รักคงอยู่เช่นเดิม ไง..คุณครูมานั่งโซ้ยก๋วยเตี๋ยวคนเดียวหรือจ๊ะ กวินาเงยหน้าจากชามบะหมี่เกี้ยวเพื่อมองหน้าคนทัก อ้าว..นิดเองเหรอ ไม่ได้เจอกันตั้งนานเป็นไงมั่ง นั่งสิ นิตยดามองบรรยากาศรอบ ๆ แล้วย่นจมูก เนื่องจากบริเวณนั้นเต็มไปด้วยฝุ่นควันจากยวดยานซึ่งสัญจรบนท้องถนน แต่ก็ยอมหย่อนก้นลงนั่งตรงข้ามกับเพื่อนสาวที่ไม่ได้เจอกันมานเป็นแรมปี เห็นตัวเองทีแรกเราไม่อยากจะเชื่อเลย นิตยดาพูดพลางหย่อนกระเป๋าถือลงบนโต๊ะเหล็กแบบพับได้ที่ดูไม่ค่อยมั่นคงนักหลังจากดูจนแน่ใจว่าไม่รอยน้ำหลงเหลือบนโต๊ะมาทำให้กระเป๋าราคาแพงต้องมัวหมองไป ทำไม? เราสวยขึ้นจนไม่น่าเชื่อหรือไง นิตยดาค้อนใส่เพื่อนสาวเมื่อได้ยินประโยคนั้น ข้อหาหมั่นไส้ กวินายิ้ม รู้ดีว่านิตยดากำลังคิดอะไรอยู่ ถึงจะหัวสูงไปบ้าง แต่เพื่อนของเธอคนนี้ก็เป็นคนตรงไปตรงมาคบง่าย ก็ใครจะไปคิดว่านักเรียนนอกจะมานั่ง กินก๋วยเตี๋ยวรมควันอยู่ข้างถนนล่ะยะ แล้วคิดว่าครูเงินเดือนต่ำอย่างเราจะไปหาอะไรกินที่ไหนล่ะ จะที่ไหน ก็ในภัตคารหรูกับนายอาณัติ เพื่อฉลองการกลับมาของเขาไง ชื่อที่หลุดออกจากปากเพื่อนสาว มีผลทำให้กวินาชะงักไป เธอพาดตะเกียบกับขอบชามก๋วยเตี๋ยว ดึงกระดาษทิษชูราคาถูกที่ร้านก๋วยเตี๋ยวมีบริการสำหรับลูกค้าขึ้นมาซับคาบมันบนริมฝีปาก ณัติกลับมาแล้วเหรอ? เสียงเรียบ ๆ บวกกับคำถามนั้น ทำเอานิตยดาต้องกระพริบตาปริบ ๆ เฮ้ย..! นายณัติน่ะมันแฟนเธอไม่ใช่หรือไง แล้วมาถามฉันอย่างงี้ได้ไง? กวินาก้มหน้า ริมฝีปากสีชมพูเม้มสนิทอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจไม่ตอบคำถามนั้น แล้วเธอรู้ได้ไงว่าณัติกลับมาแล้ว เขาบอกเธอเหรอ ขนาดแฟนเขาอย่างเธอยังไม่รู้ แล้วฉันเป็นใคร เขาถึงจะมาบอก.. นิตยดาเริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลของคู่รักคู่นี้ ในบรรดาเพื่อนฝูงไม่เห็นมีข่าวเลยว่าสองคนนี้เลิกคบกันแล้ว แต่ไหงเพื่อนสาวของเธอถึงมีท่าทางแปลก ๆ ทำอย่างกับเลิกคบกับชายหนุ่มผู้นั้นแล้วอย่างนั้นแหละ ..วันก่อนน่ะ ฉันไปดูงานที่สิงคโปร์ ขากลับนั่งเครื่องบินไฟล์เดียวกันมา แต่ฉันไม่ได้ทักหรอกนะเห็นมีเพื่อนมาด้วย นิตยดาตัดสินใจไม่บอกว่าเพื่อนที่ว่ามาด้วยกันกับอาณัตินั้นเป็นผู้หญิง และเป็นคนที่ทั้งเธอและกวินาต่างรู้จักดี ชมภูนุช.. เพื่อนสมัยเรียนของมหาวิทยาลัยของเธอและกวินา เจ้าหล่อนเป็นดาวคณะที่มีหนุ่ม ๆ หลายคนคอยห้อมล้อมตลอดเวลาจนกระทั่งเรียนจบ เป็นไปได้มั้ย? ว่าอาณัติและกวินามีปัญหากันเพราะชมภูนุชเข้ามาแทรก งั้นเหรอ กวินาพึมพำรับคำ เฮ้ย..เปลี่ยนเรื่องพูดดีกว่า นี่ๆ นี่ของนิตยดาคือซองสีขาวข้างในบรรจุการ์ดอะไรซักอย่างไว้ อะไรล่ะเนี่ย? ซองผ้าป่าไม่เอานะ กวินายื่นมือออกไปรับมาเปิดดู ไม่ใช่ซองผ้าป่า นี่บัตรเชิญร่วมงานศิษย์เก่าย่ะ จองโต๊ะไว้แล้วจ่ายตังค์มาซะดี ๆ อ๋า?? มัดมือชกนี่นา ช่วยไม่ได้ ฉันจองไว้ตั้งสองโต๊ะนี่ยะ นิตยดารับกระดาษสีม่วงจากเพื่อนสาวอย่างอารมณ์ดี แล้วนี่เธอรู้มั้ยว่าที่ไหนเพื่อนเรามันไปรวมตัวกันเยอะ ๆ มั่ง คืนวันเสาร์ลองไปคลับของนายอู๋ดูสิ น่าจะมีเหยื่อหลงมาให้เธอเชือดอีกนะ ฉันก็ว่าจะไปอยู่แล้วล่ะ ไม่มีใครก็ได้อีตาอู๋น่ะแหละ แล้วนี่ไม่เอาไปเผื่อณัติหรือไง? นิตยดาลองแย็ปเรื่องอาณัติอีกทีเพื่อดูปฏิกิริยาของเพื่อนสาว กวินาอึ้งไปเล็กน้อย ไม่รู้สิ..เราไม่รู้ว่าณัติจะไปหรือเปล่า ไม่อยากซื้อแทน เธอลองไปถามเขาเองแล้วกัน เอางั้นเหรอ.. วันนั้นสองสาวจากกันโดยที่คนหนึ่งเก็บงำความสงสัยไว้ในใจ ส่วนอีกคนหนึ่งหงอยเหงาเศร้าซึม พี่กี้..พี่กี้..พี่แนชเป็นอะไรก็ไม่รู้ กลับมาก็หน้าบูดเข้าห้องไปเลย กีรติกดนิ้วค้างบนคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ทำให้เกิดตัวอักษรอันไม่พึงประสงค์ขึ้นมากมาย เมื่อน้องสาววัยสิบสี่ส่งเสียงแจ้ว ๆ เข้ามาในห้องเธอโดยไม่ได้รับอนุญาต กีรติถอนหายใจ ขณะลบตัวหนังสือพวกนั้นออกไปจากรายงานที่เธอต้องส่งอาทิตย์หน้า ต๋าไปกวนอะไรพี่แนชล่ะ เปล่านะ..ต๋าแค่จะให้พี่แนชสอนการบ้านอังกฤษให้เอง เกริตากระโดดขึ้นนั่งบนเตียงพี่สาวคนรองพร้อมทั้งคว้าเจ้าตุ๊กตาปลาโลมาตัวใหญ่บนเตียงพี่สาวมากอดเล่น นั่นแหละ ที่เรียกว่ากวน แต่..พี่แนชเข้าห้องก่อนที่ต๋าจะพูดอะไรซะอีก จะหาว่าเป็นเพราะต๋าได้ไง สงสัยถูกแฟนทิ้งแหง เกริตาพูดไม่ได้คิดอะไร แต่คนฟังอึ้งขึ้นมาตะหงิด ๆ นั่นสินะ..