Theme song: Goodbye by Oda Kazumasa
Screenwriter: Hashimoto Hiroshi
Director: Ishii Yasuharu, Tsuboi Toshio, Ozawa Yuki


ช่วงนี้เหมือนมือขึ้น หยิบจับซีรีย์เรื่องไหน เป็นถูกใจไปหมด

Juui Dolitte เป็นหนึ่งในซีรีย์ที่ถูกใจเช่นกัน

ลองเปิดไปดูผลงานการเขียนบทที่รู้จักของ ฮาชิโมโตะ ฮิโรชิ (Karei naru Ichizoku , Water boy) และผู้กำกับ อิชิอิ ยาสุฮารุ (Ending Planner, Yamato Nadeshiko Shichi Henge , Smile , Ryusei no Kizuna , Kurosagi ) ผู้กำกับ สึโบอิ โทชิโอะ ( Smile , Love Suffle, Utahime, Tiger & Dragon ) โอ้ ... อย่างนี้เอง ถึงได้ถูกใจทั้งเนื้อหาและบทบาทของตัวละคร แถมยังสอดแทรกสาระได้ดีอีกด้วย

แม้ตอนแรกจะรับไม่ได้กับทรงผมของพระเอก แต่ดูไปดูมามันสนุกดีแฮะ ด้วยหน้าตาร้ายเอาเรื่องกับบทบาทที่ร้ายเอาแรงของ โอกุริ ชุน นี่เอง ทำให้ทรงผมไม่ใช่ปัญหาขัดตาอีกต่อไป ยิ่งดูก็ยิ่งชอบ และบางทีเรื่องนี้ชุนอาจไม่ได้ออกแรงใช้ฝีมือสักเท่าไหร่ เพราะหน้าตาของชุนนั้นดูร้ายอยู่แล้วเป็นธรรมชาติ ราวกับได้ลักษณะแบดบอยมาแต่กำเนิดงั้นแหละ

ดูอย่างภาพนี้ที่คุณ nobuta wo produce โพสต์ไว้ที่เว็บบอร์ด ณ บันเทิงแดนซากุระ กับกระทู้ "โอกุริ ชุน ในความทรงจำของคุณ คือ"



โอกุริชุนในความทรงจำของ prysang เอาแบบจำได้แม่นเลยคือเรื่องแรกที่รู้จักโอกุริ ชุน ในบทบาท ฮายาชิ เซย์จิ เรื่อง Smile ความรู้สึกตอนนั้นคือ หมอนี่่เล่นได้เกลียดเข้าไส้เลย ส่วนเรื่องที่ชอบมากๆ คือ Tokyo Dogs



อ่านพบบทสัมภาษณ์ของชุน กับเรื่อง Juui Dolittle

I'm thankful that a guy like me was chosen for this wonderful project, thank you very much! I didn't think I'd be on-location with a great atmosphere like this twice. From now onwards I'll be thinking 'Was that just a dream?'. I might be living thinking like that for a while (laugh).

ผมรู้สึกขอบคุณที่ผู้ชายออย่างผมถูกเลือกสำหรับโปรเจ็กต์อัศจรรย์นี้ ขอบคุณมากครับ ผมไม่คิดว่าผมจะได้อยู่ในสถานที่ที่มีบรรยากาศที่ดีเช่นนี้อีกเป็นครั้งที่สอง จากนี้ต่อไป ผมกำลังจะคิดว่า นั่นมันเป็นแค่ความฝันหนึ่งใช่ไหม ? ผมอาจจะคิดอยู่อย่างนั้นสักพักนึงเลยนะ (หัวเราะ)

อยากจะบอกว่าผู้ชายอย่างชุนที่หน้าตาอย่างนี้ สายตาอย่างนั้นแหละ เหมาะกับบทนี้มากถึงมากที่สุด งานนี้นับถือแคสติ้งเลย ว่าตาแหลมมากที่เลือกโอกุริ ชุน



ว่ากันก่อนด้วยชื่อเรื่อง Juui Dolittle ภาษาญี่ปุ่น 獣医ドリトル กูเกิ้ลแปลตรงตัวว่า สัตวแพทย์ดูลิตเติล มีที่มาจากหนังสือเรื่องคุณหมอดูลิตเติล ของ ฮิวจ์ ลอฟทิง เป็นเรื่องราวคุณหมอคนหนึ่งในประเทศอังกฤษ ชื่อ จอห์น ดูลิตเติล นายแพทย์ผู้รักสัตว์ ที่บ้านและสวนเต็มไปด้วยสัตว์เลี้ยงมากมาย คุณหมอได้เรียนรู้ภาษาสัตว์ต่างๆ จากนกแก้วอายุเกือบสองร้อยปี จนพูดภาษาสัตว์ได้เกือบทุกภาษา พอเบื่อหน่ายต่อการรักษาคนจึงผันตัวมาเป็นหมอรักษาสัตว์ ชื่อเสียงของหมอระบือไปไกลในหมู่สัตว์จนได้รับคำเชิญจากลิงแอฟริกาให้ไปรักษาโรคให้กับฝูงลิงนับพันตัว และการออกเดินทางของคุณหมอก็เป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยหลากหลาย ที่ทำให้ได้พบสัตว์แปลกๆ มากมายด้วยเช่นกัน



และถ้ามันมีจะมีอะไรเกี่ยวกับซีรีย์เรื่องนี้ ก็คือ ดูลิตเติล เป็นฉายาของพระเอกที่เป็นสัตวแพทย์ฝีมือเก่งกาจ เขาคือผู้ที่รับฟังเสียงจากสัตว์นานาและเข้าอกเข้าใจภาษาของพวกมันอย่างดี เหมือนเป็นลักษณะการเปรียบเทียบที่พระเอกจะรู้ว่าสัตว์มันเจ็บปวดตรงไหน มันต้องการอะไรและควรรักษามันอย่างไร



ทตโตริ เคนจิ สัตวแพทย์ฝีมือเยี่ยม มีสมองเหลี่ยมจัด ปากคมเป็นใบมีดโกน พูดกะใครทีไรบาดเหวอะ จิกกัด ถางถางไม่มีเว้นหน้าอินทร์หน้าพรหม ไม่ถนอมความรู้สึกใคร ไม่ว่าหญิงหรือชาย ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ ไม่ต้องการอะไรจากคำว่า มนุษยสัมพันธ์ เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องมีมันกะใคร

รักเงินเป็นชีวิตจิตใจ เกลียดการกุศล ถือคติ "การรักษาสัตว์คือธุรกิจ" รักษาฟรี ไม่มีในโลก เงินมา การรักษาถึงจะมี และไม่ต้องมาติ ไม่ต้องมาต่อรองราคาว่าแพงโค-ตร ถ้าคิดว่าราคาโหด ก็ไม่ต้องแวะมา ข้าพอใจจะโขกราคานี้ ใครจะทำไม ไม่พอใจ กลับออกไปได้เลย

หมออ่อนโยนกับสัตว์ทุกตัวเสมอ แต่คนน่ะเหรอ อย่า...แม้แต่จะคิดหวัง

"นี่ไม่ใช่การกุศล มันคือธุรกิจ"

"ผมไม่ใช่อาสาสมัครนะคุณ นี่มันเป็นธุรกิจ"

"คุณมีธุรกิจของคุณ นี่มันก็ธุรกิจของผมเหมือนกัน"

"ฉันก็ไม่ได้คิดจะทำการกุศลที่นี่อยู่แล้วนะ การรักษาสัตว์มันคือธุรกิจ"

“บอกไว้ก่อนนะ นี่ไม่ใช่ถูกๆ”


มันเป็นประโยคประจำตัวที่เขาจะพูดอยู่บ่อย ย้ำๆ ซ้ำ ๆ การรักษาสัตว์คือธุรกิจ ไม่ใช่การกุศลที่จะมาเสียแรงเสียเวลา เสียหยูกยาค่าเครื่องมือไปรักษาให้ตัวไหนฟรีๆ ตราบใดที่ตัวๆ เหล่านั้นมันมีเจ้าของ คุณอาจจะคิดว่า เอ่อ .. นั่นนิสัยของพระเอกแน่เหรอ? หรือที่จริงกำลังบรรยายถึงตัวร้าย

พระเอกจริงๆ ค่ะ แต่อย่าเข้าใจผิดว่าเขานิสัยไม่ดีอย่างน่ารังเกียจ เพราะที่บรรยายมานั่นแหละมันกลายเป็นข้อดีอย่างน่าทึ่ง และมันก็ทำให้ยิ้มมีความสุขกับการดูซีรีย์เรื่องนี้



