ไส้ติ่ง.... อีกหนึ่งติ่งของชีวิต
เอนทรี่นี้เป็นเรื่องส่วนตัวล้วนๆ ตั้งใจเขียนไว้อ่านเอง เพื่อเก็บช่วงเวลาที่ไม่คาดคิดเอาไว้ ใครไม่ชอบอ่านอะไรยาวๆ.... ผ่านไปเลยค่ะ
=================================================================
20 August 2011
เก็บกระเป๋าเตรียมตัวกลับไทยวันรุ่งขึ้น ด้วยอารมณ์ลั้นลาออกนอกหน้า แต่พอซักหกโมงเย็นนึกออกว่ายังไม่ได้เช็คอินออนไลน์ เลยรีบจัดการเพื่อพรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องไปต่อคิวยาวๆที่สนามบิน แล้วนั่งเช็คนั่นนี่อยู่อีกเกือบชั่วโมง รู้สึกปวดท้องใต้สะดือแต่ก็คิดว่าคงเป็นเพราะ paella มื้อกลางวันแน่ๆ เพราะรู้สึกว่าอาหารทะเลไม่สดเท่าที่ควร
ซักทุ่มครึ่งรู้สึกว่าอาการปวดท้องเริ่มชวนเพื่อนคือคุณวิงเวียนมาอยู่ด้วย ทานข้าวไปได้แค่สองช้อนก็ต้องหยุด รู้สึกว่าตัวเองไม่ปรกติแน่ๆ.... รีบโทรนัดหมอแล้วดิ่งไปหาทันที
ไปถึงหมอซักอาการ ไล่ขึ้นเตียง แล้วเปิดพุงอ้วนๆของฉันมากดๆจิ้มๆ เคล้นคลึงจนหมอสาแก่ใจ(ถ้าเปลี่ยนหมอสาวคนนี้เป็นหมอปู้จายคงจะดีมิใช่น้อย.... โหะ โหะ) ถามว่าฉันเจ็บตรงไหนมากที่สุดฉันก็ตอบไม่ได้ เพราะมันเจ็บร้าวไปทั้งท้องแล้วตอนนี้ แต่เป็นอาการแบบศรีทนได้ หมอบอกว่าอาจจะเป็นไส้ติ่งอักเสบ หากคืนนี้ทนไม่ได้รีบมาโรงพยาบาลด่วน แต่ถ้าผ่านคืนนี้ได้ไม่ตายเสียก่อน ยูน่าจะเป็นนิ่วนะ แต่ยังไงพรุ่งนี้เช้ารีบไป ultrasound อย่างด่วน ว่าแล้วก็ออกใบส่งตัวล่วงหน้าไว้ให้เลย ฉันรีบบอกหมอว่าพรุ่งนี้ฉันต้องกลับไทย หมอตาเขียวใส่บอกว่ายังกลับไม่ได้จนกว่าจะรู้ว่ายูเป็นอะไร เพราะหากยูเป็นไส้ติ่งจริงๆมันอันตรายมากระหว่างที่ยูอยู่บนเครื่อง ฉันยืนยันว่ายังไงฉันก็ต้องกลับ และฉันคงไม่ได้เป็นไส้ติ่งอักเสบหรอก เพราะฉันยังทนได้นี่ แต่ถ้าคืนนี้ไม่ไหวจริงๆฉันจะไปโรงพยาบาล หมอเลยให้ยาแก้ปวดฉันมาสองอย่าง แก้คลื่นไส้วิงเวียนอีกหนึ่ง และยาฆ่าเชื้ออีกหนึ่ง.... คืนนั้นฉันหลับๆตื่นๆจนเช้า ไม่ได้ปวดทุรนทุรายอย่างที่หมอคาดไว้
21 August 2011
