เที่ยวญี่ปุ่นแบบโอตาคุสายแดก ตอนที่ 2 แปลงโฉมเป็นสาวญี่ปุ่น สวัสดีค่า หลังจากที่เอ็นทรี่ก่อนอีนี่ได้เหยียบลงบนแผ่นดินญี่ปุ่นแล้ว ก็มาอ่านตอนต่อกันเลยดีกว่า...แต่ก่อนอื่นขอพูดถึงห้องพักกันสักนิด Sakura Hostel Asakusa ที่ได้เข้าไปพักมีห้องหลากหลายแบบค่ะ ส่วนห้องที่พวกเราไปพักกันนั้นเป็นห้องเตียง 2 ชั้น ทั้งหมด 3 เตียง ภายในห้องมีปลั๊กไฟมุมห้องและหัวเตียงของทุกคน เก้าอี้ 2 ตัวและชั้นล็อกเกอร์ ขนาดห้องไม่ใหญ่มาก แต่ละชั้นจะมีห้องอาบน้ำแยกชาย-หญิงฝั่งละ 2 ห้องและห้องน้ำ มีไดร์เป่าผมในห้องน้ำพร้อมสรรพค่ะ ส่วนก๊อกน้ำฝักบัวที่ญี่ปุ่นจะเป็นแบบแยกค่ะ คือก๊อกสีน้ำเงินจะเป็นน้ำเย็นและสีแดงเป็นน้ำร้อน วิธีใช้ที่เพื่อนสอนมาคือให้เปิดก๊อกน้ำเย็นแล้วค่อยเปิดก๊อกน้ำร้อนค่ะ ปรับๆ ให้อุ่นพอดีๆ ก่อนนะคะ ![]() ซากุระหน้าหอยามเช้า 9 เม.ย. 59 ภารกิจแปลงโฉมเดินเที่ยววัดเซนโซจิ เช้าวันที่สองก็มาเยือนแล้วค่ะ วันนี้เรามีภารกิจสำคัญจึงตื่นกันค่อนข้างเช้าอาบน้ำแต่งหน้าเพื่อเดินไปที่ร้าน Sakura Photo Studio เพื่อไปรับชุดเช่าที่เราจองกันไว้ค่ะโดยร้านอยู่ที่ Asakusa 1-chome ตรงข้ามกับฝั่งวัด ที่ปากซอยจะมีร้านStarbucksอยู่ค่ะหาไม่ยาก เพื่อนๆ หลายก็ถามกันมาเยอะว่าจองอะไรยังไง สามารถเข้าไปดูรายละเอียดการจองและราคาได้ที่เว็บ //www.sakuraphotokimono.com/english/ ขอแนะนำให้จองล่วงหน้าซัก 1-2 เดือนค่ะ ![]() เดินเข้ามาเรื่อยๆ จนเจอตึกนี้ค่ะ ![]() ร้านจะอยู่ชั้น 4 เราต้องทยอยขึ้นลิฟท์ไปเนื่องจากค่อนข้างจะแคบ แต่พอไปถึงข้างบนนี่ถึงกับตะลึงอ่ะเพราะคนเยอะมาก ร้านเค้าก็ไม่ได้ใหญ่มากแต่มีกิโมโนแขวนเต็มเลย มีช่างแต่งตัว แต่งหน้าทำผม โดยรวมๆ แล้วประมาณ 5-6 คนได้ พอไปถึงก็เช็คคิวและเข้าไปเลือกชุดและเปลี่ยนเสือ คุณผู้ชายนี่ง่ายๆ เลยค่ะเพราะเปลี่ยนกันกลางห้อง แต่ผู้หญิงจะมีโซนที่มีผ้ากั้นให้เข้าไปเปลี่ยนตรงมุมห้อง ตรงนี้ถอดหมดเหลือแต่ชั้นในนะคะแล้วเค้าจะคลุมผ้าผืนสีขาวทับชั้นนึงตรงนี้รัดชั้นที่ 1 ค่ะ เปลี่ยนเสร็จเอาใส่ถุงที่ร้านเตรียมไว้แล้วออกไปรอคิวแต่งตัวอีนี่ก็ไปเลือกโอบิให้เข้ากับชุด การใส่กิโมโนนี่ลำบากมากกกกกกก เอาละมาถึงขนาดนี้ละ!! จากการสังเกตสรุปแล้วน่าจะรัดทั้งหมดประมาณ 3-4 ชั้นรวมโอบิก็มองสีหน้าเพื่อนร่วมทริป ตอนรัดชุดนี่ช่างจะถามตลอด ไหวมั้ยคะๆ ก็ต้องไหวละวะ 555 แต่งตัวเสร็จก็ทำผม เลือกกระเป๋า รองเท้า เป็นอันจบ....