คำว่า แต่งงาน โดย นพ.สุกมล (ลองอ่านกันนะจ๊ะ สาวๆเสียเวลานิ๊ดนึง)
คำว่า แต่งงาน โดย นพ.สุกมล (ลองอ่านกันนะจ๊ะ สาวๆเสียเวลานิ๊ดนึง)
บทความโดย นพ.สุกมล วิภาวีพลกุล / ภาควิชาจิตเวชศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

ในฐานะผู้ชายดีๆ ที่หายากคนหนึ่ง
ผมรู้สึกเห็นใจสตรีเพศจริงๆครับ...
ช่วงเวลาในการเลือกคู่ของเธอทั้งหลายช่างสั้นยิ่งนัก
พราะช่วงอายุขัยของวัยสาวเริ่มผลิบานเมื่อประมาณ 13 ปี
แล้วมาสุดเขตแดนเมื่อวัยสามสิบ...
วันเกิดครบรอบ 30 จึงเป็นตัวเลข! แห่งความสะเทือนขวัญ
ก่อให้เกิดความตื่นตระหนก...
หลายคนไม่อยากพูดถึง คนอื่นก็ไม่ควรเอ่ยปากด้วย...
ถือเป็นมารยาทสังคมอย่างหนึ่ง ยกเว้นพวกมีวาจาเป็นอาวุธ
ที่ชอบถามว่า 'ปาอะไรเอ่ยที่ผู้หญิงกลัวที่สุด '
เฉลย ' ปาเข้าไปสามสิบยังไม่มีแฟน ' ...
ใครดันถาม มันผู้นั้นสมควรตาย
ตอนเรียนหนังสือเป็นนักเรียนนักศึกษา
คุณพ่อคุณแม่ก็สอนนักสอนหนาว่า
' อย่าริรักในวัยเรียน ' 'ตั้งใจเร ียนหนังสือให้ดี
จบแล้วค่อยมีแฟน '
ทั้งๆ ที่ไอ้ตอนเรียนหนังสือมีโอกาสพบปะเพศตรงข้าม มากหน้าหลายตา ก็หาได้สนใจไม่ เป็นคนประเภท ' รักไม่ยุ่ง มุ่งแต่เรียน '
ทุ่มเทชีวิตให้แก่การศึกษา...เมื่อเติบใหญ่เราจะได้มีวิชา
เป็นเครื่องหาเลี้ยงชีพสำหรับตน
หลังจบการศึกษา ประกอบสัมมาอาชีวะ ขณะเดียวกันก็ใช้ เวลาว่าง
เลือกสรร ควานหา ผู้จะมาเป็นเจ้าบ่าวในอนาคต
ตั้งสเปกว่าต้องได้แฟนหนุ่มประเภทซูเปอร์เพอร์เฟค
อย่างวิลลี่ แมคอินทอชหรือจอห์นนี่ แอนโฟเน่ หรืออย่ าง น้อยๆ
ก็ต้องมาดแมนแฮนซั่ม หล่อล่ำดำขรึม ถึง
จะได้มาตรฐาน... ไอ้ประเภทหุ่นอัฟริกา หน้าติมอร์
อย่าได้สะเออะหน้ามาให้เห็น...ไม่มีทางได้แอ้มหรอก
จากวันเป็นเดือน - จากเดือนเป็นปี ความรักไม่มีวี่แววคืบหน้าแม้วันเวลาผ่านไป... เพราะที่ทำงานทั้งห้องมีผู้ชายอยู่แค่ 5 คน -
เจ้านายก็มีเมียแล้ว... ไม่อยากตกเป็นภรรยาบุญธรรม
สองคนดันเป็นเกย์... อีกคนยังลังเลอยู่ว่าจะเป็นดีหรือเปล่า...
คนสุดท้ายเป็นชายแท้ แต่กำลังถูกแย่งตัวระหว่างเกย์สองคนอยู่
ไม่อยากเข้าไปเป็นมือที่สาม...นั่งรถมาทำงาน ก็สองชั่วโมงครึ่ง
กลับอีกสองชั่วโมงสี่สิบนาที กลับถึงบ้าน หมดสิ้นกำลัง
ขอนอนเอาแรงก่อน .........ขณะที่งีบหลับอย่างสนิท ภาพในความฝันที่เธอเห็นคือ สถาบันการศึกษาที่เธอจบมา...
แหล่งที่มีเพศตรงข้ามชุกชุม เธอหวนรำลึกนึกถึงผู้ชายดีๆ
ที่เขาเคยอุตส่าห์มาเฝ้าตามจีบ ตามง้อตามตื้อ แล้วเราเล่นตัวจนเคยตัว
ในที่สุดผลประโยชน์ตกอยู่ที่เพื่อนสนิท เป็นที่เรียบร้อย...
แหม ! ไม่น่าเลย ยิ่งคิดยิ่งเสียดายจริงจริ๊ง...ตื่นพอดี
เจอโลกแห่งความจริง>ดำเนินชีวิตไปแต่ละวัน ยิ่งเข้าหน้าหนาว
