Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
13 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
Aikurushii บ้านแห่งรัก สายใยนิรันดร์

พยายามจะทำ blog ให้สั้นๆ แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้
ทั้งหมดเป็นเพราะความชอบ ถ้าได้ชอบแล้วล่ะก็ จบไม่ลงซักที

เรื่องนี้ก็อดไม่ได้ต้องร่ายยาวอีกแล้ว


ต้องยาว เพราะเป็นละครสุดประทับใจ
ที่สำคัญกว่าเรื่องไหนๆ คือเรื่องที่จะเล่ายาวๆ ต่อไปนี้ไม่ได้เขียนเอง

เพราะมีเนื้อหาที่อยากจะนำมาเสนออยู่แล้ว ด้วยความเป็นตัวตนของละครเอง
ที่มีทั้งบทในละคร บทบรรยายจากเบื้องหลังเพื่อแนะนำละคร ครอบคลุม ถูกใจ ใช่เลย

การจะเขียนถึงละครดีๆ ก็ต้องเขียนถึงสิ่งดีๆ มีสาระ
และการเขียนอะไรที่เป็นสาระ มันเขียนยาก

จึงดีใจที่ได้เบาแรง โดยไม่ต้องเขียนเอง
และในฐานะที่เป็นคนชอบดูเบื้องหลังละครมาก
ต้องขอขอบคุณคนทำซับไทยจริงๆ ที่อุตส่าห์ทำซับเบื้องหลังไว้ด้วย ขอบคุณจริงๆ




จากเรียงความเรื่อง "ครอบครัวกับความฝันในอนาคต"

ปี 1993 ตอนผมเกิด
ผมไม่ร้องไห้เลยสักแอะ คุณหมอจึงจับผมยกขึ้นตีก้น
ว้าว.. หนึ่งครั้ง สองครั้ง
แต่ไม่ว่าจะพยายามสักเท่าไร ผมก็ไม่ยอมร้องไห้ออกมาเลย

พ่อผมเป็นคนขับรถแท็กซี่
พ่อเป็นห่วงกลัวว่าผมจะลำบาก พ่อจึงเลิกดื่มเหล้าตั้งแต่วันที่ผมเกิด

คุณแม่เป็นคนที่ยิ้มแย้มอยู่เสมอ
ผมถามว่าทำไมถึงยิ้มล่ะ คุณแม่ก็บอกว่า
เพราะแม่มีความสุขยังไงล่ะ คนเราจะหัวเราะในยามที่มีความสุข

แต่แล้วคุณแม่ก็ล้มป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล
ตอนที่พวกเราไปเยี่ยมคุณแม่ คุณแม่ก็ยังคงยิ้มให้พวกเราอยู่เสมอ

ในระหว่างที่คุณแม่เข้าโรงพยาบาล พี่สาวผมเป็นคนรับผิดชอบงานบ้าน
ถึงจะซุ่มซ่ามไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร
บางครั้งพี่ก็คิดว่าตัวเองเป็นคนไม่เอาไหน และรู้สึกท้อแท้

พี่ชายของผมเป็นคนเอาจริงเอาจัง
พี่เป็นคนหาเงินค่ารักษาพยาบาลของคุณแม่ หลังเลิกเรียนก็เอาแต่ทำงานหามรุ่งหามค่ำ
ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จริงจังไปซะหมด ... เอาจริง เอาจัง

บางครั้ง น้องสาวผมก็นั่งเหม่ออย่างไร้จุดหมาย ดูลึกลับ ... ลึกลับจริงๆ

คุณปู่ผมนอนกลางวันเป็นประจำ
เพราะคุณปู่เป็นคนดูแลหอดูดาวประจำหมู่บ้านของเรา
พอผมถามว่า “คุณปู่ไม่เหงาบ้างเหรอครับ” คุณปู่บอกว่า
“ปู่ได้เจอคุณย่าที่เสียไปแล้วและกลายเป็นดาวอยู่บนท้องฟ้าทุกคืน แล้วปู่จะเหงาได้ยังไงล่ะ”
เพราะคุณปู่เป็นคนที่โรแมนติกแบบนี้ ผมถึงชอบคุณปู่มากๆ ครับ

ผมชื่อโฮโรครับ โฮโรคือผ้าคลุมสีเขียว ใช้คลุมรถบรรทุกหรือรถม้า
เพื่อให้ผมเป็นคนที่คอยปกป้องสิ่งสำคัญจากลมและฝน จึงตั้งชื่อนี้ให้ครับ

<<<<<<<<>>>>>>>>

เด็กชายโฮโรอ่านเรียงความ “ครอบครัวกับความฝันในอนาคต” จบ
คุณครูถามว่า “แล้วความฝันในอนาคตล่ะ”
“โอ๊ะ นั่นสิ” โฮโรเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ารึยงความของตัวเองขาดประเด็นเรื่องความฝันในอนาคตไป
เพื่อนๆ พากันหัวเราะ ขณะที่โฮโรพยายามใช้ความคิด อืม..ความฝันในอนาคตหรือ

"ความฝันของผมคือ ผมอยากปกป้องโลกใบนี้ครับ”

เพื่อนๆ ร่วมชั้นต่างฮาครืน

ปีนี้ปี 2005 แล้ว แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่า ผมยังไม่เคยร้องไห้เลยสักครั้ง

<<<<<<<<>>>>>>>>


จากบทบรรยายเบื้องหลังละคร -(ให้เสียงบรรยายโดยเด็กชายโฮโร)

ยามที่คนเรามีความสุขจนเปี่ยมล้น จะต้องหัวเราะออกมา

“บ้านเราครึกครื้นจังเลยน้า”
.......
“น้องชายหน้าหล่อเหมือนฉันแต่ชอบทำหน้าเศร้าๆ น่ะ”
.............
“เงียบๆ กันหน่อยได้มั้ย!”
......................
“ขอโทษนะคะ”
........
“คนเราพอตายไปแล้วจะไปเกิดเป็นดาวบนท้องฟ้าหรือครับ”
“ใช่แล้วล่ะ”
.................
“คุณแม่จะตายมั้ย”
“ พี่ไม่รู้ พี่จะไปรู้ได้ยังไง”
.........


ครอบครัวอยู่ในใจคุณหรือหรือเปล่าครับ
ครอบครัวที่ทำให้เรายิ้มแย้มขึ้นได้อีก 2-3 เท่า
ครอบครัวที่คอยช่วยแบ่งเบาความเศร้าเสียใจ
ครอบครัวที่ถึงแม้จะอยู่ห่างกัน แต่ก็ยังคอยค้ำจุนจิตใจ
พวกคุณอยากจะเห็นความผูกพันที่แสนวิเศษนั่นสักครั้งมั้ยครับ

<<<<<<<<>>>>>>>>

นี่คือเรื่องราวความเป็นอยู่ของครอบครัวในชนบทที่มีให้เห็นอยู่ทั่วไป
แต่ว่าที่นั่น ความผูกพันระหว่างผู้คนไม่เลือนหายไปตามกาลเวลา
นั่นเป็นความผูกพันอย่างหนึ่ง ความผูกพันยิ่งใหญ่ที่เรียกว่า “ครอบครัว”

เรื่องราวความผูกพันระหว่างผู้คน เป็นเรื่องราวที่แสนอบอุ่น
ต่อไปขอแนะนำสมาชิกในบ้านมาชิบะทั้ง 7 คนนะครับ