ทาจิมะ อาสุกะ เพราะเธอเอาม้าแสนรัก สมบัติเดียวที่เป็นตัวแทนของพ่อที่เสียไป มารักษากับหมอหน้าเงินทตโตริ ก็ใช่จะอยากมาให้โดนโขกราคาแพงหูดับขนาดนั้นหรอกนะ แต่เป็นเพราะว่าไม่มีทางอื่นใดให้เลือก และเธอก็ไม่มีเงินพออย่างที่หมอคิดราคา จึงต้องชดใช้ด้วยการมาทำงานปัดกวาดเช็ดถู ทำความสะอาด และรวมถึงการเป็นพยาบาลผู้ช่วยจำเป็นด้วย

นี่ต้องถือว่าเป็นบุญของอาสุกะแล้วนะ เพราะหมอทตโตริน่ะ ปกติก็อย่างที่บอก เงินไม่มาการรักษาไม่มี แต่ที่ยอมให้อาสุกะหนนี้ เป็นเพราะอดีตอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยท่านฝากฝังมา หรือเป็นเพราะสงสารม้า หรือไม่อีกทีก็สงสารเจ้าของที่หน้าตาหน้าสงสารกว่าม้าซะอีก (อาจจะเพราะน่ารักด้วย) หรืออันที่จริงเพราะหมอทตโตริดูออกว่าใครรักสัตว์เลี้ยงของตัวเองอย่างบริสุทธิ์ใจมากน้อยแค่ไหน หรืออีกทีอาจจะกำลังต้องการใครสักคนมาช่วยอยู่พอดี และท่าทางยัยซื่อคนนี้คงพอจะมีแววเพราะเธอเป็นคนรักสัตว์ เขาถึงยอมรักษาให้ ทั้งที่ยังต้องรอหักเงินเดือนอีกยาวนานอันผิดมาตรฐานการดำเนินธุรกิจของหมอ แถมยังต้องมาอดทนกับนิสัยที่สุดแสนจะต่างกันกับตัวเขาเองราวฟ้ากับเหว เพราะอาสุกะนั้น ทั้งใสซื่อ เชื่อคนง่าย ใจอ่อน ขี้สงสาร แถมยังมีจิตอันเป็นกุศล ที่คอยแต่จะตื๊อให้เขารักษาสัตว์ทุกตัวๆ ที่ผ่านเข้ามาในโรงพยาบาล เงินทองยังไม่มาช่างมัน หมอช่วยรักษาก่อนจะได้ไหม



ฮานาบิชิ มาซารุ แตกต่างจากหมอทตโตริโดยสิ้นเชิง ถ้าจะมีเหมือนกันอยู่บ้างคือเป็นสัตวแพทย์เหมือนกัน เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน เป็นศิษย์อาจารย์เดียวกัน และสำคัญที่สุดคือ รักสัตว์เหมือนกัน แต่ต่างกันสุดขั้วตรงที่หมอฮานาชิชิเป็นคนแสนดีมีใบหน้ายิ้มแย้มอยู่เสมอ บุคลิกนุ่มนวล อ่อนโยน มีมนุษยสัมพันธ์น่าคบหากว่าหมอทตโตริเยอะเลย

หมอฮานาบิชิเป็นสัตวแพทย์คนดังที่ทำรายการสัตว์เลี้ยง 119 ออกอากาศทางโทรทัศน์ เป็นรายการที่ให้ความรู้ คำแนะนำเกี่ยวกับสัตว์ รณรงค์ ระดมความช่วยเหลือแก่สัตว์ในด้านต่างๆ ซึ่งบางครั้งก็เป็นกิจกรรมการกุศลที่หมอทตโตริจะไม่เสียเวลาใส่ใจ เพราะเวลาของหมอเป็นเงินเป็นทอง

หมอฮานาชิชิเป็นสัตวแพทย์ฝีมือเลิศ ในด้านการตรวจสอบวินิจฉัยอาการเขาไม่เป็นสองรองใคร แต่มันมีข้อจำกัดตรงที่เขามีปมปัญหาการผ่าตัดในอดีตที่กลายเป็นอาการจิตตกฝังใจ จนไม่สามารถทำการผ่าตัดอีกได้ แค่ยืนดูหมอก็คลื่นเหียนอยากจะอาเจียนโอ๊กอ๊าก ถ้าเป็นเอามาก อาการก็อาจถึงขั้นล้มหมดสติ อุปสรรคอันหนักหนาของหมอคนดัง ที่สาธารณชนไม่เคยรับรู้



โดมอน ไทโซ ผู้อำนวยการกลุ่มโรงพยาบาลรักษาสัตว์ที่มีชื่อเสียงและถือเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ มีสาขาโรงพยาบาลหลายแห่ง กระทั่ง ผอ.โดมอนเริ่มโดดเด่นและมีโอกาสจะได้รับหมายตาจากรัฐบาลให้ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานสมาคม ..... สมาคมอะไรก็จำชื่อเป็นทางการไม่ได้ แต่เป็นสมาคมสัตวแพทย์นี่แหละค่ะ ถือเป็นตำแหน่งระดับประเทศที่มีอำนาจและความสำคัญเป็นที่ปรารถนาของ ผอ.โดมอนอย่างมาก เขาจึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อจะประสบความสำเร็จทั้งในแง่ของการทะเยอะทะยานเพื่อตำแหน่งประธานสมาคมและหรือการพยายามขยับขยายธุรกิจ ซึ่งตำแหน่งประธานสมาคมจะช่วยเอื้อประโยชน์ได้อย่างสูง



โดมอน ยูโซะ ลูกชายคนโตของ ผอ.โดมอน ทำงานที่โรงพยาบาลของพ่อและถูกเก็งเป็นผู้รับช่วงต่อธุรกิจ เมื่อพ่อเริ่มวางมือจากการรักษาสัตว์ และมุ่งไปทางไขว่คว้าตำแหน่งประธานสมาคม ยูโซะได้รับมอบหมายให้เป็น ผอ.ผู้อำนวยการโรงพยาบาลใหญ่ของกลุ่ม รพ.โดมอน แทนพ่อ แต่ก็เป็นเพียงแต่ครองตำแหน่งในนาม ไม่มีอำนาจใดจริงแท้ และต้องทำทุกอย่างตามคำสั่ง ตามความต้องการของผู้เป็นพ่อ และมันสะสมเป็นความกดดัน



โดมอน จุนเป ลูกชายคนเล็กของ ผอ.โดมอน กำลังเรียนมัธยมปลายปีสุดท้าย เพราะความรู้ความสามารถของลูกชายคนโตไม่เป็นที่พึงพอใจนัก ความคาดหวังสูงของพ่อจึงตกมาอยู่ที่จุนเป อนาคตถูกกำหนดพร้อมกับเส้นทางที่ถูกขีดไว้ให้เดิน และไม่มีใครจะมองรู้ หรือดูออกได้ว่าใจจริงจุนเปพอใจจะเดินตามรอยเท้าของพ่อและพี่ชายหรือไม่



ศาสตราจารย์โทมิซาว่า มหาวิทยาลัยโตเกียว เป็นคนมีชื่อเสียงในแวดวงสัตวศาสตร์ เป็นอาจารย์ของทั้ง ทตโตริ ฮานาบิจิ และ ผอ.โดมอนด้วย เขาอายุมากแล้ว นอกจากเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ยังทำงานศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสัตว์เพื่อช่วยเหลือชุมชน และคนส่วนใหญ่ต่างเชื่อว่าเขาคือคนที่เหมาะสมที่สุดกับตำแหน่งประธานสมาคมคนต่อไป



ผู้ช่วยของหมอฮานาบิชิที่โรงพยาบาล และเป็นผู้ร่วมจัดทำรายการสัตว์เลี้ยง 119 ด้วยกัน

