หลุมพรางของการเลียนแบบความสำเร็จ ![]() ทีแรกตั้งใจจะเขียนวิเคราะห์ความสำเร็จของ Robert Kiyosaki ไว้สำหรับบล๊อก Jimmys Analysis แต่เมื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมก็พบบทความจับผิดเกี่ยวกับประวัติและแนวคิดของคิโยซากิเสียก่อน บวกกับไม่เห็นด้วยกับเหตุการณ์การคลั่งไคล้หนังสือ Rich Dad, Poor Dad และแนวคิดการเลียนแบบความสำเร็จของคิโยซากิอยู่เป็นทุน จึงขอยั้งการวิเคราะห์คิโยซากิเอาไว้ก่อน แต่จะมาพูดถึงประเด็นความผิดพลาดจากแนวคิดของการพยายามเลียนแบบความสำเร็จของคนอื่น (จากที่อาทิตย์นี้จะต่อแนวคิดซุนวู ในเรื่องรู้เขา เลยขอยกยอดไปก่อนครับ) แม้ผมจะอ่านหนังสือ Rich Dad, Poor Dad และยอมรับว่าได้ข้อคิดดีๆ จากหนังสือเล่มนี้มาหลายอย่าง จนจัดเป็นหนังสือดีเล่มหนึ่งของผม แต่แนวทางการตื่นตัวของสังคมต่อแนวคิดที่จะเลียนแบบคิโยซากินั้น ผมไม่เห็นด้วย แต่ความไม่เห็นด้วยไม่ได้เกิดจากเพียงรู้สึกหรืออคติ แต่ไม่เห็นด้วยเพราะผมศึกษาเรื่องความสำเร็จและความล้มเหลวมาพอสมควร และมีหลายอย่างที่การเลียนแบบความสำเร็จนำไปสู่ทิศทางที่ผิด การที่คนเราจะเลียนแบบความสำเร็จของคนบางคนได้นั้น เราต้องมีปัจจัยหลายๆ อย่างที่คล้ายคลึงเขาคนนั้น เราจึงจะเลียนแบบได้ การพยายามเลียนแบบโดยไม่คำนึงถึงปัจจัยของตัวเรา เช่น นิสัย บุคลิก หรือพื้นฐานอื่นๆ จะทำให้การเลียนแบบความสำเร็จเป็นสิ่งที่เลื่อนลอย คนร้อยคนอ่านหนังสือเล่มเดียวกัน และประทับใจ พยายามเลียนแบบ แต่อาจมีเพียงไม่กี่คนที่ประสบความสำเร็จ เพราะอะไร 1. คือการจับประเด็นของหนังสือที่แตกต่างกัน แน่นอน แต่ละคนย่อมจับประเด็นสำคัญแตกต่างกันไป 2. เพราะไม่พิจารณาตัวเองเป็นที่ตั้ง เพียงได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือก็คิดว่าเราก็สามารถเหมือนเขาได้ จากที่ผมศึกษาเรื่องราวของความสำเร็จที่นำมาเขียนบทความลงใน Jimmys Analysis และจากการศึกษาปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อความสำเร็จของคนเราแล้ว พบว่าแรงผลักดันในตัวเอง และการได้ทำสิ่งที่ถนัด เป็นปัจจัยเบื้องต้นของความสำเร็จทั่วไป ส่วนจะประสบความสำเร็จสูงแค่ไหนนั้น ต้องมีปัจจัยอื่นบวก บางคนแรงผลักดันในตัวเองสูงมาก ทำงานได้แทบทุกอย่าง ไม่ค่อยเลือก กลุ่มนี้จึงมีโอกาสประสบความสำเร็จอยู่แล้วอย่างเกือบจะแน่นอน ที่เหลือคือสติปัญญาและปัจจัยอื่นๆ ที่จะพาเขาไปได้แค่ไหน แต่บางคนมีแรงผลักดันในบางอย่างเท่านั้น(เช่น บางคนต้องการชื่อเสียง ไม่ได้ต้องการเงิน ฯลฯ) หรือถนัดในงานบางอย่าง ถ้าทำงานที่ไม่ชอบแล้วจะขาดแรงผลักดัน คนเราจึงเปลี่ยนตัวเองไม่ได้ตามใจชอบ ผมเคยอ่านหนังสือของ Donald Trump และชื่นชมเขามาก บางทีก็อยากมีนิสัยบางอย่างเหมือนเขา แต่ก็ไม่เคยเป็นไปได้ ผมก็ยังเป็นผมอยู่เหมือนเดิม แต่อาจเปลี่ยนทัศนคติและบุคลิกปลีกย่อยบางอย่างเท่านั้น ผมไม่อาจเปลี่ยนตัวเองเป็น Donald Trump ได้ ยิ่งนิสัยพื้นฐานเดิมไม่เหมือนกัน กลับมาที่กรณีของ Rich Dad หลายคนพยายามเลียนแบบคิโยซากิ ด้วยการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เพราะคิโยซากิทำแบบนั้นแล้วรวย ประสบความสำเร็จ แต่เราลืมไปว่า คิโยซากิมีความถนัดในการประเมินและทำนายเกี่ยวกับอสังหาฯ แต่คนที่จะเลียนแบบเขานั้น มีความรู้ในเรื่องอสังหาเท่าเขาหรือไม่ เพราะจากการประกอบธุรกิจและศึกษาการประสบความสำเร็จของคนอื่น แทบจะพูดได้เลยว่า ไม่มีการประสบความสำเร็จของใคร ที่ไม่ต้องมีความเชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่งประกอบ โลกนี้ไม่มีอะไรง่ายครับ ในระบบความล้มเหลวของคนที่ทำ mlm ทั้งคนที่พยายามจะเป็น up line หรือคนที่เป็น down line ก็คือ การทำ mlm ต้องอาศัยทักษะด้านการขาย การจะเลือกใครมาเข้าเครือข่ายต้องพิจารณาว่าเขาเหมาะสม เป็นนักขายได้ ไม่ใช่เอาใครก็ได้เข้ามา ให้เสียเงินแล้วก็ล้มเหลวไป ทั้ง down line และ up line (แต่upline ได้ไปก่อนแล้วก้อนหนึ่ง) การฟังสัมมนาของ mlm แล้วตื่นเต้นเหมือนว่าเราจะทำได้แบบเขานั้น กลับทำให้หลายคนเข้าไป ติดกับ (ผมก็เคยรู้สึกนานมาแล้ว สมัยที่อ่านหนังสือฮาวทูที่เขียนโดยนักธุรกิจใหญ่ๆ ระดับโลกทั้งหลาย เคยคิดว่าการหาเงินพันล้านหมื่นล้านนั้นไม่ยากเกินไป แต่มาวันนี้ผมรู้และเข้าใจเรื่องปัจจัยของความสำเร็จมากขึ้นเยอะ) อีกกรณีหนึ่งของไปฟังสัมมนาหรืออ่านหนังสือโดยผู้ประสบความสำเร็จทั้งหลายนั้น ต้องเอามาประยุกต์อย่างมาก เพราะพื้นฐานเขากับเรานั้นไม่เหมือนกัน บางคนเป็นนักธุรกิจต่อยอด ในขณะที่คุณอาจเริ่มจากศูนย์ บางคนอาจเป็น fighter เพราะมาจากสภาพจนสุดขีด ในขณะที่คุณมาจากชนชั้นกลางที่พ่อแม่เลี้ยงดูอย่างสบาย การสักแต่ว่าไปฟังๆ จึงได้ประโยชน์น้อยกว่าที่คิด เหมือนอย่างบางคนรับเอาแนวคิดจากบริษัทใหญ่หรือนักธุรกิจใหญ่มากเกินไป