ไส้ติ่ง.... CT scan และรอผล
ว่าจะรีบต่อให้จบโดยเร็ว แต่ก็ดันเป็นหวัดและหัวทิ่มหัวตำอยู่หน้าคอมพ์เพราะพยายามจะอัพ ios 4.3 ให้น้อง iPhone โดยที่ไม่ดูศักยภาพของน้องว่ารับไหวรึเปล่า แถมยังอวดดีไม่แบ็คอัพข้อมูลไว้อีก หายนะมาเยือนทันตาเห็น.... ต้องไปเสียแบงค์ม่วงให้ร้านเลยตรู


ต่อนะคะ (จะบอกใครวะคะเนี่ย เพราะคาดว่าเอนทรีนี้คงไม่มีคนเข้ามาอ่านแน่ๆ เพราะปิดบล๊อกไว้นานเกิน)




=================================================================




ฉันเริ่มดื่มน้ำที่มีสารทึบรังสีตอนสิบโมง มองผาดๆก็เหมือนน้ำแดงหวานๆนี่แหละ กลิ่นและรสเฮลบลูบอยชัดๆ คุณพยาบาลจะนำน้ำแดงและใบตารางเวลาเพื่อเฉลี่ยระยะเวลาการดื่มให้สม่ำเสมอ เช่นเริ่มดื่มเวลา 10.00 แก้วต่อไปก็ 10.20 พอเราดื่มแล้วก็กาทับเวลานั้นไป ช่วงนี้เชิญฉี่ได้ตามอัธยาศัย แต่แก้วท้ายๆช่วงสิบเอ็ดโมงกว่าต้องกลั้นกันไว้แล้วทีนี้.... ใกล้เวลาเที่ยงน้องผู้ช่วยพยาบาลก็พาฉันลงไปทำ CT scan(Computed Tomography) ที่ห้องด้านล่าง ตอนนี้ฉันให้แม่กลับบ้านไปก่อน เพราะแม่มีเรียนแกะสลักตอนบ่าย ฉันบอกแม่ ว่าฉันแน่ใจว่าไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง เดี๋ยวเจอกันที่บ้าน แต่ถ้ามีอะไรฉันจะโทรหา


เนื่องจากวันนั้นฉันใส่เชิ้ตสีขาวบางๆ จึงต้องเปลี่ยนเป็นเสื้อคนไข้สีฟ้า เพราะต้องถอดบราเสริมอึ๋มออก.... นั่งรออยู่ซักสิบนาทีก็ถึงคิวฉัน ห้องทำ CT scan ฉันคุ้นเคยดีอยู่แล้ว เพราะครั้งนึงหมอประจำตัวโรคหอบที่อิตาลี่ ส่งฉันทำ CT scan โพรงจมูก เพราะพบว่าโพรงจมูกฉันเบี้ยว ทำให้ฉันหายใจไม่สะดวก และส่งฉันให้หมอศัลยกรรมที่จะทำการผ่าตัดขยายโพรงจมูก ครั้งนั้นฉันจิตตก ร้องห่มร้องไห้อยู่หลายคืน ก็เจ็บป่วยไกลบ้านขนาดนั้น ใครก็คงรู้สึกไม่ต่างจากฉันหรอก แต่โชคดีที่หมอศัลยกรรมที่นั่นลงความเห็นเหมือนกันทั้งสามคน ว่าฉันไม่ควรได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัดโพรงจมูก เนื่องจากฉันหอบและมีอาการแพ้จากสิ่งเร้าเย้ายวน เช่นฝุ่น และขนน้องหมาน้องแมว ต่อให้ขยายโพรงจมูกไปฉันก็ยังแพ้สิ่งพวกนี้อยู่ดี ควรรักษาด้วยการเพิ่มภูมิให้ฉันมากกว่า.... ฉันละอยากโดดกอดหมอทั้งสามท่านจริงๆ