ตัวละครหลักมีอยู่ไม่กี่คนเท่านี้ค่ะ นอกนั้นที่เหลือเป็นนักแสดงรับเชิญผู้มาพร้อมกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับสัตว์แต่ละตัวแต่ละชนิดที่จะมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของซีรีย์สัตวแพทย์เรื่องนี้ แต่ละตอนจะมีคนมาเกี่ยวข้องกับสัตว์และสัตวแพทย์ตอนละสองสามคม ทำให้ซีรีย์ 9 ตอน มีนักแสดงรับเชิญถึง 29 ชีวิต และที่ถูกใจสุดคือ เจ๊เรียว ที่ไม่ได้เห็นกันมานานแล้วนับแต่ Code Blue 2 อีกคนจะเป็นใครไปไม่ได้เลยถ้าไม่ใช่หนูโนโซมิผู้น่ารักจากฤดูใบไม้ผลิสีขาว Shiroi Haru ส่วนหนู อิชิอิ โมโมกะ จากซีรีย์ My girl สาวน้อยของฉัน หนูไม่ต้องน้อยใจนะที่ป้าไม่ได้ปลื้มหนูเท่าไร ก็ป้ายังไม่มีผลงานติดใจของหนูเลย ตั้งแต่แผ่น My gril ของป้าติด ป้าก็ยังไมได้หามาดูต่อ เพราะคุณพ่อของหนู ไอบะ มาซากิ ก็ไม่ใช่นักแสดงที่ป้าปลื้มซะด้วย มันก็เลยต่อกันยากสักหน่อย



ผู้เขียนคิดว่าเสน่ห์ของซีรีย์เรื่องนี้คือ เปลือกนอกอันแข็งโป๊กของหมอทตโตริ ถ้าว่ากันถึงเนื้อแท้ก็ดั่งพระสังข์รูปทอง เพราะหมอทตโตริที่จริงเขาเป็นคนจริงใจ รักสัตว์ รักธรรมชาติ รักความยุติธรรม ความรักความเมตตานั้นจะต้องมากขนาดไหนกัน ถึงจะคิดและทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างมีเหตุผล ตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง ไม่หวั่นไหวกับอารมณ์ความสงสารใด แต่จะตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุดอย่างจริงใจ แม้ว่าสิ่งนั้นจะหมายถึงการปล่อยให้มันตายไป หรือฉีดยาตายให้มันตายลงต่อหน้าก็ตาม หมอทตโตริไม่ได้คิดแค่การรักษาให้มันมีชีวิต แต่คำนึงถึงชีวิตหลังการรักษาของพวกมันด้วย เป็นความจริงที่ว่าคนเป็นสัตวแพทย์ไม่ใช่แค่รักษาสัตว์ แต่ต้องฆ่าสัตว์ด้วยหากจำเป็น มันคือหนึ่งในหน้าที่ที่สัตวแพทย์ทุกคนต้องยอมรับ

เหมือนที่ครั้งหนึ่งหมอทตโตริได้บอกกับใครบางคน

“ฉีดยาตายก็เป็นงานสัตวแพทย์ .. รับไม่ได้ล่ะสิ?
ถ้านายยังคิดไม่ตกซักที สัตว์แพทย์คงไม่เหมาะกับนายหรอกนะ”


เหมือนที่ครั้งหนึ่งหมอฮานาบิชิได้ได้ตอบคำถามของหมอทตโตริ เมื่อเขาอาสาจะช่วย สั้นๆ แต่เป็นอันเข้าใจได้ดี

“นายฆ่าพวกมันลงเหรอ?”

“ฉันก็เป็นสัตวแพทย์นะ”



หมอทตโตริ เป็นสัตวแพทย์รักษาสัตว์ แต่กลับไม่ใช่แค่สัตว์เท่านั้นที่ได้รับการรักษา เจ้าของของสัตว์แต่ละตัวแต่ละตอน จะได้รับการเยียวยาจิตใจให้ดีขึ้น ให้คนอ่อนแอได้เข้มแข็ง ให้ครอบครัวเหินห่างหันมาใกล้ชิดกัน ให้ครอบครัวแตกร้าวกลับมาสมานฉันท์ ให้คนสิ้นหวังได้รู้คุณค่าของการมีชีวิตอยู่ ให้คนหลงทางผิดได้หาทางถูกจนเจอ ให้คนที่รักสัตว์และมีเมตตารู้จักที่จะรักและเมตตาต่อสัตว์ให้เป็นไม่ใช่รักแบบสร้างปัญหา เรียนรู้ตัวเองเพื่อเข้าใจสัตว์ และเรียนรู้สัตว์เพื่อรู้จักตัวเองให้ถ่องแท้ ฯลฯ

“นายคิดจะรักมันเมื่อไหร่ก็ได้ตามใจตัวเองงั้นเหรอ
สัตว์มันไม่รู้หรอกนะว่าคนเราคิดยังไง"


“สิ่งที่เรียกว่ารัก หมายถึงให้เวลากับคู่หูของนาย แม้ต้องสูญเสียเวลาของตัวเอง”

ประโยคนี้ด่าลูกค้า แต่เหมือนว่าจะสั่งสอนนางเอกไปด้วยกลายๆ
หมอแกเป็นแบบนี้แหละ ด่าที ตีกระทบชิ่งได้มากกว่าหนึ่งหลุม



เหล่านี้มันเป็นผลพลอยได้อันน่าทึ่งจากการที่เจ้าของแต่ละคนได้จำใจหอบหิ้วสัตว์เลี้ยงแสนรักที่เจ็บป่วยจากโรคภัย จากอุบัติเหตุ ความผิดพลาด หรือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ใดๆ มาที่โรงพยาบาลของหมอทตโตริ แล้วค่ารักษาสัตว์ที่โดนหมอหน้าเลือดโขกราคาหรืออาจจะเรียกตรงๆว่าขูดรีดเอานั้น มันดูจะกลายเป็นราคาที่ถูกแสนถูกไปเลย

ทักษะฝีมือด้านการแพทย์เป็นเลิศคือเครื่องมือรักษาสัตว์เจ็บป่วย
ส่วนเครื่องมือรักษาคนจิตป่วย คืออุปนิสัยขวางโลก ตรง! แรง! ไม่แคร์สื่อ!



ไม่ว่าจะโดนฟ้องร้องเป็นข่าวฉาว ไม่ว่าจะโดนติฉินนินทา ไม่ว่าจะถูกเมาท์มอยในอินเตอร์เน็ตเป็นหมอหน้าเงิน จอมงก ขี้โกง หมอทตโตริหาได้ใส่ใจกับเรื่องไร้สาระพวกนี้ไม่ เพราะยังไงหมอก็ไม่เคยขาดลูกค้า และถึงจะขาดๆ ไปบ้างตอนเป็นข่าวบูม หมอก็อยู่ได้เพราะหมอคิดค่ารักษาราคาไม่เคยธรรมดาอยู่แล้ว

นึกถึงหน้าตาหมอ ตอนบอกราคาแล้วก็ขำ
ได้ยินตัวเลขแล้วตัวเรายังใจเสียแทนสัตว์ที่เจ็บป่วย
เจ้าของมันจะมีจ่ายให้หมอเหรอ ราคาที่หมอว่ามา ...คือแพงแท้ .....



นอกจากอาสุกะนางเอกของเราแล้ว มีคนอยู่สองคนเท่านั้นที่หมอทตโตริจะยอมลงมือรักษาหรือไปช่วยอะไรทั้งที่ยังไม่เห็นตัวเงินก่อน นั่นก็คือ ศาตราจารย์โทมิซาว่าผู้เป็นอดีตอาจารย์ แม้หมอทตโตริจะค่อนขอดว่าอาจารย์เผด็จการไม่เคยเปลี่ยน แต่เขาจะไม่เคยขัดข้องจริงจังนักถ้าอาจารย์โทรศัพท์มาตาม ก็จะต้องขับรถจิ๊บสุดเท่ออกไป



ส่วนอีกคนคือ หมอฮานาบิชิ ก็ไม่ได้มีบุญมีคุณอะไรกันหรอก ก็แค่ เขาเป็นหมอฮานาบิชิที่เครดิตดี สถานะทางเครดิตมีสองประการคือ หนึ่งเป็นเพื่อนกัน และสอง หมอฮานาบิชิ มักส่งลูกค้ามาให้ขูดรีดเสมอ สาเหตุเพราะหมอฮานาบิชิผ่าตัดไม่ได้ และหมอมือผ่าตัดของโรงพยาบาลฮานาบิชิ ถึงจะเก่งแค่ไหน ก็มีข้อจำกัดเช่นสัตวแพทย์ทั่วไป แต่ความกรุณาที่มีต่อสัตว์ หมอฮานาบิชิรู้ว่า ความหวังสุดท้ายอาจยังมี หากมันได้มีโอกาสไปถึงมือหมอทตโตริ หากมันหมดหวังที่โรงพยาบาลของตัวเอง หมอฮานาบิชิจะแนะนำลูกค้าให้รีบพามันไปที่โรงพยาบาลหมอทตโตริ



