เที่ยวเกาะเกร็ด (3) วัดปรมัยยิกาวาส วัดไผ่ล้อม วัดเสาธงทอง เกาะเกร็ด เกิดขึ้นจากการขุดคลองลัดลำน้ำเจ้าพระยา ตรงที่มีแหลมยื่นไปตามความโค้งของแม่น้ำเจ้าพระยา ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ แห่งกรุงศรีอยุธยา ในปี พ.ศ. 2265 เรียกคลองนี้ว่า คลองลัดเกร็ดน้อย (คลองลัดเกร็ดใหญ่ อยู่ที่จังหวัดปทุมธานี ขุดลัดแม่น้ำเจ้าพระยาตอนท้ายอำเภอสามโคกมาทางใต้ถึงคลองขวางเชียงราก) ขนาดกว้าง 6 วา ยาว 39 เส้นเศษ ลึก 6 ศอก ต่อมากระแสน้ำเปลี่ยนทิศทางทำให้คลองขยายกว้างขึ้น เพราะถูกความแรงของกระแสน้ำเซาะตลิ่งพังจึงกลายเป็น แม่น้ำลัดเกร็ด และกัดเซาะจนมีสภาพเป็นเกาะเช่นทุกวันนี้ เมื่อลำคลองกว้างขึ้น สภาพความเป็นเกาะเด่นชัดขึ้น จึงเกิดเกาะ แต่ชื่อที่เรียกกันชั้นแรกนั้นเรียกว่า เกาะศาลากุน ชื่อนี้ปรากฏอยู่ในโฉนดที่ดินที่ออกในสมัยรัชกาลที่ 5 เกาะศาลากุนนี้เรียกตามชื่อ วัดศาลากุน สันนิษฐานว่าเป็นชื่อที่ได้มาจากผู้สร้างถวายชื่อ เจ้าพระยารัตนาธิเบศร์ (กุน) ที่สมุหนายกรับราชการ ตั้งแต่สมัยพระเจ้าตากสินมหาราช จนถึงสมัยรัชกาลที่ 2 ต่อมาเมื่อตั้งอำเภอปากเกร็ดขึ้นแล้ว เกาะศาลากุน จึงได้มีฐานะเป็นตำบลและเรียกว่า ตำบลเกาะเกร็ด เกาะนี้จึงชื่อว่า เกาะเกร็ด จนถึงปัจจุบัน ก่อนจะถึงจุดหมายปลายทาง เกาะเกร็ด มีวัดริมน้ำหลายวัดเลยค่ะ ถ่ายชื่อวัดได้บ้าง ไม่ได้บ้าง มีแต่ภาพ ไม่มีชื่อวัด หลายวัดเลยค่ะ วัดกลางเกร็ด วัดฉิมพลี ร้านอาหารบ้านคุณพระ บ้านริมน้ำสวย ๆ น่าอยู่สบายทั้งนั้นเลยค่ะ เรือนริมเกร็ด วัดสนามเหนือ ถึงแล้วค่ะ วัดปรมัยยิกาวาส พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 พระเจดีย์มุเตา หรือเจดีย์เอียง พระเจดีย์มุเตา วัดปรมัยยิกาวาส ตั้งอยู่บริเวณหัวแหลมของเกาะเกร็ด เป็นเจดีย์ทรงรามัญสีขาว มีผ้าแดง ผูกบนยอดเจดีย์ ซึ่งกล่าวกันว่าผ้าแดง คือ สัญลักษณ์อย่างหนึ่งของวัฒนธรรมรามัญ เป็นศิลปะแบบมอญแท้คือ พระเจดีย์ทรงมอญแท้ เป็นพระเจดีย์จำลองมาจากหงสาวดี ก่อนที่จะถูกพม่าแต่งเติมจนทำให้พระเจดีย์มุเตาองค์เดิมที่เมืองหงสาวดีกลายเป็นเจดีย์ทรงมอญผสมพม่าในปัจจุบัน พระเจดีย์มุเตา เป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูน ฐานแปด เหลี่ยมย่อมุม ยอดเจดีย์มีฉัตรทรงเครื่อง 5 ชั้น อย่างมอญ สูง 1 วา ตั้งอยู่หัวมุมเกาะเกร็ด ทางราชการโดยกรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา ปี 2478 พระเจดีย์มุเตาสร้างโดยชาวมอญ ที่อพยพมาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ปลายกรุงศรีอยุธยา อายุราว 300 ปี ภายในบรรจุพระธาตุเป็นที่เคารพสักการะ ของชาวไทยเชื้อสายมอญ เดิมเป็นเจดีย์ที่สร้างตั้งตรง ต่อมาน้ำเซาะตลิ่งพัง จึงทำให้เจดีย์ทรุดตัวและเอียงลงเมื่อ ประมาณปี พ.ศ. 2434 ถ่ายหลาย ๆ มุมเลยค่ะ 11.22 น. วันที่ 13 เมษายน 2565 เรือลำที่เรานั่งมา เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ขากลับ ให้มารอที่ศาลาท่าน้ำวัด เวลาบ่าย 3 ค่ะ พิพิธภัณฑ์ รัชกาลที่ 5 ไม่ได้เดินดูค่ะ กลัวเวลาไม่ทัน ทางเข้าเขียน ปี พ.ศ. 2476 หอระฆัง พ.