บทลูกชายคนโต “พี่โค” รับบทโดย "อิชิฮาระ ฮายาโตะ-ซัง" ซึ่งปกติผมจะเรียกว่า “อุเน่จัง” (พี่)

คนที่รับบทพี่มิจิรุ ที่เคยแสดงเรื่อง “อยากกู่ร้องบอกรักให้ก้องโลก”
เล่นเป็นนักแสดงนำ “อายาเสะ ฮารุกะ” ใจดีมากๆ เลยครับ

ลูกชายคนต่อมา โฮโร ก็คือผม "คามิกิ ริวโนสุเกะ"
รู้สึกประหม่าจังเลย

คนที่รับบทเป็นมาชิบะ อุตะ น้องสาวผมคือ "มัตสึโมโตะ รีน่า-จัง"

คุณแม่คือ "ฮาราดะ มิเอโกะ-ซัง"

คุณพ่อซึ่งเป็นเสาเหล็กของบ้าน รับบทโดย “ทาเคนากะ นาโอโตะ-ซัง”

และคนที่รับบทคุณปู่ “สุงิอุระ นาโอกิ-ซัง”


 



ครอบครัวมาชิบะในละครเรื่องนี้ ต่างผูกพันกันด้วยสายสัมพันธ์ของครอบครัวที่เหนียวแน่น

สถานที่ถ่ายทำในเรื่องนี้ ก็คือหมู่บ้านในชนบท ที่ได้ยินเสียงน้ำไหลและเสียงนกร้อง
ในหมู่บ้านที่ยังหลงเหลือธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ พวกเราครอบครัวมาชิบะอยู่ที่นี่

คุณพ่อของผมเป็นคนขับแท็กซี่ (มาชิบะ เท็ตสึโอะ - 46 ปี)
เป็นคนที่เกลียดการโกหก แต่ในความเข้มงวดก็แฝงความรักไว้ด้วย

ต่อมาคุณแม่ที่สดใส และใจดีเหมือนกับดวงอาทิตย์ (มาชิบะ ยูมิ - 46 ปี)
เพียงแค่มีคุณแม่อยู่ บ้านหลังนี้ก็มีความสุขแล้ว แต่คุณแม่กลับล้มป่วย
จนต้องเข้าโรงพยาบาล “คุณแม่ครับ หายป่วยเร็วๆ นะครับ”

ตอนที่คุณแม่ป่วยเข้าโรงพยาบาล งานบ้านในบ้านมาชิบะเป็นหน้าที่ของพี่สาว
ที่เป็นนักเรียนชั้น ม.6 (มาชิบะ มิจิรุ - 18 ปี-พี่สาวคนโต) ถึงจะพยายามทำเต็มที่แล้ว
แต่ก็ซุ่มซ่ามหกล้มอยู่บ่อยๆ

ต่อมาเป็นลูกชายคนโตของบ้าน (มาชิบะ โค - 17 ปี ) "พี่โค" ที่ผมแอบปลื้ม
เป็นนักเรียนชั้น ม.5 นิสัยค่อนข้างแปลก พี่เป็นคนหนุ่มไฟแรงมากๆ

พูดเบาๆ ไม่เป็น

พี่บอกว่าจะหาค่ารักษาพยาบาลของแม่เอง จึงไปทำงานที่ปั๊มน้ำมันทุกวัน



ต่อไปน้องสาวของผม อุตะ (มาชิบะ อุตะ - 7 ปี) เป็นคนขี้อ้อนและขี้แย
มักจะติดแจกับทุกคนในบ้าน ส่วนนิสัยก็ค่อนข้างแปลก

แล้วนี่ก็คุณปู่ที่ผมรัก (มาชิบะ เมจิ ) คุณปู่เป็นคนดูแลหอดูดาวของหมู่บ้าน
ทำงานตอนกลางคืนและกลับมาตอนเช้า จึงมีชีวิตต่างกับพวกผมโดยสิ้นเชิง
เวลาผมถูกดุ คุณปุ่ก็มักจะออกมาช่วยปกป้อง เป็นคุณปู่ที่ใจดีมากๆ เลยครับ

คนสุดท้ายคือผม (มาชิบะ โฮโร- 11 ปี ครับ ) ความหมายของโฮโรก็คือ
ผ้าคลุมรถบรรทุก หรือรถม้าที่ปกป้องสิ่งสำคัญจากลมและฝน ผมจึงได้ชื่อนี้มาครับ
ผมเป็นคนหัวอ่อน แวดล้อมไปด้วยครับครัวและเพื่อนๆ ที่ผมรัก

ทั้ง 7 คนนี้ เป็นครอบครัวที่สำคัญของผม
มันไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษหรอกครับ
เพียงแค่มีความรัก และความรู้สึกดีๆ ให้แก่กัน
คงเป็นเพราะพวกเราเติบโตมาท่ามกลางความงามของธรรมชาติ
ชีวิตประจำวันของบ้านมาชิบะ จึงมีเสียงหัวเราะและปัญหาคละเคล้ากันไป
เป็นครอบครัวที่รู้สึกอบอุ่นจริงๆ



แต่

ความทุกข์ก็ถาโถมเข้าสู่บ้านมาชิบะของพวกเรา
อยู่ๆ คุณแม่ก็ล้มป่วยลง ครอบครัวของผมที่คุณแม่ต้องเข้าโรงพยาบาล

เมื่อไหร่กันนะ รอยยิ้มที่แท้จริงจะกลับคืนมาสู่ครอบครัวของพวกเรา

บ้านมาชิบะของเราไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็มีกัน 7 คน เปี่ยมไปด้วยความรักและความอบอุ่น
เป็นครอบครัวที่มีสายสัมพันธ์เข้มแข็ง ที่ไม่อาจหาอะไรมาทดแทนได้
เนื้อหาหลักของ Aikurushii คือความผูกพันในครอบครัว

ความผูกพันของพ่อแม่ลูก

บ้านมาชิบะที่อยู่กันอย่างมีความสุข ถูกความทุกข์ถาโถมเข้าใส่แบบไม่ทันตั้งตัว
ครอบครัวที่ผมรัก คุณแม่ที่ผมรัก ต้องมาล้มป่วยลง
คุณแม่เป็นห่วงพวกเราที่ยังต้องอยู่ต่อไป
ในขณะที่คุณแม่กำลังต่อสู้กับความเจ็บป่วย ก็ยังเป็นห่วงพวกเราพี่น้อง
เพื่อพวกเราแล้ว คุณพ่อกับคุณแม่ และเพื่อพ่อแม่ พวกเราทั้งสี่
ชีวิตในบ้านมาชิบะของพวกเรา ต่างก็คอยช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน
และเรียงร้อยด้วยสายใยครอบครัวที่เข้มแข็งและมั่นคง






สายสัมพันธ์พี่น้อง

ตั้งแต่คุณแม่เข้าโรงพยาบาลพวกเราสี่คนก็ต้องช่วยเหลือกันและกัน
และพยายามที่จะไม่กังวล เรื่องที่คุณแม่ไม่อยู่อย่างเต็มที่
การช่วยเหลือซึ่งกันและกันนี้ คือสายสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องที่แน่นแฟ้น

ไม่ว่าที่ไหน คงจะมีครอบครัวที่มีความสัมพันธ์อย่างบ้านมาชิบะของเราอยู่
ความสัมพันธ์ของคุณพ่อคุณแม่ กับพวกผมที่เป็นลูกๆ
แล้วก็ความสัมพันธ์ของพี่น้องที่คอยช่วยเหลือกัน