นานเท่าไหร่แล้วที่พี่สาวไม่ได้พูดถึงจดหมายของคนรักหนุ่ม เห็นเขาเงียบ ๆ ไป เธอก็คิดว่าทั้งสองอาจยังติดต่อกันทางอีเมล์อยู่ เพราะในห้องพี่สาวเธอก็มีเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่เช่นกัน ระยะหลัง ๆ พี่สาวเธอก็แปลกไปจริง ๆ ซะด้วยหรือจะเป็นเพราะเรื่องนี้ พี่แนชเลิกกับพี่ณัติโดยไม่ได้บอกเธอหรือเปล่า? กีรติกดเซฟข้อมูลบนหน้าจอ ตัดสินใจไปถามพี่สาวให้สิ้นเรื่องสิ้นราวกันไปเลย ไปทำการบ้านไป ยัยต๋า พี่กี้จะสอนใช่ป่ะ เรื่อง! การบ้านตัวเองก็ทำเองสิ เชอะ..ไม่ง้อก็ได้ เกริตาเดินสบาย ๆ ออกจากห้อง แต่ก่อนที่ประตูจะถูกปิดอย่างรวดเร็ว เกริตาก็ตะโกนเสียงดังออกมา ผีเสื้อสมุทรกีรติ!!!!!!!!! กีรติปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ตามปกติไม่คิดสนใจเสียงตะโกนของน้องสาว เพราะชินแล้วกับความห่ามบ้า ๆ บอ ๆ ของวัยรุ่นนั้น และเธอก็มีวิธีแก้เผ็ดอยู่แล้วด้วย กีรติกดโทรศัพท์ตามเบอร์ที่คุ้นเคย เมฆ มาสอนภาษาอังกฤษให้ต๋ามันหน่อย . เออ..ชั่วโมงละห้าสิบ เหมือนเดิม.. เมื่อปลายสายวางหูแล้ว กีรติจึงวางบ้าง ห้องพี่สาวของเธอคือจุดหมายต่อไป กวินาสลัดกระเป๋าสะพายอย่างไม่แยแส ทิ้งตัวลงนอนลงบนเตียง หัวสมองเธอเต้นตุบ ๆ หวนคิดถึงความหลัง สองปีกว่าแล้วที่เธอกลับมาที่เมืองไทย ขณะที่อาณัติคนรักของเธอยังเรียนปริญญาเอกต่อที่อเมริกา อาณัติกับเธอเริ่มคบกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย เริ่มแรกก็เป็นแค่เพื่อนที่เรียนร่วมคณะกัน พอขึ้นปีสามก็เริ่มคบกันจริงจัง และพอเรียนมหาวิทยาลัยจบก็ไปเรียนปริญญาโทต่อด้วยกัน เมื่อไหร่กันนะที่เขาและเธอเริ่มห่างกันไป.. มันคงเริ่มต้นจากที่เธอจะกลับเมืองไทยแต่เขาตั้งใจจะเรียนต่อใช่หรือเปล่า ก่อนที่จะแยกจากกันเธอกับอาณัติต่างก็เศร้าซึม อาณัติพยายามหน่วงเหนี่ยวเธอไว้เพื่อให้เรียนต่อด้วยกัน เพราะทางบ้านของเขาเห็นว่าเขาควรเรียนต่อให้ถึงระดับปริญญาเอก เพื่อเป็นใบเบิกทางในอนาคตการทำงานในเมื่อทางบ้านเขาก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงินทอง ในเมื่ออาณัติไม่ได้ใช้เงินของทางบ้านในการเรียนต่อเมืองนอกอีกต่อไป ตั้งแต่เขาหางานให้ตัวเองทำขณะเรียนหนังสือไปด้วยได้ แต่มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเธอ ครอบครัวเล็ก ๆ ที่มีแม่เป็นเสาหลักของบ้านเพียงคนเดียวที่ต้องเลี้ยงลูกสาวถึงสามคนด้วยอาชีพตัดเสื้อผ้า การที่เธอไปเรียนต่อที่ออสเตรเลีย ถือเป็นความเห็นแก่ตัวที่สุดเท่าที่เคยทำมาแล้ว จะให้ยืดเวลาออกไปอีก 2-3 ปีได้อย่างไรกัน แม้ในใจจะโหยหาซึ่งกันและกัน แต่เมื่อสองปีก่อนเธอกับอาณัติก็จากกันด้วยความเข้าใจ เมื่อเธอกลับมาแรก ๆ เธอและอาณัติติดต่อกันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นทางจดหมาย อีเมล์ หรือโทรศัพท์ เธอยังเคยบ่นกับอาณัติด้วยซ้ำว่าน่าจะเรียนต่อกับเขา เพราะเมื่อเธอกลับมานั้น ทางบ้านไม่ได้ลำบากอย่างที่คิด แม่ยังตัดเย็บเสื้อผ้าเป็นปกติ แต่ได้เกริตาน้องสาวคนเล็กเป็นลูกมือชั้นดีแม้จะอายุเพียงสิบสองปีก็ตาม หนำซ้ำกีรติน้องสาวคนรองของเธอยังได้รายได้พิเศษเป็นกอบเป็นกำกับการติดตั้งเครื่องพีซีที่บูมอย่างมากในช่วงนั้น แม้จะไม่ใช่งานที่ทำรายได้ให้เป็นประจำ แต่ก็มากพอที่ทางบ้านเธอจะอยู่ได้อย่างสบาย ๆ วันเวลาผ่านไป จากเดือนเป็นปี การติดต่อของเธอกับอาณัติก็เริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ เพราะเขาเรียนหนักขึ้น และเธอก็ต้องทำงานที่ยังไม่ใคร่จะลงตัวนักในช่วงแรก พองานเริ่มลงตัว เธอก็เพิ่งรู้สึกว่าอาณัติหายไปเสียแล้ว เธอเคยส่งอีเมล์ไปถึงเขา แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับกลับมา โทรศัพท์ไปก็ได้ยินแต่เสียงเครื่องตอบรับเท่านั้น ครึ่งปีแล้วที่เธอกับเขาไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย เมื่อก่อนเธอรู้สึกเสมอว่าใจของเขาอยู่กับเธอเสมอ เหมือนว่าเธอกับอาณัติมีสื่อบางอย่างที่ส่งถึงกันและกัน แต่ว่าตอนนี้กลับมีความว่างเปล่าเข้ามาแทนที่ ทำไมนะ..เธอถึงไม่รู้สึกถึงเขาในใจของเธอเลย หรือจะจริงที่ว่า..เวลาเปลี่ยน ใจคนก็เปลี่ยนไป แล้วไฉนใจเธอยังคงเดิม ยังคงผูกพันอยู่กับชายคนเดิมที่ชื่ออาณัติเล่า เธอกับเขาเลิกกันหรือยังนะ..