ตื่นมาตั้งแต่หกโมงเช้าด้วยอาการหิวโหยสุดชีวิต จัดการ muesli ถ้วยย่อมๆกับนมอุ่นๆหนึ่งแก้วแล้วตามด้วยยาที่หมอให้มา กลับไปนอนอีกสองชั่วโมงแล้วลุกมาอาบน้ำสระผม เก็บกระเป๋าแบบเบลอๆจนเสร็จ แล้วแต่งตัวออกบ้านมาสนามบิน
ตอนโหลดกระเป๋าที่เคาท์เตอร์เช็คอิน ฉันแจ้งกับพนักงานว่าเมื่อคืนฉันไม่สบาย อยากเปลี่ยนที่นั่งที่ฉันเช็คอินออนไลน์เอาไว้ เป็นที่นั่งที่เงียบๆหน่อย.... ฉันได้ที่นั่งว่างสามที่ติดกันนอนยาวจนถึงกรุงเทพ (การบินไทยที่คนไทยตินักติหนาว่ามีแต่ลูกท่านหลานเธอ เอาใจแต่ผู้โดยสารฝรั่ง ไม่เห็นหัวคนไทย เชื่อไหมว่าฉันไม่เคยได้รับบริการที่ไม่ดีจากสายการบินแห่งชาตินี้เลย ฉันได้รับการบริการเกินความพอใจแทบทุกครั้ง ตลอดการเป็นสาวกมาเกือบยี่สิบปี)
22 August 2011
ประมาณตีสามเวลาเมืองไทย ฉันรู้สึกว่ามีไข้ หนาวสั่นจนผ้าห่มสามผืนก็เอาไม่อยู่ รีบขอน้ำจากแอร์โฮสเตสเพื่อกินยาแก้ปวดและยาลดไข้ นอนต่ออีกชั่วโมงก็รู้สึกดีขึ้น.... เครื่องลงเกือบหกโมงเช้า ตอนนั้นฉันรู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นจนเกือบไม่เหลืออาการป่วย เรียกลีมูซีนให้ไปส่งที่โรงแรม ถึงโรงแรมได้เช็คอินขึ้นห้องทันที รีบโทรหาแม่ว่ามาถึงแล้ว เล่าให้แม่ฟังด้วยว่าเกือบไม่ได้กลับมาแล้ว แม่ย้ำว่าให้กินอะไรก่อนกินยา ควรเป็นพวกข้าวต้มหรือโจ๊ก แล้วให้นอนพักทันที ตื่นมาให้รีบไปหาหมอพินิจที่สมิติเวช ฉันขำก๊าก เพราะคุณหมอพินิจที่แม่เป็นคนไข้ของหมอตั้งแต่หมอยังอยู่เชียงใหม่ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาท แต่หนูปวดท้องนะคะแม่
ตื่นมาอีกทีตอนบ่ายสอง อาการปวดท้องหายเกือบปลิดทิ้ง แต่อาการหิวโหยถาโถมมาแทนที่ คนเป็นไส้ติ่งอักเสบเค้าจะเบื่ออาหารมิใช่รึ ตัดไปเลยไส้ติ่งเนี่ยฉันไม่เข้าข่ายแน่ๆ.... แต่งตัวขึ้นรถไฟฟ้าไปพาราก้อน ดิ่งไปร้านกิ่งกัลปพฤกษ์เพื่อเมนูโรตีแกงเนื้อโดยเฉพาะ อิ่มแล้วก็เดินดูรองเท้า กระเป๋า แวะช้อปปิ้งพอกรุบกริบก็กลับโรงแรม แต่ตอนเย็นก็แวะกลับมาพาราก้อนอีก เพราะนัดน้องมากินข้าวกันร้านเดิม.... คืนวันนั้นไข้ขึ้นอีกแล้ว แต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไร
23 August 2011