หากมันผ่านโรงพยาบาลหน้าตาดี มีสง่าราศีสมเป็นโรงพยาบาลของหมอชื่อดังฮานาบิชิมาได้ ย่อมหมายความว่ามันอาการร่อแร่เปอร์เซ็นต์รอดค่อนข้างต่ำแล้วล่ะ การรักษาก็ย่อมยาก โอกาสตายมีสูง นี่จึงเป็นโอกาสให้หมอทตโตริของเราโขกราคา ยิ่งถ้ามองหน้าสอบถามสาเหตุการเจ็บป่วยของสัตว์เลี้ยงแล้ว หมอทตโตริผู้ไม่โง่ อ่านออกว่าเจ้าของเป็นคนเห็นแก่ตัว รักสัตว์ไม่เป็นล่ะก็ พ่อได้โขกราคาค่าแพงลิบ



ชอบมากเวลาที่หมอฮานาบิชิแนะนำให้ลูกค้าพาสัตว์เลี้ยงไปพบหมอทตโตริ ก็จะต้องมีคำแนะนำประมาณว่า เอ่อ ..ราคาอาจจะแพงสักหน่อยนะ (ไม่หน่อยละหมอ นั่นมันแพงมาก) หรือลูกค้าใดที่หลงไปหาหมอทตโตริก่อน เจอหมอบอกราคามาเป็นอันโกรธขึ้งเพราะมันแพงเวอร์ ต้องหันหน้าหนี โอบอุ้มสัตว์ของตัวเองมาที่โรงพยาบาลหมอฮานาบิชิ เมื่อลูกค้าเล่าว่าก่อนหน้านั้นเคยพามันไปที่ไหนมาและบ่นเรื่องราคา หมอฮานาบิชิจะเดาถูกทันที โรงพยาบาลทตโตริ ?



ตอนแรกที่อ่านเรื่องย่อ เห็นบอกว่าหมอฮานาบิชิเป็นคู่รักคู่แค้นของหมอทตโตริ ทั้งด้านการงานและความรัก แถมยังตั้งคำถามทิ้งท้ายด้วยว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะเป็นอย่างไร ใครจะเป็นผู้พิชิตหัวใจอาสุกะ ชวนให้คิดไปว่าเรื่องคงจะมีรักสามเส้าที่ไม่ค่อยชอบซักเท่าไหร่



ที่จริงไม่เป็นเช่นนั้นเลย ไม่รู้สึกว่าหมอทตโตริกับหมอฮานาบิชิเป็นคู่รักคู่แค้นต่อกัน แต่พวกเขาคือ "เพื่อน" ที่ทำตัวเหมือนคนแปลกหน้า และดูคล้ายว่าจะไม่สนิทกัน และความสัมพันธ์นี้มันก็เหมือนกับอุปนิสัยขวางโลกของหมอทตโตริที่คล้ายจะน่ารังเกียจนั่นแหละ คนทั่วไปจะไม่มีทางเข้าใจว่าเขาเป็นอย่างไร ถ้าไม่ได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิด ได้รู้จัก และซึมซับใจจริงลึกๆ ที่ขุดออกมาให้เห็นกันยากสักหน่อย

แต่อาสุกะมีโอกาสได้เห็น เช่นเดียวกับลูกค้าที่ทั้งสัตว์เลี้ยงและตนเองต่างก็ได้รับการเยียวยา ก่อนรักษาทั้งโกรธแค้นขุ่นมัวกับราคาหน้าเลือดและวาจาทิ่มแทงจิตใจ แต่หลังรักษาเป็นต้องซาบซึ้งก้มหัวให้ พร้อมเอ่ยถ้อยคำด้วยสำนึกจากใจ "อาริงาโตะ"



ความสัมพันธ์กับหมอฮานาบิชิก็เหมือนกัน คือ สิ่งที่เห็นไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เป็นความห่างเหินนอกแต่ซ่อนสนิทใน เป็นความสัมพันธ์เฉพาะ "เราสองคน" ที่คนอื่นไม่จำเป็นต้องเข้าใจ เราเป็นเพื่อน หรือเป็นแค่คนรู้จักร่วมสถาบัน ร่วมวงการ อาจไม่ได้ใกล้ชิด แต่ก็ไม่ได้ห่างเหิน แม้บนเส้นทางของสัตวแพทย์จะเดินคนละทาง แต่มันไม่เป็นไร เพราะก็ไม่ได้ขัดแข้งขัดขากัน พึ่งพากันได้ในเรื่องจำเป็น และไม่นิ่งดูดายหากอีกฝ่ายเดือดร้อนเข้าตาจน ทำตัวเหมือนเป็นแค่ความสัมพันธ์เบาๆ ไม่ใช่เพื่อนกัน แต่น้ำใจหนักๆ ที่ให้แก่กัน มันคือ การเป็นเพื่อนรักเลยล่ะ ...ดูแล้วรู้สึกอย่างนั้นน่ะนะ ยิ่งไม่มีสัญญาณของรักสามเส้ายิ่งถูกใจ เพราะซีรีย์ไม่ได้ตั้งใจเสนอความรักเท่าไหร่ด้วย เพราะความรู้สึกระหว่างพระเอกนางเอกก็เบาบาง เจือจางเช่นในซีรีย์ญี่ปุ่นทั่วไป



ดูเรื่องเดียวได้ดูนักแสดงคนโปรดถึงสองคน และบทบาทก็ไม่ได้เด่นด้อยกว่ากันนักด้วย ชุนรับบทสัตวแพทย์แรงตัวพ่อ เขาจึงมีอารมณ์ค่อนข้างนิ่งอยู่ไม่กี่หน้า นอกจากหน้าตาดุเป็นปกติ ก็จะมีพวกยิ้มเหยียดหัวเราะหยันแค่นั้น แต่ฮิโรกิจะมีบทบาทในทางอารมณ์มากกว่าเพราะเขามีปมปัญหาอันเป็นจุดอ่อน

ครึ่งแรกของซีรีย์จะดูเรื่อยๆ เพราะเป็นการปูพื้นฐานบนเส้นทางการแพทย์ของสัตวแพทย์แต่ละคน



หมอทตโตริ ผู้โลกส่วนตัวสูง ไม่ยุ่งกะใคร ไม่สนใจชื่อเสียง ไม่ใส่ใจการกุศล เขาจะออกสู่สังคมบ้างคือไปฟังสัมมนาวิชาการทางสัตวแพทย์ นอกนั้นก็อยู่เฝ้าคลีนิค รักษาสัตว์ของลูกค้าที่มาหา ไม่มีลูกค้าก็พาหมาไปเดินเล่น หรือไม่ก็นั่งเคี้ยวผัก อ่านตำราหนาเตอะ ชอบห้องของหมอมาก เพราะมันเป็นห้องเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยหนังสือ

หมอฮานาบิชิ เพราะเขาเป็นหมอใจดีที่รักสัตว์ ในความคิดของเขาคือทำอย่างไรจะช่วยสัตว์ได้มากที่สุด เขามองวิธีการช่วยเหลือสัตว์เป็นจำนวนมากๆ ในภาพรวม การทำรายการโทรทัศน์จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจให้แก่ผู้คน เพื่อจะได้รักเข้าใจสัตว์เลี้ยง และดูแลพวกมันได้อย่างถูกต้อง



หมอโดมอน สัตวแพทย์ผู้มองโลกใกล้เคียงกับหมอทตโตริ "การรักษาสัตว์คือธุรกิจ" แต่ต่างกันสุดขั้วคือหมอทตโตริทำธุรกิจเพื่อสัตว์ แต่หมอโดมอนทำธุรกิจเพื่อตัวเอง เขาจึงเข้าใจผิดไปว่าหมอทตโตริจะยินดีร่วมทางเดินเดียวกัน แต่มุมปากของหมอทตโตริก็มีรอยหยัน เพื่อยืนยันตัวตน

"ผมรักเงินมากก็จริง แต่ผมเกลียดการถูกผูกมัดด้วยเงิน"

หมอยูโซะ สัตวแพทย์ผู้ติดอยู่ในวังวนความทะเยอทะยานของผู้เป็นพ่อ เหมือนจะเป็นสัตวแพทย์ทีดีก็เป็นไม่ได้ แต่จะเดินตามความต้องการของพ่อจริงๆ ก็ไปไม่ถึง เคว้งคว้างอยู่อย่างนั้น



หมอโทมิซาว่า เขาก็เป็นศาตราจารย์ผู้พอเพียง และพอดี ไม่สุดโต่งไปแต่ละด้านเหมือนลูกศิษย์แต่ละคน

