#7 เกาหลี…ไม่มีโคลนตม ไม่มีดอกบัว

“ไม่มีโคลนตมไม่มีดอกบัว”

ติชนัท ฮันห์

พระเซนชาวเวียดนามที่มีผลงานธรรมะย่อยง่ายทันสมัยและงดงามดั่งบทกวี

::::::::::::::::::::::::::

นอกเหนือจากทรัพยากรธรรมชาติเพียงเล็กน้อยที่ธรรมชาติให้เกาหลีมีติดประเทศ…เช่นเหล็ก

หรือทรัพยากรที่เหนือชั้น…ที่เกาหลีมาสร้างขึ้นเองด้วยมือตน(เหมือนสิงคโปร์) อย่างทรัพยากรมนุษย์ที่เน้นระบบการศึกษาที่เป็นเลิศแล้ว

จะว่าไป…

เกาหลีก็มีทรัพยากร..อีกอย่าง

ที่เราคงไม่คิดจะเรียกเป็นทรัพยากรหรอกนะ…ถ้าหากว่ามันไม่สร้างผลประโยชน์บางอย่างตอบแทนมาให้โลก…อย่างที่เกาหลีทำ…

สิ่งที่ว่านั่น…คือประสบการณ์จากสงคราม…

ที่เกาหลีมีไม่น้อยและไม่ธรรมดา

และเนื่องจากมันเกี่ยวกับสงคราม

ดังนั้น...มันจึงมีความ “บาด” มาก

และหลายๆ เรื่องมันก็ “บาด” ลึกมาก

ซึ่งยิ่งลึก....ก็ยิ่งมีอิทธิพล...

ไม่ว่าจะโดยเห็นโต้งๆ หรือที่รองพื้นอยู่เบื้องหลังชนิดลึกสุดใจ...

“ผู้คนจะลืมสิ่งที่คุณพูด...จะลืมสิ่งที่คุณทำ...แต่ไม่มีวันลืมวิถีที่ทำให้พวกเขารู้สึก”

Maya Angelou

ในบทเรียนทั้งการตลาด ทั้งด้านจิตวิทยา ทั้งคำคมทั้งอะไรต่ออะไร ก็พูดตรงกันว่า

เมื่อไร ที่เรื่องใด ลงไป “ลึก” ในระดับสร้างความรู้สึกและอารมณ์ล่ะก็

คนเรายากจะลืม... และให้มันขับเคลื่อนความเป็นไปในวิถีชีวิต

เป็นเพราะบาดแผลฉกรรจ์เรื่องสงครามนี้รึเปล่านะ

ที่ทำให้เกาหลี สร้างหลายสิ่งคลอดหลายอย่างออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์

รวมถึง การเสพคุ้นความรู้สึกบางอย่าง เช่นความเครียด, ความเศร้า, ความกดดัน, ความรุนแรงทางอารมณ์....แบบยากถอดถอน...

แม้เกาหลีจะมีธีมปาร์ก แดจังกึม มีเกาะนามิ แห่งซีรีส์Winter love song หรือพระราชวังเคียงบ็อกกุง...

แต่อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยว ที่นิตยสาร Times แนะนำให้เป็นอีก1 ใน 10 สถานที่ท่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้ หากไปเกาหลี ก็คือ War memorial (อนุสรณ์สถานสงคราม)ของเกาหลี

ไม่ใช่ทุกทัวร์จะพาไปที่นี่นะ แต่ทัวร์แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ที่ครั้งหนึ่งเรามีโอกาสได้ร่วมนั้น...พาไป...ซึ่งเป็นอะไรที่อยากแนะนำเหมือนTimes เลย คือมันน่าสนใจ และใหญ่อลังมลังเมลือง

(จะบอกว่า น่าสนใจกว่าพระราชวังเคียงบ็อกกุงอีกนะสำหรับข้าพเจ้า)

เราถึงกับเอ่ยปากกับเพื่อนอาสาชาวเกาหลีที่พาไป(โดยกรูไม่ทันคิด) ว่า

“อนุสรณ์สถานสงครามของเกาหลีนี่ยิ่งใหญ่และทำดี ลึกซึ้งเนอะเคยไปดูที่ออสเตรเลีย มันไม่อลังการณ์ขนาดนี้เลย”

เพื่อนเกาหลีก็ตอบว่า “เพราะเกาหลีมีสงครามเยอะมากยังไงล่ะ”

เรา “....”