พาลงทุ่งอีกแล้ว.... ปีนคันนากลับมาเข้าอุโมงค์กันต่อ หลังจากขึ้นไปนอนบนเครื่องไทม์แมชชีนที่จะบอกอนาคตความเป็นความตายของคุณ ฉันก็หันไปถามคุณหมอ(แพทย์รังสี.... มั้ง) ที่จะทำการส่งฉันเข้าท่อว่า "มันจะเจ็บมั้ยคะ" ฉันหมายถึงตอนฉีดสารรังสีเข้าไปในเข็มที่คาอยู่ที่แขนฉัน "ไม่รู้ ไม่เคยเข้าเหมือนกัน" เป็นคำตอบเนิบๆ ฉันหันขวับไปมองต้นเสียง ก็เจอหน้ายิ้มๆที่ไม่ได้จะตั้งใจกวน ถามฉันต่อว่า "ยังอายุน้อย ยังแข็งแรงอยู่ไม่ใช่เหรอ จะกลัวทำไม ใช่มั้ย" ฉันไม่ตอบแต่นึกในใจว่าฉันเนี่ยนะอายุน้อย หลักสี่ตอนต้นแล้วนะคะ ได้แต่ยิ้มๆแอบปลื้มเบาๆ ว่าเดี๊ยนต้องหน้าเด็กแน่ๆ.... วะฮะฮ่า


การทำ CT scan ไม่มีอะไรน่ากลัว เลื่อนเข้าเลื่อนออกน่าสนุก แต่ต้องกลั้นหายใจตามคำสั่ง และซักพักคุณหมอคนเดิมก็จะออกมาฉีดสารรังสีที่เข็มตรงข้อพับ ก่อนฉีดก็จะบอกว่า "ตอนนี้จะฉีดสารทึบแสงแล้วน้า" "ร้อน ร้อนมากเลยค่ะ" ฉันบ่นออกมาดังๆ "ดีแล้วครับ แสดงว่ายาทำงานได้ดี" ฉันอธิบายไม่ถูกว่าอาการร้อนแบบนี้มันคือร้อนรุ่ม หรือร้อนเร่า 555 รู้อย่างเดียวว่ามันเป็นร้อนที่ทรมานมากๆ เป็นร้อนที่อึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ใช้เวลาไม่นานน้องผู้ช่วยก็พาฉันกลับไปนั่งพักที่ห้องด้านหน้า ฉันกำลังจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อ หรือเปลี่ยนแล้วก็ไม่แน่ใจ (วันนั้นฉันมึนมากๆ เหตุการณ์หลายอย่างมันประดังประเดกันเข้ามา)คุณหมอหน้านิ่งก็มายืนอยู่หน้าฉันถือใบอะไรซักอย่างอยู่ในมือ คาดว่าคงเป็นผล CT scan "หมอขอคุยอะไรด้วยหน่อย" หมอนิ่งยิ่งกว่าตอนเช้าอีก.... เฮือก(อย่าทำหน้าอย่างนี้ซิคะคุณหมอ)


