อ่านคนเพื่อวางกลยุทธ์ ![]() ไม่ว่าคุณจะทำงานเป็นฝ่ายบุคคลหรืออยู่ในส่วน Human Resource หรือไม่ การอ่านคนก็จะช่วยคุณได้มากในการอยู่ในบนโลกใบนี้ โลกที่คุณต้องพบปะและติดต่อกับผู้คนมากมาย คุณมีโอกาสได้รับสิ่งที่คุณต้องการ แ ละมีโอกาสป้องกันสิ่งที่คุณไม่ต้องการให้เกิดขึ้นกับคุณได้ด้วยการอ่านคนเป็น และการอ่านคนก็แบ่งออกเป็น 3 มิติหลักๆ คือ 1.การอ่านความต้องการของคน 2.การอ่านบุคลิกนิสัย 3.การอ่านสติปัญญาและความสามารถ 1.การอ่านความต้องการของคน - ในที่นี้จะเรียกว่าการอ่านแรงจูงใจก็ได้ มันคือสิ่งที่แต่ละคนให้ความสำคัญเป็นอับดับต้นๆ ของชีวิต คนที่ให้น้ำหนักของงานอยู่อันดับ 1 หรืออันดับต้นๆ ของชีวิต(เรียกว่า Work Centered) มีแนวโน้มเป็นคนที่ต้องการให้ผลงานที่ตนทำนั้นออกมาดีที่สุด ซึ่งน่าจะเป็นผู้ร่วมงานที่ดี ผู้ที่ให้น้ำหนักกับครอบครัวมาก หรือเรียกว่า Family Centered ก็มีโอกาสเป็นคู่ชีวิตที่ดี หรือคนที่ให้ความสำคัญกับชื่อเสียง (Reputation Centered) ก็อาจจะต้องการชื่อเสียงมากกว่าเงินหรืออย่างอื่น ลักษณะเหล่านี้จะบอกแนวโน้มพฤติกรรมอื่นๆ ที่ตามมาได้ และสามารถนำมาสร้างแรงจูงใจในการทำงานหรือร่วมงานกันได้ (ประเภทของคนที่แบ่งตามความต้องการนี้มีอีกหลายประเภท ซึ่งจะได้นำเสนอต่อไป) 2.การอ่านบุคลิกนิสัยทั่วไป - อันนี้ไม่ค่อยยาก เพราะเราจะเห็นบุคลิกแบบนี้ได้เป็นประจำ เพราะคนเรามีบุคลิกและนิสัยเฉพาะ แต่คนที่มีความสามารถในการอ่านคนที่ดีนั้น ไม่จำเป็นต้องอาศัยแบบสอบถาม แต่สามารถอ่านได้จากเพียงลักษณะการพูดจาหรือท่าทางเท่านั้น 3.การอ่านสติปัญญาและความสามารถ เรื่องนี้ต้องศึกษาเกี่ยวกับ Talent หรือความสามารถเฉพาะ หรือจะศึกษาตามหลักCompetency ก่อน ว่าทักษะความสามารถนั้นมีกี่ประเภท อะไรบ้าง และแต่ละประเภทนั้นจะมีบุคลิกนิสัยอย่างไร(Talent นั้นเกี่ยวข้องบุคลิกนิสัยเป็นพื้นฐาน) การทำนายพฤติกรรมของผู้ร่วมงานหรือกระทั่งคู่ต่อสู้นั้น จะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการวางกลยุทธ์อย่างยิ่ง นักกลยุทธ์ที่ดีต้องอ่านใจคู่ต่อสู้ได้ อ่านใจนายได้ อ่านใจลูกน้องได้ แต่อย่าให้ศัตรูอ่านใจเราได้ เพื่อนำสิ่งเหล่านี้มาวางแผนบุคลากรของเรา หรือวางกลยุทธ์การต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามจากการทำนายแนวทาง หรืออาจเรียกว่าการอ่านหมากของอีกฝ่ายหนึ่ง ที่วันนี้หยิบเรื่องนี้มาพูดแทรกเรื่องกลยุทธ์อีกครั้ง เพราะพอดีได้ทราบข่าวเรื่อง บิล เกตส์และบริษัทไมโครซอฟท์พยายามเข้าเทคโอเวอร์ Yahoo.com และพยายามจะโละบอร์ดเก่าทั้งคณะออกด้วย โดยพยายามไปกวาดซื้อหุ้นรายย่อยมาไว้ และใช้ยุทธวิธีป่าล้อมเมือง โดยที่ผู้ก่อตั้ง ผู้บริหาร และพนักงานไม่ยินยอม (หมายถึงไม่ต้องการ เพราะมีโอกาสที่บิล เกตส์และไมโครซอฟท์จะเข้ามาเปลี่ยนนโยบายของบริษัทเพื่อประโยชน์ของไมโครซอฟท์เป็นหลัก) และการต่อสู้ระหว่างสองฝ่ายก็กำลังดำเนินไปอย่างดุเดือด ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อไป แต่สิ่งที่ผมจะพูดถึงก็คือ ผมอ่านบุคลิกนิสัยของบิล เกตส์มานานแล้วว่า เขาเป็นคนชอบเอาชนะอย่างมาก และแท้จริงแล้วบิล เกตส์ไม่ได้เป็นคนบ้าเงิน แต่เห็นความร่ำรวยเป็นเพียงเครื่องมือวัดในความสามารถและความสำเร็จของเขา ซึ่งส่วนหนึ่งก็เริ่มเห็นได้จากการที่บิล มีความคิดบริจาคเงินที่มีกว่า 90 % เพื่อการกุศล เรื่องนี้ทำให้เห็นถึงบุคลิกชอบครอบงำและชอบเอาชนะของเกตส์อย่างชัดเจน เขาชอบใช้อำนาจที่มีเพื่อการครอบงำเบ็ดเสร็จ ซึ่งเมื่อไม่กี่ปีก่อน บริษัทไมโครซอฟท์ก็ถูกศาลสหรัฐสั่งลงโทษ เพราะไปกระทำการอันเป็นการกีดกันการแข่งขันอันเสรี ด้วยการสร้างโปรแกรมวินโดว์ที่ซัพพอร์ทเฉพาะสินค้าในเครือของตนเอง ของคนอื่นที่เป็นคู่แข่งใช้ไม่ได้ เป็นต้น ซึ่งนี่เป็นลักษณะอันหนึ่งของคนที่ชอบเอาชนะอย่างมาก (เรียกว่าอดใจไม่ได้) ชอบทำลายคู่ต่อสู้ จนบางครั้งอาจเรียกว่าก้ำกึ่งทางจริยธรรม และคราวนี้เกตส์ก็มีพฤติกรรมคล้ายๆ เดิม คือพยายามครอบครองบริษัทที่มีอิทธิพลอันดับสองในด้านการเสิร์ชข้อมูล คือ Yahoo เพื่อที่เตรียมจะโค่นยักษ์ใหญ่ Google เป็นลำดับต่อไป แม้ผมจะได้เขียนบทความวิเคราะห์ความสำเร็จของบิล เกตส์ไปแล้ว และยอมรับในอัจฉริยะบางส่วนของเขา แต่ก็เห็นถึงความอันตรายของเขาด้วย เพราะเขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ชัยชนะ ซึ่งตรงกันกับบุคลิกที่ดร.