อืม...วัตถุดิบ..เรื่องราว...มันเยอะ...นั่นสินะ

ระหว่างที่เดินดูเรือรบเต่า ที่บรรพบุรุษชาวเกาหลีคิดไว้อย่างแยบคาย

นับเป็นเรือรบหุ้นเกราะแบบแรกของโลก

กับการเอาอาวุธซ่อนเอาไว้ในเรือ ดาดฟ้าหุ้มด้วยหลังคาเหล็ก มีเดือยแหลมยื่นออกมา ไว้สำหรับแทงผู้ไม่หวังดีที่จะกระโดดข้ามมา ด้านหน้าเป็นหัวมังกร มีไว้เพื่อข่มขวัญเหล่าศัตรู และหัวมังกรนี้ยังสามารถพ่นควันได้อีกด้วยเพื่อเป็นการพรางตัวและบดบังทัศนวิสัยของฝ่ายศัตรู

ช่วยให้รบชนะอย่างงดงาม

ในยุคเก่าขนาดช่วงผลิตอักษรเกาหลีก่อนนู้นปู้นเลย

และระหว่างเดินๆ อยู่ในอนุสรณ์สถานสงครามเกาหลีนั้นเพื่อนเกาหลีในกลุ่ม ก็เอ่ยขึ้นมาว่า

“ขอบคุณประเทศไทยนะ ที่มาช่วยเรารบในตอนนั้น”

“หือ?”แล้วเราก็เดินถึงจุดที่กล่าวถึงประเทศที่มาช่วยเกาหลีรบในสงครามเกาหลี มีธงชาติไทยมีอนุสรณ์ทหารไทย และมีรายชื่อนักรบไทยที่เสียชีวิตในสงครามเกาหลี

เหล่าทหารไทย ที่เสียสละเหล่านี้ทำให้พวกเราชาวไทยรู้สึกซาบซึ้งใจ ได้รับเกียรติและได้รับคำขอบคุณเหล่านั้นจากเหล่าเพื่อนชาวเกาหลี

หากค้นหาคำว่า War memorial korea จาก googleคุณจะพบประโยคที่แสดงความซาบซึ้งใจของเกาหลีที่มีต่อเหล่าประเทศที่ส่งกำลังมาช่วยเกาหลีในตอนนั้นว่า

“ประเทศของเราเคารพนับถือเหล่าลูกชายลูกสาวของประเทศเหล่านี้ที่ตอบรับมาร่วมปกป้องประเทศที่พวกเขาไม่เคยรู้จัก และผู้คนที่เขาไม่เคยพานพบ”

ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียที่ส่งกำลังมาช่วยประเทศเกาหลีรบบ้างว่า 6,000 กว่าคน (//www.thaiarmedforce.com/taf-article/48-skyman/148-60-year-of-korean-war.html) บางข้อมูลว่า 10,000 กว่าคน (//en.wikipedia.org/wiki/Thailand_in_the_Korean_War#cite_note-6) ทั้งรวมทั้งเสบียงเป็นข้าวจำนวน 4 ตันในจำนวนนี้ มีทหารไทยเสียชีวิตในสนามรบจำนวน 136 คน และบาดเจ็บสาหัสพันกว่าคน

วีรกรรมความกล้าหาญและเสียสละของนักรบไทยที่ได้รับการกล่าวขานเป็น พยัคฆ์น้อย (ตัวเล็กแต่ดุดันดั่งเสือ) ว่า รบกับข้าศึกกล้าแกร่งราวกับปกป้องบ้านเมืองของตัวเองแม้ว่าอากาศจะหนาวเหน็บขั้วหัวใจ เสื้อหนาวที่แค่จะใส่ยืนก็ยากแล้วและประสบการณ์เผชิญความหนาวก็ไม่มี แต่ต่อสู้อย่างยอดเยี่ยมจนเป็นที่กล่าวขาน

เป็นเหตุผลให้คนไทยสามารถไปมาหาสู่ที่เกาหลีได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้วีซ่า

(ขอบคุณเหล่าทหารหาญไทยทุกคน มา ณ ที่นี้)

ในอนุสรณ์สถานสงครามเกาหลี มีอาวุธ อุปกรณ์ เรื่องราวเกี่ยวกับสงครามหลากหลายเรียงกันมาก่อนสงครามเกาหลีซะอีกเรียกว่าประเทศคาบสมุทรแห่งนี้ ปะทะตั้งแต่จีน, ญี่ปุ่น ซ้ำแล้วหลายระรอกที่เจ็บช้ำมากก็กับญี่ปุ่นนี่ล่ะ เรียกว่าเป็นสงคราม 7 ปีที่จากข้อมูลทางประวัติศาสตร์บอกว่า เสียหายและทารุนหนักยิ่งกว่าสงครามเกาหลีเสียอีก(ชาวเกาหลีจึงแค้นชาวญี่ปุ่นมาก)

