Invictus : อาวุธที่ชื่อ "การให้อภัย" มีฉากหนึ่งที่ ฟรองซัว ฟีนาร์ (แมตต์ เดม่อน) ยืนมองท้องฟ้ายามเย็นริมหน้าต่างกระจกบานเลื่อน แล้วตั้งคำถามขึ้นมาว่า ถ้าคุณโดนจับขังคุก 30 ปี...คุณจะยังอภัยให้คนที่จับคุณเข้าคุกได้อีกเหรอ หากมองแต่หน้าหนัง Invictus แล้วอาจทำให้ใครหลายคนคิดว่านี่คือหนังกีฬารักบี้เรื่องหนึ่งเท่านั้น แต่จริงๆแล้วผลงานของปู่คลินท์ อีสวูดเรื่องนี้กลับพูดถึงเรื่อง การปรองดอง ของคนในอัฟริกาใต้ ซึ่งทุกอย่างเริ่มต้นจากการปล่อยตัว เนลสัน แมนเดลา (มอร์แกน ฟรีแมน) ในปี 1999 ก่อนจะชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลายในเวลาต่อมา ![]() การปรองดองของคนต่างสีผิวในหนังนั้นไม่ใช่การนั่งประชุมโต๊ะยาวแล้วหันหน้าจับมือให้สื่อมวลชนเห็น แต่เป็นการจุดไฟแห่งศรัทธาให้เกิดขึ้นเพื่อให้คนต่างสีผิวเหล่านั้นส่งใจไปที่สิ่งนั้น หากเปรียบประเทศอัฟริกาใต้เป็นสิ่งใดสิ่งหนึ่งในหนัง ก็คงเปรียบได้กับทีมรักบี้ของประเทศที่กำลังทำผลงานแย่ลงทุกวัน และหากจะสร้างความเชื่อในการปรองดองต้องสร้างจากสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เกิดขึ้น และทีมรักบี้นั่นเองที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดีที่แมนเดลาเลือกที่จะจุดศรัทธา แต่จุดที่สำคัญที่สุดก่อนจะเชื่อมความแตกแยกเข้าด้วยกัน นั่นคือการที่แมนเดลายกโทษและให้อภัยศัตรูที่ทำกับเขา และถ้าจะเปลี่ยนทัศนคติของคนในชาติให้ดีขึ้น จุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดก็ต้องเป็นที่ตัวแมนเดลาเอง เมื่อช่วงปีที่ประเทศไทยเรามีความขัดแย้งกันรุนแรงนั้น มีนักวิชาการหลายคนพูดถึง แมนเดลาโมเดล ซึ่งผมก็มิอาจทราบได้ว่ามันจะใช้ได้ผลกับประเทศไทยของเราที่การเมืองคือผลประโยชน์พวกพ้องหรือไม่ นอกจากนี้แล้วเงื่อนใขในความขัดแย้งระหว่างอัฟริกาใต้ประเทศของเรายังต่างกันอีกด้วย แต่สิ่งหนึ่งที่เราสามารถนำจากแมนเดลามาใช้ได้นั้นคือ การให้อภัยศัตรู แม้มันจะเป็นเรื่องที่พูดง่ายแต่ทำยาก แต่ถ้าทำได้เราก็จะรู้ว่า ไฟศรัทธา ที่จะนำพาประเทศเราให้รุ่งเรืองได้ในอนาคตคืออะไร เหมือนอย่างที่แมนเดลาทำคือเริ่มจากตัวเขาเอง โดยเนื้อแท้ท่านประธานาธิบดี Nelson Mandela
เป็นคนดีอย่างที่หนังนำเสนออย่างนั้นหรือเปล่าคะ คือไม่เคยอ่านอัตชีวประวัติและติดตามข่าวของท่านมาก่อนเลยค่ะ แต่ในหนังได้แสดงให้เห็นว่าท่านเป็นคนดี มีวิสัยทัศน์ ให้โอกาสคน และขยัน ประทับใจที่ว่าทีมสปริงบอร์คเป็นทีมชาติที่คนผิวดำไม่เคยเชียร์ แต่ท่านประธานาธิบดีก็ทำให้ทุกคนกลับมาร่วมมือร่วมใจกัน เชียร์ทีมชาติของตนโดยไม่คำนึงถึงสีผิวได้ในที่สุด เป็นหนังที่ดีเรื่องหนึ่ง แม้ว่าบางช่วงจะอืดไปหน่อยทำให้ง่วงนอนได้ โดย: มะนาวเพคะ IP: 182.53.42.189 วันที่: 24 สิงหาคม 2554 เวลา:17:47:46 น.
เขียนรีวิวดีจังเลยครับ
ผมชอบหนังแนวๆนี้อยู่แล้วด้วย เห็นแว๊บๆมีให้ยืมที่ฟิตเนต ต้องไปเอามาดูซะหน่อย ![]() โดย: septu (Septu
![]() การให้อภัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือให้อภัยตนเองจริงๆ ครับ
น่าดูนะครับ ชอบการให้อภัย แนะนำเล่ม ปัญญาญาณแห่งการให้อภัย ของท่านทะไล ลามะ ครับ โดย: คนขับช้า IP: 27.130.172.57 วันที่: 25 สิงหาคม 2554 เวลา:6:03:11 น.
สวัสดีค่ะ ยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้เลยค่ะ ขอบคุณที่สรุปเรื่องราวให้อ่านก่อน
![]() ช่วงนี้กำลังบ้าดู 24 อยู่ค่ะ วันนี้จบแผ่นสุดท้าย season 8 แล้วค่ะ ...วันนี้ได้เห็นสิ่งดีๆ ในหนังคือการให้อภัย และการมีจิตสำนึกที่ดีของคนที่มีอำนาจด้วยค่ะ ![]() โดย: Maew-Tua-Lek
![]() ยากให้เราทุกคนนำสิ่งนี้ไปใช้กันทุกคนครับ เพราะว่าเหมือนคำสอนของพระพุทธเจ้าคือการให้อภัยคือจุดดับของปัญหา สุดยอดครับท่านนักเขียน
โดย: คมสันต์ IP: 58.10.146.32 วันที่: 27 สิงหาคม 2554 เวลา:13:01:32 น.
|
บทความทั้งหมด
|
ปล.ผู้หญิงทุกคนนิสัยเหมือนกันหมดเลยเนอะ เปรียบเทียบ เปรียบเปรยไม่ได้เลย ของจะขึ้น