ความสัมพันธ์ของสามีภรรยา

พอคุณแม่ล้มป่วยลง คนที่ช็อคที่สุดกลับไม่ใช่คุณพ่อ
คุณพ่อเข้มแข็งถึงขนาดที่ว่า ไม่มีน้ำตาไหลออกมาให้เห็น
คุณพ่อถึงกับยอมตายแทนคุณแม่ที่ล้มป่วยลงได้
ทั้งสองคนมีสายสัมพันธ์ที่เข้มแข็งกว่าพวกผมเสียอีก

ในครอบครัวของเรา คุณพ่อเป็นคนที่เหนื่อยและท้อแท้มากที่สุด
สิ่งที่พวกเราพี่น้องจะทำให้กับคุณพ่อตอนนี้ได้ คือการทำตัวสดใสยิ้มแย้มกันต่อไป




ความสัมพันธ์ของปู่กับหลาน

คุณปู่ที่ใจดีและคอยดูแลพวกผมอยู่ห่างๆ
คุณปู่เปรียบเสมือนแสงจันทร์ที่ส่องประกายในยามค่ำคืน
เพื่อคอยชี้แนะทางสว่างไม่ให้พวกเราเดินหลงทาง
คุณปู่เป็นคนใจดีมากครับ เป็นคนเดียวที่สามารถปรึกษาหารือเรื่องทุกข์ใจได้
เป็นคนสำคัญที่โฮโรรักมากที่สุดเลยครับ

เมื่อไหร่กันนะที่น้ำตาของผมจะไหลออกมา
ตอนที่น้ำตาไหลออกมา ผมจะรู้สึกยังไงนะ ขอยืมพลังจากครอบครัวที่ผมรัก
เวลาที่ผมน้ำตาไหลออกมาเหมือนกับทุกคน จะต้องมีบางอย่างที่เปลี่ยนไปแน่ๆ

Aikurushii เรื่องราวของหมู่บ้านในบ้านนอกแห่งหนึ่ง ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ “ความสัมพันธ์”
ทั้งความสัมพันธ์ของพ่อแม่ลูก ความสัมพันธ์ของคุณปู่กับหลานๆ
แล้วก็ความสัมพันธ์ของพี่น้องที่ต่างช่วยเหลือกันและกัน
แต่ว่าเรื่องนี้ ไม่ได้มีแค่ความสัมพันธ์ในครอบครัวเท่านั้น
ยังมีความสัมพันธ์ของผู้คนต่างๆ ที่อาศัยในหมู่บ้านเดียวกันอีก

ความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน ที่เติบโตขึ้นในหมู่บ้านเล็กๆ
แต่กับบางคน ที่มาจากในเมือง มาอาศัยอยู่ในบ้านนอกแบบนี้
ก็เกิดความรู้สึกมีปมด้อยขึ้นมา

มีอะไรอีกหลายอย่างที่ตัวเองก็ยังไม่รู้

<<<<<<<< >>>>>>>>





มารู้จักเพื่อนๆ ของผมกันดีกว่า
เพื่อนซี้ของผมตั้งแต่ยังเด็ก ฮาราซาว่า เซโกะ ผมเรียกเธอว่า “เซโกะ”
คนที่ชอบหยอกล้อกับผมอยู่เสมอ เพื่อนตัวร้ายของผม ฮานาอิ โคซาคุ
ผมเรียก “โคจัง” เด็กที่ย้ายมาจากโตเกียว “นางุโมะ ซู”
แล้วที่รู้สึกจะแปลกไปนิดนึง เพื่อนร่วมชั้นที่มักทำตัวเป็นผู้หญ่ “ซาคามากิ นานะ”

พวกเราอยู่เมืองเดียวกัน และเติบโตมาด้วยกัน
พวกเราถูกผูกติดกันอย่างเหนียวแน่น ด้วยสายสัมพันธ์ที่เรียกว่า “มิตรภาพ”

<<<<<<<< >>>>>>>>

เวลาถ่ายทำ Aikurushii ก็ถ่ายทำได้อย่างราบรื่น

วันหนึ่งก็มีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้น

ภาพถ่ายภาพหนึ่งที่ใช้ใน Aikurushii มีสายรุ้งทอดยาวเป็นประกาย
ผมเคยได้ยินมาว่าปกติสายรุ้งจะต้องใช้ CG ทำ

สุดยอด สุดยอด สุดยอด

ว้าววว … ท้องฟ้าตอนที่ออกมาถ่ายข้างนอก มีรุ้งของจริงขนาดใหญ่มากให้เห็นด้วย
สุดยอดมาเลย เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกเลยครับ ที่โลเกชั่นนี้มีรุ้งขนาดใหญ่ทอดข้ามท้องผ้า

รุ้งนั้นราวกับจะเป็นสะพานให้พวกผมก้าวไปสู่อนาคตที่สดใส

<<<<<<<< >>>>>>>>




และผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ ก็มีสายสัมพันธ์ที่ไม่อาจหาอะไรมาทดแทนได้
"บ้านฮานาอิ" เป็นร้านตัดผม เป็นครอบครัวที่ครึกครื้น
"คุณซูโกะ" ที่กลับจากโตเกียวมาเปิดบาร์
ผู้ชายปริศนาที่นานะจังอยู่ด้วย "คุณนากาคาว่า ริวอิจิ" (ฮากิวาร่า มาซาโตะ)
"คุณตำรวจโอโทโมะ" ที่มักจะชอบแวะมาที่บ้านผมอยู่บ่อยๆ
รู้สึกว่าจะแอบชอบพี่สาวผมอยู่ด้วย
แต่คนที่พี่เค้าชอบอยู่ เป็นแพทย์ฝึกหัดที่ดูแล อาการป่วยของคุณแม่ คุณยางุจิ (โอกูริ ชุน)
ที่เป็นเพื่อนสนิทกับ แพทย์ฝึกหัดรุ่นพี่ที่ชื่อ เซโตะ มาซากิ (ทานากะ โคทาโร่)

<<<<<<<< >>>>>>>>

วันที่คุณแม่กลับมาที่บ้าน
วันนั้น จะเป็นวันที่รอยยิ้มแท้จริงของทุกคนในครอบครัวกลับคืนมา
ผมเชื่ออย่างนั้น

ซักวันหนึ่ง ซักวันหนึ่ง คงเป็นความจริง

Aikurushii สามสัมพันธ์จากคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่อาจหาอะไรมาทดแทนได้
สายสัมพันธ์ของพี่น้องที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีทั้งทุกข์และสุขคละเคล้ากันไป

พวกคุณยังจำความสัมพันธ์ของครอบครัวได้มั้ย

ให้เรื่องนี้เป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่

ให้นึกถึงมิตรภาพของผู้คน ที่อาศัยอยู่ในชนบทที่ห่างไกล ที่ไหนสักแห่ง

และเรื่องราวความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ถ่ายทอดมาอย่างยอดเยี่ยม
แต่ทรมานใจเล็กน้อย

เหมาะกับทุกวัยและทุกๆ คน

พวกเราอยากจะมอบความประทับใจนี้ ให้แก่ทุกๆ คนครับ

<<<<<<<< >>>>>>>>

ความคิดเห็นของนักแสดง
บทบาทของตัวละครที่ได้รับ
และแง่คิดจากละคร







คุณแม่ยูมิ (มิเอโกะ) :