เราเข้าไปคุยกันในห้องข้างๆ ซึ่งมีคอมพิวเตอร์รายงานผลการทำ CT scan "เราเป็นไส้ติ่งอักเสบจริงๆนั่นแหละ ธรรมดาไส้ติ่งคนขนาดเท่าหลอดกาแฟ แต่ของเราอ่ะตอนนี้ขนาดเท่ากับนิ้วกลางหมอแล้วนะ" "เอ่อ.... แต่หนูไม่ได้อาการหนักเลยนะคะ เราก็เล่าให้หมอฟังแล้วว่าเรามีอาการอะไรบ้าง" เริ่มสับสนกับการใช้สรรพนามแทนตัว เพราะหมอดูรุ่นราวคราวเดียวกับฉัน ฉันยกมือปิดปากนั่งจ้องหมอแบบงงๆ "ไส้ติ่งของเรามันมุดไปอยู่ด้านหลังนะ อาการเลยไม่ชัดมาก.... มาดูนี่ซิ" คุณหมอเปิดภาพผลการทำ CT scan ให้ฉันดู "นี่เห็นมั้ยไส้เรา เห็นไส้ติ่งมั้ย" "ที่เราไม่เห็นเพราะมันไปแอบอยู่หลังไส้ตรงนี้" ถามเองตอบเองแล้วก็ชี้ให้ฉันดู "ธรรมดาเวลาฉีดสารทึบแสงเข้าไป เราจะเห็นชัดเจนเลย แต่ของเรามันไปมุดอยู่ข้างหลังเนี่ยตรงนี้ แล้วดูลำไส้รอบๆนี่ซิ บวมแดงหมดแล้ว แล้วนี่เห็นอะไรขาวๆตรงนี้มั้ย ไขมันหน้าท้องเราน่ะหนาเชียว ต้องกรีดกันลงไปลึกเลย" ว่าแล้วก็หัวเราะหึหึ กรี้ดดดดด.... คุณหมอคะ เอามีดมาแทงกันให้ตายไปเลยดีกว่ามั้ยอ่ะ ฉันเลยรีบเปลี่ยนประเด็นการสนทนา "ต้องผ่าใช่มั้ยคะหมอ" ถามอะไรโง๊โง่อิป้าเอ๊ย "ก็ต้องผ่าละนะ แต่อาจจะยากหน่อย เพราะหมอต้องบิดไส้เราขึ้นมา แล้วถึงจะผ่าไส้ติ่งออกได้" หมอมองหน้าฉัน เอิ่ม.... หมอไม่ต้องบอกละเอียดขนาดนี้ก็ได้นะ "ผ่าเลยค่ะ เดี๋ยวนี้เลยก็ได้" "ตอนนี้ไม่ได้ เพราะหมอคุมสอบนักศึกษาอยู่ ต้องสี่ทุ่มนั่นละ แต่ถ้ารีบก็ต้องให้หมอคนอื่นผ่า" "ยังไงก็ได้ค่ะ แล้วแต่คุณหมอ" "เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวหกโมงหมอแวะมาผ่าให้ สี่ทุ่มมันจะดึกเกิน" แล้วคุณหมอหน้านิ่ง(แต่ฉันสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและใส่ใจ) ก็บอกให้ฉันอดข้าวอดน้ำต่อไป(แงๆๆ) และเดินไปสั่งงานผู้ช่วยพยาบาลที่พาฉันมา ก่อนจะลาจากฉันด้วยการพยักหน้าให้หนึ่งที


น้องผู้ช่วยพยาบาลถามว่าฉันกลับไปที่ชั้น 13 ไหวมั้ย ต้องการรถเข็นรึเปล่า ฉันตอบว่าฉันไปเองได้ ฉันไม่ได้ตกใจกลัวอะไรเลย เพราะหมอที่จะผ่าตัดให้ฉันเป็นอาจารย์แพทย์ ดีกรี ผศ.นพ.ไม่มีอะไรที่ฉันต้องกังวล.... ระหว่างนั่งรอขั้นตอนต่างๆฉันโทรบอกแม่ ว่าเดี๋ยวหกโมงผ่าตัดไส้ติ่งนะ ไม่ต้องรีบมา และก็ส่ง SMS บอกคุณสามีว่าหกโมงเย็นเวลาที่ไทย "ไอจะต้องขึ้นเตียง(ผ่าตัด) ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องบินมา และไม่ต้องบ่น" เพราะวันที่ฉันบินมาถึงไทย ฮีก็โทรจิกเช้าสายบ่ายเย็น ว่ายูไปหาหมอรึยัง จนฉันต้องปิดโทรศัพท์ด้วยความรำคาญ ฮีก็กระหน่ำส่งเมลล์มาแทนว่ายูต้องไปหาหมอเดี๋ยวนี้ๆๆๆ แต่ฉันก็ลากเวลามาจนห้าวัน.... บุญของฉันจริงๆที่ไส้ติ่งไม่แตกตายไปซะก่อน(แต่จริงๆมันแตกไปแล้วโดยที่ฉันและคุณหมอก็ไม่รู้มาก่อน)