เลิกกันโดยธรรมชาติใช่หรือเปล่า? ความห่างเหินทำให้ต่างคนต่างมีทางเดินของตัวเอง และไม่มีทางมาบรรจบกันได้อีก ก๊อก..ก๊อก พี่แนชทำอะไรอยู่ กี้เข้าไปได้มั้ย กวินนาผุดลุกขึ้นจากเตียง ปัดเผ้าปัดผมให้เรียบร้อยก่อนตะโกนออกไป เข้ามาสิยัยกี้ ใบหน้านวลเนียนผุดผาดค่อย ๆ โผล่จากรอยแง้มของบานประตู พอเห็นพี่สาวส่งยิ้มให้จากบนเตียงนอนก็เดินเข้าไปหาโดยไม่ลืมปิดประตูให้เรียบร้อย เมื่อกี๊คุยกับต๋า เห็นว่าพี่อารมณ์ไม่ดีเหรอ เปล่านี่ กวินาตอบเบา ๆ พยายามซ่อนรอยหม่นหมองจากน้ำเสียง ทว่าไม่พ้นการจับสังเกตของน้องสาวไปได้ พี่แนชมีอะไรกับพี่ณัติหรือเปล่า? คำถามนั้นราวกับตีเข้ามาที่แสกหน้าของกวินา เธอมึนงงไปชั่วครู่ก่อนจะฝืนยิ้มออกไป ทำไมกี้คิดอย่างนั้นล่ะ ก็หมู่นี้กี้ไม่เห็นพี่แนชติดต่อกับพี่ณัติตั้งนานแล้วนี่ ทะเลาะกันหรือคะ? เปล่า..ไม่ได้ทะเลาะกัน ถ้างั้น แล้วทำไมพี่ณัติถึงหายไป แล้วพี่แนชก็มานั่งหน้าซีดหน้าเซียวอยู่อย่างนี้ล่ะ กวินนาเมินหน้าไปนอกหน้าต่าง กีรติเปลี่ยนอิริยาบทจากยืนพิงประตู มานั่งบนเตียงกับพี่สาว แต่ยังคงสงบปากสงบคำเมื่อเห็นพี่สาวเงียบไป ไม่รู้สินะ.. ในที่สุดกวินาก็สามารถเอื้อนเอ่ยคำพูดออกมาได้ หลังจากนิ่งไปพักใหญ่ ..บางทีพี่กับณัติอาจเลิกกันแล้วก็ได้มั้ง กีรติงงเป็นไก่ตาแตก บางที..? แปลว่าอะไรอ่ะพี่แนช กี้ไม่เข้าใจ?? พี่ก็ไม่เข้าใจ อยู่ดี ๆ พี่กับณัติก็ขาดการติดต่อกันซะเฉย ๆ ตอนนี้เขากลับเมืองไทยแล้วพี่ก็ไม่รู้ หา!! พี่ณัติกลับเมืองไทยแล้วเนี่ยนะ กีรติอึ้งไป เป็นไปได้อย่างไรที่อาณัติจะไม่บอกพี่สาวเธอว่าเขากลับมาแล้ว ก็ทั้งสองคนออกจะรักใคร่ชอบพอกันออกปานนั้น บางทีพี่ณัติอาจตั้งใจมาเซอไพรส์พี่แนชก็ได้นะ..แล้วพี่แนชรู้ได้ไงว่าพี่ณัติกลับมาแล้วจริง ๆ อาจเป็นข่าวโคมลอยก็ได้นะ กวินาส่ายหน้า เพื่อนพี่คนนึงบังเอิญกลับเครื่องบินลำเดียวกับณัติน่ะ งั้นพี่แนชจะมัวรออะไรก็โทรไปบ้านพี่ณัติเลยสิ กีรติหยิบสมุดโทรศัพท์ที่หัวเตียงพี่สาวขึ้นมาแล้วยื่นให้ กวินายิ้มปลง ๆ แล้วส่ายหน้าอีกครั้ง ทำไมล่ะพี่แนช พี่กลัวอะไรหรือไง? ใช่..พี่กลัว..กลัวการเปลี่ยนแปลง กลัวว่าณัติจะเปลี่ยนไป แล้วความรู้สึกดี ๆ ที่พี่เคยมีให้เขาจะพลอยหายไปด้วย พี่แนช!! พี่จะบ้าไปแล้วหรือไง ยังไงพี่ณัติก็แฟนพี่นะ จะคบจะเลิกก็พูดกันให้รู้เรื่องไปเลยปล่อยให้มันยืดเยื้อเรื้อรังคาราคาซังแบบนี้ได้ไง กีรติเอ็ดพี่สาวเสียงดัง ช่างเถอะ..ถ้าเขาอยากคบพี่ต่อ เขาก็คงติดต่อมาเอง บ้าแล้ว!! กีรติผุดลุกขึ้นพร้อมสมุดโทรศัพท์ในมือ ตั้งใจจะเป็นคนโทรไปหาอาณัติเสียเอง กวินารู้เท่าทันน้องสาวจึงคว้าแขนกีรติไว้ อย่านะกี้! กวินาเอ่ยเสียงแข็ง ก่อนจะอ่อนลงในนาทีถัดมา ถือว่าพี่ขอร้อง.. กีรติพ่นลมหายใจอย่างไม่เห็นด้วย อ๊าคคคคคคคคคคคคคคค ..!!!!!!!!!!!!!!!! เสียงดังโหยหวนของน้องสาวคนเล็กทำให้สองสาวสะดุ้ง เกิดอะไรขึ้นกับต๋าน่ะ? กวินาถามเสียงร้อนรน ในขณะที่กีรติยิ้มเผล่ สงสัยไอ้เมฆมันมาแล้ว กี้ให้มันมาสอนภาษาอังกฤษต๋าน่ะ งั้นเหรอ กวินาขมวดคิ้ว นี่กี้ เมฆน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ? ถามอย่างสงสัย กีรติยักไหล่ เพื่อนกี้ก็ธรรมดานะ แต่..น้องเรามันบ้า!! เมื่อกีรติพูดจบ สองสาวพี่น้องต่างก็หัวเราะขำความบ๊องของน้องสาวคนเล็ก เป็นรอยยิ้มสดใสจากใจจริงครั้งแรกของกวินาตั้งแต่ได้ยินเรื่องคนรักหนุ่มจากเพื่อนสาวเมื่อกลางวัน คืนนั้นก่อนเข้านอน..กวินาเหม่อมองดวงดาวจากบานหน้าต่างในห้องเธอ ครั้งหนึ่งเคยมีใครอีกคนยืนเคียงข้างมองดวงดาวเหล่านี้ด้วยกัน แต่นับจากนี้ไป เธอคงต้องแหงนหน้ามองมันเพียงลำพัง ..ณัติคะ แนชขอเก็บความทรงจำดี ๆ ของเราไว้นะคะ ไม่ว่าตอนนี้ณัติจะเป็นยังไง ณัติคนเดิมยังอยู่ในใจแนชเสมอค่ะ.. กีรติเงยหน้ามองอาคารสำนักงานหลังมหึมา ที่ไม่ว่าดูยังไงก็ไม่ต่ำกว่าห้าสิบชั้นไปได้ เฮ้ยไอ้กี้ มัวอึ้งอยู่ได้ร้อนนะโว้ย เสียงเอะอะที่ดังมาจากด้านหลังทำให้กีรติต้องหันไปมองค้อนชายหนุ่มผมยาวร่างสูงคล้ำเข้มที่ยังคงนั่งคร่อมอยู่บนมอเตอร์ไซด์ เงียบไปเลยไอ้เมฆ ซีเรียสนะเว้ย ก็เรารีบ เวลาเป็นเงินเป็นทองไม่รู้เหรือไง เออ! งั้นจะไปไหนก็เชิญเลยคร้าบไอ้คุณเมฆา กีรติแกล้งโค้งลำตัวนิด ๆ ผายมือออกกว้างในลักษณะเชิญชวนให้ไสหัวไป ดี! งั้นไปล่ะ กีรติอ้าปากหวอเมื่อเพื่อนหนุ่มสวมหมวกกันน็อคแล้วบิดมอเตอร์ไซด์ออกไปจากลานจอดทันที เพื่อนทรยศ กีรติพึมพำอุบอิบในลำคอ ก่อนหันไปมองประตูกระจกบานใหญ่อย่างหวาด ๆ อยู่บ้าง ถ้าไม่นึกถึงพี่สาวเธอคงไม่มายืนที่นี่เป็นแน่ ตั้งแต่วันนั้น วันที่เธอคุยกับพี่สาวก็ผ่านมาเดือนนึงเข้าไปแล้ว พี่สาวเธอก็ไม่ลงมือทำอะไรกับชีวิตรักของตัวเองซักที หนำซ้ำเวลายิ่งผ่านไป พี่สาวเธอก็มีแต่เศร้าซึมลงทุกวี่ทุกวันจนเธอทนดูต่อไปไม่ได้ ในที่สุดเธอก็อาศัยช่วงมาเรียนมหาวิทยาลัยแอบโทรศัพท์ไปที่บ้านอาณัติจนได้ ขอสายพี่ณัติค่ะ คุณณัติไม่อยู่ค่ะ ไปทำงาน จากใครคะ เอ่อ..