จุนเป ผู้เฝ้ามองความเป็นสัตวแพทย์ของพ่อและพี่ชาย และไม่รู้ว่าตัวเขาเองในอนาคตจากนี้ อยากจะเป็นหรือควรจะเป็นสัตวแพทย์หรือไม่



อาสุกะ ผู้ช่วยเงินผ่อนที่โดนหมอทตโตริเรียกใช้งานอย่างใกล้ชิด เลือกตำรับตำราที่จำเป็นสำหรับพยาบาลสัตว์มาให้หอบใหญ่ และหอบใหญ่อีก ดุด่า บ่นว่า สารพัด แต่เห็นได้ชัดว่าหมอตั้งใจจะฝึกหัดเธออย่างจริงจังให้เป็นพยาบาลที่ดี ดูแลสัตว์เป็น ช่วยงานผ่าตัดได้ แม้เธอไม่ได้เรียนจบมาทางนี้ ก็แค่ว่าวิธีการเคี่ยวเข็ญนั้น อาจจะไม่ค่อยนุ่มนวลสักเท่าไร

"สองเดือนที่เธออยู่นี่มา เธอก็ยังอ่อนหัดและไร้ประโยชน์อยู่ดี ยัยโง่"

“ผ่าตัดครั้งนี้อันตราย ถ้าเธอทำฉันพลาดนิดเดียว ฉันจะโยนเธอออกไป”

“ถ้ามีเวลาถามเรื่องปัญญาอ่อน กลับไปทำงานเหอะ”


เอ่อ ...ไม่ค่อยนุ่มนวล ดูจะเป็นคำที่เบาไป จริงๆ ต้องบอกว่าหยาบคาย-ร้ายกาจถึงจะถูก พูดกันดีๆ ก็ได้ ทำไมต้องด่ากันอยู่เรื่อย ทีกับพวกสัตว์หมอยังอ่อนโยนเป็นที่สุด นี่ก็คนแท้ๆ (แถมน่ารักสุดๆ ด้วย) แต่มันก็แค่การแสดงออก ถ้าจะถามหาคนที่หมอทตโตริใจดีด้วยที่สุดในเรื่อง ก็จะมีใครอื่นใด ถ้าไม่ใช่ ผู้ช่วยสาว อาสุกะจัง

ชอบฉากที่หมอทตโตริพูดกับอาสุกะประโยคนี้

“มีพวกไม่ปกติบนโลกเรา ที่อยากจะเป็นพวกไร้ประโยชน์อย่างเธอได้”

เพราะมันไม่ใช่การด่า แต่เป็นลักษณะของคนที่เดินออกมาเพื่อพูดจาหยอกเย้า หมอทตโตริดูยียวนได้น่ารักมากเลย



ส่วนครึ่งหลังเรื่องราวจะเข้มข้นขึ้นมาเมื่อเส้นทางของสัตวแพทย์แต่ละคนมาเกี่ยวพันกัน ทั้งที่พยายามจะลากมาร่วมทางเพื่อเอื้อประโยชน์ และที่พยายามจะกำจัดตัวขวางผลประโยชน์ให้พ้นทาง คนตกเป็นเหยื่อที่ต้องฝืนทำกล้ำกลืน มิตรภาพที่เริ่มประจักษ์ชัดเป็นความห่วงใยและการยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ การซื่อตรงต่อตนเองและการยอมรับผลที่จะเกิดขึ้นตามมา หากว่าต้องเริ่มใหม่จากศูนย์



แต่ถ้าใครคิดจะถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของหมอเขี้ยวลากดินคนนี้ บางทีอาจต้องรอให้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก เพราะเขาคือ หมอทตโตริ ใครคิดร้ายกับเขาได้ช่างไม่เจียม ยามว่างเขานั่งเคี้ยวผักตุ้ยๆ เป็นต้นๆ เลยนะ ขอบอก

ดังนั้น เขาย่อมแข็งแรงดี และคง "ความแรง" ไม่มีตก



นางเอกหัวเหม่งทำหน้าตูมได้น่ารักจัง กลายเป็นหนึ่งในนักแสดงนำหญิงที่ชอบมาก ชอบความสัมพันธ์ของพระเอกนางเอก ถึงไม่ใช่ซีรีย์แนวรัก แต่ก็เหมือนได้ดูคู่รักประเภทไม้เบื่อไม้เมา

การดูซีรีย์ญี่ปุ่นมักจะมีภาพบางอย่างที่โดดเด่นในความรู้สึก อย่างเรื่อง Code Blue ชอบฉากถ่ายแผ่นหลัง กับการมองตามแผ่นหลัง เรื่อง IRYU ชอบฉากเดินออกจากห้องผ่าตัดหลังปฏิบัติกิจผ่าตัดสำเร็จ เรื่อง Ending Planer ก็จะมีหลายๆ ฉากที่ตัวละครแหงนหน้ามองฟ้า และถ้าเป็นเรื่องนี้ฉากที่ชอบมากคือสายตาเหล่มองของโอกตุริ ชุน จะมองใครที่ไหนได้ ถ้าไม่ใช่ผู้ช่วยสาว ความรักความกรุณาที่เธอมีต่อสัตว์ทำให้หมอต้องเหล่มองเธอเสมอ เช่นเดียวกับสายตาของผู้ช่วยสาวที่เหล่มองคุณหมอ เธอมักจะมองเขาด้วยความเคืองขุ่นเพราะเขามันหมอใจร้ายใจดำ แต่สิ่งต่างๆ ที่เขาคิดและทำมันค่อยๆ ทำให้เธอต้องเหลียวมองและพยายามทำความเข้าใจ ว่าที่จริงแล้วเขาเป็นคนใจดีใช่ไหม แต่พฤติกรรมก็ชวนไม่แน่ใจ ถึงต้องมองแล้วมองอีกไงล่ะ

เป็นอีกคู่พระนางที่เหมาะกัน และแสดงออกมาด้วยกันแล้วน่ารักมากมาย



โรงพยาบาลทตโตริ ที่สภาพภายนอกไม่น่าไว้วางใจ แต่ภายในเพียบพร้อมไปด้วยเครื่องไม้เครื่องมือ (แหงล่ะ เพราะหมอแกคิดค่ารักษาอย่างโหด แกต้องมีตังค์จัดเต็มอยู่แล้ว) แต่ก็ไม่ใช่จะตั้งหน้าหาเงินอย่างเดียวนะ หมอจะโหดอย่างที่ว่าก็เฉพาะกับสัตว์ที่มีเจ้าของเท่านั้น ถ้าเป็นสัตว์ตกทุกได้ยากทั่วไปที่ไร้เจ้าของ หมอไม่เคยรีรอจะช่วยเหลือพวกมัน

เหตุผลที่หมอทตโตริคิดค่ารักษาอย่างโหดนี้ หมอเขาเคลียร์ตัวเองชัดนับแต่ ep. แรกๆ เลย ฟังเหตุผลที่หมอด่าลูกค้าออกมา จะเข้าใจได้ว่าทำไม และเกลียดหมอไม่ลงอีกที่หมอคิดราคาแพง กลายเป็นราคาที่ทำยิ้มได้เพราะความแพงของมันตลกดี และต้องหุบยิ้มซะทีเมื่อเห็นลูกค้าเบิ่งตาแล้วอึ้งกับราคาสุดโหด



ขอหยิบยกหนึ่งคำวิจารย์จาก บันเทิงแดนซากุระแห่งพันทิบที่เห็นด้วยอย่างยิ่ง


"เป็นซีรีย์ที่เปิดเผย และแสดงให้เห็นถึงบทบาทหน้าที่ของสัตวแพทย์ได้ดีในทุกแง่ทุกมุม"


ตรงใจ ใช่เลย Juui Dolittle สื่อเนื้อหาเช่นนั้นจากตัวละครสัตวแพทย์แต่ละคนที่ร่วมกันสื่อเรื่องราวผ่านการรักษาสัตว์แต่ละตัว และเจ้าของสัตว์เลี้ยงจะได้เรียนรู้ด้วยว่า ควรเลี้ยงสัตว์อย่างไรให้เป็น