ฉันส่งข้อความถึงผู้ชายของฉันไม่ถึงนาที ฮีโทรกลับมาทันที "ยูโอเคมั้ย relax อย่าเครียด ใครๆก็เป็นกันโรคนี้" เออ.... พูดเหมือนว่ามันเป็นโรคหวัดงั้นแหละ ใครๆก็เป็นกัน ฉันย้ำไปอีกทีว่าไม่ต้องบินมานะ ฉันมีแม่ มีน้องสาว น้องชาย และหลานสาวตัวน้อยดูแลและให้กำลังใจอยู่แล้ว ฮีก็ดีใจหาย บอกว่าไปไม่ได้หรอก เพราะอย่างที่ยูรู้ว่าฉันต้องไปดูงานที่เยอรมันแล้วต้นเดือนก็ไปบรัสเซลต่อ.... ห่วงเมียมั้งมั้ย(วะ)เนี่ย เดี๋ยวเดี๊ยนก็หากิ๊กแถวโรงพยาบาลนี่ซะเลย ก็เพราะเหตุผลนี้แหละ ถึงทำให้ฉันหนีกลับบ้านก่อนสิ้นปี เพราะฉันเหนื่อยกับการต้องเก็บกระเป๋าตามคุณชายไปนั่นไปนี่อยู่ตลอด ฉันกลับไปอิตาลี่ตอนต้นกุมภา อยู่อิตาลี่ได้ไม่ถึงสองเดือนก็ต้องไปเยอรมัน ต่อด้วยรัสเซีย และก็กลับไปเยอรมันอีกรอบ ชีวิตร่อนไปนั่นทีนี่ที.... เหนื่อยเป็นที่สุด


ฉันคุยกับอุ้มว่าทำไมผู้ชายของฉันถึงบ้างานขนาดนี้ เวลาพักผ่อนแทบไม่มี เสาร์อาทิตย์ต้อง stand by บางเดือนทำงานจนไม่มีวันหยุด จะทำอะไรกันนักกันหนา "ถ้าเธอยังใช้เงินแบบนี้ สามีเธอไม่มีทางทำงานน้อยลงหรอก" อุ้มตอบฉันเนือยๆ.... อืม ขอบใจเพื่อน 555+ แต่นี่แหละคือจุดเด่นของเพื่อนสนิททุกคนของฉัน พวกเราไม่เคยมาโกหกเอาใจเพื่อน แต่เราจะชี้กันชัดๆไปเลย ว่าฉันเป็นยังไงเธอเป็นยังไง มีอะไรก็คุยกันตรงๆ โดยทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานของความจริงใจ


นั่งรอซักพักก็จะมีพยาบาลนำใบยินยอมการผ่าตัดมาให้เซ็นต์ พร้อมแจ้งค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น.... การผ่าตัดไส้ติ่งในโรงพยาบาลเอกชนสมัยนี้เกินครึ่งแสนนะคะ เตรียมตัวเอาไว้เลย ฉันผ่าที่ศรีพัฒน์ซึ่งไม่ใช่เอกชนร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะว่าที่นี่ขึ้นกับคณะแพทย์ศาสต์ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่(แต่ราคาค่ารักษาก็เอกชนดีๆนี่แหละ) แต่ที่นี่พิเศษตรงคุณหมอที่ตรวจรักษาเป็นระดับอาจารย์แพทย์ทั้งสิ้น ไม่หล่อเร้าใจเหมือนโรงพยาบาลเอกชนเต็มขั้นที่ฉันเป็นคนไข้ประจำอยู่ แต่ก็เป็นระดับมือเทพคิวทองกันทั้งนั้น นี่ถ้าฉันไปโรงพยาบาลเอกชนที่ฉันไปครั้งแรกโดยไม่ฟังคำทัดทานของพี่หล้า เงินเฉียดแสนของฉันคงหายวับไปในไม่กี่วัน(ปาดเหงื่อ)