วันนี้ตื่นลงมาทานข้าวที่ล๊อบบี้ รู้สึกว่าตัวเองปรกติมากๆ อาการปวดท้องแทบไม่รู้สึกแล้ว อิ่มจากมื้อเช้าก็เดินถ่ายรูปรอบๆโรงแรม สายๆขึ้นไปแต่งตัวเพราะนัดอุ้มเอาไว้ช่วงบ่าย.... บ่ายโมงไปนั่งเม้าท์มอยจิบชาแกล้มเค้กกับอุ้มที่คอฟฟี่บีน ยังบอกกับอุ้มว่าสงสัยฉันจะเป็นนิ่วว่ะค่ะ นั่งนินทาชาวบ้านอยู่ซักพัก รู้สึกหนาวขึ้นมาจนต้องเอาผ้าพันคอมาคลุมไหล่ อุ้มเอื้อมมือมาแตะหน้าผากแล้วบอกว่าตัวไม่ร้อนนะ นั่งคุยกันจนเกือบสี่โมง ก็ย้ายไปคุยกันต่อที่โรงแรม เพราะพักอยู่หลังพาราก้อนพอดี
24 August 2011
วันนี้ฉันเดินทางขึ้นเชียงใหม่ ยกกระเป๋าใบโต๊โตขึ้นลงสายพานได้สบายๆ ฉันหายป่วยแล้วนี่นา ไม่ได้เป็นอะไรนักหนาซักหน่อย มาถึงบ้านเกือบบ่ายสาม แม่ไม่อยู่ออกไปเรียนแกะสลักผลไม้ ยกกระเป๋าขึ้นไปห้องนอนชั้นสอง จัดห้อง รื้อกระเป๋า พอเย็นๆก็คว้าจักรยานออกไปขี่เล่นรอบหมู่บ้าน แม่กลับมาก็ถามไถ่เรื่องอาการปวดท้องของฉัน ฉันบอกว่าฉันคงไม่ได้เป็นอะไรมาก เพราะถ้าเป็นไส้ติ่งจริง ฉันคงเข้าโรงพยาบาลไปแล้วไม่ลอยหน้าลอยตาอยู่ได้หลายวันอย่างนี้หรอก ส่วนอาการนิ่วทำไมฉันยังฉี่เป็นปรกติ ไม่แสบไม่มีอาการผิดปรกติใดๆเลย คงเป็นลำไส้อีกเสบมั้ง.... แม่ย้ำว่ายังไงพรุ่งนี้ก็ต้องไปหาหมอ
25 August 2011
ฉันปั่นจักรยานออกไปรอรถหน้าหมู่บ้านเพื่อไปโรงพยาบาลเอกชนที่ขึ้นชื่อที่สุดของเชียงใหม่ (ฉันรู้สึกว่าฉันปรกติดี จนไม่ต้องพึ่งพาให้ใครไปส่ง)เรื่องสุขภาพฉันไม่เกี่ยงนะ เพราะชีวิตไม่ได้มีขายตามเซเว่น และโรงพยาบาลนี้ฉันคุ้นเคยตั้งแต่ยังทำงานอยู่เชียงใหม่ ไปถึงช่วงเที่ยงๆได้ตรวจกับคุณหมอทั่วไป คุณหมอสงสัยว่าฉันเป็นไส้ติ่งอักเสบ แต่ก็คลางแคลงใจว่าทำไมฉันรอดมาได้ตั้ง 5 วัน คุณหมอส่งฉันไป ultrasound ทันที ฉันต้องดื่มน้ำจนปวดฉี่เต็มที่คุณหมอถึงจะเริ่มทำ ultrasound เพื่อที่จะได้เห็นภาพชัดๆ คุณหมอตั้งใจและละเอียดมากๆ ใช้เวลาเกือบยี่สิบนาที ก็บอกฉันว่าฉันถูกหวย "เป็นไส้ติ่งจริงๆครับ" คุณหมอส่งฉันกลับไปที่แผนกอายุรกรรมเพื่อพบคุณหมอคนแรก คุณหมอรีบส่งฉัน consult หมอศัลยกรรมทันที
