์Nicolas Darvas เส้นทางของเม่า (ต่อ)


หลังจากไม่ประสบความสำเร็จในเส้นทางที่เคยทำ คราวนี้อีตา Darvas แกเลยเริ่มต้นใหม่ ด้วยการไปสมัครเป็นสมาชิก นิตยสาร และ บริการข้อมูลการลงทุน ซึ่งแกมั่นใจว่าคนพวกนี้แหละคือผู้เชี่ยวชาญที่จะให้คำแนะนำ (และหุ้นเด็ด) ให้แกได้ ซึ่งหลังจากที่แกตามไปสักพัก ก็พบว่า นอกจากแกจะขาดทุนจากหุ้นแล้ว ยังเสียค่าสมาชิก และค่าปรึกษา (ในไทยก็มี) ไปเป็นจำนวนเงินอีกมากโข

เมื่อไม่เวิร์ค Darva ก็หาแหล่งข้อมูลใหม่ ซึ่งแกคิดว่าคราวนี้แหละเจ๋ง นั่นคือพึ่งพาโบรกเกอร์เลย แกเริ่มไปตลาดทุกวัน เข้าไปตีสนิทกับบรรดาโบรกเกอร์ขาใหญ่ รวมทั้งอ่านหนังสือหุ้นไปอย่างน้อยกว่า 200 เล่ม ศัพท์แสงในวงการหุ้นต่าง ๆ แกเริ่มรู้หมด ไม่ว่าปอบ ดอย คัท บีกสีดา ฯลฯ หลังจากที่อ่านหนังสือไปเยอะ เริ่มรู้สึกว่าทางที่ถูกในการเล่นหุ้นคือ ต้องรู้พื้นฐานเกียวกับบริษัทให้ดี แกอ่านงบการเงิน รายงานประจำปี รวมทั้งศึกษาพื้นญานของบริษัทในตลาด งานวิจัยชิ้นไหนดังเอามาอ่านหมด ในที่สุดแกก็ตัดสินใจว่า จะเลือกหุ้นที่เป็นตัวนำในกลุ่มต่าง ๆ มาเล่น มีโวลุ่มเข้าสม่ำเสมอ (พูดง่าย ๆ ไม่ใช่หุ้นปั่นแปะ) แกเลือก หุ้น Leader ของกลุ่มเหล็กชื่อ Jones & Laughlin คราวนี้เล่นมาร์จิ้นด้วย แกมั่นใจมาก เพราะเป็นหุ้นลีดเดอร์ เลยเอาเงินที่มีทั้งหมดลงไปในตัวนี้ตัวเดียว

หลังจากผ่านไปไม่กี่วัน Darvas แทบไม่เชื่อสายตา หุ้นที่เค้าลงไปทั้งหมด ราคามันไหลลง ๆ (ประเภทซื้อปุ๊บ ดอยปั๊บ) และแกยอมรับไม่ได้ เฝ้าแต่คิดว่า หุ้นมันดี เดี๋ยวก็ดีด แต่จากความเป็นจริง หุ้นมันไม่ดีด หนำซ้ำไหลรูดลงอีก สุดท้ายแกต้องคัทลอส ขาดทุนไป 25 % ของเงินทั้งหมด

Darvas ต้องกลับไปเลียแผลจนตกสะเก็ด แต่ยังไม่เข็ด แต่เหมือนฟ้าหลังฝน วันหนึ่งแกนั่งอ่านหนังสือหุ้นไปเรื่อยเปื่อย พลัยสังเกตเห็นราคาของหุ้นตัวหนึ่ง ที่มันวิ่งขึ้นเอา ๆ แกเอะใจหุ้นอะไรวะ ไม่เคยผ่านสายตากรูมาก่อนเลย (ซึ่งที่จริงแกไม่สนใจ) พอไปดู Profile บริษัท ก็ไม่มีอะไรหวือหวา พื้นฐานก็ไม่ได้ดีมากมาย แกเลยลองซื้อไป 1000 หุ้น ราคา 37.25 เหรียญ หลังจากนั้น 5 สัปดาห์ แกขายไปได้ในราคา 43.25 เหรียญ ฟันกำไรซะ 5000 เหรียญ
หลังจากนั้น แกมานั่งทบทวนสิ่งที่ผ่านมาว่าแกมีข้อผิดพลาดอะไรบ้าง และเริ่มรู้ว่า ราคาของหุ้นที่มันจะวิ่งขึ้นน่ะ มันเกิดจากตัวหุ้นเองส่วนหนึ่ง ซึ่งจะมีพฤติกรรมซ้ำไปซ้ำมา และเกิดจากความสนใจของผู้คนในตลาด จนส่งผลมาถึงราคา ที่จะมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา ทั้งขึ้น และลง สำหรับพื้นฐานนั้น จะเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของปัจจัยเท่านั้น Darvas บอกว่า ในตลาดไม่มีหุ้นดี หุ้นเลว จะมีแค่เพียง หุ้นที่ราคาขึ้น กับหุ้นที่ราคาลงเท่าั้นั้น หลังจากนั้นแกก็เริ่มศึกษาทั้งกราฟ ทั้ง Pattern ของหุ้นแต่ละตัว จนในที่สุดก็กลายมาเป็น ทฤษฎีกล่อง (Box Theory) ที่ดังกระฉ่อนไปทั่วโลกนั่นเอง

คราวหน้าเราจะมาสรุป BoxTheory ต่อนะครับ

ตลาดวันนี้ลงแบบไม่ปกติครับ เกิด Panic ขึ้น จำไว้เลยนะครับ กรณีเกิด Panic แบบนี้ เดี๋ยวพอหายตกใจ หุ้นจะขึ้นพรวดเลย เล็งตัวที่มันแข็ง ๆ (เป็นขาขึ้นอยู่) แต่มาซวนเซวันนี้ ตัวที่ตกลึก ๆ แต่ไม่มีโวลุ่ม นั่นแหละทองคำเลย แต่กรณีแบบนี้ใช้ได้เฉพาะเกิด Panic เท่านั้นนะครับ

เด็กลาดพร้าว
2 ส.ค. 56
13.51 น.



Create Date : 01 ตุลาคม 2556
Last Update : 1 ตุลาคม 2556 7:52:58 น.
Counter : 1195 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Khon-rak-option.BlogGang.com

zombie99
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]

บทความทั้งหมด