* เด็กทั้ง 4 คน พวกเค้าเป็นเด็กๆ ที่แสนวิเศษ สามารถทำงานได้เป็นอย่างดี
ยิ่งกว่านั้น ทั้ง 4 คนยังมีเสน่ห์ในตัวเอง ได้แสดงเป็นแม่ที่พวกเค้ารัก รู้สึกดีใจมากๆ ค่ะ*

*บ้านที่ไม่มีคุณแม่อยู่ ก็คงเป็นห่วงกันมากน่ะค่ะ งานที่แม่รับผิดชอบก็มีเยอะมากด้วย
พอแม่ไม่อยู่แล้วงานทั้งหมด จึงตกไปอยู่ที่พี่สาวคนโต แต่ว่าพี่สาวก็ยังเป็นเด็กอยู่
แค่ทำอาหารก็ลำบากแล้ว มีอะไรหลายอย่างให้ต้องเป็นห่วง จะให้อยู่ที่โรงพยาบาลเฉยๆ ก็ไม่ได้
เพราะรู้ว่าที่บ้านจะเป็นยังไง พอไปอยู่ที่โรงพยาบาลคนเดียวก็รู้สึกคิดถึงครอบครัว
อยู่ๆ ก็นึกอยากจะกลับบ้านขึ้นมา*

*จริงๆ แล้วฉันก็มีลูกอยู่แล้ว 3 คน คงไม่มีใครคิดหรอกนะคะ
ว่าถ้าตัวเองป่วยขึ้นมา จะทำยังไง พอคิดแบบนั้นแล้วน้ำตาก็ไหลออกมา
ถึงแม้ว่าจะพยายามค่อยๆ อ่านบทอย่างใจเย็น
แต่มันก็หยุดไม่ได้ ทุกๆ ครั้งที่อ่านบท น้ำตาก็ไหลออกมา*

*ครอบครัว มันเล็กมาก เป็นกลุ่มสังคมที่เล็กที่สุด แต่ในนั้นมันก็มีกฎว่า
ในสังคมเล็กๆ นั่น เราจะเลี้ยงดูเค้ายังไง เมื่อเวลาที่เด็กโตขึ้น และออกไปสู่สังคม
เราจะให้เค้าเป็นแบบไหน ให้เค้าไปใช้ชีวิตในสังคมได้*



คุณพ่อเท็ตสึโอะ (นาโอโตะ) :

*จริงๆ แล้วเวลาที่ผมมากองถ่าย Aikurushii ผมรู้สึกสนุกมากๆ เลยครับ*

*ตามข้อมูลที่คุณโนชิม่าเขียนเอาไว้ เป็นคนเลือดร้อนและก็พูดจาหยาบๆ
แล้วก็เป็นพ่อที่มีความรู้สึกค่อนข้างละเอียดอ่อน*

*พวกเราเพียงแค่ต่อสู้ กับความขัดแย้งอยู่ทุกวัน ผมว่าพวกเรา
ก็มีความเป็นส่วนตัวอยู่ด้วย ตอนอยู่กับครอบครัวเราก็มีความเป็นส่วนตัว
ก็มีบ้างที่ความรู้สึกแตกต่างจะกระทบกระทั่งกัน แต่เมื่อมองข้ามเรื่องเหล่านี้ไป
มันก็คือความสัมพันธ์ที่เข้มข้น

*ความผูกพันฉันท์สามีภรรยาก็ไม่ใช่ความผูกพันในสายสายเลือด แต่ลูกๆ นั้น
ผูกพันกันทางสายเลือด สำหรับผมแล้ว บ้านคือที่ๆ เราจะกลับไป
การมีใครสักคนรอเราอยู่ มันรู้สึกดีมากเลยนะครับ*


คุณแม่ยูมิ และคุณพ่อเท็ตสึโอะพูดถึงเด็กๆ

คุณแม่ : เด็กๆ ขาวกันทุกคนเลย น่ารักมาก น่าตกใจจังเลย เหมือนกันยังไงก็ไม่รู้ เหมือนใช่มั้ยคะ ( หันไปถามคุณพ่อ ) ทั้งที่ไม่เหมือนกันเลย แต่พอเอาทั้งสี่มายืนเรียงกันกลับดูเหมือนพี่น้องกันจริงๆ แคสติ้งเก่งมากเลยนะคะ
คุณพ่อ : (พยักหน้าเห็นด้วย) ใช่ เยี่ยมจริงๆ
คุณแม่ : เป็นมืออาชีพเลยนะเนี่ย
คุณพ่อ : (พยักหน้าเห็นด้วย) ใช่ มืออาชีพ ขยันจนน่าตกใจทั้ง 4 คนเลย
คุณแม่ : ทั้งที่ยังเด็กอยู่แต่กลับแสดงได้เยี่ยมมากๆ จนน่าตกใจ พอเข้าฉากแล้วเก่งมากๆ





มิจิรุพี่สาวคนโต (ฮารุกะ) :

*(มิจิรุเป็นคนยังไง?) มีส่วนคล้ายกันอยู่บ้างนะคะ เมื่อกี๊เพิ่งหกล้มมา (ฮารุกะยิ้มอายๆ )*

*เธอต้องคิดเรื่องของครอบครัว แล้วก็เป็นคนที่เข้มแข็ง เป็นพี่สาวที่ใจดีมากๆ เลยล่ะค่ะ*

*รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่มีอะไรมาทดแทนได้ค่ะ แต่ละคนในครอบครัว ก็เหมือนจะมีรูปแบบของตัวเอง แต่ละคนก็ต่างมีความรักที่เจ็บปวด*

*การพูดคุยกันในครอบครัว จะทำให้ครอบครัวนั้นมีสายสัมพันธ์ที่เข้มแข็ง / เป็นครอบครัวที่ดี
และอบอุ่น สนุกมากเลย*








โคพี่ชายคนโต (ฮายาโตะ) :

*โคเป็นคนตรงไปตรงมามากครับ ถ้าอยากพูดอะไรก็จะพูดออกมาตรงๆ
แต่พอมาคิดดูดีๆ ในคำพูดเหล่านี้กลับอัดแน่นไปด้วยความคิด*

*เค้าเป็นคนที่รักครอบครัวมากครับ ถ้าผมเป็นอย่างนั้นได้ก็คงดี*

*เถียงกันเรื่องขี้บ้างล่ะ ตอนที่คุณแม่เข้าโรงพยาบาลก็พูดว่าจะเป็นยังไงต่อไปบ้างล่ะ
บางทีก็พูดอะไรแย่ๆ ออกมาตามอารมณ์ นี่แหละครับ “ครอบครัว” *

*ละครเรื่องนี้เป็นละครครอบครัวที่ดี เด็ก ม.ต้นที่ต่อต้านพ่อแม่ยิ่งควรดู
คนอายุ 30 ที่แยกกันอยู่กับพ่อแม่ก็ควรจะดู เมื่อดูแล้วจะรู้สึกถึงครอบครัวที่อบอุ่น
ก่อนนี้ผมรู้สึกเวลาทะเลาะกับพ่อว่า “อะไรกันน่ะพ่อ!” แต่พอได้มาดูเรื่องนี้แล้ว
รู้สึกว่าครอบครัวก็เป็นเรื่องสำคัญ มาลองคิดดูสักนิด น่าจะลองคุยกับพ่อดูนะ
พอคิดได้อย่างนี้แล้ว มันรู้สึกดีมากๆ เลยครับ*






