>||| ขอโทษ & ขอบคุณ |||< " อ ย า ก ข อ บ คุ ณ เ ธ อ สั ก ค รั้ ง แ ม้ อ า จ จ ะ เ ป็ น ถ้ อ ย คํ า ที่ ดู น้ อ ย ไ ป ไ ม่ เ พี ย ง พ อ กั บ ใ จ . . . ที่ ฉั น ต้ อ ง ก า ร บ อ ก เ ธ อ " ![]() ไม่รู้ว่าเนื้อความวันนี้ควรจะจัดอยู่ในหมวด 'ไดอารี่' ดีกว่าไหม เหมือนฉันได้ผจญภัยอะไรมากมาย ภายในเวลา 12 ชั่วโมงนี้ ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ด้วยตัวเอง...เพียงลำพัง หนึ่งในไม่กี่ครั้ง ฉันคงจะไม่เล่าให้ใครฟังโดยตรง แน่นอนว่าทุกคนจะต้อง 'ห่วง' แต่อยากจะบอกกับทุกคนตรงนี้เลยว่า... "หายห่วงเถอะ ยังไงซะฉันก็ยังรอดมาจนตอนนี้ จริงไหม?" มันออกจะดูโลดโผนไปสักหน่อยสำหรับฉัน แต่ก็นั่นแหละ ฉันควรจะโตสักทีจริงไหม? ไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ นี่นา ชีวิตคนเรามักต้อง 'เลือก' และต้องเผชิญกับความ 'เสี่ยง' เสมอ ซึ่งสิ่งที่ตามมาในเวลาอันสั้นนั้นก็คงหนีไม่พ้น 'ความกลัว' ยอบรับโดยดีว่าฉันนึก 'กลัว' ตั้งแต่เริ่มก้าวขาออกจากห้อง กลัวว่า... การเดินทางคนเดียวครั้งนี้จะราบรื่นดีไหม กลัวว่า... รถที่ฉันนั่งจะพาฉันไปถึงจุดหมายรึเปล่า กลัวว่า... ถ้าไปถึงจุดนัดพบแล้วฉันจะพบเพื่อนยังไง กลัวว่า... ถ้าฉันไม่เจอเพื่อนจะทำยังไงดี กลัวอะไรสารพัด กลัวนู่นกลัวนี่ ฉันมันขี้กลัวจริง ๆ ด้วยนะ~ แต่หลังจากเดินวนเวียนหากันอยู่นานสองนาน ฉันก็ได้เจอไอ้เพื่อนเจ้าปัญหานั่นจนได้ หลังจากเดินหาซื้อของที่ต้องการ(ซึ่งไม่ได้สักอย่าง) สมองก็เริ่มสั่งการให้เดินไปหาอะไรใส่ปากท้อง พออิ่มแล้วก้ได้ฤกษ์เดินทางต่อ... ระหว่างทางที่จะไปรอรถ เราเจอชาวต่างชาติคนหนึ่ง น่าเสียดายที่ฉันจำชื่อเขาไม่ได้เสียแล้ว จำยากจริง กว่าจะสื่อสารกันรู้เรื่องก็ต้องพึ่งกระดาษกับปากกานั่นแหละ บังเอิญว่าเราจะไปที่เดียวกันอยู่แล้วด้วย ฉะนั้น ก็เลยได้เพื่อนร่วมทางเพิ่มมาอีกคน ดีจัง ^^ เขาก็ดูอัธยาศัยดีหรอกนะ จริง ๆ ก็อยากจะคุยมากกว่านี้ ติดตรงที่โรค 'กลัวชาวต่างชาติ' ของฉันมันกำเริบทุกที ไม่ใช่พูดไม่ได้หรอกนะ แต่...พูดไม่ออกเลยต่างหาก! ก็เลยจบลงด้วยกำร่ำลาที่ไม่น่าประทับใจสักเท่าไหร่ ก่อนจะแยกกันฉันก็เผลอลิ้นพันกันอีกจนได้...