หลังจากเซ็นต์ใบยินยอมแล้ว ก็จะมีการเลือกห้องพักว่าจะเลือกห้องพักแบบไหน น้องพยาบาลกำลังจะอธิบายถึงห้องแต่ละแบบว่ามีราคาอะไรบ้าง ฉันก็บอกว่าพี่ขอห้องที่สบายที่สุด.... อย่ามาหมันไส้ฉันละ ตอนนี้ฉันมีทางเลือก ฉันก็ต้องเลือกทางที่ดีที่สุดให้ตัวเองไว้ก่อน ฉันมาผ่าตัดแม้ว่าจะเป็นแค่ไส้ติ่งอักเสบ แต่มันก็ต้องผ่าเปิดหน้าท้อง ฉันอยากนอนป่วยให้มันสบายๆ ได้บริการที่ดีๆ.... ก็ไม่เห็นว่ามันจะผิดตรงไหน


หลังจากนั้นฝ่ายการเงินก็จะมาซักถาม มีประกันกับที่ไหนบ้าง เบิกอะไรได้ไหม บลาๆๆๆ.... "ไม่มีประกันและเบิกอะไรไม่ได้ทั้งนั้นค่ะ" เจ้าหน้าที่มองหน้าฉัน "ไม่มีประกันและเบิกไม่ได้เลยเหรอคะ เอ่อ.... ค่ะๆไม่เป็นไร" ท่าทางคงจะกลัวฉันหนี.... กร๊ากกกกกก


ไม่จบอีกแล้วค่ะ ขอต่อตอนหน้าอีกตอนละกัน



((ใครที่เขียนคอมเม้นท์บล๊อกนี้ไม่ได้ กดตัวอีโมใส่ไปก่อนหนึ่งตัวนะคะ แล้วหลังจากนั้นถึงจะพิมพ์ได้ค่ะ....ขอบคุณ คุณกุ้ง amskye ที่แนะนำมาค่ะ))


@@@@....บล๊อกนี้จะแสดงผลผิดเพี้ยน หากเข้ามาด้วย firefox หรือ safari จะเห็นตัวหนังสือสีขาวกลายเป็นสีดำ หรือทิ้งคอมเม้นท์ไว้ไม่ได้ หากเข้ามาด้วย IE ทุกอย่างปรกติค่ะ....@@@@










Create Date : 13 กันยายน 2554
Last Update : 18 ตุลาคม 2554 18:51:38 น.
Counter : 6766 Pageviews.

16 comments
  
ป้าแอ๊ก .. เห็นบล็อกป้าแอ๊กที่หน้าหนึ่ง รีบบึ่งเข้ามาแล้ว

ตกลงป้าแอ๊กไปผ่ามาแล้วตั้งแต่กลับเมืองไทยแล้วใช่ปะคะ ตอนนี้ก็มีตะขาบตัวเล็ก ๆ น่ารักบนพุงเหมือนป้าเดซี่เลยอ่ะดิ อิอิ

คุณหมอขำ ๆ อำ ๆ น่ารักดีนะคะป้าแอ๊ก
โดย: Oops! a daisy วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:17:23:08 น.
  
มาอ่านเรื่องราวผจญภัยค่ะ
โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:17:29:49 น.
  
สวัสดีค่ะป้าแอ๊กขา

ตอนนี้เค้าจะเอาป้าแอ๊กขึ้นเขียงแล้วสับใส้
แล้วเหรอคะป้าแอ๊ก...หวาดเสียวจังเลยค่ะ
ว่าแต่ว่าอย่างที่คุณหมอพูดเลยว่า
ป้าแอ๊กยางเด็กกกกกอยู่เลย
เด้กๆเค้าต้องอึดๆๆๆๆๆ...ทนได้ทุกอย่างแม้แต่มีดหมอค่ะป้าขา



แล้วจะมาตามอ่านตอนต่อไปนะคะ

โดย: Suessapple วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:17:40:42 น.
  