ความเห็นของฮารุกะและฮายาโตะ


ฮารุกะ : เวลามีอะไรถึงแม้จะไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ แต่เวลาที่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกคนในครอบครัวก็จะมาล้อมวงกัน
ฮายาโตะ : สมมติว่าพวกเรา 4 คน มีใครคนนึงล้มลง ก็จะมีใครสักคนมาช่วยเหลือ
ฮารุกะ : นี่แหละค่ะ Aikurushii
ฮายาโตะ : มันเป็นกลังใจที่ดีที่สุด ปกติเราจะไม่ค่อยพูดขอบคุณอะไรกันเท่าไหร่
จะไม่พูดเด็ดขาด แต่เวลาแยกกันไปแล้ว บางทีก็จะมีข้อความส่งมาขอบคุณ
ถึงจะไม่ได้ออกมาเป็นคำพูด แต่ก็เป็นการขอบคุณที่รู้สึกดี
ฮารุกะ: มันเชื่อมโยงกันจนถึงส่วนลึกในจิตใจ เป็นสายสัมพันธ์ที่เข้มแข็งค่ะ





อุตะน้องสาวคนเล็ก (รีน่าจัง) :

*เป็นเด็กขี้อ้อน ขี้แย แล้วก็ขี้หลงขี้ลืม เป็นเด็กที่แปลก*
*สนุกค่ะ พี่ๆ ทุกคนใจดีมากเลย อยากมากองถ่ายทุกวันเลยค่ะ*

คุณปู่เมจิ (นาโอกิ) :

*คนที่คอยช่วยเหลือเรามีทั้งพ่อและแม่ พี่ชายพี่สาว แต่ผมคิดว่าบทของผม คือการคอยสนับสนุนเด็กๆ อยู่ห่างๆ ครับ และสอนเด็กๆ ไม่ให้ไปทำให้ใครเดือดร้อน
เพราะเราไม่สามารถตัดสินอะไร ก่อนมันจะเกิดได้ ก็เลยคอยช่วยหนุนหลังพวกเด็กๆ
บทแบบนี้เป็นที่ไม่มีคนเกลียด การที่มีคุณปู่อยู่ด้วย ก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกันครับ*

*เค้าเป็นคนที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ถ้าทุกคนเป็นแบบเค้าได้ สังคมคงจะดีขึ้น
มันคงไม่ได้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้หรอกนะ แค่เราเริ่มต้นจากที่บ้านของเราเอง
ต้องเริ่มต้นจากที่บ้านของเราเองก่อนครับ*


เกี่ยวกับละครเรื่องนี้ ท่าทางการตอบคำถามของพวกเด็กๆ ที่ไร้เดียงสา และตรงไปตรงมา
ดูเหมือนกับถ้าเป็นผู้ใหญ่พูดเลย บทของผมถึงจะได้ออกมาเพียงแค่บางฉาก
แต่ก็ได้หัวเราะไปกับพวกเค้าด้วย




โฮโรน้องชายคนรอง (ริวโนสุเกะ) :


*จริงๆ แล้ว เวลาที่ผมมากองถ่าย Aikurushii ผมรู้สึกสนุกมากๆ เลยครับ*

*โฮโรเป็นคนที่อ่อนโยน แล้วก็เป็นเด็กที่มีความคิดเหมือนผู้ใหญ่*

*ทุกคนทำเพื่อคุณแม่ ทำหลายสิ่งหลายอย่าง สิ่งที่ทำไปมันวิเศษมากเลยครับ*

*คุณปู่เป็นห่วงเรื่องของผม เหมือนกับเป็นเรื่องของตัวเอง ผมเติบโตท่ามกลางการดูแลของคุณปู่แบบนี้ พวกผมมีจึงสายสัมพันธ์ที่เข้มแข็งจากคุณปู่ที่ผ่านวันเวลาต่างๆ มามากมาย*

*มันเป็นเรื่องน่าเศร้ามากที่น้ำตาของโฮโรไม่ยอมไหลออกมา อยากให้ดูความทุกข์ใจของโฮโรกันครับ*

XOXOXOXOXOXOXOXOXOXOXOXO







เป็นละครที่แปลกดี คือเนื้อหามันธรรมดามาก ก็แค่การดำเนินชีวิตที่ค่อนข้างจะเป็น "ชีวิตประจำวัน" ของครอบครัว ๆ หนึ่ง

เช้ามาล้อมวงกินข้าว พ่อไปทำงาน ลูกไปโรงเรียน เลิกเรียนที่เล่นกับเพื่อนก็เล่นไป
ที่ทำงานบ้านก็ทำไป ที่ทำงานพิเศษก็ทำไป พบปะผู้คนนอกบ้าน แล้วก็กลับมาบ้าน
มาล้อมวงกินข้าวพูดคุยกัน ถึงเวลาไปเยี่ยมคุณแม่ก็พากันไป

แต่เรื่องง่ายๆ เหล่านี้ ดูแล้วกลับรู้สึก "สุดประทับใจ"

ไม่ผิดเลยถ้าจะกล่าวว่า เมื่อคุณแม่ป่วย ครอบครัวก็ป่วยตาม
แต่เพราะเป็นครอบครัวเข้มแข็ง จึงประคับประคองกันไว้ไม่ให้ครอบครัวต้องล้มลง

คุณพ่อ ที่ซ่อนความทุกข์ไว้ลำพัง และยังทำตัวโอเว่อร์บ้าบอเป็นปกติให้ลูกเห็น
ลูกสาวคนโต เด็กสาวแสนดีบริสุทธิ์ และเสียสละ
ลูกชายคนโต เด็กหนุ่มแข็งแรง และรักความยุติธรรม
ลูกชายคนรอง เด็กชายที่ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยร้องไห้ จนใครๆ พากันห่วงว่าจะเป็นเด็กไม่ปกติ
แต่ก็เติบโตมาอย่างปกติ ความอ่อนโยนของโฮโร เปรียบเสมือนความหมายของชื่อ
คือ "ผ้าคลุมสีเขียว" ที่คอยปกป้องสิ่งสำคัญจากลมและฝน
"ความฝันของผม คือผมอยากปกป้องโลกใบนี้ครับ"
เป็นสิ่งที่ไม่เกินความจริงเลย เพราะผู้คนในโลกของเด็กชายโฮโร ต่างก็ได้รับการปกป้อง
ไม่รูปแบบใดก็รูปแบบหนึ่ง ด้วยความพยายามจากจิตใจที่อ่อนโยน
ลูกสาวคนเล็ก ที่เป็นเด็กหญิงขี้แง ดวงใจน้อยๆ ของทุกคนในบ้าน
และ คุณปู่ ที่สุขุม ใจดี เป็นร่มเงาที่ร่มเย็นคอยแผ่ปกคลุมลูกหลาน



ชอบเรื่องนี้มากๆ เลย

เป็นละครเศร้า แต่เพราะมีเด็กๆ จึงมีแต่เรื่องชวนให้ยิ้ม
ยิ้มให้กับ ความซื่อ ความสดใส มิตรภาพความเป็นเพื่อนแบบเด็ก
และความรัก popy love ของเด็กๆ บางเรื่องก็ชวนหัวเราะ

ทั้งที่หลายบทหลายตอนชวนร้องไห้ แต่น้ำตาก็ไม่ได้ไหลออกมา (สงสัยจะเหมือนโฮโร)


โฮโรเป็นเด็กชายที่ไม่เคยร้องไห้
แม้ว่าจะมีสีหน้าเศร้าสร้อย แต่ก็มีรอยยิ้มอยู่เสมอ
เป็นเด็กชายผู้ค้นหา "อัศวินสีรุ้ง"
เมื่อมอบลูกแก้วเจ็ดสี ให้กับอัศวินทั้งเจ็ด
คำอธิษฐานจะเป็นความจริง ... คุณแม่จะหายป่าย

ในขณะที่พี่ ๆ มีมุมแอบร้องไห้ แม้แต่พี่ชายที่เข้มแข็งอย่างโค
โฮโร จึงเฝ้าสงสัยตัวเองด้วยความทุกข์ใจที่น้ำตาของเขาไม่เคยไหลออกมา

จึงถามคุณปู่ว่า "ผมเป็นคนเลือดเย็นหรือครับ"

น่าสนใจที่ว่า ...ในที่สุดแล้วน้ำตาของโฮโรจะหลั่งเพราะสุข ทุกข์ เศร้า แบบไหน
หรือเสียน้ำตาเพื่อใคร ...

