พม่า พระสงฆ์ ทหาร: หรือการนองเลือดจะเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สาม ![]() สถานการณ์ล่าสุดในขณะนี้ กองทัพพม่ายิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม, ซึ่งแน่นอน ประกอบด้วยพลเรือน แม่ชี และพระสงฆ์, มีผู้ถูกจับแล้ว 80 คน ตำรวจปราบจลาจลถูกส่งเข้าควบคุมสถานการณ์ มีการยิงปืนขึ้นฟ้าขู่ผู้ชุมนุมแล้ว สถานการณ์อย่างนี้ หลับตาแล้ว นึกถึงเหตุการณ์ที่จตุรัสเทียน อัน เมินของจีน, พฤษภาทมิฬของไทย, และแน่นอนเหตุการณ์สั่งหารหมู่ 8888 ในพม่าเอง เรื่องราวมันชักวุ่นขึ้นทุกที ความจริง เรื่องทุกอย่างเริ่มขึ้นจากรัฐบาลทหารพม่าเอง.... ราวสามอาทิตย์ที่ผ่านมา รัฐบาลทหารพม่าประกาศขึ้นราคาเชื้อเพลิงในประเทศกว่าสองเท่า โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า ไม่มีการชดเชยความเสียหาย รถส่วนใหญ่ต้องหยุดวิ่งเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าน้ำมัน กลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้ามออกมาต่อต้านทันที เริ่มจากการชุมนุมแจกใบปลิวเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ซึงรัฐบาลทหารพม่าก็ไม่ลังเลที่จะจับทุกคนที่ขวางหน้า แต่เหตุการณ์ก็ไม่ได้ยุติลง ซ้ำร้ายยิ่งบานปลายขึ้นทุกที และเข้าขั้นแตกหักเมื่อพระสงฆ์ ซึ่งชาวพม่าให้ความเคารพนักถือเข้าร่วมการชุมนุมเมื่อ 9 วันก่อน การชุมนุมขยายตัวมากขึ้นตามเมืองใหญ่ ๆ แต่มีจุดศูนย์กลางที่สำคัญที่สุดอยู่ที่กรุงย่างกรุง เมืองหลวงเก่าของพม่า จากหลักพัน ผ่านไป 9 วัน เข้าสู่หลักล้าน ในจำนวนนี้เป็นพระสงฆ์ถึงราว 7 หมื่นรูป จงอย่าแปลกใจ ว่าทำไมพระสงฆ์ถึงเข้ามามีบทบาททางการเมือง พระสงฆ์ในพม่ามีบทบาทมากในการเคลื่อนไหวเพื่อเอกราชของพม่าจากอังกฤษ และเมื่อประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของพม่าเข้าสู่ยุคที่ 3 คือยุคเผด็จการทหาร พระสงฆ์ก็มีบทบาทเรื่อยมา ในฐานะผู้นำทางจิตใจ และความคิด ซึ่งในหลายแง่มุม การพัฒนาการทางการเมืองและระบอบอมาตยาธิปไตยของทหารมีความเหมือนกับไทยในหลายแง่มุม ทั้งกระบวนการขึ้นสู่อำนาจ กระบวนการรักษาอำนาจ การต่อต้านของกลุ่มนักศึกษา ประชาชน รวมไปถึงการนองเลือด ซึ่งเราสามารถเทียบได้กับยุครัฐบาลทหารของไทย เหตุการณ์ 14 ตุลา ไปจนถึง 6 ตุลาแบบช็อตต่อช็อต แต่สิ่งที่ต่างกันระหว่างสองประเทศ และทำให้พม่ายังคงต้องตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองไทยเมื่อกว่า 20 ปีก่อนก็คือ พม่าขาดซึ่งสถาบันเป็นกลางที่มีอำนาจและอิทธิพลมากพอที่จะยุติความขัดแย้ง หรืออย่างน้อยก็ป้องกันความรุนแรง ในกรณีไทยคือสถาบันพระมหากษัตริย์ การคว่ำบาตรทางทหารและเศรษฐกิจจากสหรัฐและตะวันตกไม่เคยสร้างความเสียหายได้มากพอที่จะทำให้รัฐบาลทหารพม่าลงจากอำนาจ ซ้ำร้ายยิ่งทำให้รัฐบาลทหารพม่าเข็มแข็งมากขึ้น ในทางกลับกัน ผู้รับผลจากมันกลับกลายเป็นชาวบ้าน พ่อค้า ประชาชน ด้วยการสนับสนุนจากจีนตามยุทธศาสตร์ของจีนเอง