ลีแมน เจ้าตำรับ Birth Order หรือทำนายนิสัยจากลำดับการเกิดกล่าวไว้ว่า ลูกคนเดียวที่ได้รับอิทธิพลเต็มที่ จะมีลักษณะชอบเอาชนะมาก ดังที่เขากล่าวถึงไทเกอร์ วูด ไว้ว่า ไทเกอร์นั้นแทบจะสามารถตัดมือของคู่แข่งได้เพื่อจะเอาชนะ (บิล เกตส์ก็เป็นลูกชายคนเดียว แต่มีพี่สาวและน้องสาว ซึ่งก็ยังจัดว่าได้อิทธิพลแบบลูกคนเดียวอยู่) ผมไม่แน่ใจว่าผู้บริหารของ Yahoo อ่านนิสัยของบิล เกตส์ออกหรือไม่ และเตรียมแนวทางไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่อย่างไร เพราะจริงๆ ก็เคยมีข่าวออกมาก่อนหน้านี้แล้วว่า เกตส์รู้ว่าต่อไปในอนาคต อินเตอร์เน็ตจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอิทธิพลต่อโลกอีกตัวหนึ่ง และพยายามจะเข้ามาในธุรกิจนี้ให้ได้ โดยพยายามครอบครอง Yahoo ซึ่งเป็นอันดับ 2 ของ Search Engine เพื่อที่จะสู้กับอันดับหนึ่งอันทรงอิทธิพลอย่าง Google.com พฤติกรรมต่างๆ ของคนจะมาจากการมีแรงจูงใจเป็นอันดับแรก อ่านแรงจูงใจให้ได้ก่อน เขาชอบอะไร เขารักอะไร ขนาดไหน ต่อมาคือ ฝีมือเขามีขนาดไหน บิล เกตส์ต้องการเป็นเจ้าอาณาจักรโลก และเขาจะทำทุกสิ่งเพื่อดำรงอิทธิพลนี้ต่อไป ลองฝึกอ่านแรงจูงใจของคนรอบข้างดูซิครับ หรือจะคนดังก็ได้ นักการเมืองก็ได้ แรงจูงใจมันจะบ่งบอกถึงแนวทางการกระทำของคนๆ นั้น เพื่อตอบสนองสิ่งที่เขาต้องการเป็นอันดับแรกๆ *ต้องขออภัยในข้อมูลเดิมที่ผิดพลาดเกี่ยวกับการพยายามซื้อ Yahoo.com ของบิล เกตส์ ซึ่งผมไปใส่เป็น Google แทนครับ **************************************************** เมื่อจะดูความฉลาด จงดูว่าเขาเชื่อถือใคร เชื่อถืออะไร เมื่อจะดูบุคลิก จงดูว่าเขาชอบอะไร จากหนังสือ เคล็ดแห่งการพิเคราะห์และใช้คน โดย ทองแถม นาถจำนง ชอบมากค่ะ ขออนุญาตแอ๊ดเฟรนส์บล๊อกนะคะ
![]() โดย: PPpIRCU (PPpIRCU
![]() เนเธเนเธเธญเธตเธเธซเธเธถเนเธเธเธงเธฒเธกเธฃเธนเนเธเธตเนเธเธต
โดย: เธชเธฑเธเธเธดเธเธธเธฅ เนเธเนเธเนเธฒ IP: 202.91.19.194 วันที่: 2 ธันวาคม 2552 เวลา:16:26:10 น.
เป็นอีกหนึ่งความรู้ที่ดี
โดย: santikul IP: 202.91.19.194 วันที่: 2 ธันวาคม 2552 เวลา:16:30:03 น.
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆค่ะ
ปัจจุปันก็น่าจะเริ่มเห็นชัดแล้วนะค่ะว่าอินเตอร์เน็ตนั้นมีบทบาทสำคัญมากขึ้นทุกวันถ้าเขาโค้นgoogleได้นี้ถือว่าโลกที่เกี่ยวกับเทคโนคอมไม่มีอะไรมาหยุดเขาได้ง่ายขึ้นมั้ง ดูๆไป เขาเป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ แต่ก็เพื่อความเป็นใหญ่อ่านะ โดย: pupuri IP: 58.8.178.78 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:21:57:52 น.
|
บทความทั้งหมด
|