สัตว์น้อยสัตว์ใหญ่ที่มาร่วมแสดงในเรื่องนี้แต่ละตัว น่ารักน่าเลี้ยงกันทั้งนั้นประเด็นที่เกิดขึ้นกับมันล้วนน่าสนใจ ม้าแข่งไร้อนาคต แมวไร้สติเป็นเจ้าหญิงนิทรา สัญชาตญาณของปลาวาฬแสนรู้ แมวซึมเศร้าเพราะเจ้าของตาย สุนัขซวย เป็ดเคราะห์ร้าย สุนัขตั้งท้องไม่เป็นที่ยอมรับกับการทำแท้ง อนาถสุนัขฮีโรพันธุ์ทาง กระต่ายที่มีธรรมชาติเป็นสัตว์ขี้เหงา หนูแฮมเสตอร์เครื่องมือเพื่อการสอพลอ หมูป่าที่เจอหายนะจากความเมตตาของคน สัจจะของคู่ชีวิตที่ส่งสารมากับนกพิราบ ฯลฯ (บางตัวก็เป็นสัตว์ไม่คุ้นเคยที่จำชื่อเรียกมันไม่ได้) ฉากผ่าตัด แม้ไม่ได้อลังการงานเลือดคลุกเครื่องใน แต่ก็ทำได้ดูสมจริง สมหน้าตาจริงจังของโอกุริ ชุน ชอบมากค่ะ

เพลงประกอบ มันมีสำเนียงดนตรีกับเสียงขับร้องที่เหมือนจะเคยคุ้น คำตอบอยู่ที่ Dramawiki ใช่จริงๆ ชื่อ Oda Kazumasa คนเดียวกันกับที่ร้องเพลงประกอบซีรีย์ Soredemo, Ikite Yuku เป็นเพลงประกอบที่ฟังแล้วชวนสะเทือนอารมณ์สอดคล้องกับเนื้อหาของซีรีย์ Juui Dolittle ไม่ใช่ซีรีย์มัวหม่นเหมือนเรื่องนั้น เพลงจึงไม่ได้เศร้าหมองอย่างนั้นด้วย แต่ถึงจะคนละอารมณ์แต่มันก็เป็นสไตล์คล้ายคลึงที่บอกไม่ถูก รู้สึกทึ่งตัวเองนิดหน่อยที่คิดว่าน่าจะใช่แล้วมันก็ใช่จริงๆ แสดงว่านักร้องเขามีความเป็นเอกลักษณ์จริง เพราะปกติไม่ใช่คนที่จะจดจำอะไรลักษณะนี้ได้



ตอกย้ำความเป็นหมอทตโตริ ด้วยฉากที่ชอบมากฉากนี้

อาสุกะถามหน้าตาตื่น “คุณหมอจะไปไหนคะ”
หมอตอบหน้าตาเฉย “ตรวจเช็คพวกมัน”
หมออีกคนที่ร่วมรับรู้เหตุการณ์รีบตักเตือน
“อันตรายนะ! คุณอาจติดเชื้อได้ คุณตั้งใจจะตรวจจริงเหรอ?"

และนี่คือคำตอบที่บ่งบอกตัวตน ของคนอุปนิสัยเสียที่ชอบแสดงออกตรงกันข้ามกับน้ำใจจริงแท้ มันคือความเมตตาที่เขาต้องการจะตรวจซ้ำให้แน่ใจ เผื่อจะมีสักตัวที่มีโอกาสรอด แต่คำตอบห้วนๆ คือ

"ถ้าหมามันไม่ติดเชื้อ ผมจะได้ประหยัดยาพิษ"

หมออะไรอย่างนี้นะ ขอซูฮกเลยว่า เจ๋งที่สุด





























































ขอบคุณ : Dramawiki / Doo-Series / Dramacrazy.net


Create Date : 18 กรกฎาคม 2555
Last Update : 29 กรกฎาคม 2555 12:38:15 น. 13 comments
Counter : 16516 Pageviews.

 
คุณ prysangggg ^_____^
เราอยากฉีกยิ้มยาวๆให้คุณอ่า (555)
ในที่สุด ความหล่อเหลาของ ชุน ก็เข้าตาคณะกรรมการกิติมศักดิ์อย่างคุณ prysang ซะที(แต่ก็คงไม่แซงหน้าฮายาโตะน้อยในทุ่งหญ้าสีเขียวขจีของคุณ pry ^^)
เราชอบลุคนี้ของชุนนะคะ
ถึงแม้ดู ถึกและเถื่อนอยู่บ้าง
แต่เรารับรู้ได้ถึงความเป็นหมอที่จริงใจ
(คุณ prysang ทำเอาเราต้องกลับมาเวิ่นเว้อหางานของชุนดูอีกสักเรื่องสองเรื่อง หลังจากที่ช่วงนี้กำลังดู 49 days ของฝั่งเกาหลีอยู่ )

จริงๆโนบูตะว่า การเป็นสัตวแพทย์นั้น
น่าจะยากมากกว่าการเป็นหมอรักษาคนนะคะ เพราะในทางการแพทย์ การเป็นหมอรักษาโรคคนนั้น มักจะเรียนเฉพาะทางที่แตกต่างออกไปตามระบบของร่างกาย หมอระบบหัวใจ หมอระบบประสาทและสมอง หมอโรคเบาหวาน อะไรก็ว่าไป..แต่การเป็นสัตวแพทย์นั้น ต้องอาศัยความรู้ ของทุกระบบในร่างกาย โดยเฉพาะของสัตว์ชนิดต่างๆนั้น แตกต่างกันไป การรักษาโดยการผ่าตัด ก็ย่อมยากตามไปด้วยเช่นกันค่ะ (เท่าที่อ่านๆมา^^)
ว๊าววว เราดีใจอ่าที่คุณชอบเรื่องนี้
เพราะไม่ค่อยมีใคร พูดถึงเรื่องนี้กันเลยค่ะ ในห้อง ซากุระก็เงียบมากก
ไม่มีอะไรจะเม้นท์แล้วอ่ะ
นอกจาก ความชอบในตัว โอกุริ ชุน จะลุกโชนอีกครั้ง อุอุอุ (ถึงแม้ ชุน จะเป็น สามีของใครแล้วก็ตาม )


โดย: nobuta wo produce วันที่: 19 กรกฎาคม 2555 เวลา:19:16:13 น.  

 

ไว้อาลัยกับ ความ โสด ของ ชุน
^^ hahaha


โดย: nobuta wo produce วันที่: 19 กรกฎาคม 2555 เวลา:19:41:55 น.  

 
49 days เค้าว่าสนุกและเนื้อหาดีนะคะ เคยเห็นถูกเอามาเขียนบทความในนิตยาสารธรรมะใกล้ตัวด้วย ได้โจฮยอนแจมาเป็นพระเอกก็ชวนอยากดูไม่น้อย เพราะถือเป็นอันดับต้นๆ ในบรรดาพระเอกเกาหลีที่ชอบเลยค่ะ นางเอกราชินีซานต๊อกคนนี้ prysang คิดว่าโครงหน้าของเธอดูคล้ายกันเลยกับฮยอนแจ หรือจะเป็นเนื้อคู่ ? เห็นคุณ โนบุตะ เพิ่งดูเรื่อง Brain ไป prysangได้ยินร่ำลือเหมือนกันค่ะเรื่องนี้ เห็นเอ่ยถึง Autumn in my heart ซีรีย์น้ำตาเป็นตำนานของเกาหลีด้วย เหมือนจะไม่ถูกลืมเลยค่ะซีรีย์เรื่องนี้ เหมือนกับ 1 Litre of tear ของญี่ปุ่นที่เป็นซีรียน้ำตาเหมือนกัน แต่ร้องไห้เพื่อความหมายที่มันคนละอารมณ์ แต่ที่ prysang สนใจอยู่คือ ซีรีย์แนวสืบสวนเรื่อง Ten ค่ะ นี่ไม่ใช่เพราะบล็อกเกอร์นาม สามสิบเอ็ดธันวา ขยันอัพบล็อกเกี่ยวกับ โจซังวุก หรอกนะคะ เคยอ่านรีวิวในบล็อกแล้วติดใจอยากดูจัด แต่เห็นว่าไม่มีซับไทย น่าจะหามาดูล่ะเรื่องนี้ ก็บล็อกนั้นเขาเล่าแล้วรู้สึกสนุกจริง ๆ