คุณหมอเอกนั่งอ่านใบรายงานอาการ แล้วบอกฉันด้วยหน้าเคร่งเครียดว่าเล่าให้หมอฟังตั้งแต่ต้น เล่าให้ละเอียดเลย ว่าอาการเป็นยังไง แล้วได้ยาอะไรมาบ้าง ทำไมถึงอยู่มาได้ตั้งหลายวันแบบนี้ แล้วทำไมใจเย็นเหลือเกิน มาถึงกรุงเทพก็ยังไม่แวะไปหาหมอ ฉันต้องนั่งละลึกชาติเล่าเหตุการณ์ย้อนหลังให้คุณหมอเอกฟัง พร้อมทั้งเอายาและ medical document จากหมอที่อิตาลี่ให้คุณหมอดูด้วย
คุณหมอบอกว่าอาการฉันน้อยจนน่าตกใจ อยากให้ฉันทำ CT scan ณ บัดนาว หากเจอว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ ฉันต้องแอดมิททันที.... เง้ออออออ
ฉันต่อรองคุณหมอว่าขอเป็นพรุ่งนี้ได้ไหม เพราะวันนี้ฉันมาโรงพยาบาลคนเดียว อยู่ๆแอดมิทเลยแม่ฉันจะตกใจขนาดไหน แต่จริงๆฉันแอบค้านอยู่ในใจว่าฉันน่ะเหรอเป็นไส้ติ่ง(เชื่อมั่นในตัวเองอย่างสูงส่ง) หมอลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยอมให้ฉันกลับบ้าน ก่อนกลับหมออธิบายถึงโรคใกล้เคียงว่าหากไม่ใช่ไส้ติ่งมันอาจจะเป็นอะไรได้บ้าง การทำ CT scan จะทำให้เรารู้ถึงความผิดปรกติในช่องท้องทั้งหมด คุณหมอใจดีและใจเย็นมากๆ บอกว่าพรุ่งนี้เราเจอกันนะ หลังเที่ยงคืนงดน้ำงดอาหารทุกอย่าง นอนหลับให้สบายไม่ต้องวิตก
กลับถึงบ้านฉันบอกแม่ว่าหมอฟันธงว่าฉันเป็นไส้ติ่งอักเสบ แม่สีหน้าไม่ค่อยดี แต่ฉันรู้สึกว่าฉันไม่ได้เป็นแน่ๆ แถมยังคว้าจักรยานออกไปขี่เล่น ไปซื้อขนมนมเนยจากซุปเปอร์เล็กๆในหมู่บ้านมาตุนไว้อีก แม่ฉันก็ออกบ้านเช่นกัน แต่ออกไปหาญาติที่เป็นพยาบาลและอยู่หมู่บ้านเดียวกันกับฉัน
คืนนั้นฉันเก็บของที่จำเป็นหากต้องแอดมิทจริงๆ
26 August 2011
หกโมงครึ่ง พี่หล้าที่เคยเป็นพยาบาลแต่ตอนนี้หันมาเอาดีด้วยการเป็นนักธุรกิจมารับฉันที่บ้าน และบอกกับฉันว่า "พี่หล้าขอพูดตรงๆนะ น้องแอ๊กไปศรีพัฒน์น่าจะดีกว่า ไม่ใช่ว่าหมอที่หนูไปหาไม่เก่งนะ แต่ศรีพัฒน์อาจารย์หมอทั้งนั้นนะคะ เชื่อพี่เถอะ" ฉันมองหน้าแม่ แม่บอกว่าตัดสินใจเอง ใจฉันน่ะอยากไปที่ที่ฉันคุ้นเคย และฉันนัดกับหมอเอกไว้แล้วด้วย ไม่อยากผิดนัดให้คุณหมอเสียความรู้สึก พี่หล้าไม่รอให้ฉันตัดสินใจ โทรไปศรีพัฒน์ทันที ถามว่าหมอศัลยกรรมเช้าวันนี้มีท่านไหนบ้าง ได้รายชื่อมาสองคน แล้วพี่หล้าก็พาฉันไปที่ศรีพัฒน์ทันที ให้ไปทำบัตรแล้วขึ้นไปที่ชั้น 13 ตอนนั้นฉันก็เลยตามเลย ทำอะไรไม่ได้แล้ว ไปถึงเคาเตอร์อธิบายความกันคร่าวๆ พยาบาลถามว่าจะพบคุณหมอท่านไหน ฉันจำได้อยู่ชื่อเดียว เลยบอกไปว่าขอพบคุณหมออานนท์ ได้คิวตรวจเป็นคิวแรก แต่คุณหมอจะขึ้นมาตอน 9 โมงเช้า
ระหว่างที่รอคุณหมอฉันก็บ่นกับแม่ว่าฉันหิวข้าว แม่ก็บอกว่าใจเย็นๆเจอคุณหมอก่อนแล้วค่อยกิน แล้วก็อ้อมแอ้มบอกฉันว่า แม่ก็หิว แม่ลงไปหาอะไรกินที่ชั้น 5 ก่อนนะ.... อ้าวแม่ หนีไปกินข้าวกันมึนๆอย่างนี้เลยนะ
เก้าโมงนิดๆ ฉันได้เจอคุณหมอหน้านิ่งๆ คุณหมอซักถามอาการอย่างละเอียด และจดๆๆๆ จดทุกอย่างที่ฉันบอก และขอตรวจท้องบวมๆของฉัน ถามว่ากดตรงนี้เจ็บยังไง ตรงนี้ล่ะ เจ็บตอนกด หรือว่าปล่อยแล้วเจ็บ ฉันก็ยังแยกอาการเจ็บของตัวเองไม่ได้อยู่ดี หมอบอกว่าทางโรงพยาบาลเมื่อวานเค้าก็มาถูกทางแล้วนะ เพราะยังไงฉันก็ต้องทำ CT scan หมอสั่งพยาบาลเจาะเลือดใส่ท่อคาเอาไว้ เพื่อฉีดสารทึบแสง และต้องดื่มน้ำที่มีส่วนผสมของสารทึบรังสีเหยือกเท่าหม้อแกง ถามว่าแพ้อาหารทะเลไหม เพราะถ้าคุณแพ้อาหารทะเลจะเป็นอันตรายมากๆ
ก่อนออกไปเจาะเลือด ได้ยินคุณหมอสั่งคุณพยาบาล ว่าช่วงที่คนไข้ทำ CT scan ตามผมด้วยนะ ผมจะไปดูด้วย.... ความรู้สึกสองอย่างประดังขึ้นมา ฉันเป็นอะไรมากกว่าไส้ติ่งอักเสบหรือเปล่า ทำไมคุณหมอต้องลงไปดูด้วย หรือว่าคุณหมอใส่ใจกับการดูแลคนไข้ ไม่ว่าจะเป็นอย่างแรกหรือหลัง มันก็ทำให้ฉันอุ่นใจ และรู้สึกดีกับคุณหมอหน้านิ่งขึ้นมาทันที
เขียนไม่จบ ง่วงนอนแล้วตอนนี้.... พรุ่งนี้ค่อยมาต่อนะคะ(บอกแล้วว่าเรื่องมันยาว)
((ใครที่เขียนคอมเม้นท์บล๊อกนี้ไม่ได้ กดตัวอีโมใส่ไปก่อนหนึ่งตัวนะคะ แล้วหลังจากนั้นถึงจะพิมพ์ได้ค่ะ....ขอบคุณ คุณกุ้ง amskye ที่แนะนำมาค่ะ))
@@@@....บล๊อกนี้จะแสดงผลผิดเพี้ยน หากเข้ามาด้วย firefox หรือ safari จะเห็นตัวหนังสือสีขาวกลายเป็นสีดำ หรือทิ้งคอมเม้นท์ไว้ไม่ได้ หากเข้ามาด้วย IE ทุกอย่างปรกติค่ะ....@@@@
|
|