และความพยายามในการขยายอิทธิพลของอินเดียตามนโยบายมองตะวันออก (Look East Policy) ยังคงค้ำยันสถานะของรัฐบาลทหารพม่าอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลทหารพม่าจึงไม่จำเป็นต้องสนใจตะวันตก หรือองค์กรใด ๆ เพราะพม่ามีลูกพี่ใหญ่คอยคุ้มหัว และนั่นก็ทำให้รัฐบาลทหารพม่าทำอะไรได้ "ตามอำเภอใจ" มากขึ้น งบประมาณทางทหารพม่าสูงมาก มากอย่างน่าตกใจ แต่การพัฒนากองทัพแบบก้าวกระโดดของเขาทิ้งความหายนะทางการศึกษา สาธารณสุขไว้เบื้องหลัง การวางแผนเศรษฐกิจถือได้ว่าล้มเหลวและไม่สามารถแข่งขันกับโลกได้ ที่ซ้ำร้ายที่สุดคือ กลุ่มนายพลในรัฐบาลทหารพม่าต่างหากที่ควบคุมเศรษฐกิจของประเทศ และแน่นอน รับรู้ความร่ำรวยผ่านผลประโยชน์ต่าง ๆ ที่กลุ่มนายทหารเข้าไปมีบทบาท แม่ว่า NGO ในไทยและหลาย ๆ ประเทศทั่วโลกจะออกมาเรียกร้องให้จีนแสดงบทบาทนำในกรณีพม่า แต่ลำพังเสียงของ NGO ไม่ว่าของไทยและโลก คงไม่สามารถหยุดจีนให้หยุดการสนับสนุนพม่าได้ การสนับสนุนพม่าของจีน เป็นยุทธศาสตร์หนึ่งของความมั่นคงของจีน พม่าเป็นสนามทดลองอาวุธใหม่ ๆ ของจีน และให้การสนับสนุนทางการทหารกับกองทัพพม่าในระดับที่สูงมาก จีนสร้างฐานทัพเรือในพม่าเพื่อเป็นแหล่งจอดพักให้กับเรือรบของตน ซึ่งเป็นความพยายามในการขยายอิทธิพลเข้าไปในมหาสมุทรอินเดีย โดยใช้พม่าเป็นทางออก และกดดันอิทธิพลและนโยบายมองตะวันออกของอินเดีย จีนยังประเมินแล้วว่า นโยบายคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรปแทบไม่ส่งผลต่อรัฐบาลทหารพม่าเลย ในทางกลับกันยิ่งทำให้รัฐบาลทหารพม่าเข้มแข็งมากขึ้น นี่เป็นโอกาสดีที่สุดของจีนที่จะเข้าไปมีบทบาทในพม่าแทนที่ประเทศตะวันตก วันนี้....... - รัฐบาลทหารพม่าประกาศเคอร์ฟิวในอย่างน้อย 2 เมืองใหญ่ ห้ามประชาชนออกจากบ้านตั้งแต่เวลา 21.00 น. จนถึง 5.00 น. - ประกาศคำสั่งห้ามชุมนุมเกิน 5 คน - ประกาศฉบับที่ 86 ในโทรทัศน์ของรัฐบาลเตือนประชาชนไม่ให้เข้าร่วมการชุมนุม - ตำรวจปิดล้อมวัดหลายแห่ง ห้ามพระสงฆ์ออกจากวัด - ย้ายนางออง ซาน ซูจี ซึ่งออกมาพบปะให้กำลังใจกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณบ้านของเธอ เข้าสู่คุกอินเส่ง ซึ่งมีการป้องกันภัยในระดับสูง - ตำรวจปราบจลาจลถูกส่งเข้าไปเผชิญหน้ากับกลุ่มผู้ชุมนุม พร้อมมวลชนจัดตั้งของฝ่ายรัฐ - กองพลทหารราบเบาที่ 22 ซึ่งเคยฆ่าประชาชนในเหตุการณ์ 8888 ถอนกำลังจากรัฐกะเหรี่ยง เข้าสู่กรุงย่างกุ้ง - แกนนำพรรค NLD ถูกจับกุม รวมถึงบุคคลมีชื่อเสียงที่ต้องสงสัยว่าสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุม - ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม พระสงฆ์ แม่ชี บริเวณหน้าเจดีย์ชเวดากอง ทางการไทย...... - สั่งการให้กองทัพภาคที่ 3 เตรียมพร้อม เพื่อรองรับสถานการณ์เลวร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น - รัฐบาลเตรียมแผนอพยพคนไทยออกจากพม่า ถ้าเหตุการณ์เข้าขั้นวิกฤติ - การบินไทยยังคงเที่ยวบินจำนวน 