วันที่เนเน่ เหลือดวงตาข้างเดียว


หายจากการเขียนบล็อกไปร่วมปี วันนี้กลับมาแล้วค่ะ
เริ่มจากเรื่องของน้องหมาที่บ้าน
เนเน่ หรือที่เรามักเรียกติดปากว่าคุณยาย เนื่องจากน้องอายุเยอะแล้ว
ธค.ปีที่ผ่านมาน้องอายุครบ 12 ปีแล้วค่ะ
และเรื่องราวที่เป็นเหตุให้เนเน่ต้องเหลือตาข้างเดียว
ก็เริ่มขึ้นเมื่อประมาณเดือนสค.65 คือปรกติสุนัขพันธ์ชิสุ พออายุมากเข้า
ตาจะเริ่มแห้ง ซึ่งเนเน่ก็เป็นแบบนั้น ขี้ตาน้องจะเยอะมาก
เจ้าของจะต้องหมั่นเอาสำลีชุบน้ำยาเช็ดตา สำหรับสุนัขมาเช็ด
เอาขี้ตาออกและคอยหยอดตาเพิ่มความชุ่มชื้นในตา
 ให้น้องอย่างสม่ำเสมอ


เหตุเริ่มจากมีอยู่วันนึง เราดันไปใช้มือดึงขี้ตาก้อนเล็กๆออกจากขอบตาล่างน้อง
แล้วขี้ตาก็ไปดึงเอาขนบริเวณตาล่างน้องหลุด และมีเลือดซึมๆออกมา
ที่แย่คือ เช้าวันถัดมามีน้องหมาตัวอื่น ไปวิ่งชนตรงตาที่น้องมีเลือดออก 
น้องน่าจะถูกชนแรงมาก เพราะน้องร้องด้วยความเจ็บปวดเสียงดังมาก
หลังจากวันนั้นมา บริเวณขอบตาล่างก็บวมแดง และเหมือนเนื้อตรงตาล่างปริ้นออกมา
ซึ่งเราก็ไม่เคยคิดว่าเป็นเนื้องอกหรืออะไรที่ร้ายแรงเลยค่ะ
เข้าใจเอาเองว่า
เนื้อใต้ตามันคงอักเสบ บวม ก็ถ่ายรูปไปให้คุณหมอรักษาสัตว์
ที่รักษากันมานานดู
คุณหมอก็ให้ยาเช็ดตา กับยาหยอดลดอักเสบมา




 
อันนี้เป็นรูปบริเวณขอบตาล่างของน้องที่เราบอกว่ามันบวมค่ะ
(ขออภัยที่รูปกลับหัว พยายามแก้แล้วก็ยังเป็นค่ะ)
ปัญหาคือมันเนื้อตรงนั้นมันเริ่มโตขึ้น และพอเช็ดก็จะเป็นเลือดแดงๆติดสำลีมา
ที่สำคัญคือน้องจะปวดมากถ้าไปโดน พอเริ่มบวมขนาดนี้ตัดสินใจพาน้องไปปรึกษา
คุณหมอว่าจะรักษาต่อไปยังงัยดี ตอนที่พาไปหาคุณหมอ ก้อนตรงนั้นโตขนาดนี้ค่ะ




น่ากลัวมากใช่ไหมคะ ขออภัยทุกคนด้วยนะคะ ที่ลงภาพน่ากลัวขนาดนี้ 
และทุกคนคงคิดเหมือนกันว่าทำไม ปล่อยไว้ขนาดนี้ 
พอพาไปหาคุณหมอ คุณหมอบอกว่าเป็นเนื้องอก ต้องไปตัดออก
และต้องตรวจชิ้นเนื้อว่าเป็นเนื้อร้ายไหม พอได้ยินคุณหมอพูด
ใจเราตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเลยค่ะ สงสารน้อง ไม่คิดว่าจะร้ายแรงขนาดนี้
นึกด่าตัวเองตลอดเวลา  คือยอมรับค่ะว่าปล่อยไว้ เพราะเราไม่มีเวลาจริงๆ
ตอนนี้คือกลับไปทำงานแล้ว หลังจากว่างงานมาปีกว่า
แถมทำงานไกลบ้าน ออกจากบ้านแต่เช้า กลับมาก็มืดค่ำทุกวัน111


เนื่องจากเราต้องทำงาน ไม่มีเวลาไปเอง
เราก็ตัดสินใจให้หลานชายช่วยพาน้องไปรพ.หนองโพ ราชบุรี
ซึ่งเป็นรพ.ใหญ่คุณหมอให้คำแนะนำดี ค่ะ 
น้องไปตรวจวันที่ 23 กพ.66
น้องน้ำหนักตัว 7.9 กก. อายุ 12 ปี คุณหมอทำการตรวจเลือด
เอ๊กเรย์ และตรวจหัวใจ พบว่าน้องมีภาวะเลือดจางนิดหน่อย หัวใจโตตามวัย
และพบว่าตามร่างกายภายในก็มีก้อนเนื้อ แต่ไม่ได้แสดงอาการผิดปรกติ
คุณหมอสรุปว่า ต้องผ่าเอาตาข้างที่มีเนื้องอกออก พร้อมกับเนื้องอกด้วย
เพราะตาข้างนั้นใช้การไม่ได้แล้วค่ะ111