ให้ตาย -"- การเดิน Shopping ที่จตุจักรครั้งนี้ก็สนุกดี ซื้อของได้ครบทุกอย่างตามที่คิดไว้เลย ดีเนอะ แต่ออกจะรู้สึกผิดนิด ๆ ที่เหมือนเอาคนบางคนมาทรมาน อาจจะมีบางทีที่เดินผ่านบางที่แล้วนึงถึง 'ใครคนนั้น' มันเป็นที่แรกที่เราได้มาด้วยกันเลยก็ว่าได้นี่นา ฉันจำได้กระทั่งทุก ๆ ร้านที่เราเข้าไปแวะดูด้วยกัน แปลกดี แค่ให้จำร้านที่ถูกใจแล้วเดินกลับมาดูใหม่ยังไม่ได้ แต่กลับจำเรื่องพรรค์นั้นได้ แปลกดีจริง ๆ ใช่ไหมล่ะ~ From me 2 ... เบ้น "ขอบคุณนะ ที่สละเวลา(ที่ควรจะได้พักผ่อนและทำงาน) มาเดินซื้อของเป็นเพื่อน ทั้งที่ไม่ได้อะไรเลย แถมยังต้องมาเสียเงินฟรี ๆ หมดไปหลายล่ะสิ คราวหลังเดินดูของตัวเองบ้างก็ได้ จะได้ไม่เบื่อ ^^" ขอบคุณสำหรับเสื้อ ดูไปดูมาก็น่ารักเนอะ 55+ (วันหลังต้องไปสอยตัวใหญ่ ๆ มาอีกแน่ จริงจัง) ขอบคุณที่อยากจะให้อะไรอีกหลาย ๆ อย่าง แต่แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่แล้วล่ะ จริงนะเนี้ย! จะหาโอกาสตอบแทนให้แน่ ไม่ต้องทวงล่ะ ยังไงก็ ขอบคุณ จริง ๆ ... สำหรับทุกอย่าง" "ขอโทษนะ ที่ไม่เคยให้อะไรเลย ขอโทษที่พูดจาไม่ดีสักเท่าไหร่ (ก็เป็นซะอย่างงี้ล่ะ) ขอโทษที่เลือกของช้า แล้วยังโอ้เอ้จนค่ำอีก ขอโทษที่ทำให้เหนื่อยและเสียเวลา ขอโทษที่วันนี้ให้ได้แค่คำว่า...ขอบคุณ" หลังจากเดินจตุจักรเสร็จแล้ว ก็เดินไปขึ้นรถตู้ เพื่อจะไปยัง 'จุดนัดพบ' ต่อไป (คิวยาวก็เงี้ย) แต่ด้วยว่าเกรงใจ เกรงว่าเพื่อนจะต้องเดินไปส่งไกล เลยไปขึ้นรถตู้ตรงที่ไม่คุ้น ต้องลุ้นตลอดทางเลย พอขึ้นไปแล้วความกลัวก็เข้ามาสถิตย์อย่างเลี่ยงไม่ได้ กลัวว่า... ไอ้รถคันนี้มันจะพาฉันไปไหนเนี้ย กลัวว่า... ฉันจะต้องระเห็จไปลงตรงไหนวะ กลัวว่า... ถ้าพ่อแม่พี่น้องรู้ว่าฉันหลง(อีกแล้ว)คงเทศน์ยกใหญ่ กลัวว่า... จะทำยังไงถ้าเกิดหลงขึ้นมาจริง ๆ กลัว กลั๊ว กลัวววววววว~ ฉันก็เลยต้องนั่งหลุกหลิก คิดไปตลอดทาง อยากจะหลับก็หลับไม่ได้ กลัวจะนั่งเลยไปไกล ตาก็พยายามมองหาจุดสังเกตที่พอจะคุ้นบ้าง แต่ แม่เจ้าโว้ย! ไม่มีสักจุดที่คุ้นตา คิดในใจ... "ตายแล้ว นี่ฉันจะไปลงตรงไหนนี่" แถมรถเจ้ากรรมก็แล่นช้าเหลือเกิน จอดมันทุกป้าย ฉันเริ่มกลัว มากขึ้น มากขึ้นเรื่อย ๆ บวกกับมึนหัวเล็กน้อย คนในรถลงไปหลายคน มีคนขึ้นมาตามรายทาง ฉันไม่เคยขึ้นรถตู้ที่จอดรับคนรายทางแบบนี้น๊า!! T^T แต่พอเห็นป้าย 'ฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต' อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล โอ๊ย! คุณเอ๋ย... อิฉันจะร้องไห้ค่ะ เหมือนตื่นจากฝันร้าย พอมีคนถามว่า "รถเข้าฟิวฯไหม" แล้วคนขับตอบ "เข้าครับ" สวรรค์!! ก่อนนี้ฉันได้แต่นั่งกุมมือแล้วภาวนาไปตลอดทาง พยายามคิดได้แง่ดี ถ้าฉันหลงไปที่ไกล ๆ ขึ้นมา... อย่างน้อยก็จะได้รู้ว่า รถคันนี้จะพาเราไปไหนได้บ้าง และฉันจะได้รู้จักสถานที่ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น คนที่นัดไว้คงเข้าใจ ถือเป็นประสบการณ์ชีวิต ฉันไม่ได้รีบขนาดนั้นนี่นา >.< พ่อเคยบอกว่า... "ถ้าหลงก็นั่งย้อนกลับ จะได้รู้จักทางมากขึ้น" ครั้งแรกที่ฉันหลงอยู่แถวบางกะปิตอนจะไปสอบสัมภาษณ์ที่ มธ. ครั้งนั้นทำให้ทุกคนลดความเชื่อมั่นในตัวฉันลงไปกว่า 200% แต่ฉันก็มัก 'โชคดี' เสมอเลยนะ จริง ๆ นั่นแหละ ^__^ คิดไม่ออกเลยว่าถ้า 'โชคร้าย' ขึ้นมาสักทีจะทำยังไงกันดีนะ (อย่างนี้แล้วจะยังบ่นว่าตัวเองโชคร้ายอีกนะ...จินเจน) กว่าจะถึงฟิวฯ กินเวลาไปชั่วโมงกว่า ๆ ให้ตายเถอะ... ถ้าเดินไปขึ้นฝั่งตรงข้ามแบบที่เคยขึ้นคงถึงตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรก เอาเถอะนะ ถึงช้าหน่อย ก็ยังดีกว่าไปหลงที่อื่นแหละ พอไปถึงที่ก็รีบไปเจอพี่ที่นัดไว้ทันที โล่งอกเป็นบ้า ก็เลยต้องดูหนังรอบ 2 ทุ่ม หนังก็ย๊าวยาว คุ้มช่ะ! พอหนังเริ่มฉายไปสักพัก โทรศัพท์ก็สั่น ฉันว่าแล้ว... ก็เลยแค่ปิดเสียงไว้ (คือทุกทีจะปิดเครื่องเลย) รู้นะว่าการรับโทรศัพท์ในโรงหนังเป็นเรื่องเสียมารยาท แต่เพราะรู้ว่าปลายสายคือ 'พี่อาร์ม' ขอเสียมารยาทสักทีละกัน ก็เลยหยิบโทรศัพท์มารับอย่างสำนึกผิดแต่โดยดี รู้ว่าพี่อาร์มต้องว่าแน่ แต่ก็ดีใจแทบบ้าที่พี่อาร์มโทรมา(ดุ) (หลังจากที่เราไม่ได้คุยกันเลย ตั้งแต่เรื่องวันนั้น T^T) หนังสนุกขึ้นเป็นกอง พอได้รู้ว่า "พี่อาร์มยังเป็นห่วงฉันอยู่" แต่ก็สนุกจริง ๆ นะ ไม่ได้ค่าโฆษณาหรอก แต่อยากบอก... ดูแล้วคิดอะไรได้เยอะเลย ใครยังไม่ได้ดูไปดูซะนะ '2012' ตอนแรก็คิดว่าจะดูไปงั้น ๆ ก็น่าดูอยู่บ้างอะไรบ้าง แต่พอได้มาดูจริง ๆ ... โอ้โห! ของเขาดีจริงว่ะ >0< พอหนังฉายไปได้ครึ่งเรื่อง พี่อาร์มโทรมาอีกรอบ (ตอนนั้นเข้าใจว่ามันควรจะใกล้จบได้แล้ว นานพอควร) ก็เลยบอกไปว่า "อ๋อ หนังใกล้จบแล้ว จะกลับแล้ว" แต่พอดูต่อไปอีกสักพัก สงสัยมันคงจะนานพอควรอีกนั่นแหละ โทรศัพท์ก็สั่นอีก คราวนี้สั่นนานมาก (เพราะรับไม่ไหว ปวดฉี่มาก!!) ว่าจะลุกออกไปหลายต่อหลายต่อหลายรอบ แต่ก็ไม่ไปสักที เพราะพี่ที่มาด้วยบอกว่า "จะจบแล้วนะ เดี๋ยวพลาดตอนสำคัญ" ก็เลยทนนั่งได้สักพัก ปวดฉี่จะแย่ โทรศัพท์ก็สั๊นสั่น >.