และต้องหัวเราะจริงๆ ให้กับความสัมพันธ์ของ พ่อและลูกชายคนโต
ที่ทุกวันจะต้องถกเถียงกันเสียงดัง เถียงกันอยู่ได้แม้แต่เรื่อง ขี้ๆ
บางทีก็โผเข้าหาตะโกนใส่กัน กระชากคอเสื้อ ผลักอก ยื้อยุดกันพัลวัน
ซึ่งไม่ได้ทำเพราะความโกรธเกลียด แต่เป็นเพราะการแสดงออกตรงไปตรงมา (ตรงไปหรือเปล่า)
เพราะความสนิทสนมเกินพิกัด (จึงไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อเป็นลูกกันแน่)
เสียงร้องไห้กระจองอแงของเด็กหญิงอุตะที่ทำให้พี่โฮโรถูกลงโทษ
และ....พี่โค หันไปตะโกนใส่คุณพ่อ "โอเว่อร์!" และเริ่มทะเลาะถกเถียงกัน
โดยมี พี่มิจิรุ พยายามห้ามทัพอยู่ข้างๆ
นั่นสิ คุณพ่อจะต้องโอเวอร์กับการเสียน้ำตาของลูกสาวคนเล็กเสมอ (มันฮาดี )

ฮายาโตะเรื่องนี้ ไม่ต่างกับ Wild life เลยนั่นคือ บ้าพลัง และ "พูดเบาๆ ไม่เป็น"
บุคลิกอย่างหลังนี่เหมาะกับที่รักฮายาโตะมาก.. (he เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ )

เป็นบ้านที่ดูวุ่นวาย แต่ก็สนุกสนาน
เป็นบ้านที่ไม่ได้อยู่กันด้วยพฤติกรรมสุภาพ หรือพูดจาภาษาดอกไม้รื่นหู
แต่ก็รักใคร่ กลมเกลียว ต่างคนต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเอง
และคอยเหลือบแลคนรอบข้างเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

อบอุ่น

และทำให้นึกถึงซีรีย์ประทับใจแดนฝรั่ง "Brothers & Sisiters" ที่แม้จะต่างด้วยวัฒนธรรม
ต่างการดำเนินชีวิต และต่างด้วยวัยของตัวละครที่ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ใหญ่ มีหน้าที่การงาน
มีชีวิตเป็นของตัวเอง และบ้างก็มีครอบครัวแยกไป
ปัญหาของพี่ๆ น้องๆ แต่ละคน ล้วนหนักหนาสาหัส ความขัดแย้งไม่เข้าใจกันก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก ..

แต่ที่สุดแล้ว คนเราจะมีที่ไหนให้กลับไป
จะหันหน้าไปหาใครได้ ถ้าไม่ใช่ "พี่น้อง" และ "ครอบครัว"
จึงอยากจะหยิบยืมชื่อภาษาไทยของ Brothers & Sisters มาใช้กับ Aikurushii ด้วย
เพราะถึงจะต่างสัญชาติ แต่ก็เป็น "บ้านแห่งรักสายใยนิรันดร์" ไม่ต่างกัน







นอกจากนี้ ... ยังอุตส่าห์สร้างสัมพันธ์ความรักของคนหนุ่มสาว เล็กน้อยแต่กรุ่นกลิ่นรักละไม

ยิ่งสาวน้อยที่มาคู่กับฮายาโตะ ไม่ใช่ใครที่ไหนไกล คือคนที่เล่นเป็น อายะ (เอริกะ ซาวาจิริ) นางเอกหน้าตาสุดน่ารักจาก One Litre of Tear ยิ่งปลื้ม

"ฉันชอบผู้หญิงเงียบๆ " เลยเจอเงียบสมใจ เพราะเธอเป็นใบ้







สำหรับนักแสดงที่รู้สึกชอบเหลือเกินกับการเรียกชื่อเค้าอย่างเต็มยศ "อิชิฮาระ ฮายาโตะ"
รับบทเป็น "พี่โค" ทำหน้าที่ช่วยพ่อหาเงินรักษาแม่
ปกป้องพี่สาวมิจิรุ ดูแลน้องชายโฮโร เล่นกับน้องเล็กอุตะ
และมักจะคอยขัดคอถกเถียงกับคุณพ่อเท็ตสึโอะ



คงจะต้องพยายามสุดกำลังที่จะกล้ำกลืนคำพูดไม่ให้พรั่งพรูออกมาเป็นตัวหนังสือไปมากกว่านี้
(เพราะชักจะเพ้อถึงมากไปแล้ว ในหลาย blog ก่อนหน้า) ..
แต่ว่า ลักษณะตาหยี ปากเหยอ ของเค้าก็น่ารักจริงๆ นะ

ส่วน ฮารุกะ ที่เล่นเป็นพี่สาวคนโต เคยเห็นภาพโปสเตอร์ของละครที่เล่นเป็นนางเอกอยู่หลายเรื่อง
แต่พล็อตเรื่องยังไม่โดนให้เลือกหามาดูนัก จึงเคยดูผลงานมาก่อนเรื่องเดียวคือหนังเรื่อง ICHI
พอดูหนังจึงเพิ่งรู้สึกว่า ฮารุกะ สวยจัง การแสดงก็โอเคเลยนะ
จึงชักอยากดูเรื่องที่ชอบชื่อเรื่องเป็นพิเศษ รู้จัก จำได้ติดใจ
ตั้งแต่ยังไม่สนใจหนังหรือละครของญี่ปุ่น "อยากกู่ร้องบอกรักให้ก้องโลก"
..ชื่อเรื่องเหมือนเป็นตำนานเลยนะคะ






รักซีรีย์เรื่องนี้ค่ะ เด็กๆ ก็น่ารักทุกคน โดยเฉพาะ อุตะ โฮโร
เซโกะ โคจัง (เพื่อนของโฮโร) และ "พี่โค"


Aikurushii เยี่ยมมาก





<<<<<<< >>>>>>>>>>>

น่ารักจริงๆ ฮายาโตะจัง






ในบรรดาฉากน่ารักทั้งหลาย ฉากนี้เป็นที่หนึ่งในใจเลย


<<<<<<< >>>>>>>>>



"...ฟังเพลงตั้งแต่แรกๆ แล้วรู้สึกว่าเพลงประกอบละครตอนต้นเรื่องเพราะมากๆ

อาตี้ก็นั่งฟัง นั่งแกะเพลงไปๆ มาๆ แล้วเอามาค้นดู ถึงได้รู้ว่า มันเป็นเพลง Ben ของไมเคิล แจกสัน น่ารักมากๆ

เพลงนี้ไมเคิลแต่งเองให้กับหนูของเขา ด้วยความเหงาที่ขาดเพื่อนเล่นในวัยเดียวกัน จึงมีหนูเป็นเพื่อน

เวลาเขาร้องจึงสัมผัสได้ถึงความรักที่มีต่อ Ben เดี๋ยวอาตี้ดูจบจะเอาไปเม้นท์ไว้ในบล็อกค่ะ........"