แวะมาทักทายป้าแอ๊กก่อนค่ะ เดี๋ยวไว้ว่างๆนกจะแวะมาอ่านรอบแรกและรอบนี้เมื่อมีเวลานะคะ ต้องเดินทางแล้วค่ะป้าแอ๊ก

พูดถึงเรื่องไส้ติ่งอักเสบนี่ ย้อนไปเมื่อสี่ปีที่แล้วคุณสามีก็ไส้ติ่งแตกค่ะป้า เกือบไมมีชีวิตรอดมาถึงวันนี้ จากปกติคนอื่นเค้าพักฝื้นแค่สามสี่วัน แต่คุณสามีต้องอยู่รอดูอาการ11 วันเลยค่ะ เรื่องยาวมากกก

รักษาสุขภาพนะคะ ขอให้ทุกอย่างเรียร้อยดีนะคะ
โดย: LoveParadise วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:18:31:45 น.
  
ป้าวิสกี้พลาดบล๊อกที่แล้วป้าแอ๊กไปได้อย่างไร เลยไม่รู้เรื่อง เดี๋ยวจะย้อนกลับไปอ่านค่ะ เขียนได้น่าติดตามจริงๆ สำนวนเนี้ยอ่านเพลินเกินห้ามใจเลยค่ะ ตอนฉีดสารแล้วร้อนเนี่ย เป็นป้าวิสกี้ละก็คงนึกว่าตัวเองร้อนวูบแบบอาการวัยทองล่ะนะคะ คิคิ

เป็นกำลังใจให้นะคะ เข้าใจเลยแหละกับการต้องแอดมิดเพื่อการแบบนี้
โดย: วิสกี้โซดา วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:22:53:04 น.
  
ป้าแอ๊กกกก มาแล้วค่า เดี๋ยวตามไปอ่านตอนที่หนึ่งก่อน อิอิ
(กดไปอ่านบล็อกก่อนหน้านี้ อ่านจบ กลับมาหาที่นี่อีกครั้ง)

พูดถึงอาการภูมิแพ้เอิงก็เป็นนะคะ แต่แพ้เฉพาะช่วง Spring
ตอนนี้คนแพ้กันหมดเมือง ไอจามสนั่น
ดีที่หมอไม่ผ่าจมูกป้าแอ๊ก เพิ่มภูมิดีกว่า

อ่านไปลุ้นไปกับ ซีทีสแกนค่ะ
ไว้จะมาติดตามตอนต่อไป ป้าแอ๊กสู้ๆๆๆ

เอิงไม่เคยผ่าไส้ติ่งหรอก แต่เคยเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบค่ะ
ปวดนั่งไม่ได้ ฉิ๊งฉ่องมีเซลล์เลือดแดงเลยต้องไปนอน รพ.
(เกือบสิบปีก่อนโน้น) เล่นเอาจิตตกไปหลายวันเลยค่ะ
สาเหตุทานน้ำน้อยไป ต้องทานน้ำเยอะขึ้น
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ดื่มวันละลิตรกว่าๆ กลัวต้องไป รพ.อีกค่ะ
โดย: diamondsky วันที่: 13 กันยายน 2554 เวลา:23:24:57 น.
  
เฮ่ย.. ถึงกับแตกเชียวเรอะคุณน้อง?

ฟังแ้ล้วน่ากลัวพิลึก แต่มันแปลกตรงที่ทำไมป้าน้องไม่เจ็บเหมือนชาวบ้านเขา? มียันต์อะไรดีบอกมาซะดีๆ

เข้าใจเรื่องคุณสามีทำงานแบบไม่หายใจหายคอดีจ้ะ เพราะอิลุงก็เคยเป็นสมัยยังละอ่อน พอเปลี่ยนงานมานี่ค่อยดีหน่อย ยังบ้าเป็นพักๆตามความเยอะของงาน งานบางอย่างนี่เข้าใจจริงๆว่ามันวางมือไม่ได้ถึงแม้จะอยากวางพักแค่ไหนก็ตาม.. เพราะงั้นทำได้อย่างเดียวป้าน้อง.. ทำใจ..