< ก็เลยไม่ไหวแล้ว ต้องรีบวิ่งปรู๊ดออกมาเข้าห้องน้ำ(และรับโทรศัพท์) ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า อีกไม่ถึง 5 นาทีมันก็จบอยู่แล้ว แต่ก็นะ... เอาวะ! ยอมพลาดตอนจบ ข้าน้อย...ขอบ๊ายบาย~ มิใช่อะไรหรอกนะ แต่เพราะว่า... ประการแรก 'ปวดฉี่มากเลยว้อย ไม่ไหวแล้ว' ประการที่สอง 'พี่อาร์มต้องโกรธอีกแน่ โทรมาหลายสายแล้ว' ประการที่สาม 'พี่อาร์มต้องเป็นห่วงมาก ๆ แน่ โทรไม่ยั้งเลย' ประการที่สี่ 'อีกสักคงรู้กันทั้งตระกูลว่าฉันแอบมาดูหนัง' ประการที่ห้า 'สำนึกผิดค่ะ นู๋ผิดเองที่กลับดึก T^T ' ประการสุดท้าย 'คดีเก่าเพิ่งจะจาง สร้างคดีใหม่อีกแล้วนะกูเอ๋ย' ตอนแรกจะโทรกลับไป แต่ไม่ทันได้กดเลย โทรมาอี๊ก... กว่าจะตั้งสติได้ว่า 'เออ...ต้องกดรับปุ่มนี้นะ' เกือบมิสคอล -0- รับไปก็โดนด่า แต่ก็ต้องรับ ไม่งั้นทุกคนคงวุ่นกันแน่ เข้าใจอยู่หรอกนะว่า คนโทรหาคงว้าวุ่นไปถึงไหนต่อไหน เวลาที่ฉันไม่รับโทรศัพท์แบบนี้ (นิสัยเสียจริง ๆ นะเรา) ขอโทษจริง ๆ ค๊า... ~ แล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามที่คิด... พอหายปวดฉี่ สมองก็เริ่มสั่งการได้เป็นปกติ เห็นสายมิสคอลของพี่ตูนเลยโทรกลับไปให้คลายกังวล(นิดนึง) และ... 'หม่ามี๊ก็โทรมา!!' O_o โอ้โห~ ข่าวไวไร้สายประหนึ่งว่าต่อคลื่นสัญญาณดาวเทียม จำต้องรับ อาจด้วยว่าเริ่มมีความกล้าที่จะเผชิญปัญหามากขึ้น (ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะไม่รับ ทำเป็นไม่ได้ยิน กลัวโดนด่า >x< ) เลยโดนเทศน์ไปยกใหญ่ กว่าจะวางสาย หูชา... =[]=" ก็ได้ค่ะ ก็ได้ ๆ ๆ ... คราวนี้ข้าพเจ้ายอมรับผิดทั้งปวง~ พอนั่งแท็กซี่กลับมาถึง ม. ได้ ก็ต้องหยอดตู้โทรรายงานคุณพี่ (ก็บอกคุณหม่ามี๊แล้วว่า อย่าเม้าท์นาน แบตจะหมด...) ปรากฏว่า... 'พี่อาร์มนั่งรออยู่หน้าหอแล้วเจ้าข้า!!' โอ้โห~ ความรู้สึกสำนึกผิดชอบชั่วดีพุ่งปรี๊ดดดดด... TT^TT เดินเข้าไปหา จะเผลอยิ้มอีกแล้วเชียวเรา เวลาทำผิดมา เห็นหน้าพี่อาร์มก็จะหลุดขำทุกที มันไม่ได้ตลกหรอกนะ แต่ไม่รู้สิ...ตลกตัวเองมั้ง!? >w< เลยนั่งก้มหน้ารับบาปไปสักพัก แล้วก็เดินไป 7-11 กันต่อ กลับมายิ้มให้กันได้เหมือนเดิมแล้วจ้า...ดีใจจัง~ ^w^ ~ H a p p y E n d i n g ~ ^w^ From me 2 ... พี่ป๊อป "ขอบคุณนะ ที่เลี้ยงหนังวันนี้ สนุกมาก ๆ ขอบคุณสำหรับหลาย ๆ อย่างที่ผ่าน ๆ มา ขอบคุณที่พยายามปลอบทุกครั้งที่เจนมีปัญหา ตอนนี้ยังนึกไม่ออกว่าจะมีอะไรอีกดี แต่พี่ป๊อปก็เป็นพี่ชายที่น่ารักมาก ^_^ (ถึงบางทีอาจจะดูไร้แก่นสารไปหน่อยก็เหอะ) ขอบคุณจริง ๆ สำหรับทุก ๆ อย่าง เจนคงโชคดีอีกแล้วสินะที่ได้มารู้จักพี่ป๊อป...เนอะ" "ขอโทษนะ ที่ทำให้เสียตังค์ในวันนี้ ขอโทษที่บางทีเจนอาจจะงี่เง่าบ้าง (รึเปล่านะ?) ขอโทษที่บางครั้งก็พูดพล่ามมากไป (ไม่ซี้จริงไม่บ่นนะเนี้ย) ขอโทษที่ทำให้วันนี้จบไม่สวยเท่าไหร่ แต่ก็โอเคนะ..." From me 2 ... พี่อาร์ม "อยากจะขอบคุณตัวโต ๆ ...รู้ว่าแค่นี้คงไม่พอ รู้ว่าพี่อาร์มเป็นห่วงมาก ขอบคุณที่โทรมาในวันนี้ ขอบคุณที่เป็นห่วงในทุก ๆ วัน ขอบคุณที่อยู่ด้วยกัน ขอบคุณที่เป็นทุก ๆ อย่าง ขอบคุณจริง ๆ ขอบคุณพระเจ้าที่ส่งให้เรามาเกิดในครอบครัวเดียวกัน โชคดีอีกแล้วใช่มั้ย...ที่มีพี่ดีดีอยู่ทั้งคน >w< " "ขอโทษนะ ที่ชอบทำให้เป็นห่วง ทำให้วุ่นวายอยู่เรื่อย ขอโทษที่ไม่รู้จักโตซะที ขอโทษที่งี่เง่า ขอโทษที่ทำให้เสียใจ (แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจหรอกนะ) ขอโทษที่พูดคำว่าขอโทษไม่เก่ง ขอโทษ ๆ ๆ ๆ ขอโทษแล้ว...ห้ามโกรธกันอีกนะ T^T " From me 2 ... พี่ตูน "ขอบคุณนะ ที่เอาใจใส่ ดูแลเจนเหมือนน้องแท้ ๆ ขอบคุณที่เป็นห่วงเป็นใย ขอบคุณที่สละเวลามาอยู่ด้วยกัน ขอบคุณที่มาเป็นพี่สาวอีกคน ^^ " "ขอโทษนะที่ชอบทำให้วุ่นวาย ทำให้ลำบากใจ ขอโทษที่ทำให้เสียใจ(ในบางโอกาส) ขอโทษที่ยังเด็ก ขอโทษที่เหมือนคิดอะไรเองไม่ได้ (แต่จริง ๆ ก็ได้คิดนะ) ขอโทษที่พูดดีดีไม่ค่อยเป็น ขอโทษที่เป็นแบบนี้ ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงไปด้วย แค่ขอโทษ...ก็คงไม่พอ" From me 2 ... หม่ามี๊ "ขอบคุณที่เป็นห่วง และขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ซึ่งคงไม่ต้องบรรยาย สาธยายไม่หมดไม่สิ้น ขอบคุ๊ณ ขอบคุณ (บอกป่าปี๊ด้วย)" "ขอโทษที่ทำตัวเหมือนเด็ก(ไม่รู้จักโต) ขอโทษที่ทำให้กังวล ทำให้เป็นห่วงตลอดเวลา ขอโทษที่ไม่ชอบให้สัญญา แต่สาบานได้ว่าเข้าใจ ขอโทษที่พูดจาไม่ค่อยดี (เผลอทุกทีเลย...