ศ. 2483 ของกินอร่อยขึ้นชื่อของเกาะเกร็ด ทอดมันหน่อกะลา ดอกไม้ทอด ผักทอด พระมหารามัญเจดีย์ เป็นเจดีย์รามัญ ฐานกว้าง 5 วา 3 ศอก สูง 6 วา 2 ศอก เท่ากันทั้ง 4 ด้าน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดฯ ให้สร้างเมื่อ พ.ศ. 2421 ตั้งอยู่ด้านหลังพระอุโบสถ ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งได้รับจากอุปราชอินเดีย พระธาตุเจดีย์เป็นเจดีย์องค์ใหญ่ จำลองแบบพระธาตุเจดีย์มุเตา มีงานประจำปีสมโภชพระบรมสารีริกธาตุของวัดเป็นประจำทุกปี ในวันขึ้น 13 ค่ำ เดือน 4 พระอุโบสถ พระอุโบสถวัดปรมัยยิกาวาส อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีขนาดยาว 9 วา 3 ศอก กว้าง 5 ศอก 7 ห้อง เฉลียงปูศิลาขาว ศิลาดำ ลาดพระอุโบสถปูศิลารอบพระอุโบสถ มีรั้วเหล็ก บานประตูเหล็ก ซึ่งเป็นเหล็กชั้นดีที่สั่งจากยุโรปในสมัยรัชกาลที่ 5 มีลวดลายสวยงาม ซุ้มเสมาใหญ่ ฐานกว้าง 2 วา 4 เหลี่ยม อยู่ในมุมทั้ง 4 ทิศ ภายในพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง ฝีพระหัตถ์หม่อมเจ้าพระวิช ในพระเจ้าราชวงศ์เธอกรมขุนราชศีหวิกรม เป็นภาพแสดงเรื่องธุดงวัตร 13 และพุทธประวัติโดยเฉพาะ พระพุทธกิจหลังการตรัสรู้ (พระพุทธจรรยา) เป็นพระวินัยของพระสงฆ์เกี่ยวกับผ้าจีวร 2 บท เกี่ยวกับภัตตาหาร 5 บท เสนาสนะ 5 บท และเกี่ยวกับความเพียร 1 บท ตกแต่งภายในด้วยลายปูนปั้นแบบตะวันตก จึงมีลักษณะของศิลปะตะวันออกผสมกลมกลืนกับตะวันตกอย่างงดงาม บานประตู หน้าต่าง ประดับลายปูนปั้นเขียนด้วยสี มีรูปแบบของศิลปะตะวันตกเข้ามาผสมผสานอย่างสวยงาม ใกล้เที่ยงแล้ว หาอะไรกินก่อน...แวะร้านนี้ละกันค่ะ เราสั่งข้าวแช่ มาคนเดียวสั่งได้แค่นี้ล่ะค่ะ พริกหยวกสอดไส้ เพิ่งเคยกินครั้งแรก อร่อยดีค่ะ เดินต่อ... ร้านถ่ายรูปค่ะ วัดไผ่ล้อม เป็นวัดโบราณที่สร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา อาจจะเป็นวัดเก่าแก่ที่สุดวัดหนึ่งบนเกาะเกร็ด แต่ได้เป็นวัดร้างไปตั้งแต่ พ.ศ. 2308 เพราะพม่าเข้าตีและยึดเมืองนนทบุรี จากนั้นเข้าตีกรุงศรีอยุธยาได้เมื่อ พ.ศ. 2310 จึงไม่มีพระสงฆ์และชาวบ้านดูแลวัด พ.ศ. 2317 ได้มีคนมอญมาบูรณะปฏิสังขรณ์วัดขึ้นใหม่ วัดไผ่ล้อมถึงมีพระสงฆ์อยู่ประจำวัดสืบมา แต่วัดคงมีสภาพทรุดโทรมมากเพราะมีชาวบ้านไม่มาก ประกอบกับวัดถูกทิ้งร้างมานาน ต่อมาอำแดงแตนได้ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์ อุโบสถ และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2446 ที่ตั้งวัดไผ่ล้อมอยู่กลางระหว่าง วัดมอญอีก 2 วัด คือวัดปรมัยยิกาวาสและวัดเสาธงทอง คนมอญจึงเรียกวัดไผ่ล้อมในภาษามอญว่า เภี่ยะโต้ แปลว่าวัดกลาง การตั้งอยู่ระหว่างวัดดังที่กล่าว ประกอบกับมีชุมชนใกล้วัดจนเกือบจะเป็นวัดร้าง
ต่อมาวัดนี้เปลี่ยนชื่อมาเป็น วัดเสาธงทอง ในช่วงปลายสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องจากได้สร้างเสาหงส์หลายต้นปักเรียงรายอยู่หน้าวัด ปัจจุบันไม่มีเสาเหล่านี้ตั้งอยู่แล้ว เพราะชำรุดทรุดโทรมมาก พระอุดมญาณมุนี อดีตเจ้าอาวาสจึงให้รื้อถอนออก
|
บทความทั้งหมด
|