หลังจากตรวจเสร็จคุณหมอให้ยาแก้อักเสบ และยาบำรุงตับมาทาน
และนัดวันผ่าวันที่
28 กพ.ุุ66 เวลา 09.00 น. โดยก่อนผ่าให้งดน้ำและอาหาร 12 ชม.
พร้อมทั้งทิ้งท้ายว่าจะทำให้ดีที่สุด 
และคุณหมอแจ้งค่าใช้จ่ายในการ ตรวจ รวมถึงการผ่าตัด
ว่าอยู่ราวๆ 5-6 พันบาท
แต่วันตรวจ เราจ่ายไป 1910 บาทค่ะ


แล้ววันผ่าตัดก็มาถึง คุณหมอพูดว่าจะทำให้ดีที่สุด ฟังแล้วก็ใจแป้ว
คุณหมอบอกน้องอายุเยอะแล้ว การวางยาสลบค่อนข้างมีความเสี่ยง
ซึ่งคุณหมอให้เราเซ็นอนุญาต
ให้ผ่าตัดน้องได้ไว้ตั้งแต่วันมาตรวจแล้ว
โดยวันนี้หลานชายเป็นคนเซ็นให้
การผ่าตัดใช้เวลา ประมาณ 2 ชม.ค่ะ ซึ่งผ่านไปด้วยดี101



นี่เป็นภาพน้องหลังจากออกจากห้องผ่าตัดค่ะ
เห็นน้องฟื้นก็ดีใจมากๆ
น้องนิ่งมากๆตั้งแต่ตอนพามาตรวจ มีตัวสั่นนิดหน่อย
อาจจะเพราะแอร์เย็นหลังการผ่าตัด คุณหมอให้ยาทาแผล
และยาแก้อักเสบตัวเดิมที่ทานก่อนผ่าตัด
และบอกวิธีดูแลแผลน้อง ให้เปิดแผลได้หลังจากผ่าตัด 1 วัน
พยายามอย่าให้น้องเคลือนไหวมาก เพราะมีผลต่อแผลที่เย็บ
และนัดมาตัดไหม อีก 1 สัปดาห์ถัดมา


ภาพน้องหลังพักฟื้นและความดันเป็นปกติแล้วค่ะ

ค่าใช้จ่ายหลังการผ่าตัด จ่ายเพิ่มอีก 4100 บาท 
หลังจากนั้นก็พาน้องกลับบ้าน กลับถึงบ้านน้องก็นอนทั้งวัน
แต่พอตอนเย็นก็วิ่งมาหาเราได้ เหมือนตัวอื่นๆเลยค่ะ น้องเก่งมากๆ



และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึงค่ะ วันตัดไหมและฟังผลชิ้นเนื้อ
คุณหมอแจ้งว่า น้องเป็นเนื้องอกกลุ่มเดียวกับมะเร็ง แต่ไม่ต้องทำคีโม
กระบวนการรักษาจบที่การผ่าตัด และให้คอยสังเกตว่ามีเนื้องอกโผล่
ตรงไหนอีกไหม ได้ฟังแบบนี้ก็สบายใจ แต่ก็ต้องเตรียมใจ เพราะน้องอายุเยอะแล้ว



หลังจากน้องผ่าตัด น้องร่าเริงขึ้นเยอะมากค่ะ
จากเดิมไม่ค่อยอยากจะวิ่ง จะเดิน คงเพราะปวด
เราเองก็นึกเสียใจที่ปล่อยไว้ แต่ก็ดีใจที่ได้รักษาน้อง
และการรักษาผ่านไปด้วยดี


สิ่งหนึ่งที่สุนัขสอนเรา คือเขาไม่เคยสนใจในสิ่งที่หายไป
และเขาสามารถมีความสุขได้กับสิ่งที่เหลืออยู่


ถึงเนเน่จะเหลือดวงตาข้างเดียว แต่แม่ก็ยังรักหนูเท่าเดิม แถมมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ


ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ




 



Create Date : 12 มีนาคม 2566
Last Update : 29 กรกฎาคม 2566 11:59:15 น.
Counter : 725 Pageviews.

2 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณนายแว่นขยันเที่ยว

  
เราเคยเลี้ยงไก่ชน มีไก่บ้านอื่นปล่อยมาตีไก่เราจนตาบอดค่ะ
ลูกตาหลุดออกมาเลย

ไก่เราเลี้ยงเล่นไม่เคยสู้กับใคร ติดคนมาก ได้แต่วิ่งเล่นไปวันๆ

จากนั้นเราก็ยังอยู่กันมาอีกนาน ทั้งที่ไก่เหลือตาข้างเดียว
แต่ความสุขของเราก็ไม่ได้ลดลงนะคะ

แค่อาจต้องมีปรับตัวในการเข้าหา
ในทิศทางที่เขาสะดวกมองเห็น เพื่อไม่ให้เขาตกใจ
หรือส่งเสียงเรียกกันก่อนเข้าไปใกล้ๆ

ยื่นอาหารให้ดูก่อนในด้านที่เขามองเห็น
ค่อยเอาไปวางให้ตามปกติ
ยังคงเล่นกันได้อยู่บ้างตามสภาพค่ะ ก็ต้องปรับตัวกันไปค่ะ

อยู่กันแฮปปี้ดีจนตายจากกันไปเพราะโรคไข้หวัดนกระบาด

โดย: ploy666 วันที่: 5 เมษายน 2566 เวลา:22:57:27 น.
  
ตอนนี้น้องก็ปรับตัวได้แล้วค่ะ วิ่งไปไหนมาไหนได้ ขอบคุณมากๆนะคะที่มาแบ่งปันประสบการณ์
โดย: สาวน้อยในโลกแคบ วันที่: 17 กรกฎาคม 2566 เวลา:11:54:31 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Lovekainui.BlogGang.com

สาวน้อยในโลกแคบ
Location :
ราชบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]