ให้ตายสิ) ขอโทษ และหวังว่าแม่จะเข้าใจ..." F i n a l l y . . . From me 2 ... 'ใครคนนั้น' "ขอบใจนะ ที่ครั้งหนึ่งเคยได้ใช้เวลาที่มีด้วยกัน ขอบใจนะ ที่เคยให้ความสำคัญ แม้ว่ามันจะ...นิดเดียว ขอบใจนะ ที่พยายามไม่ทำร้ายกัน (แต่คงทำไม่ได้หรอก) ขอบใจนะ ที่ทิ้งเรื่องราวดีดีไว้ให้คิดถึงได้ทุกวัน(ทุกเวลา) ขอบใจนะ ที่เราได้มารู้จักกัน แม้ว่ามันจะ...แป๊บเดียว ขอบใจนะ ที่สอนให้เค้ารู้จักความรักมากขึ้น ขอบใจนะ ที่นายแสนดีกับทุกคน (เค้าชอบตรงนี้ล่ะ) ขอบใจนะ ที่ทำให้เค้ามองโลกที่โหดร้ายได้สวยงามมากขึ้น ขอบคุณจริง ๆ นะ ที่มารับฟังตอนที่เค้าไม่สบายใจ รู้ไหม? เค้าคิดมาตลอดว่า เค้าคงไม่รักนายแล้วมั้ง เวลาที่ไม่สบายใจ เค้ามีพี่อาร์มคนเดียวก็พอแล้ว เค้าเคยคิดว่าถ้านายกลับมาจะดีใจไหม คำตอบคือ...เปล่า เพราะเค้ารู้ว่า ถ้ากลับมาตอนนี้ อะไร ๆ มันก็ไม่เหมือนเดิม เค้าเข้าใจตัวเองผิดไป จริง ๆ แล้วเค้ารักนายมากกว่าที่คิดไว้ ในวันที่เหมือนไม่เหลือใครให้พึ่งแล้ว เค้าไม่ได้คิดถึงใคร ไม่ได้คิดว่าใครจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้ จนปัญญา จนกระทั่ง นายเข้ามาทัก เค้าดีใจมากกว่าที่คิดมากกกก! เค้าอยากจะเล่าให้นายฟัง อยากฟังเรื่องของนาย ทั้งที่เคยคิดว่า ไม่พบ ไม่เจอ ไม่คุยกันเลยจะดีกว่า เค้าคิดผิด! เวลาอย่างนั้นเค้ากลับอยากพบ อยากเจอ อยากคุย ไม่ต้องปลอบอะไร (แถมยังซ้ำเติมอีก) เค้าก็รู้สึกดีขึ้นมากเลย เค้ารู้ว่านายเองไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรเลยด้วยซ้ำ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทำไมถึงเป็นไปได้ขนาดนั้น รู้ว่ามันห่างเหินกว่าที่ควรจะเป็น แต่แค่เป็นนาย...ก็ดีใจที่สุดแล้ว~ " "ขอโทษนะ ที่ทำให้นายลำบากใจ (นิดนึงมั้ง) ขอโทษสำหรับทุกอย่าง เค้าจำได้ว่าเคยบอกไปแล้วหลายครั้ง อยากให้รู้ว่าเค้าขอโทษจริง ๆ ไม่ได้ตั้งใจให้มันแย่ขนาดนี้ ขอโทษที่อ่อนแอ ขอโทษที่เก็บอาการไม่เก่ง ขอโทษที่ยังทำใจให้เป็นเพื่อนกันไม่ได้ ขอโทษ ๆ ๆ ๆ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เค้ารักนายน้อยลงเลย..." ~ A l l . . I . . W a n t . . F o r . . X ' m a s . . I s . . Y O U ~ |