พร้อมสำหรับภารกิจแล้วค่า!! ![]() แท่นแท๊นนนนน สวยหล่อกันสมใจ ส่วนที่ยากอีกอย่างของการใส่ชุดนี้คือมันเดินไวๆ ไม่ด้ายยย โอ้แม่เจ้า...ลำบากมากกก แต่เพื่อความสวยพวกเราทนได้ค่ะ ไม่ไหวก็ถกนิดนึง 555 เออนะ...ทำไปได้ แล้วก็เดินกันมาจนถึงวัดเซนโซจิค่ะ เห็นแดดเปรี้ยงๆ แบบนี้แต่อากาศเย็นสบายสุดๆ ![]() ![]() ![]() วันนี้เรามีตากล้องรับเชิญเป็นรุ่นน้องที่ได้ทุนไปเรียนที่บี่ปุ่นค่ะ ก็มาจอยกันหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนาน ขอบคุณน้องขวัญด้วยน้า.... ![]() บรรยากาศภายในวัด ![]() เดินกันมานานข้าวเช้าก็ยังไม่ตกถึงท้องก็เริ่มหิวสิคะ เราฝากท้องไว้กับร้านอาเกะมันจูหรือซาลาเปาทอดนั่นเอง แต่ๆๆ ที่นี่ไม่ได้มีแค่อาเกะมันจูค่า อีนี่เหลือบไปเห็นไดฟุกุ ก็จัดการสั่งมา 2 อัน ปรากฏว่ากินเกือบไม่หมด...ไม่ใช่อะไรนะชุดมันรัดกินอะไรได้ไม่เยอะ 555 ![]() สตรอว์เบอร์รี่ลูกใหญ่ๆ นั่นแหละค่ะทำเอาจุกเลย กว่าจะหมดเพื่อนนี่รอกันเงก อิ่มละก็พากันเดินชมวิวเรื่อยเปื่อยเข้าไปด้านในวัดจนถึงวิหารด้านใน เดินบ้างถ่ายรูปบ้าง โดนฝรั่งเรียกขอถ่ายรูปมาก ก็สนุกไปอีกแบบค่ะ ![]() ![]() ![]() จากวัดเซนโซจิเราเดินกันไปถึงริมแม่น้ำสุมิดะเพื่อชมวิวซากุระริมแม่น้ำ โตเกียวสกายทรีและตึกอาซาฮี หรือที่หลายคนเรียกกันว่าตึกอุนจินั่นเอง ตรงนี้คนญี่ปุ่นมาปูเสื่อนั่งชมซากุระกันค่อนข้างเยอะทีเดียว ![]() ![]() ![]() โตเกียวสกายทรีตั้งตระหง่านริมแแม่น้ำ ![]() ชั้นหิวแล้วววววววววว ![]() มาถึงตรงนี้ก็บ่ายโมงกว่าๆ แล้วค่ะเราเดินวนไปตรงสะพานที่มีตรงข้ามเป็นตึกอาซาฮีแล้วเดินกลับไปที่ร้านเพื่อคืนชุด จากนั้นก็มองหาร้านข้าวค่ะ หิวมากกกกกกกกกก กินควายได้เลยค่ะ โจทย์เดิมเลยคือร้านอะไรก็ได้แต่ถ้าเป็นซูชิต้องมีเมนูของสุก ก็วนมาจนเจอร้านนึงจำชื่อไม่ได้รู้แต่ว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามวัด ข้างๆ กันมีแผงขายผลไม้ ลูกอม ลูกกวาดและร้านของทอดที่มีคนต่อแถวเยอะๆ ค่ะ ![]() อ่านออกแค่ คามินาริมง แค่เนี้ยแหละ อร่อยค่ะ ของสดมากก เอาละๆ มูฟๆ ไปที่ต่อไป หลังจากนั้นก็ไปดำเนินการแลก JR East Pass ที่สถานีJR Shinjuku // ละมั้ง...