...... คุณอาตี้กรุณาส่งเมลเรื่องเพลงของไมเคิลมาให้ ขอบคุณมากค่ะ...


ชื่อหนัง (เกาหลี/จีน/ญี่ปุ่น) : あいくるしい
ชื่อหนังอื่นๆ : Sweet
นักแสดง : N/A
Directed By : Yoshida Ken, Hirakawa Yuichiro, Nasuda Jun
จำนวนตอน : 11
ประเภท : Family, romance
ผลิตโดย : Ishimaru Akihiko
Written By : Nojima Shinji
Year : 2005 ออกอากาศช่อง TBS



Credit : //www.tbs.co.jp/aikuru.htmul
belike.net




Create Date : 13 มกราคม 2553
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2558 8:44:34 น. 5 comments
Counter : 4210 Pageviews.

 
ร่ายยาวมาเถอะ ชอบอ่านอยู่แล้ว

เพราะเห็นถึงความตั้งใจที่มีต่อซีรีย์เรื่องหนึ่ง

ถ้าเราไม่เขียนขึ้น มันก็จะตายไปพร้อมกับเรา

ซีรีย์เรื่องนี้เลืองลือมานาน ไม่มีใครที่ดู

แล้วจะไม่ชอบ (แถมภาพเยอะอีกต่างหาก)

ตามแบบฉบับ จขบ. ที่ชอบความสัมพันธ์เกี่ยวกับเด็กๆ

โดยเฉพาะลุงนาโอโตะ ครั้งนี้เป็นตัวนำ

ซึ่งน้อยครั้งจะรับเล่น ตามประสาไปรับเชิญ

เรื่องนั้นเรื่องนี้เยอะแยะ ตัวละครอื่นๆ

ก็หาได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย เคยเล่น

เรื่องไหน ก็เป็นอย่างนั้นมาตลอด ก่อนจะค่อยๆ

ฉีกแนวกันไป

ชอบฮายาโตะ แนะนำ water boys สิ

เขาเกิดจากเรื่องนี้เลยละท่าน หุ่นนี้เพรียวสลิมเชียว


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 17 มกราคม 2553 เวลา:14:31:17 น.  

 
ลืมไปนิดนึง เพื่อให้บ้านนี้กระสัน

อยากจะแลซีรีย์หมอโคโตะมากขึ้น

เพราะเจ้าหนูเรียวโนะสุเกะ ที่เล่นเป็นเจ้าโฮโร

ไปโผล่ในหมอโคโตะ ตอนที่ ห้า หกและเจ็ดด้วย

ต่อจากนั้นสองปี ถึงไปเล่นเรื่อง Aikurushii

ที่ท่านเล่านี้แหละ แต่รับรองว่าเจอเจ้าทักเกฮาชิ

ลูกคนหาปลา จะเลือกที่รักมักที่ชังไม่ออก

ว่าจะปลื้มใครดี


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 17 มกราคม 2553 เวลา:15:27:41 น.  

 
Aikurushii เป็นอีกเรื่องที่ประทับใจตั้งแต่เพลงประกอบละคร ซึ่งค้นหาอยู่พอสมควรว่าเป็นเพลงอะไร และใครร้องนะ ช่างเป็นเสียงที่อบอุ่นและไพเราะกินใครเด็กเหลือเกิน

และไม่ใช่ใครอื่น ไมเคิล แจคสัน ที่ร้องเพลงนี้เอาไว้ตั้งแต่ยังเป็นเด็กนั่นเอง เพลงนี้เจ้าตัวแต่งให้ Ben หนูขาวสุดที่รัก เนื่องจากไมเคิล ต้องทำมาหากิน เป็นนักร้องตามคำสั่งพ่อตั้งแต่เด็ก
ทำให้ไม่ค่อยมีเพื่อนเล่นเหมือนเด็กคนอื่น ตลอดจนไม่มีวัยเด็กที่สมบูรณ์เต็มอิ่ม จึงต้องมาชดเชยตอนโตด้วยการสร้าง Never land ตอนโตนั่นเอง

การคัดเลือกเพลงนี้มาประกอบเรื่อง Aikurushii จึงเข้ากับเรื่องราวของเรื่องพอสมควร คือ การที่โฮโร (หรือ โปโร นั่นแหละ) เด็กชายตัวเอกของเรื่องต้องสูญเสียแม่ตั้งแต่ยังเรียนอยู่ประถมปลาย และด้วยปณิธานที่แรงกล้าในความต้องการที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ผู้ช่วยโลก
ซึ่งมีแนวคิดที่ได้รับการซึมซับถ่ายทอดมาจากความอ่อนโยนอบอุ่นของแม่ และปรัชญาแง่คิดการใช้ชีวิตที่ดี ที่มีซี้กับคุณปู่ หรือเกิดมาเพื่อเป็นลุกคุณปู่ก็ว่าได้ ทำให้โฮโรสามารถเป็นผู้ให้ที่ดีกับเพื่อนๆ
จนสามารถดึงหัวใจเพื่อนที่ไม่ต้องการเป็นเพื่อน ให้กลายมาเป็นเพื่อนของเขาจนได้ ไม่ว่าเพื่อนคนนั้นจะร้ายแค่ไหน มีปมในใจยังไง สุดท้ายโฮโร ก็จะสามารถตีประเด็นในใจของเพื่อนจนแตก

ทั้งนี้ด้วยความช่วยเหลือของคุณปู่ ที่คอยให้กำลังใจ และคอยให้แง่คิดอย่างง่ายๆ แต่เราดูแล้วรู้สึกว่าให้คุณค่าทางปรัชญาที่มีประโยชน์กับผู้ดูมากๆ เราจึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมคนญี่ปุ่นในวันนี้ถึงได้เป็นหนึ่งในประเทศที่เจริญแล้ว

เพราะยิ่งดูละครญี่ปุ่น นับวันเราก็ยิ่งเห็นการแทรกแง่คิดทางปรัชญาไว้ตลอดเรื่อง รวมถึงวัฒนธรรม การวางตัว ในเรื่องการเชื่อฟังผู้ใหญ่ แม้บางฉากจะไม่เหมาะสม เช่นการที่ลูกจะตบหัวพ่อ ซึ่งไม่สมควรในวัฒนธรรมไทย แต่เราคิดว่าในละครเรื่องนี้ ต้องการสื่อให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันระหว่างพ่อลูกมากกว่า

คำพูดที่ให้ข้อคิดในเรื่องมีอยู่หลายจุด จนเราไม่รู้จะยกตรงไหนมาฝากดี ที่โดนใจและเห็นจะเอามาต่อยอดในความคิดเดิมของเราคือ "เรื่องความเข้าใจคนอื่นผิด" หากไม่เอามานั่งคิดดีๆ ก็อาจทำให้เราน้อยใจได้