กี้เป็นรุ่นน้องพี่ณัติน่ะค่ะ ได้ข่าวว่าพี่ณัติกลับมาแล้วก็เลยอยากเจอตัวหน่อยน่ะค่ะ กีรติพยายมปั้นเสียงหวานหน่อมแน้มจะได้ฟังไม่มีพิษมีภัย ลองโทรเข้ามือถือคุณณัติสิคะเบอร์ กีรติจดเบอร์อย่างรวดเร็วบนกระดาษที่เตรียมมาเพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะ กี้ขอที่อยู่ที่ทำงานด้วยได้มั้ยเอ่ย กีรติลองขอที่อยู่ที่ทำงานของอาณัติดูเผื่อฟลุ๊ค ผู้หญิงที่รับโทรศัพท์ก็ดีใจหายรีบหามาให้ทันที นั่นทำให้เธอมายืนอยู่ตรงนี้หน้าตึกหลังใหญ่ซึ่งเป็นอาคารสำหรับเช่าของสำนักงานใหญ่ ๆ หลายแห่ง กีรติตัดสินใจผลักประตูกระจกเข้าไปในอาคารอย่างมุ่งมั่น มุ่งมั่นไปที่ไหนน่ะเหรอก็เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ไงล่ะ ก็เธอน่ะรู้ซะที่ไหนว่าอาณัติแฟนพี่สาว (หรืออดีตแฟนก็ไม่รู้ล่ะ) ทำงานอยู่ชั้นไหน รู้แต่ทำงานที่ตึกนี้กับชื่อบริษัทที่เขาทำงานเท่านั้น รู้แค่นี้ก็แทบอยากจะไหว้งาม ๆ ให้ผู้หญิงที่รับโทรศัพท์นั่นแล้ว คนกำลังประหม่า ๆ ได้แค่นี้ก็บุญถมไปแล้ว คิดแล้วกีรติก็อยากจะเขกหัวความไม่รอบคอบของตัวเอง ที่นึกอยากจะโทรก็โทรเลยไม่ทันเตรียมว่าจะพูดยังไง ก็เหมือนที่เธอมายืนอยู่ตรงนี้น่ะแหละ นึกจะมาก็มาแล้วค่อยมาคิดได้ว่าน่าจะนัดอาณัติออกมาคุยกันมากกว่า เพราะการที่เธอมาที่ทำงานเขา ก็เท่ากับมาถิ่นเขาเสียเปรียบน่าดูชม แต่ไหน ๆ ก็มาแล้ว จะให้กลับไปมือเปล่าได้ไง..เอ...? แต่ประชาสัมพันธ์หายไปไหนหมดหว่า?? จะว่าพักกลางวันก็ไม่น่าใช่ ก็มันปาเข้าไปตั้งบ่ายสองแล้วนี่นา ถ้ามีคนเดินผ่านไปผ่านมามั่งเธอคงไม่หวังพึ่ง คนที่น่าจะนั่งประจำเคาน์เตอร์นี่หรอก กีรติระรออย่างกระสับกระส่ายประมาณครึ่งนาที่ก็ชักทนไม่ไหว ลองชะโงกเข้าไปดูหลังเคาน์เตอร์ เผื่อจะเจอประชาสัมพันธ์นอนแอ้งแม้งอยู่มั่ง เธอไม่รู้ตัวหรอกว่าไอ้ท่าทางแบบนั้นมันไปสะดุดตาคนที่กำลังเดินผ่านมาเข้า ก็มันน่าสงสัยน้อยอยู่หรือไง รามันขมวดคิ้วมองหญิงสาวในชุดนักศึกษาชะโงกผ่านเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์โดยใช้ลำแขนช่วงศอกจนถึงมือทั้งสองข้างค้ำร่างตัวเองจนปลายเท้านั้นลอยพ้นจากพื้นเหมือนกำลังหาของอะไรสักอย่างอยู่ ผมยาวเคลียไหล่นั้นล่วงลงมาปิดบังใบหน้าจนหมด เขาตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้ ๆ แต่ดูเหมือนนักศึกษาสาวผู้นั้นจะยังไม่รู้ตัว เพราะยังชะเง้อคอยืดคอยาวจนเขากลัวคอจะเคล็ดแทน มีอะไรให้ช่วยมั้ยครับ อุ๊ยแม่ล่วง!! รามันผงะไปข้างหลังด้วยความตกใจ ก่อนจะเปลี่ยนอาการตกใจนั้นเป็นรอยยิ้มขำขันบนใบหน้า ก็ที่เขาตกใจน่ะไม่ได้ตกใจเพราะเสียงอุทานอันดังสะหนั่นของหญิงสาวเท่านั้น แต่ตกใจที่ไอ้คำอุทานนั่นเป็นจริงด้วยต่างหาก ก็แม่เจ้าประคุณตกใจที่ถูกเขาทักจนแขนที่ท้าวไว้กับเคาน์เตอร์กระตุกลื่นปรืดลงมาตามสันเคาน์เตอร์จนร่างบาง ๆ นั้นล่วงตุ๊บลงมาอยู่บนพื้น ท่าทางเขาจะทำบุญได้บาปเข้าซะแล้ว เฮ้อ... ขอโทษครับที่ทำให้ตกใจ เป็นอะไรมากมั้ยครับ? รามันถามพร้อมกับโค้งตัวลงยื่นมือให้หญิงสาว แต่หญิงสาวผู้นั้นกลับไม่เหลียวแลความปรารถนาดีของเขาเสียนี่ กีรติยังไม่พร้อมที่จะตอบคำถามของชายแปลกหน้า รู้สึกอับอายขายหน้าเป็นที่สุดที่มาล้มแผละต่อหน้าคนไม่รู้จัก ก็ใครใข้ให้เขาโผล่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงล่ะ อ๊ะ..ความจริงเขาก็ให้ซุ่มให้เสียงนี่นา นั่นแหละ ๆ ใครใช้ให้เขามาพูดใกล้ ๆ เธอล่ะ คนไม่ทันตั้งตัวก็ตกใจหมดน่ะสิ เธอเอามือเสยผมที่หล่นมาระใบหน้าแล้วต้องขมวดคิ้วเมื่อมีมือใหญ่ ๆ ถูกยื่นมาตรงหน้าเธอ กีรติตวัดสายตาดุ ๆ กะว่าจะพ่นไฟออกมาให้คนที่ทำเธอตกใจหน้าหงายจนล่วงลงมานั่งกับเธอเสียเลย แต่ทว่าเมื่อตาเธอดันไปสบเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลเข้มเธอกลับทำได้แค่กระพริบตาปริบ ๆ จนเขาเลิกคิ้วมองเธอน่ะแหละ กีรติถึงได้รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรลงไป เธอกำลังมองเขาอย่างกับไม่เคยเห็นมนุษย์ผู้ชายมาก่อน น่าอายชะมัด น่าอายกว่าล่วงลงมาจากเคาน์เตอร์ซะอีก กีรติทะลึ่งตัวพรุ่งพราดขึ้นลุกขึ้นยืน ไม่กล้าแม้แต่จะอาศัยมือของผู้ชายร่างสูงนัยน์ตาคมที่ยื่นมาหวังช่วยพยุงตัวเธอขึ้น พอเห็นรอยยิ้มน้อย ๆ หายไปจากมุมปากเขา เธอก็รีบส่งยิ้มแหย ๆ ให้ กลัวว่าเขาจะเข้าใจผิดว่าเธอรังเกียจจนไม่อยากจับมือเขา โอ๊ย...ใครจะไปกล้า คนอะไรหล่อเป็นบ้า เอ่อ..ฉันไม่เป็นไรค่ะ แค่ตกใจนิดหน่อย กีรติปัดแข้งปัดขาจัดเสื้อผ้าให้เข้ารูปแก้เขิน รามันอมยิ้มอีกครั้ง ใบหน้าแดงแป๊ดของหญิงสาวบอกได้ดีว่าเจ้าหล่อนกำลังรู้สึกอย่างไรโดยที่เจ้าตัวไม่ต้องอธิบายสักนิด น่ารักดี.. ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณตกใจ เห็นคุณทำท่าเหมือนหาอะไรอยู่ ก็เลยอยากช่วย อ๋อ..ใช่แล้ว ฉันกำลังหาประชาสัมพันธ์อยู่ค่ะ รอมาพักนึงแล้วก็ยังไม่เห็นน่ะค่ะ คุณพอเห็นบ้างมั้ยคะ? กีรตินึกถึงจุดประสงค์ของตัวเองขึ้นมาได้เลยรีบประกาศเสียงแจ๋วลืมความกระดากเมื่อครู่ก่อนไปเกือบหมด ก็แค่เกือบอ่ะนะ รามันมองรอบ ๆ ชั้นล่างเพื่อมองหาสองสาวประชาสัมพันธ์ซึ่งควรอยู่ที่เคาน์เตอร์นี่เป็นประจำ แล้วก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ เห็นทีเขาต้องคุยกับแม่สองสาวนั่นซักหน่อยแล้ว ที่เล่นหายไปในเวลางานแบบนี้ถ้ามีใครมาติดต่อธุระสำคัญจะทำยังไง คุณมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ เห็นทีคุณคงพึ่งประชาสัมพันธ์ของที่นี่ไม่ได้ซะแล้ว ถ้างั้นฉันพอจะหวังพึ่งคุณได้หรือเปล่าคะ? รอยยิ้มอ่อนหวานจากริมฝีปากหญิงสาวบวกกับดวงตาซุกซนทำให้เขาสะดุดใจ เธอคนนี้ใช่คนเดียวกับที่เขินจนน่าแดงเมื่อครู่จริงหรือ ทำไมอยู่ดี ๆ กลายเป็นหญิงสาวท่าทางแก่น ๆ ไปได้ ก็คงต้องดูก่อนว่าเรื่องที่คุณหวังพึ่งผมน่ะคืออะไร รามันยิ้มใส่ตาหญิงสาวอยากดูปฏิกิริยาเธอดูว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป แย่หน่อยที่ดูแล้วหญิงสาวผู้นี้จะไม่ใส่ใจรอยยิ้มของเขาเท่าไหร่ เพราะเธอรีบบอกวัตถุประสงค์ทันที ฉันมาหาคุณอาณัติ ที่เพิ่งเข้ามาทำงานให้บริษัท...น่ะค่ะ แต่ไม่รู้ว่าอยู่ชั้นไหนกันแน่ เป็นอีกครั้งที่รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าคมเข้ม กีรติไม่ค่อยเข้าใจนัก ผู้ชายคนนี้เดี๋ยวก็ทำหน้าเคร่ง ๆ อีกเดี๋ยวก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน นี่ก็ทำหน้าเคร่งอีกละ แปลกดี (แต่ก็ยังดูดีอยู่นะ) บริษัทนั้นอยู่ชั้นสิบแปดน่ะครับ คุณต้องขึ้นลิฟต์ทางด้านขวามันจะหยุดชั้นที่เป็นเลขคู่ ขอบคุณมากค่ะ กีรติส่งยิ้มขอบคุณให้ชายหนุ่มก่อนจะเดินตัวปลิวไปที่ลิฟต์ซึ่งอยู่ในสุดของตัวอาคาร ทิ้งให้ชายหนุ่มผู้ช่วยเหลือเธอในครั้งนี้มองตามหลังด้วยสายตาเคร่งขรึม เสียงฝีเท้าที่ค่อย ๆ ดังขึ้นเรื่อย ๆ ด้านหลังทำให้รามันหันไปมอง แม่ประชาสัมพันธ์สองสาวนั่นเอง พอสองสาวเห็นชายหนุ่มก็ยิ้มเข้าใส่ มีอะไรให้ช่วยคะคุณรามัน พัชรีส่งเสียงหวาน อรทัยซึ่งพูดไม่ทันเพื่อนก็รีบส่งยิ้มหวานให้ชายหนุ่ม คุณสองคนหายไปไหนมา รามันกล่าวเสียงดุทำให้สองสาวหุบยิ้มฉับ รู้ตัวทันทีว่าฟ้าผ่าตอนบ่าย ๆ แดดเปรี้ยง ๆ นี่แหละ เอ่อ..ห้องน้ำค่ะ พัชรีตอบเสียงอ่อย ดีนี่! ไปห้องน้ำพร้อมกันทั้งสองคน แล้วผมจะมีประชาสัมพันธ์ไว้สองคนเพื่ออะไร ในเมื่อมีคนเดียวหรือสองคนก็มีค่าเท่ากัน สองสาวจ๋อยสนิทเพราะรู้ตัวดีว่าทำผิดที่ทิ้งเคาน์เตอร์ไปทั้งคู่ อย่าให้มีอย่างนี้อีก ไม่งั้นพวกคุณต้องจับไม้สั้นไม้ยาวว่าใครจะออก พอคล้อยหลังชายหนุ่มที่ออกไปจากอาคารสองสาวก็ซุบซิบกันทันที ซวยแล้วมั้ยล่ะ ไม่รู้คุณรามันอารมณ์เสียมาจากไหนเลยโดนเต็ม ๆ เลย เมื่อตอนบ่ายเข้ามายังอารมณ์ดีอยู่แท้ ๆ นั่นสิ กีรติรีบเข้าไปในลิฟต์ทันทีที่ประตูเปิดเหลือบเห็นนิด ๆ ว่าประชาสัมพันธ์กลับมาแล้ว และได้ยินคนหนึ่งทักชายหนุ่มคนนั้นว่ารามัน แต่ไม่ทันที่จะได้ยินอะไรมากกว่านั้นประตูลิฟต์ก็ปิดซะก่อน เธอตบหน้าอกด้านซ้ายของตัวเองเบา ๆ หวังให้มันเลิกเต้นแรง ๆ อย่างนี้ซักที แค่นี้ก็เกร็งจะแย่อยู่แล้วขืนอยู่กับเขานานอีกหน่อยมีหวังอกระเบิดแหง ๆ เฮ้อ..