ซองสีชมพูกลิ่น หอมๆ จากเพื่อนๆ เริ่มทยอยมา ตามหลังซอง กฐินซองผ้าป่าที่เพิ่งหมด ฤดูกาล...
พอไปในงาน ดันเจอคำถามสะกิดใจอีกว่า
'เมื่อไรจะถึง คิวแจกการ์ดของตัวบ้างล่ะ'...
'โถ! การ์ดแต่งงานน่ะพิมพ์เสร็จแล้ว เหลือแต่ชื่อเจ้าบ่าวที่ยังไม่ได้เลือกว่าจะเป็นใคร
เพราะครั้งนี้เขาเปลี่ยนระบบเลือกตั้งใหม่ ยังงงๆ
เรื่องปาร์ตี้ลิสต์อยู่เลย' เอ๊ะ...เกี่ยวอะไรกัน!...ในใจก็คิดว่า '
ก็ฉันอยู่เป็นโสดนี่มันไม่ดียังไง หนักกระบาลใครรึเปล่า'
เคยตั้งคำถามกันไหม...ว่าทำไมต้องแต่งงาน (กันด้วย!)...
คำตอบจากเพื่อนๆ ที่แต่งงานแล้วหรืออยากจะแต่งงานอาจมีหลากหลาย...
'อยู่คนเดียวมันว้าเหว่ อยากมีใครสักคนไว้แก้เหงา ' ...
รายนี้เห็นผู้ชาย เป็นตัวคลายเหงา
'รายได้ไม่พอใช้ หาคนช่วย (หาเงิน)'ผมกลัวมาช่วยผลาญเงินมากกว่า
'อยากมีลูก ก็ต้องหาพ่อก่อนสิ '...เกิดได้ลูกแล้วจะทิ้งพ่อรึเปล่าเนี่ยะ
'โรงงานพร้อมแล้ว ขาดผู้ประกอบการ'...
เจ้าของคำตอบกำลังหาผู้ร่วมลงทุนฯลฯ
อันว่า' ชีวิตคู่ 'อยู่ไปเพื่อสิ่งใด ?ชีวิตคู่ คือ การเติมเต็มซึ่งกันและกัน
ดังนั้นเมื่อมีชีวิตสมรสแล้ว ครึ่งหนึ่งของ ชีวิตเราจะหายไป
ในส่วนที่ขาดจะมีครึ่งชีวิตของอีกฝ่ายมาเติมแต่งแห่งพื้นที่ ว่างนั้น
ขณะที่ครึ่งชีวิตของเราที่หาย ก็มิได้สูญสลายไปไหน
มันก็ไปเติมที่ว่างของคู่เรานั่นเอง จุดมุ่งหมายของ! การแต่งงานคือ
การใช้ชีวิตคู่ให้มีความสุขมากขึ้นและมีชีวิตที่ดีขึ้น
เมื่อเป็นสามีภรรยาแล้วต้องมีความสุขมากกว่าตอนอยู่คน เดียว
ถ้าตอนอยู่ด้วยกันแล้ว มีแต่ความทุกข์ ความเจ็บปวด
ทุกข์ทรมานก็ไม่รู้ว่า จะแต่งงานไปหาพระแสงดาบคาบ ค่ายที่ไหน...
อยู่คนเดียวมันส์กว่า ชีวิตคู่ต้องเกื้อกูลกันและกัน
ความก้าวหน้าของสามี ภรรยาต้องมีส่วน
อย่างน้อยก็ปลอบใจในยามที่สามีเครียดจากการงาน
ชีวิตภรรยาถ้าไม่คิดเอาดี ในทางโลกก็เจริญในทางธรรม
กำลังใจต้องได้จากสามีเช่นกัน อย่างน้อยก็อย่าหาทุกข์มาสุมเพิ่ม...
ถ้าคู่รักของเราประกอบมิจฉาอาชีวะ ติดเหล้า เล่นการ พนันโกงบ้านกินเมือง ชีวิตอีกฝ่ายก็เหมือนตก นรกทั้งเป็น
เพราะฉะนั้นเวลาเลือกแฟน
แทนที่จะให้ความสำคัญกับเรื่องรูปร่างหน้าตา
ฐานะการเงิน ยี่ห้อรถเก๋งที่ใช้อยู่ ฯลฯ
เปลี่ยนเป็นเงื่อนไขแค่สองข้อที่จำแสนง่าย คือ
> หนึ่ง - สุขใจยามอยู่ใกล้ชิด >สอง - คู่ช่วยคิดชีวิตก้าวหน้า
> เพราะชีวิตคู่คือการเติมเต็มชีวิตแก่กันและกัน
หาใช่เป้าหมายเพื่อการเสริม เพิ่มความเสียว
เพราะอยู่คนเดียวก็เสียวได้ ไม่ง้อใครให้เสียเวลา
ไม่เสียชาติเกิดหรอกครับ ถ้าคุณจะใช้ชีวิตเป็นโสด
ถือคติประจำใจว่า 'อยู่เป็นโสด ดีกว่ามีผัวเลว '