อาร้ายยย.. ป่วยขึ้นเขียงเข้าหน่อยชักจะเห็นสัจธรรมแล้วเร้อ? กร๊ากก.. จริงๆเรื่องพวกนี้ป้าโซเรียนรู้มันไว้นานแล้ว ไอ้เรื่องความเป็นไปของชีวิตเนี่ย ก็ดูดิ เผลอไม่เท่าไหร่ปาเข้าสู่วัยนี้ซะแล้ว ไอ้ความกระฉับกระเฉงทนทรหดเป็นควายเหล็กก็ต้องลดหย่อนลงมาตามวัย แต่ไม่่นะ.. ช้านม่ายแก่(โว้ยยย)

รุ่นพี่ของป้าน้องชักตัวยาวขึ้น เจ้าตัวก็เร่งอยากให้ตัวเองสูงเร็วๆเหมือนกัน นี่ก็เร่งให้แม่มัันอัพบล็อกเรื่องของตัวเองอยู่ แม่มันก็ขยันเหลือ..ฟาดเข้าไปเกือบอาทิตย์แล้วยังไม่ไปถึงไหน เอาน่ะ..เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นนิ

เทคแคร์สุขภาพด้วยนะจ๊า แล้วจะมาเคาะปั๊กกะตูเมื่อบล็อกไอ้ตัวเล็กมันเสร็จ..
โดย: ป้าโซ วันที่: 14 กันยายน 2554 เวลา:14:37:52 น.
  
ที่อิตาลียังร้อนอยู่หลายๆ เมืองค่ะป้าแอ๊ก
มิลานก็ด้วย ช่วงบ่ายๆ บางทีถึง 29c ตอนเช้าไม่เท่าไหร่
แต่ดูข่าวอีกไม่กี่สัปดาห์อากาศอาจเริ่มเปลี่ยน (อย่างรวดเร็ว)
ลมหนาวกำลังจะมา ไม่อยากคิดเลย

ช่วงกลับเมืองไทยได้เห็นต้นไม้เมืองร้อน กล้วยไม้ ชื่นใจจัง
บ้านเรากล้วยไม้สวยๆ หลายพันธุ์ เห็นแล้วจิตใจเบิกบานค่ะ
ที่บ้านพ่อเอิงเลี้ยงแคทลียาไว้ด้วย ดอกใหญ่มาก
แต่ตอนช่วงเอิงไป เค้าออกดอกไปแล้ว (แงๆๆๆ) เสียดาย อดเห็น

ป้าแอ๊กพักผ่อนเยอะๆ นะคะ
ขอให้แผลหายไวๆ ไม่เจ็บ ไม่ปวด กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมค่ะ

ปล.ฝากทานอาหารไทย อาหารเหนือ เผื่อเยอะๆ ด้วย อิอิ

โดย: diamondsky วันที่: 14 กันยายน 2554 เวลา:16:04:12 น.
  
เห็นพี่แอ๊กจากบ้านคุณเปิ้ล
เลยบึ่งมาทันทีค่ะ
โชคดีที่บ้านพี่แอ๊กวันนี้ดหลดง่าย
วากำลังอยู่ช่วงเน็ตไม่เอื้อเลยค่ะ

พี่แอ๊กเป็นยังไงบ้างค่ะ
ตอนนี้ดีขึ้นมากๆ แล้วนะคะ
วาเองก็ให้คุณหมอเปิดพุงไปเมื่อสองสามปีก่อนค่ะ
พี่แอ๊ก
แผลสวยเหมือนหญ้าบาด
แถมหลับสบายตอนผ่าอีก
พูดเหมือนติดใจเลยค่ะวา คริ คริ
ขอให้พี่แอ๊กหายปกติไวๆ นะคะ
โดย: Sweety-around-the-world วันที่: 14 กันยายน 2554 เวลา:19:32:52 น.
  


เราจำชื่อหมู่บ้านที่เป็นที่ตั้งของปราสาทหลังนี้ไม่ได้แล้วค่ะป้าแอ๊ก
เป็นหมู่บ้านเล็กๆน่ะค่ะ

ดีใจที่ป้าแอ๊กทายดีแล้ว
ขอให้ป้าแอ๊กมีสุขภาพดีแข็งแรงตลอดไปนะคะ
โดย: Suessapple วันที่: 14 กันยายน 2554 เวลา:21:43:14 น.
  