เพิ่งเคยเป็นแบบนี้ตอนเจอผู้ชายเป็นครั้งแรก สงสัยจะตกหลุมรักแล้วล่ะมั้งเรา กีรติคิดเล่น ๆ อย่างครึ้มใจ ไม่คิดเป็นเรื่องจริงจังแต่อย่างใด แต่ถึงกระนั้นรอยยิ้มก็ติดอยู่ที่ริมฝีปากเธอเป็นนาน ก็นานจนเจอหน้าอาณัติแฟนพี่สาวเธอน่ะแหละ บุหรี่ในมือเขาหมดไปครึ่งมวนแล้วโดยที่ควันพิษพวกนั้นยังไม่ผ่านปอดเขาสักนิด อาณัติถอนหายใจเลิกมองบุหรี่ในมือหันไปสนใจทิวทัศน์ของเมืองหลวงที่มองได้จากระเบียงตึกชั้นสิบแปด แม้ลมอันร้อนอบอ้าวกับเสียงดังของเครื่องปรับอากาศที่ถูกติดไว้ที่ผนังด้านนี้ของตึกก็ไม่อาจรบกวนสมาธิของเขาได้ พี่ณัติยังรักพี่แนชอยู่หรือเปล่ากันแน่? อาณัติหลับตาคำถามของกีรติยังก้องอยู่ในโสตประสาท แล้วยังเสียงหัวเราะของเจ้าหล่อนอีกเล่า มันทั้งเยาะเย้ยและถากถางหลังจากเขาถามคำถานนั้นออกไป มันจะมีอะไรประโยชน์อะไรอีกหรือกี้ ในเมื่อแนชเขาหมั้นไปแล้วไม่ใช่หรือไง พี่ณัติ! พี่พูดอย่างนี้ออกมาได้ยังไง ถ้าอยากเลิกกับพี่แนชก็บอกพี่แนชเขาไปตรง ๆ สิ อย่าเอาเรื่องทุเรศ ๆ อย่างนี้เป็นข้ออ้าง ในเมื่อพี่ก็รู้ตลอดเวลาว่าพี่แนชน่ะรอพี่อยู่ตลอดเวลา หมายความว่า..แนชไม่ได้หมั้น อาณัติจำได้ว่าเสียงของเขาตอนนั้นติดจะเครียดและสั่นเล็กน้อย และแม่น้องสาวของกวินาก็คงได้ยินด้วย เพราะเจ้าหล่อนมองเขาแปลก ๆ นี่พี่ณัติเชื่อจริง ๆ นี่นาว่าพี่แนชหมั้นแล้ว เมื่อเขาพยักหน้ากีรติก็รีบถามต่อ พี่ณัติบ้า!! ไปเอาข่าวมาจากไหน? โดนหลอกแล้วรู้ตัวหรือเปล่า? คำถามนั้นทำให้เขาอึ้งไป เป็นไปได้หรือที่เพื่อนเขาจะหลอกเขา ประมาณครึ่งปีก่อนหน้านี้ เขาพบชมภูนุชโดยบังเอิญ คำพูดของชมภูนุชยังเสียดแทงในใจเขาอยู่ ณัติ ณัติทำใจดี ๆ ไว้นะ แนชมีคนอื่นแล้ว ก่อนที่เราจะบินมาได้ข่าวว่าจะหมั้นเดือนหน้านี่แหละ หลังจากนั้นเขาก็หลบไปเลียแผลใจกับเพื่อนที่อยู่เมืองอื่น ตัดขาดการติดต่อจากกวินา ด้วยเกรงว่าจดหมายและอีเมล์ที่เธอส่งมาจะมาเพื่อตัดสัมพันธ์กับเขา ดีที่ตอนนั้นวิทยานิพนธ์ของเขาเรียบร้อยแล้ว ไม่เช่นนั้นวันนี้เขาคงยังไม่ได้กลับมา เท่าที่กี้ฟังดู กี้ว่าพี่ณัติกับพี่แนชมีเรื่องเข้าใจผิดกันนะ พี่ณัติรีบไปเคลียร์เลย ก่อนที่พี่แนชจะตัดใจจากพี่ณัติซะก่อน กีรติพูดทิ้งท้ายไว้เท่านั้น สิ่งที่เขาทำเป็นอย่างแรกหลังจากที่น้องสาวของกวินาจากไปคือนั่งแปะกับโต๊ะทำงาน แต่เมื่อแลเห็นคอมฯ บนโต๊ะเขาก็เข้าไปค้นจดหมายในอีเมล์แอ็ดเดรสของตัวเอง อีเมล์ทุกฉบับที่กวินาส่งมายังและเขาไม่ได้ตอบกลับไปยังอยู่ครบ มันมีมากหลายต่อหลายฉบับ เนื้อถ้อยกระทงความล้วนคล้ายคลึงกัน คือตัดพ้อต่อว่าที่เขาหายไป และลงท้ายด้วยจะรอการติดต่อจากเขา แต่มันก็นานแล้วนับตั้งแต่อีเมล์ฉบับสุดท้ายส่งมา นี่เขาทำร้ายเธอโดยไม่รู้ตัวสินะ จะโทษใครได้ ในเมื่อเขามัวแต่กลัวความผิดหวัง จนไม่ยอมเผชิญหน้ากับหญิงสาว สุดท้ายกลายเป็นว่าหกเดือนแห่งความทุกข์ทรมานเป็นความทรมานที่สูญเปล่า มันเกิดขึ้นเพราะจิตใจที่อ่อนไหวไม่มั่นคงของเขาเอง ความหวั่นกลัวจากความห่างไกลของระยะทางทำให้ความเชื่อใจในคนรักคลอนแคลนไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ และตอนนี้เขาคงทำอะไรไม่ได้นอกจากไปขอโทษเธอ กวินา..ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่อยู่กลางใจเขา สีหน้าดีนี่ ด๊อกเตอร์ เหมือนตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ อาณัติไหวกายเล็กน้อยเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไป คุณรามัน เรื่องที่คิดไม่ตก คิดตกแล้วล่ะสิ อาณัติหัวเราะเบา ๆ นี่คุณยืนอยู่นี่นานเท่าแล้วเนี่ย เมื่อาณัติมองบุหรี่ในมือรามันเขาก็รู้ว่าชายผู้นี้มาอยู่ในพักนึงแล้ว ก็นานพอจะเห็นหน้าบูด ๆ ของคุณก่อนหน้านี้ล่ะ แต่ที่นี่ร้อนเป็นบ้า ทำไงได้ล่ะครับ ก็คนสูบบุหรี่มันน่ารังเกียจ เขาก็เลยจัดที่น่ารังเกียจแบบนี้ให้น่ะแหละครับ อาณัติตอบ พลางมองชายหนุ่มเจ้าของอาคารเช่าหลังนี้ ความจริงเขารู้จักรามันเพียงผิวเผินเท่านั้น ไม่คิดว่าชายหนุ่มผู้นี้จะมาทักเขาก่อนด้วยซ้ำ แล้วคุณรามันนึกยังไงถึงมาแวะสูบบุหรี่ชั้นนี้ล่ะครับ รามันยักไหล่ก่อนตอบ พอดีประตูลิฟต์มันเปิด เห็นด๊อกเตอร์ยืนหน้าบูดทั้งที่มีสาวมาหาก็เลยสงสัยน่ะ สาว? อ๋อ..