Create Date : 26 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2550 16:32:13 น.
Counter : 647 Pageviews.

7 comments
BUDDY คู่หู คู่ฮา multiple
(3 ม.ค. 2567 04:49:04 น.)
อุ้มสีมาทำบุญ ๙ วัด ในวันขึ้นปีใหม่ที่จ.อุบลราชธานี อุ้มสี
(3 ม.ค. 2567 19:10:02 น.)
ทนายอ้วนจัดดอกไม้ - จัดดอกไม้ง่ายๆ – แจกันสวัสดีปีใหม่ 2567 - กุหลาบพวงสีชมพู - ขาว ทนายอ้วน
(2 ม.ค. 2567 15:16:32 น.)
No. 1259 สาระเกือบมี (ตอนทำงานที่ใหม่ ถูกลองดี) ไวน์กับสายน้ำ
(1 ม.ค. 2567 05:58:05 น.)
  
ก้อไม่ได้เลือกนะคะ แต่ไม่รู้ว่าผู้ชายหายไปไหนหมด
โดย: ApPleNarak999 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2550 เวลา:17:05:26 น.
  
อ่าน่ะ...ไม่หายไปไหนหรอกครับ เยอะแยะไปหมดเลยนา...อย่างเช่นผมเป้นต้นครับ อิๆๆๆๆ
โดย: NayFahSai วันที่: 26 พฤศจิกายน 2550 เวลา:18:02:53 น.
  
โอ๊ะ โอ๊ะ!! โดนอย่างแรง...

สวัสดีค่ะ แวะมาเยื่ยมบ้านเน้อ
โดย: iian_angle วันที่: 26 พฤศจิกายน 2550 เวลา:22:03:28 น.
  
อ่านถึง หุ่นอัฟริกา หน้าติมอร์แล้ว แปะไว้ก่อนนะคะ เด๋วพรุ่งนี้แวะเข้ามาดูใหม่ บ่ไหวๆ อาบน้ำอาบท่าก่อน

PS. ไม่อยากบอกเลยว่า หวานใจของเรา หน้าตาอัฟริกา+ติมอร์+เขมร จริงๆนะ เหอๆ
โดย: sorry about that วันที่: 26 พฤศจิกายน 2550 เวลา:22:49:42 น.
  
จริง ๆ ตอนเพื่อนแต่งงานน่าจะขอเป็นตัวแถมนะ จะได้มีงานแต่งเป็นของตัวเอง

แต่คิดแล้วตรงกันว่า
อยู่เป็นโสด ดีกว่ามีผัวเลว
ชัดเจน เปลี่ยน
โดย: ดอกฝิ่นสีชมพู วันที่: 27 พฤศจิกายน 2550 เวลา:0:21:43 น.
  
อ่านจบแล้วค่ะ


อืม.. ส่วนตัวคิดว่า ไม่มีแฟนก็ได้แค่อยากแต่งงานแล้วก็มีลูกอ่ะ .. จริงๆนะ แหะๆ
โดย: sorry about that วันที่: 27 พฤศจิกายน 2550 เวลา:16:47:10 น.
  
แต่ก็ทราบข่าวว่ามีแฟนแล้วนี่ครับ อิๆ
โดย: NayFahSai วันที่: 27 พฤศจิกายน 2550 เวลา:20:53:35 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Nayfahsai.BlogGang.com

NayFahSai
Location :
ลำพูน  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]