3 เที่ยวต่อวันสู่พม่า ซึ่งจะมีการพิจารณาอีกครั้งถ้าสถานการณ์เปลี่ยนไป ที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ.... - นำเหตุการณ์ในพม่าเข้าสู่ที่ประชุมเป็นวาระหลัก - ประธานาธิปดีฝรั่งเศสเตือนรัฐบาลทหารพม่าไม่ให้ใช้ความรุนแรงต่อผู้ชุมนุม และขู่จะมีมาตราการตอบโต้ - ประธานาธิปดีสหรัฐเรียกร้องให้จีนแสดงบทบาทในครั้งนี้ให้ชัดเจน เพื่อยุติการนอกเลือด - แต่ผู้แทนจีนกลับเดินออกจากที่ประชุม ![]() และแม้ว่าผู้นำพม่าจะประกาศว่าเหตุการณ์ทุกอย่างจะต้องยุติใน 15 วัน แต่อดีตผู้นำนักศึกษาต่างมั่นใจว่า เหตุการณืในครั้งนี้ ประชาชนมีโอกาสได้รับชัยชนะสูง จะมั่นใจว่าจะไม่จบลงด้วยความพ่ายแพ้เหมือนในปี 2531 (1988) แน่นอน ความมั่นใจนี้ยืนยันโดยคำพูดของผู้นำพระสงฆ์องค์หนึ่ง "เราตัดสินใจที่จะเสี่ยงชีวิตเพื่อประชาชนของเรา" เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป........แล้วแต่บุญแต่กรรมครับ ไม่อยากเห็นความรุนแรงค่ะ
ขอให้ผู้ประท้วงปลอดภัย.... โดย: สเลเต
![]() ขอบคุณที่นำมาให้อ่านค่ะ ค้นหาและติดตามข่าวนี้มาหลายวันแล้ว
โดย: ostojska
![]() ถ้าพม่าเป็นประชาธิปไตย น่าจะส่งผลดีต่ออาเซียนมากที่สุดครับ เพราะภาพลักษณ์ของอาเซียนจะดีขึ้นมาก ไทยเองก็น่าจะได้รับผลดีนะครับ
ส่วนเรื่องชนกลุ่มน้อยนี่น่าห่วงครับ เพราะทุกวันนี้พม่าเป็นประเทศเดียวเพราะเป็นรัฐบาลทหาร สามารถควบคุมและใช้อำนาจในการปราบปรามชนกลุ่มน้อยได้เต็มที่ แต่ถ้าเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย ชนกลุ่มน้อยอาจจะเจ้มแข็งขึ้นจนแยกตัวเองตามสนธิสัญญาปางหลวงที่ทำขึ้นหลังจากได้เอกราชจากอังกฤษได้สำเร็จครับ โดย: Skyman (Analayo
![]() คนมอญแถวบ้านผม ติดตามข่าวทุกวัน
และถ้าล้มเผด็จการได้ คนมอญเค้ามีความคิดแยกตัวเป็นประเทศมอญ คือพม่าจะแยกเป็นสองประเทศ เค้าบอกว่าคนมอญมากกว่าพม่า พื้นที่ใหญ่กว่า (จริงหรือไม่ครับ) เค้าบอกว่าพ่อของอองซานซูจี เป็นคนมอญจึงอยากคืนประเทศให้มอญ แต่ถูกสังหารไปก่อน ส่วนในหมู่บ้านตอนนี้ได้ข่าวว่า ถูกรีดไถ เก็บภาษีมากกว่าเดิม เพื่อสั่งสอนกดดัน+เอาไปเลี้ยงทหารของเขา และส่งทหารเข้าไปเฝ้าทุกหมู่บ้าน ในยามปกติ หมู่บ้านนี้มีคนพันกว่าคน จะมีทหารในหมู่บ้านเค้าเวียนๆกันมาครั้งละ 20-100คน เฝ้า2-3วันก็กลับ แต่ตอนนี้มาเฝ้าตลอด เพื่อป้องกันการรวมตัวของประชาชน และในหมู่บ้านเล็กๆคนที่ต่อต้านจะถูกฆ่าทันที เลยถามเค้าว่าทำไมไม่รบแบบกองโจรค่อยๆฆ่าทหารไปทีละคน เค้าบอกว่า ไม่มีอาวุธ อีกอย่างคือถ้าหมู่บ้านไหนมีปัญหามาก หัวหน้าหมู่บ้านจะโดนคนแรก หรือส่งกำลังมากวาดล้างทั้งหมู่บ้านเลย คนในหมู่บ้านก็มีสองกลุ่ม กลุ่มนึงคือรวยหน่อยก็ไม่อยากต่อต้านให้ถูกฆ่า แต่คนจนส่วนใหญ่อยากต่อต้านทหารพม่าครับ เป็นข้อมูลครับ จริงหรือไม่ ไม่รู้ โดย: งามหน้า
![]() |
บทความทั้งหมด
|
หากพม่าเป็นประชาธิปไตย จะส่งผลดีหรือเสียกับไทยครับ ชนกลุ่มน้อยแถบชายแดนบ้านเราจะเป็นยังไงคัรบ