ก็คิดจะทำ Branding ในขณะที่ธุรกิจของตัวเองเล็กนิดเดียว ทั้งหลายทั้งปวงที่ผมกล่าวมา ก็เพื่อจะสรุปความคิดที่ว่า แต่ละคนนั้นมีเส้นทางเฉพาะที่เหมาะกับตัวของเราเอง ซึ่งต้องอาศัยความเข้าใจตัวเอง(รู้เรา) และเป้าหมาย(รู้เขา) เพื่อที่จะวางแผนที่เหมาะสมต่อไป การอยากเลียนแบบนั้นเป็นกับดักและเป็นสิ่งผิดพลาดอย่างมาก เมื่อเล่าปี่ได้พบขงเบ้ง ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในยอดกุนซือแห่งยุคนั้น ก่อนขงเบ้งจะวางแผนให้เล่าปี่ ขงเบ้งได้วิเคราะห์ปัจจัยแวดล้อมทั้งหมดของเล่าปี่เทียบกับโจโฉซึ่งเป็นศัตรูเสียก่อน และรู้ว่าเล่าปี่ยังไม่อาจเอาชนะโจโฉได้ การไปหาดินแดนที่เหมาะสมแล้วยึดครองเป็นที่มั่นจะเหมาะกว่า ถ้าโอกาสภายหน้าอำนวยจึงอาจเอาชนะได้(แต่สุดท้ายก็ไม่เคยมีโอกาสเหมาะ เพราะโจโฉไม่เปิดช่อง) บัณฑิต อึ้งรังสีเคยกล่าวไว้ว่า ถ้าเขาคิดและตัดสินใจไปเป็นนักธุรกิจ เขาก็คงเป็นนักธุรกิจแย่ๆ คนหนึ่ง แต่เมื่อเขามาเลือกที่จะเป็นวาทยกร เขาจึงได้เป็นวาทยกรระดับโลก บัณฑิตเป็นแบบอย่างของการรู้จักตัวเอง เลือกเส้นทางที่เหมาะกับตัวเอง และไม่ตกเป็นเหยื่อของการเลียนแบบความสำเร็จของคนอื่นที่ดียิ่งครับ เป็นบทความที่ดี ครับ
![]() โดย: wildbirds
![]() เห็นด้วย
อ้าว...เจอคุณ wildbirds อีกแล้ว โดย: MARON CREAM
![]() พูดถึงหนังสือ พ่อรวยสอนลูก บางครั้งผมคิดว่า หนังสืออาจจะบอกเล่าความสำเร็จของ คิโยซากิ อยู่ก็จริง และมีหลายๆคนที่อ่านแล้วพยายามเลียนแบบ ( ผมก็ด้วย )
แต่ลึกๆแล้ว เข้าใจว่า หนังสือน่าจะพยายามสื่อความแนวความคิด และทัศนคติใหม่ในการดำเนินชีวิตและการลงทุนมากกว่านะครับ รวมทั้งสอนกลไกการเงินพื้นฐานมากกว่า ยังไงก็ตาม ผมคิดว่าหนังสือทุกประเภทอ่านแล้วต้องได้ความรู้อย่างแน่นอน แต่บางครั้งระวังอย่าให้หนังสือชี้นำความคิดมากเกินไป จนลืมที่ตั้งที่ตัวเองเป็นอยู่ อย่างที่คุณจิมมี่บอกน่ะแหละ .. โดย: Dirymarketing IP: 58.8.150.77 วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:15:40:01 น.
เศรษฐกิจอเมริกาล่ม เพราะคนพยายามเลียนแบบคิโยซากิมากเกินไปหน่อย ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงเกินจริง และเกิดดีมานด์เทียมในตลาดที่พักอาศัย
โดย: เสือ IP: 58.181.129.244 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:17:05:08 น.
|
บทความทั้งหมด
|