ช่วงนี้ซีรีย์เกาหลีที่ออกมาแต่ละเรื่อง โดยความรู้สึกแล้วสังเกตว่าเป็นที่นิยมเกือบทั้งนั้น อย่าง Queen In-hyun's Man ที่ทำคนเพ้อถึงใต้เท้ากันถ้วนหน้า พระเอกนางเอกสร้างความโรแมนติกฮือฮากันต่อนอกจออีก ด้วยปรากฏการณ์สารภาพรักออกสื่อ ไม่ต่างจากละคร นี่ขนาด prysang ไม่ได้ดู ความแรงยังถูกส่งมาตามอีเมลล์ทั้งอีเมลล์ที่งานจากเพื่อนที่เคยเป็นคอเกาหลีเดียวกัน และเพื่อนที่รู้จักกันจากอินเทอร์เน็ตเพราะเมาท์มอยกันอยู่เรื่องซีรีย์ ยังมี Rooftop prince ,the king two heart เห็นว่าสุดโรแมนติกสุดๆ กันทั้งนั้นเลย อย่าง the moon embraces the sun ที่ทำลายสถิติเรตติ้งสูงสุดของแดจังกึมก็ฮือฮามาก สองพี่น้องฮงก็ออกซีรีย์เรื่อง Big มาใหม่ได้ กงยู คืนจอ A Gentleman’s Dignity ก็ได้จางดองกันที่ถึงจะแก่ไปไม่น้อย แต่ก็ทำให้ซีรีย์หมอจินไม่บูมเท่าที่ควรแม้จะได้ แจจุง มาช่วยคุณพี่ซงซึงฮยอนแล้วทั้งคน

แต่ว่าคงจะต้องปล่อยซีรีย์เหล่านั้นไป ถึงคำว่ารักโรแมนติกมันจะเย้ายวนใจก็เถอะ อย่าง 49 days ได้คำวิจารย์ว่าจบไม่ค่อยสวยเป็นตัวเบรก ก็เลยพอยั้งๆ ใจไว้ได้ เพราะ prysang มีซีรีย์ญี่ปุ่นอยากดูคิวยาวเป็นหางว่าวท่าทางจะยาวไปถึงสิ้นปีโดยไม่ต้องกลัวว่าจะมีปัญหากรณีไม่รู้จะดูเรื่องอะไรแล้วล่ะค่ะ ถ้านับดูจากรายชื่อที่รออยู่ในตอนนี้ ^^



โดย: prysang วันที่: 20 กรกฎาคม 2555 เวลา:0:55:59 น.  

 
ไว้คุณ prysang เขียนอัพ blog รีวิว ซีรีย์ฝั่งญี่ปุ่นใหม่ๆเมื่อไหร่ โนบูตะจะคอยหมั่นเข้ามาติดตามและทักทายอยู่เรื่อยๆนะคะ (ไงก็เป็นกำลังใจให้ คนเขียนรีวิวซีรีย์เหล่านี้ให้ได้มีแรงเขียน blog ดีดี เรื่องที่น่าสนใจให้ได้อ่านกัน อยู่ตลอดๆน๊า)
ตอนนี้ยอมรับว่า เริ่มหันมาดูซีรีย์ของฝั่งเกาหลีบ้างแล้ว หลังจากสิ้นสุดยุคสมัยของการแอบปลื้มพี่ชายใน Autumn in my heart โน่นน่ะค่ะ แต่เพราะรักแรกพบของเราเป็น รอยยิ้มและบุคลิกเท่ๆของทาคุยะคุง จากดินแดนอาทิตย์อุทัย ดังนั้นอะไรๆ เราเลยมักให้เครดิตจากฝั่งนี้ก่อน (และตอนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยน^^)

มันน่าสนใจตรงที่ว่า เมื่อดูแล้ว
"เรามีความคิดเห็นและมุมมอง" ต่อเรื่องที่ได้ดูอย่างไร โนบูตะว่ามันสนุกตรงนี้
เหมือนๆเราได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้นะคะ
เคยมีคนบอกว่า การที่คนๆหนึ่งจะชอบฟังเพลงเพลงหนึ่ง เพลงนั้นสามารถบ่งบอกถึงนิสัยและความคิดของคนๆนั้นได้เลย มันก็คงจะเหมือนๆกับการที่เราสามารถ "เดา" ลักษณะนิสัยใจคอของคนๆหนึ่งได้ ผ่านหนังหรือเรื่องราวที่คนนั้นชอบดู ..บางทีอาจจะเป็นแบบนี้ก็ได้

แล้วจะหมั่นเข้ามาทักทายนะคะ
ไงก็ดูแลสุขภาพด้วย(อย่ามัวแต่โหมดูซีรีย์จนผอมแห้งอ่า)


โดย: nobuta wo produce วันที่: 20 กรกฎาคม 2555 เวลา:9:57:05 น.  

 
ให้นึกผลงานชิ้นแรกที่คิดว่าได้ดูของหนุ่มชุนเหรอครับ?

คงต้องเป็นเรื่องSummer Snow ตอนนั้นยังเป็น
เพียงตัวประกอบ เล่นเป็นน้องชายขี้เหย่
ชอบโดนเพื่อนแกล้งอยู่เลย

เหมือนเล่นแล้วไม่เกิด พอมารับบทBadนี้
ดูคนจะชอบกันมากกว่า

ซีรีย์เรื่องนี้ ดูยังอิงแนวหมอbad boy
แต่อุดมการณ์ชีวิตมั่นคง
ทำให้นึกถึงซีรีย์อย่างkyumei byoto 24
เพียงแต่ ฟังพล็อกเรื่องนี้แล้ว
ดูจะงกไม่แคร์ลูกค้า แต่ก็มีมุมดีๆ
โดยสถานการณ์พัดพาไป โดยเฉพาะตัวละคร
เมียวโอะน่าจะได้คะแนนสงสาร
เพราะแสนดีเสียขนาดนั้น ต้องมารับภาระสัญญา
จากสมบัติมีชีวิตที่พี่ทิ้งไว้

แน่นอนว่า ซีรีย์พวกนี้มันก็ต้องมีจรรยาบรรณดำรงไว้
เมื่อพระเอกมันไม่เอาไว้ ผลก็เลยต้องยกให้พระรอง
ที่ฮิโรกิเล่น
คุณสมบัติมันพระเอกชัดๆ แต่ซีรีย์มันสับขาหลอก
ให้คนดูดันไปรักสัตว์แพทย์ใจร้ายไปได้ไง

เชื่อว่าคงเป็นซีรีย์ที่ดูสนุก มีอิทธิพลของวรรณกรรมคลาสสิก
คุณหมอดูลิตเติล แต่เอามาดัดแปลงให้เข้ายุคเข้าสมัย
มีโอกาสคงได้หยิบมาดูกัน
เพียงแต่ตอนนี้ ยังบ้างานฆาตกรรมอยู่


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 23 กรกฎาคม 2555 เวลา:11:40:31 น.  