เช่น ตอนที่โฮโรซื้อรองเท้าให้มิกะ เด็กหญิงผู้ไม่กล้าลงจากรถเข็นให้เป็นของขวัญ

มิกะปารองเท้าคู่นั้นใส่หน้าโฮโร เพื่อนๆ ลงความเห็นว่า แม้โฮโรจะหวังดี อยากกระตุ้นให้มิกะอยากเดินเพื่อรองเท้าสวยๆ คู่นั้น แต่ดูเหมือนว่าโฮโรจะเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของมิกะมากเกินไป ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้เอ่ยขอ ถ้าพูดเป็นภาษาไทยก็คือให้ผิดกาลเทศะนั่นเอง

ยังดีที่คุณปู่ได้ให้กำลังใจ บอกโฮโรว่า บางทีมิกะอาจไม่ได้โกรธโฮโรหรอกจริงๆ หรอกนะ เพียงแต่เธอไม่รู้วิธีการตอบสนองกลับที่ดี ว่าหากมีใครมาทำดีด้วย แล้วควรตอบสนองกลับกับคนๆ นั้นยังไง น่าจะเป็นอย่างนั้น

คำพูดนี้ทำให้เราคิดถึงสารคดีต่างประเทศรายการหนึ่ง ที่พาเด็กกลุ่มหนึ่งไปใช้ชีวิตในป่า พวกเขาต้องลองทำอาหารจากกบที่หาได้ในป่า แต่ไม่มีใครกล้าฆ่ากบ มีเด็กหญิงคนหนึ่ง ตัดสินใจลองทำดู เพื่อให้เพื่อนๆ ทุกคนได้กิน ทั้งๆ ที่ใจเธอไม่ได้อยากฆ่ากบเลย เพื่อนๆ บางคนตกใจตาค้าง หลายคนหัวเราะออกมา

หลังจากเหตุการณ์นั้น ผู้ใหญ่ได้เรียกเด็กแต่ละคนเข้ามาคุย ปรากฏว่า เด็กที่ฆ่ากบเสียใจมาก ที่เพื่อนหัวเราะเยาะเธอ แต่เมื่อถามถึงความรู้สึกของเด็กที่หัวเราะเพื่อน พวกเขาบอกว่า เพราะไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ถึงได้หัวเราะออกไป

นั้นแสดงว่าพวกเขาไม่ได้มีเจตนาที่จะหัวเราะเยอะเพื่อน แต่เพราะไม่รู้จะทำยังไงดีนั่นเอง

นี่จึงเป็นข้อสอนใจได้ดี ในการในชีวิตกับคนอื่นๆ การตัดสินคนด้วยการกระทำของเขา บางทีอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้ "จิตวิทยาคน" นี้มันช่างน่าสนใจจริงๆ ใช่ไหมคะ?

สรุป Aikurushii เป็นละครแนวครอบครัว น่ารัก อบอุ่น ให้แง่คิดที่ดี ขอบคุณคุณ prysang ที่แนะนำให้ดูค่ะ


โดย: อาตี้เจ้าเก่ามาบุกแล้ว IP: 119.46.167.30 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2554 เวลา:11:50:17 น.  

 
Aikurushii อย่างที่บอกค่ะ เลือกดูแค่เพราะชอบ อิชิฮาระ ฮายาโตะ ที่สุดแสนจะเหมาะกับบุคลิก "พูดเบาๆ ไม่เป็น" แต่เวลาเล่นบท เงียบขรึม ก็ใช่อีกนั่นแหละ ส่วนตัวคิดว่าเป็นคนที่มีฝีมือทางการแสดงนะคะ ก็เลยบังเอิญมาเจอว่า เรื่องนี้เป็นซีรีย์แนวครอบครัวดีๆ ที่หากไม่มีนักแสดงคนนี้อาจจะมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย เพราะปกติก็จะเลือกซีรีย์โดยเล็งเนื้อหาที่น่าจะสนุกแล้วก็มีคู่พระนางที่น่าสนใจ แต่ตอนนี้ไม่ค่อยเป็นปัญหาแล้วค่ะ เพราะเป็นความไปแล้วเชื่อว่าถึงไม่ใช่เรื่องรักแบบพระเอกนางเอก ซีรีย์ญี่ปุ่นก็ทำให้สนุกได้ และซีรีย์ดีๆ ที่มักสวนทางกับคำว่าซีรีย์สนุก ก็ดูจะไม่ใช่อย่างนั้นเสมอไป จากประสบการณ์ที่ได้พบพานว่า บางเรื่องก็สนุกได้แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ให้แง่คิดให้สาระดีๆ

เรื่องเพลงของ ไมเคิล แจ็คสันไม่รู้เรื่องเลยค่ะ แต่ซีรีย์ญี่ปุ่นนั้นสังเกตได้ว่า มักจะพิถีพิถัน ในการเลือกเพลงประกอบนะคะ อ่านจากที่คุณอาตี้แสดงความเห็นแล้ว ก็ได้อีกหนึ่งมุมมองที่ตัวเองมองไม่เห็นมาก่อน อย่างเรื่อง Change นายกมือใหม่หัวใจประชาชน ก็ได้เพลงของมาดอนน่า ซึ่งก็คงจะสื่อความหมายที่ดีด้วยเหมือนกัน เพลงประกอบของ Good luck ก็ด้วย

ในแง่ของ "จิตวิทยา" พอคุณอาตี้เล่าอย่างนี้แล้ว ก็เพิ่งสังเกตว่า เออ ... จริงแฮะ เพราะบ่อยครั้งที่ตัวเราเองก็ไม่รู้จะมีปฏิกิริยาตอบสนองกับเรื่องที่ได้รับการบอกเล่ายังไง ไม่รู้ว่าจะบอกว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยดี ก็จะมีที่หัวเราะแหะ ไป อย่างไร้ความหมาย

การตัดสินคนด้วยการกระทำของเขา บางทีอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้

เห็นด้วยว่าจริงค่ะ


โดย: prysang วันที่: 21 พฤศจิกายน 2554 เวลา:15:52:57 น.  

 
คุณ Prysang เขียนตอบกลับใน comment ที่ 4 อาตี้ขอบคุณค่ะ และเพื่อย้ำในคำว่า "การตัดสินคนด้วยการกระทำของเขา บางทีอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้" ทำให้เรามองเห็นข้อดีข้อเสียของการไม่รู้จะตอบเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเพื่อน จึงหัวเราะออกไป เป็นวิธีการที่ควรเป็นตัวเลือกสุดท้ายที่เราน่าจะคิดนำมาใช้ในคราวต่อๆ ไป เพราะมันพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ไม่ใช่วิธีการที่ดีเลย มีแต่จะทำให้เพื่อนที่ได้รับปฏิกิริยาตอบกลับเสียใจ โดยบางทีสุดท้ายแล้ว เราก็ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเราทำอะไรลงไป และเพื่อนเสียใจและโกรธเราทำไม?

ดังนั้นหากเราไม่รู้ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เพื่อนทำ ขอให้ตั้งสติก่อนสรรหาปฏิกิริยาที่ดีกว่าการหัวเราะออกไป น่าท้าทายดีใช่ไหมคะ?

สติมาปัญญาเกิด สติเตลิดไม่เกิดปัญญา (ทั้งยังเสียเพื่อนและเสียความรู้สึกกันอีกด้วย)

ขอบคุณคุณ prysang สำหรับการนำคลิปเพลง Ben เพลงประกอบละครในเรื่ิอง ที่อาตี้แนะนำไป นำมาแปะไว้ในบล็อกค่ะ


โดย: อาตี้มาบุกซ้ำค่ะ IP: 124.120.192.80 วันที่: 21 พฤศจิกายน 2554 เวลา:22:33:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

prysang
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.