อีนี่มึนตลอด 555 แล้วก็จองที่นั่งสำหรับวันที่เราจะเดินทางไปหาฟูจิซัง จองชินคันเซ็นไป-กลับของเซนได-โตเกียว บลาๆ เสร็จแล้วก็มุ่งหน้าไปอากิฮาบาระกันต่อเล้ยย ![]() คาเมะ!!!!!!!! ทำไมชั้นหาอีกระป๋องแบบนี้ไม่เจอ ![]() ![]() ก่อนออกมาจากสถานี หัวหน้าทริปเราก็จัดชีสทาร์ตPabloรสมัชฉะมากล่องนึงที่ดูๆ แล้วทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชอบแน่ๆ คือมันใหญ่มากกก หลังจากซื้อชีสทาร์ตเสร็จเราก็มุ่งหน้าไปYodobashiสาขาอากิบะ เดินวนๆ ดูของเกือบทุกชั้น ที่นี่ขายทุกอย่างจริงๆ มีตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องสำอาง ซีดีเพลง อนิเม เกม โซน18+ อ้อๆ ที่นี่มีทาโกะยากิของคินดาโกะขายค่ะ น้องขวัญสั่งมาก็แบ่งๆ ชิม เอาละ...เริ่มหิวอีกละ จริงๆ ที่มาอากิบะมันมีที่มาค่ะคือเราจะไปกินราเมงเจ้าที่น้องขวัญบอกว่าอร่อยมากที่อยากพาไปกิน ออกจากYodobashiเราเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งจนมาถึงหน้าร้านGundam CafeและAKB48 Cafe เดินไปฝั่งตรงข้ามร้านนะคะ จะมีสี่แยกให้เราเลี้ยวซ้ายเดินเข้าไปเรื่อยๆ // แอบเห็นตลาดนัดฟิกเกอร์ด้วยอ่ะ แต่ร้านเต็มค่ะเราเลยตัดสินใจย้ายร้าน จังหวะนั้นหัวหน้าทริปขอแยกตัวไปAKB48 Cafeค่ะ พวกเราที่เหลือไม่มีตัวเลือกละร้านไหนก็มาเถอะซักร้าน เลยแวะเข้าร้านราเมงตู้กดแถวนั้น ก็งมๆ กดๆ กันไปเข้าไปนั่งในร้านค่ะ ขอบอกว่า 900 เยนนี่ชามใหญ่อ่ะ ร้านนี้ค่อนข้างเล็กค่ะมีแค่ที่นั่งเคาท์เตอร์บาร์กับโต๊ะอีก 2-3 โต๊ะ ![]() มิโซะราเมงจร้า ทุกคนกินไปมองหน้าไปเลิ่กลั่กจากที่หิวมากตอนนี้จุกมากกก อีนี่ไม่สามารถจริงๆ บางคนก็หมดแต่บางคนไม่ไหวละอิ่ม เราตัดสินใจว่าไปเถอะ เดินออกจากร้านเข้าซอยเพื่อจะทะลุไปร้านAnimate ช้ำใจมากกก เจออีกร้านถูกกว่า โอ๊ยยยยย ![]() ใกล้ๆ กันมีดองกี้นะคะ ออกจากAnimateเราก็ไปช๊อปต่อที่ดองกี้ เจ้ทำมือถือหล่นหายค่า...ทำไง ก็เดินกลับเข้าดองกี้ไปเจออยู่ในห้องน้ำที่เดิมเลยค่ะ โล่งอก จากนั้นก็แยกย้ายกลับที่พัก วันนี้กลับเร็วมาก เหนื่อยจริงไรจริง จบทริปวันที่2 กับภารกิจแปลงโฉมและเดินเล่น หลายคนเริ่มปวดขาแล้วค่า....แล้วพบกันใหม่ ตอนต่อไปจะมีภารกิจอะไรรออยู่น้า ![]() |
บทความทั้งหมด
|