 
เรื่องนี้ชุนไม่หล่อแต่เร้าใจชิมิคะ^___^
ความถูกใจก็มีประโยชน์อย่างนี้แหละ
คือทำให้มีการแปะรูปให้คนอ่านดูอย่างจุใจ555
เลยทำให้ไอ้ที่ลืมๆเลือนๆไปแล้วก็พอจะrecallขึ้นมาได้บ้างค่ะ
แต่ที่ไม่เคยลืมเลยคือประโยคเด็ดของเรื่องนี้"การรักษาสัตว์คือธุรกิจ"
ประโยคติดปากของคุณหมอมั่น ไม่แคร์สื่อทตโตริคนนี้
มะนาวว่าชุนเรื่องนี้ มีส่วนไม่ถูกใจก็คงเป็นทรงผมนี้ล่ะค่ะ
ส่วนมาดกวนนี้โดนค่ะ คือมะนาวนะคะ
รู้จักชุนจากการที่เค้าชอบแสดงหนังเกี่ยวกับนักเรียนนักเลงอ่ะค่ะ
และชุนเค้ามีท่าเดินที่เป็นเอกลักษณ์มากเลยค่ะ
คือเดินเหมือนขย่มส้นเท้านิดๆ ทำให้ดูแล้วกวนๆอ่ะค่ะ
อย่างรูปที่คุณprysangแปะให้ดู ที่บอกว่าเอามาจากกระทู้ของคุณโนบุตะ
ก็มาจากบทนักเรียนนักเลงในเรื่อง The Crows Zeroอ่ะค่ะ
ก่อนรู้จักชุนจากมาดกวนๆแบบนี้ มะนาวรู้จักชุนครั้งแรกจากเรื่องDensha Otokoค่ะ
เรื่องนั้นชุนไม่ได้เป็นพระเอก แต่หน้าตาโดดเด้งแบบว่าหล่อและมีเสน่ห์มากค่ะ
แต่ตอนนั้นเป็นการดูซีรีส์ครั้งแรกๆยังไม่ได้สนใจว่าใครเป็นใคร
รู้แต่ว่าตัวประกอบคนนี้หล่อดีแหะ แล้วมะนาวยังเคยเห็นรูปชุนตอนเด็กๆด้วยนะคะ
น่าจะไม่เกินห้าขวบ หน้าตาน่ารักมว๊ากกก หัวแดงเหมือนเด็กฝรั่งเลยค่ะ
คุณprysangบอกว่าชุนหน้าตา"ร้าย"โดยธรรมชาติ
จึงเหมาะมากที่มารับบทคุณหมอจอมโหด หน้าเงิน ปากจัด
ไม่แคร์สื่อ ไม่ยี่หระ ไม่สนใจใคร ช่างเป็นคุณชายมั่นของแท้จริงๆ
ซึ่งบุคลิกแบบนี้เสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องมากเลยนะคะ
เพราะมันเกิดbad impression ได้ง่ายมาก
เพราะแม้แต่อาสุกะ เจอคุณหมอทตโตริครั้งแรกก็ยังรับไม่ได้เลย
แต่ในที่สุดดำแต่นอกในแผ้วผ่องเนื้อนพของหมอทตโตริก็ปิดไม่มิด
อาสุกะก็ได้เห็นความเป็นคนจิตใจดีของคุณหมอทตโตริจนได้
ชอบInoue Maoในบทอาสุกะมากค่ะ เธอแสดงเป็นธรรมชาติมาก
ยิ่งแสดงก็ยิ่งน่ารัก เธอไม่ต้องแต่งตัวอะไรมาก แค่รวบผมมัดจุกง่ายๆ
เปิดเหน่ง แค่นี้ก็น่ารักแล้ว แถมบวกกับบุคลิกใสซื่อ อ่อนโยนก็มีคนเทใจให้แล้วค่ะ
เพราะแม้แต่หมอทตโตริจอมโหดก็ยังอดเหล่เธอไม่ได้
แถมมีแอบหมั่นเขี้ยวเหน่งเธออีกด้วยแน่ะ
ขำมากเลยที่โดนหมอทตโตริตีเหน่ง 555 หมอทตโตริคงเห็นแล้วมันเขี้ยว
เหน่งล่อตาเหลือเกิ้น ขอสักป๊าบเถอะ 555
ส่วนแขกรับเชิญในเรื่องนี้เยอะจริงๆอย่างคุณprysangว่าไว้เลยค่ะ
แต่มะนาวว่าตอนที่Ryoเป็นแขกรับเชิญแล้วมันดูเหม่งๆอ่ะค่ะ
ที่ให้เหมือนเรียวเป็นความหลังฝังใจของหมอทตโตริ
คือมันดูคนละรุ่นมากเลยอ่ะค่ะ ส่วนแขกรับเชิญที่มะนาวชอบมากเลย
ก็คงเป็นIndou Kahoค่ะ คนที่แสดงเป็น คารามิชิมา รูอิซัง
เจ้าของแมว"ไลม์"อ่ะค่ะ มะนาวว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยน่าค้นหามากค่ะ
มะนาวเห็นแล้วนึกถึงนางแบบโฆษณาเครื่องสำอางเลยค่ะ ผิวสวยดีจังค่ะ
ส่วนคนที่ดูตอนแรก แล้วไม่แน่ใจว่าเป็นคนดีจริงหรือเปล่า
ก็คือหมอฮานาบิชิ เนื่องจากติดภาพของNarimiya Hiroki
ที่ชอบแสดงเป็นคนร้ายๆ เลยไม่ค่อยวางใจกับภาพคนดี
กลัวว่าจะเป็นการฉาบหน้า แล้วโดยเฉพาะรอยยิ้ม
นาริมิยะ ยิ้มทีไรนึกถึงโจ๊กเกอร์ในThe Dark Knight
ที่ Heath Ledger แสดงซะทุกทีเลยค่ะ มุมปากช่างเหมื๊อนเหมือน
ดูซีรีส์เรื่องนี้แล้วเห็นได้เลยว่าคนดีๆอย่างหมอฮานาบิชิ
อยู่ในสังคมที่มีการแข่งขันและการขัดแข้งขัดขา
ได้ยากกว่าหมอแสบๆอย่างหมอทตโตริว่าไหมค่ะ
ส่วนประโยคติดปากของหมอทตโตริ ฟังดูแล้วเหมือนแล้งน้ำใจ
แต่นี่คงจะเป็นความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ว่าถ้าช่วยเหลือเป็นการกุศลไปหมด
สักวันหนึ่งคลินิกก็จะเจ๊งแล้วต้องปิดตัวเองลง
เมื่อนั้นก็คงจะไม่สามารถช่วยสัตว์ตัวไหนได้อีก
มันเป็นความจริงที่เถียงไม่ออกจริงๆว่าไหมคะ
แล้วมะนาวว่าเหมือนเรื่องนี้ตั้งใจให้อาสุกะ
เป็นภาพที่ตรงข้ามกับหมอทตโตริอย่างนั้นอ่ะค่ะ
ทำให้ดูแล้วนึกถึงเรื่องBeauty and the Beast เลยค่ะ
คือคนหนึ่งก็ทั้งโหดทั้งปากร้าย ส่วนอีกคนก็ใสซื่อและอ่อนโยน
มานึกอีกทีก็คิดว่าผมทรงนี้ของชุน
คงเหมาะกับบทหมอทตโตริในซีรีส์เรื่องนี้จริงๆแล้วอ่ะค่ะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.25.111.68 วันที่: 24 กรกฎาคม 2555 เวลา:23:18:00 น.  

 
ดำแต่นอกในแผ้วผ่องเนื้อนพ.....
คุณมะนาวเหมือนคนชอบอ่านวรรณคดีเลย
ชอบคาโฮะเหมือนกันค่ะ น่ารักมากๆ
ส่วนป้าเรียว โดยอดีต ก็น่าจะเป็นความรู้สึกตั้งแต่ที่หมอเป็นนักศึกษา
และต่างวัยอยู่แล้วนะคะ

ล่าสุดแสดงประกบกับ อิชิฮาระ ฮายาโตะด้วย
แม่ยกปลื้มใจมากค่ะ

ผิดกันเลย prysang ชอบฮิโรกิเพราะรอยยิ้มโจ๊กเกอร์นี่แหละ ดูเจ้าเล่ห์
และหาได้ยากด้วยค่ะ คนยิ้มลักษณะ
มุมปากยกสูง และยิ้มได้กว้างมาก
ฮิโรกิเปิดปากยิ้มทีเหมือนเปิดครึ่งหน้าเลย (ปากกว้าง 55)


โดย: prysang วันที่: 25 กรกฎาคม 2555 เวลา:8:28:45 น.  

 
เรื่องนี้ดัดแปลงจากการ์ตูนเรื่อง veterinarian dolittle การ์ตูนยังไม่จบเลย แต่ซีรีย์สนุก ซึ้งกินใจดีครับ


โดย: box-box IP: 101.108.222.0 วันที่: 7 กันยายน 2555 เวลา:10:51:02 น.  

 
ฉันรักเค้า..^^ เราเปนvet.เหมือนกันอยากมีเขาทำงานด้วยกันคงดุดี ชอบบ อิอิ


โดย: boww IP: 49.230.175.166 วันที่: 29 ธันวาคม 2556 เวลา:19:49:10 น.  

 
ฉันรักเค้า..^^ เราเปนvet.เหมือนกันอยากมีเขาทำงานด้วยกันคงดุดี ชอบบ อิอิ


โดย: boww IP: 49.230.144.19 วันที่: 29 ธันวาคม 2556 เวลา:20:12:15 น.  

 
ชอบเรื่องนี้มาก ชุนใช่ที่เล่นเรื่องลูกสาวเจ้าพ่อหรือเปล่าแบบว่าไม่ได้ติดตามมานาน


โดย: แฟนละคร IP: 110.49.235.238 วันที่: 19 พฤษภาคม 2557 เวลา:16:41:37 น.  

 
Of course, what a magnificent blog and informative posts, I surely will bookmark your website.Have an awsome day!
Discount Oakley Sunglasses //www.artcomplex.org/volunteers.html


โดย: Discount Oakley Sunglasses IP: 94.23.252.21 วันที่: 2 สิงหาคม 2557 เวลา:18:13:17 น.  

 
Wow! This blog looks just like my old one! It's on a entirely different topic but it has pretty much the same layout and design. Great choice of colors!
yiwu wholesale market //www.prfree.org/news-yiwu-market-part-of-ponds-and-reservoirs-water-level-is-still-high-161069.html


โดย: yiwu wholesale market IP: 157.7.52.183 วันที่: 5 กรกฎาคม 2558 เวลา:15:11:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

prysang
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.