คือ อ่านรายละเอียดสงครามที่ญี่ปุ่นบุกเกาหลีแล้วหน้ายู่อ่ะตึงเครียด! มันทารุณ มันโหดร้าย

(ข้อมูลจาก: )

จะรู้จักการรบ ก็ต้องรู้จักพาหนะ รู้จักอาวุธ

ทุกสิ่งมีพร้อมที่นี่ ตั้งแต่เรือรบ, เครื่องบินรบ, อาวุธ,มิสซายส์ต่างๆ ไปจนถึงเชิญเล่นเกมส์ยิงจรวด

มีเรื่องราวต่างๆ น่าสนใจมากมาย ซึ่งโดยปกติแล้ว คนอย่างเราที่ไม่ค่อยสนใจสงครามอะไรนักแต่รู้สึกได้เลยว่าที่นี่ยิ่งใหญ่และจัดได้น่าสนใจ

และแล้วฉันก็เดินมาจนมาถึงห้องๆ หนึ่ง

เพียงก้าวแรกที่เข้าไปถึง หยดน้ำใสๆ ก็ออกมาจากตา...

ฉันก็ได้ยินเสียงร้องไห้ ของรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้ง (หมายถึงระบบเสียงนะ ไม่ใช่หุ่นร้องออกมาเองจริงๆ) ของชาวบ้านท่ามกลางซากปรักหักพังทุกคนดูลำบากยากเค้น ยากจน และบรรยากาศโค-ตระอภิมหาเศร้า จนฉันน้ำตาไหลพรั่งพรูเลย

เพื่อนเกาหลีตกใจกันใหญ่ อันว่าฉันเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร

แต่ถ้างานมโนจะมา ก็คงคิดไปได้ว่า ฉันอาจเป็นทหารเกาหลีที่มีทหารไทยเคยช่วยเหลือกันไว้มาก่อน ชาตินี้ฉันก็มาตอบแทนบุญคุณชาติไทยแต่ก็ยังคงไม่ลืมความรู้สึกคุ้นเคยที่มีกับประเทศเกาหลีก็ได้มั้ง ฮ่าๆๆ

เพื่อนเกาหลีก็ขอบคุณและซาบซึ้งที่ฉันเห็นใจและอินไปกับช่วงเวลาแห่งความมืดมิดและยากลำบากตอนนั้นของพวกเขานะ

จะว่าไป ตั้งแต่รู้จักเกาหลีมานี่...

ฉันต้องเสียน้ำตาไปกับการปฏิสัมพันธ์กับประเทศนี้เยอะมากเลยนะ

ถ้าน้ำตาจากความเห็นใจ, ซึ้งใจ...ก็เป็นบวกดีอยู่หรอก

แต่น้อยใจ...เสียใจนี่สิ =_=

สรุป ขุมทรัพย์ที่ได้คือ

~ ความกดดัน ความยากลำบาก ความเจ็บปวดนานา เกาหลีแปลงมันมาเป็นเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนประเทศ

และอีกประการคือ...เหมือนจะหลังชนฝา...สิ่งที่เกาหลีเจอมา...คงไม่มีอะไรเลวร้าย ย่ำแย่มากไปกว่านี้อีกแล้ว.... ประเทศเกือบไม่เป็นประเทศ รบกับประเทศเพื่อนบ้าน แล้วก็ยังถูกประเทศอื่นเป่าหูจนต้องรบกันเองภายในอีก จะมีอะไรบอบช้ำระบมหนักกว่านี้อีก


อย่ารอให้ประเทศเราต้องถูกเหวี่ยงไปอยู่ในสถานการณ์กดดัันแบบนั้นเลย

รีบเปลี่ยนแปลงปรับปรุงพัฒนาอย่างมีฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสากันเถิดชาวไทย



โปรดติดตามตอนต่อไป

#ขุมทรัพย์สุดใจไทยเกาหลี




Create Date : 19 เมษายน 2558
Last Update : 19 เมษายน 2558 0:35:32 น.
Counter : 821 Pageviews.

0 comments
สวัสดีปีใหม่ Rain_sk
(1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)
พบเจอภาพอะไร? ส่วนหนึ่งของภาพน่าสนใจจึงตัดมาใช้ คุกกี้คามุอิ
(1 ม.ค. 2567 03:56:23 น.)
สวัสดีปีใหม่ Rain_sk
(1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)
สวัสดีปีใหม่ Rain_sk
(1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Miso.BlogGang.com

ล ม ห า ย ใ จ ...อุ่ น อุ่ น
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]