ยัยกี้ นี่คุณรามันรู้จักกี้ด้วยหรือครับ ก็ผมเป็นคนบอกทางให้เขาขึ้นมาหาคุณเองนี่ งั้นก็ต้องขอบคุณครับ อาณัติยิ้ม ไม่คิดขยายความ ผู้ชายเหมือนกันทำไมจะดูไม่ออก ท่าทางน้องน้อยของกวินาจะมีผู้ชายมาติดพันก็งานนี้แหละ แต่เขาไม่คิดจะทำให้มันง่ายนักสำหรับรามันหรอก รามันมองอาณัติด้วยสายตาหยั่งเชิง ก่อนจะก้มศีรษะให้นิด ๆ แล้วจากไป รอยยิ้มของอาณัติหมดไปตามหลังรามัน ขณะนี้มีเรื่องที่เขาต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนอยู่ นั่นคือความผิดพลาดของเขาเมื่อครึ่งปีก่อน...ขอให้ยังทันทีเถอะ.. กวินาเดินเรื่อย ๆ แม้จะเย็นมากแล้วแต่ดวงอาทิตย์ยังคงทอแสง เธอคิดว่าตัวเองคงบ้าไปแล้วเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไร เธอลงจากรถประจำทางแต่ป้ายที่เธอลงดันไม่ใช่ป้ายรถที่เธอลงประจำเพื่อกลับบ้านของเธอ เมื่อเท้าเธอหยุดยืนอยู่ที่แห่งนั้นแล้ว เธอก็รู้ทันทีว่าที่แห่งใดที่หัวใจเธออยากก้าวไป เสียงยวดยานพาหนะที่ดังอยู่รอบตัวไม่มีความหมาย เมื่อเธอหยุดเดิน แม่น้ำเจ้าพระยากำลังสะท้อนแสงแดดยามเย็นจนกลายเป็นแม่น้ำสีทองอร่ามตา ทิวทัศน์ที่คุ้นเคยจากสะพานกรุงเทพฯ แม้บ้านเมืองจะเปลี่ยนไป แต่แม่น้ำแห่งนี้ยังไหลรินไม่เปลี่ยนแปลง ที่นี่เป็นสถานที่ที่เธอและอาณัติมักมาเดินเล่นด้วยกันเสมอ โดยเฉพาะตอนเย็น ๆ อย่างนี้ กวินาหลับตาคิดถึงอดีตที่ผ่านมาของเธอและอาณัติ ตั้งแต่ที่รู้จักกันครั้งแรก เรียนด้วยกัน เล่นด้วยกัน ความทุกข์และความสุขที่ทั้งคู่ผ่านมาด้วยกัน เธอลืมตาขึ้นพร้อมกับความสงสัยว่า เธอจบเรื่องของเธอกับอาณัติเร็วไปหรือเปล่า เธอพร้อมแล้วหรือที่จะตัดใจจากเขา เธอจะแน่ใจได้อย่างไรในเมื่อเธอยังไม่มีโอกาสพบเขาเลยสักครั้งตั้งแต่เขากลับมา มีอะไรอีกตั้งหลายอย่างที่ตัวเธอคาใจ แล้วอาณัติเล่า เขาจะไม่มีสิ่งใดติดค้างในใจเกี่ยวกับเธอบ้างเลยหรือ สักครั้งหนึ่ง..ขอแค่อีกครั้งหนึ่งเท่านั้นที่ได้พบกับอาณัติ แล้วเธอจะได้ตัดสินใจจริง ๆ เสียทีว่าชีวิตเธอจะก้าวต่อไปทางใด ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำมากแล้ว คงถึงเวลาที่เธอต้องกลับเสียที กวินนากำสายกระเป๋าสะพายที่คล้องอยู่บนไหล่แน่นขึ้น ดวงตามุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว หันตัวเพื่อเดินกลับ ลมหายใจของเธอชะงักเมื่อเห็นร่างอันคุ้นเคยห่างไปไม่ถึงห้าเมตร อาณัติ.. เวลาสองปีเขาไม่เปลี่ยนไปเลย เขายังดูเหมือนอาณัติคนเดิมที่เธอจากมาเมื่อสองปีก่อน ภายนอกเปลี่ยนไปหรือไม่ไม่สำคัญ สำคัญที่ในใจเขายังเหมือนเดิมหรือไม่ต่างหาก กวินายืนนิ่งขณะที่อาณัติค่อย ๆ สาวเท้าเข้ามา เมื่อทั้งสองสบตากัน ราวกับเวลาหยุดนิ่ง ราวกับเวลาสองปีไม่เคยผ่านไป ไม่ต้องมีวาจาเอื้อนเอ่ย เพียงแค่สบตาทั้งคู่ก็รู้ทันทีว่าความรักยักไม่หายไปไหน ดวงใจของทั้งสองยังคงเกี่ยวกระหวัดรัดร้อยกันอยู่เช่นเดิม กวินายกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดริมฝีปากเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นในลำคอ น้ำตาเริ่มคลอหน่วยตาจนเห็นภาพอาณัติเลือนลางไป แต่ไม่เป็นไร เธอรู้ว่าเขายังอยู่ตรงนั้น ตรงหน้าเธอนี่ไง แนช เรากลับมาแล้วนะ อาณัติกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเขิน ๆ เขาไม่กลัวอีกแล้วว่าเรื่องของเขากับหญิงสาวอาจสายเกินไป เพราะตอนนี้เขามั่นใจว่าเธอยังคงมีเขาในใจเช่นเดียวกับที่เขามีเธอ มือของกวินาค่อย ๆ ลดลง เผยให้เห็นรอยยิ้มบนริมฝีปากสั่น ๆ นั้น ณัติ นายมาสายนะ พระอาทิตย์ลับจากขอบฟ้า แต่คนที่สัญจรผ่านสะพานกรุงเทพฯ ในวันนั้นต่างเห็นร่างของสองหนุ่มสาวโอบกอดเป็นเงาทาบแม่น้ำที่เปรียบประดุจสายโลหิตของชาวไทย เฮ้ย ๆ ไอ้ณัติกับไอ้แนชมันมาด้วยกันนี่หว่า ไอ้นิดข่าวแกโคมลอยนี่หว่า เสียงแซวจากเพื่อนร่วมโต๊ะนิตยดามองไปที่ต้นตอของเสียงแซวเซ็งแซ่ เธอถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอกที่อาณัติ และกวินา สามารถเคลียร์กันได้ ถึงตัวเธอจะเป็นคนโกหกในสายตาเพื่อน ๆ ก็ไม่เป็นไร ขอให้คู่นี้คืนดีกันได้เป็นพอ กวินาและอาณัติยิ้มให้เพื่อนร่วมรุ่นที่นั่งกันหน้าสลอนไม่ใช่แค่สองโต๊ะอย่างที่นิตยดาบอกไว้ตอนแรก แต่มันแตกเป็นสี่ห้าโต๊ะทีเดียว แนชมานั่งนี่สิ นิตยดาตะโกนโหวกเหวกเรียกกวินามานั่งเก้าอี้ใกล้ ๆ ตัวเองที่ยังว่างอยู่ (เพราะเจ้าของเดิมมันหายไปคุยกับเพื่อนอีกโต๊ะนึงแล้ว) นิดเราฝากแนชแป๊บนึง ขอไปทักพวกไอ้จ้อนมันก่อน อาณัติเอ่ยฝากฝังกวินากับนิตยดา กวินาและอาณัติต่างยิ้มให้แก่กันก่อนที่อาณัติจะผละไปที่โต๊ะของเพื่อนซี้สมัยเรียน นิตยาดาเห็นรอยยิ้มหวานซึ่งที่คนทั้งสองมีให้แก่กันก็อดปลื้มใจไม่ได้ที่คู่รักประจำรุ่นยังหวานแหววกันเหมือนเดิม แต่เธอมีเรื่องคันปากอยากถามอยู่นี่นาถามเลยแล้วกัน เรื่องยัยชมภูนุชจัดการยังไงน่ะแนช ชมภูนุช?? กวินาขมวดคิ้วไม่เข้าใจว่าชมภูนุชมาเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย โธ่เอ๊ย! ไม่ต้องมาปิดเราหรอก เราพอเดาออกหรอกว่าแม่นั่นกะจะเป็นยาดำแทรกกลางชีวิตรักเธอ วันนั้นฉันเห็นว่ายัยนั่นกลับมาพร้อมกับนายณัติด้วย เพราะเรื่องนี้ใช่มั้ยพวกเธอถึงทะเลาะกัน ในหัวของกวินาเริ่มปะติดปะต่อเรื่องได้ลาง ๆ อาณัติเล่าเรื่องที่เข้าใจผิดว่าเธอมีคนรักใหม่ให้เธอฟังแล้ว แต่เขายังไม่ยอมบอกว่าใครเป็นคนทำให้เขาเข้าใจผิด ที่แท้ก็ชมภูนุชนี่เอง ใช่สิ..ช่วงก่อนเธอก็ได้ยินว่าชมภูนุชจะไปออสเตรเลียนี่นา ณัติไม่อยากให้แนชไปมีเรื่องกับเขา ยังไงเราก็กลับมาเข้าใจกันได้เหมือนเดิมแล้ว นั่นและอาณัติ คนที่เธอรักใจดี รักสงบ เพราะเขาเป็นคนดีอย่างนี้ไงเล่าเธอถึงรักเขาจนหมดหัวใจ กวินาขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าชมภูนุชจะทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร จนเธอได้ยินเสียงของนิตยดาตอบมานั่นแหละเธอถึงได้รู้ตัวว่า ความคิดเธอดันหลุดเป็นคำพูดซะแล้ว เพื่ออะไร?? นี่เธอไม่รู้หรือไง ว่ายัยนั่นเล็งณัติมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว แต่เธอกับณัติดันประกาศเป็นแฟนกันซะก่อนยัยนั่นเลยแห้วตามระเบียบ เป็นไปได้ยังไง ก็ชมภูนุชควงเดือนมหาลัยอยู่นี่นา ไอ้นายพี่กฤษณะน่ะนะ ยัยนั่นก็แค่ควงเล่นเท่านั้นแหละ ถึงพี่เขาจะหล่อจะรวย แต่ก็เป็นคนบ้านนอก น้องชมภูนุชขา น่ะเหรอจะจริงจังด้วย ไม่มีทาง!! กวินาสะกิดเพื่อนสาวเบา ๆ เมื่อเห็นผู้ชายที่นั่งอยู่ด้านหลังนิตยดาหันมามองเพื่อนสาวที่ยังเม้าท์อย่างเมามัน มีอะไรหรือแนช นิตยดายังไม่รู้ตัว แต่พอเห็นว่ากวินาไม่ยอมพูดอะไรเลยเม้าท์ต่อ นี่นะ เรายังได้ข่าวมาว่าพี่กฤษณะน่ะ... นิตยดายังร่ายประวัติเดือนมหาลัยสมัยที่พวกเธอยังเรียนอยู่ต่อไปอีกยาวเหยียด กระทั่งกวินาอายจนทนไม่ไหวน่ะแหละ เลยทะลุกลางปล้องขึ้นมา สวัสดีค่ะพี่กฤษณะ สบายดีมั้ยคะ นั่นแหละ นิตยดาจึงหุบปากฉับ ความจริงไม่ต้องทักผมก็ได้นะ เพื่อนคุณเม้าส์ได้มีสีสันดีออก กฤษณะพูดเท่านั้นก่อนจะหันกลับไปยังกลุ่มเพื่อนของเขาที่ล้วนยิ้มขำกับคำวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับกฤษณะของนิตยดากันถ้วนหน้า เสียงทุ้มที่ดังเบื้องหลังแบบกระชั้นชิดของกฤษณะทำให้นิตยดาหน้าถอดสีจ๋อยสนิท คงอ้าปากไม่ออกอีกเลย ถึงจะสงสารแต่กวินาก็อดขำไม่ได้ด้วย ต้องเกร็งหน้าแทบแย่ ดีที่อาณัติโผล่มาทัน เรียกได้ว่าช่วยชีวิตเชียวล่ะ ไม่งั้นเธอต้องกลั้นยิ้มไม่อยู่แน่ แนช เขาเปิดฟลอร์ด้วยไปเต้นรำกันเถอะ อาณัติเข้ามากระซิบข้างหูสาวคนรักเมื่อท่วงทำนองเพลงเบา ๆ สบาย ๆ ถูกเล่นขึ้นในบรรยากาศสนุกสนานนี้ ไปสิ.. กวินนายื่นมือของตัวเองออกไปสัมผัสกับมืออันอบอุ่นที่ยื่นมารอเธออยู่แล้ว เสียงวี๊ดวิ้วเฮฮาจากเพื่อนฝูงที่ส่งมาแซวเป็นระยะก่อนถึงฟลอร์เต้นรำทำให้กวินาหน้าแดง แต่อาณัติยิ้มรับสบาย ๆ บ้างก็สวนกลับไป กวินายิ้มบาง ๆ ให้อาณัติเมื่ออยู่ในอ้อมแขนของเขาบนฟลอร์เต้นรำ ทั้งสองส่งสายตาหวานซึ้งให้กันแทนคำบอกรัก ชื่อชมภูนุชไม่มีความหมายอะไรกับกวินาอีกต่อไป ถึงเธอคนนั้นจะทำให้ความรักของเธอและอาณัติเกิดบาดแผลขึ้นมา แต่เธอและอาณัติก็ซ่อมแซมมันจนได้ และความรักนั้นก็แข็งแรงยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา ถึงอะไรต่าง ๆ จะไม่แน่นอน แต่เธอเชื่อว่าความรักของเธอและอาณัติจะคงอยู่เช่นนี้ตลอดไป.. ..จบ..... เรื่องนี้อ่านแล้วค่ะ น่ารักดี อ่านมานานแล้วด้วยแหละค่ะ แต่ยังไม่ได้อ่านอีกหลายเรื่องของพี่เลย สงสัยต้องตามหามาอ่านซะแล้ว
โดย: lovekalo (lovekalo ) วันที่: 5 พฤศจิกายน 2548 เวลา:22:00:59 น.
ค่อยๆ เอาเรื่องสั้นมาทะยอยแปะค่ะ
lovekalo ก็รออีกสักพักนะคะ คงจะมาแปะจนครบค่ะ โดย: wayo วันที่: 9 พฤศจิกายน 2548 เวลา:2:39:28 น.
|