นางฟ้าพึ่งทราบข่าวว่าคุณแอ๊กไม่สบาย ผ่าตัดไส้ติ่งมานี่เอง

ขอให้แผลหายไวไว สุขภาพแข็งแรงเหมือนเดิมโดยเร็ววันนะคะ
โดย: นางฟ้าของชาลี วันที่: 15 กันยายน 2554 เวลา:4:06:01 น.
  
เอาขนมมาฝากป้าแอ๊กค่ะ
พักผ่อนเยอะๆ นะคะ


โดย: diamondsky วันที่: 16 กันยายน 2554 เวลา:1:19:39 น.
  
แว๊บๆมาทักทายจากบูดาเปสต์ค่ะป้าแอ๊ก ขอบคุณมากๆนะคะที่แวะไปชมภาพที่บ้าน

ขอให้ทุกอย่างเรียบร้อยดีนะคะ นกแวะมาแบรีบๆค่ะ
โดย: LoveParadise วันที่: 16 กันยายน 2554 เวลา:13:39:41 น.
  


ข้างบน พิมพ์ตกหล่นค่ะ มาแบบรีบๆนะคะ อิอิ
โดย: LoveParadise วันที่: 16 กันยายน 2554 เวลา:13:41:18 น.
  
มาดูความเรียบร้อยให้บ้านป้าแอ๊กค่ะ
ทุกอย่างปกติดี อิอิ ไว้จะมาใหม่นะคะ

โดย: diamondsky วันที่: 16 กันยายน 2554 เวลา:18:27:38 น.
  
อิชั้นนะนึกภาพหน้าคุณนายออกเลย ตอนที่หมอที่ทำ ซีที สแกนบอกว่าอายุยังน้อย จะกลัวทำมัย คงยิ้มกริ่มน่าดูอ่ะจิ ฮ่าฮ่าฮ่า

พูดถึงตอนที่คุณนายบอกว่าอาจจะต้องโดนผ่าจมูก จำได้เลยว่า กลัวและวิตกจริตไปตาม ๆ กัน และคุณนายก้อกลัวจะไม่สวย อายเปาโลตอนที่พวกอิชั้นจะไปหา ฮี่ฮี่ฮี่

555555 ขอหัวเราะดัง ๆ หน่อยเน้คุณนาย เรื่องไขมันหน้าท้องคุณนายอ่ะ หมอนี่แบบว่า พูดได้ตรงมว๊ากกก ถูกใจว่ะค่ะ (น่าจะบอกคุณหมอไปด้วยนะว่า งั้นตอนผ่าเอาไส้ติ่งออก ช่วยเลาะเอาไขมันหน้าท้องออกไปให้ด้วยได้มั้ยค่ะ ฮี่ฮี่ฮี่)

ฮี่ฮี่ฮี่ จะต้องผ่าตัด ไม่ต้องบินมา ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องบ่น กร๊ากกกก เด็ดมากคุณนาย แต่อิชั้นรู้นะว่าในใจลึก ๆ อ่ะมีแอบโหยหา ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า แหม ๆ มีจะหากิ๊กแถวโรงพยาบาลโด้ย ฮิ้ว ๆ สเตนี่เริ่ดสุดแล้วคุณนาย ขอบอก ขอบอก เชื่อหัวเพื่อนคนสวยของคุณนายเถอะ

ไม่มีประกัน และเบิกอะไรไม่ได้ทั้งนั้น แสดงว่าคุณนายไม่ได้ทำประกันตอนเดินทางชิมิ แต่อย่างว่าเคสคุณนายเคสนี้ ถึงทำประกันเดินทาง แต่คุณนายรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วก่อนเดินทาง คงเบิกประกันไม่ได้ว่าป่ะ

ปอลิง หัวเราะนี่อิชั้นตอบโดนใจอย่างแรงส์อ่ะจิ อิ อิ
โดย: เพื่อนคุณนายคนเดิม IP: 93.146.220.198 วันที่: 18 กันยายน 2554 เวลา:23:42:19 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Lurano.BlogGang.com

ปลาทอง9
Location :
Hamburg  Germany

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 130 คน [?]