ดูไบ เที่ยวไปในเมืองทะเลทราย ตอนที่ 2 (จบแว้ว) วันที่ 4 นอนกลิ้งในโรงแรม + Dinner เล็กๆ วันนี้เวลาช่วงเช้าของ JanzA หายไป 555 เป็นเพราะฤทธิ์ยาแก้หวัดเมื่อคืนแน่แท้ ตื่นอีกทีตอนเย็นเลยค่ะ ตื่นเพราะเฮียโทรมาบอกว่ากำลังจะถึงโรงแรมแล้ว (เฮียออกไปประชุมตั้งแต่เช้า) เฮียกลับมากับลูกค้าด้วย มื้อนี้อาศัยห้องอาหารอิตาเลียนของโรงแรมนี่แหละ เหมาจานนี้คนเดียวเลยนะ ![]() พนักงานที่โรงแรม ส่วนใหญ่จะเป็นคนฟิลิปปินส์ ลูกค้าเฮียเล่าให้ฟังว่า คนฟิลิปปินส์มาทำงานด้านบริการที่นี่เยอะแล้วก็ได้เปรียบตรงภาษา (พนักงานที่ฟรอนท์ พนักงานเสิร์ฟบนเรือ พนักงานที่โรงแรมก็เป็นฟิลิปปินส์) แต่ถ้าเป็นคนขับแท็กซี่ ส่วนใหญ่จะเป็นปากีสถาน ศรีลังกาหรืออินเดีย เรียกได้ว่าแบ่งงานกันชัดเจน แต่ JanzA ยังไม่เจอพนักงานคนไทยเลย ไม่แน่ใจ ว่าทำงานสายไหนกันบ้าง (แต่เจอกรุ๊ปข้าราชการไทยที่โรงแรม ที่รู้เพราะเห็น ว่าบนโต๊ะอาหารมีน้ำพริก ซีอิ๊ว ผักกาดกระป๋องวางอยู่) ^^ เท่าที่ดู UAE เป็นประเทศที่ตอนนี้มีประชากรจากทั่วทุกมุมโลกมาทำงาน ขนาดบรรดาลูกค้าของเฮีย ยังประกอบไปด้วยฟิลิปปินส์ ศรีลังกา (ส่วนอีกคน จำไม่ได้ว่าชาติอะไร) บางคนก็อพยพครอบครัวมาอยู่ที่นี่เลย ![]() คนที่นี่ดินเนอร์กันเร็วแฮะ พอทุ่มนึงก็แยกย้ายกันกลับ JanzA ก็นอนต่อได้อีก555 ส่วนเฮียก็เตรียมงานประชุมวันรุ่งขึ้น เลยอดไปลั้ลลาเริงราตรีกะเค้าบ้าง วันที่ 5 Burjuman @ Al Qasr Hotel วันนี้จัดการกับอาหารเช้าแล้วก็แยกย้าย เฮียไปประชุม ส่วน JanzA นั่งแท็กซี่ ไปห้างที่ใกล้โรงแรมมากที่สุดคือ Burjuman หายใจ 3 เฮือกก็ถึงแล้ว เดินที่นี่เหมือนเดินอยู่เกสร ร้านรวงเยอะแต่ไม่ใหญ่เท่า Mall of Emirates หรือ Dubai Mall ขากลับมีเรื่องปล่อยไก่ตรงที่ เรียกแท็กซี่ธรรมดากลับ มิเตอร์จะเริ่ม ตั้งแต่ 3.5 DH ไปถึงโรงแรมราคา 5.5 DH เลยให้เค้าไป 10 DH แล้วบอกว่าไม่ต้องทอน แต่คุณคนขับชี้ป้ายให้ดูว่า minimum 10 DH แถมบ่นพึมพำใส่อีก - หงะ แหมบอกกันดีๆก็ไม่ได้ ป้ายบอกก็ตัวกะจิ๊ดริด เบาะบังมิดเลย TT วันหลังจะขึ้น แท็กซี่ที่ดูไบ มองหาป้าย minimum charge ด้วยนะคะ เดี๋ยวจะปล่อยไก่เหมือนกัน ถึงโรงแรมก็เปลี่ยนเสื้อผ้าไปงาน เป็นงานของนิตยสาร PAx พวกเราจับ Limo ไปโรงแรม Al Qasr แถว Madinat Jumeirah โอ๊ะโอ โรงแรมไฮโซมาก ![]() ช่วงที่ไปเป็นช่วงที่มีทัวร์นาเมนท์กอล์ฟที่ดูไบ เจอแมคกิลลอยที่นี่ด้วย แต่ไม่กล้าวิ่งไปขอถ่ายรูปเพราะไม่เห็นมีแขกในโรงแรมจะตื่นเต้นที่เห็นเค้าเลย โรงแรมเด่นตรงที่มีคลองอยู่ในโรงแรม ให้แขกนั่งเรือไปที่พัก (จริงๆเดินไปก็ได้) JanzA มีโอกาสนั่งเรือ Abra ซึ่งเป็นเรือดั้งเดิมของที่นี่ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ เวนิสได้เหมือนกัน มุมที่จัดงานเป็นบริเวณชายหาด มองเห็นโรงแรมเรือใบพอดี ![]() เห็นโรงแรมเรือใบอยู่ลิบๆ ขอปิดท้ายวันด้วยบรรยากาศในงาน ![]() วันที่ 6 Madinat Jumeirah & Desert Safari วันนี้ตื่นเช้า ทานข้าวเสร็จปั๊บก็จับ Limo ไป Madinat Jumeirah เลย ซึ่งก็คือ ตลาดในร่มที่อยู่ใกล้กับโรงแรมที่มาเมื่อคืนแหละ มาดินาทจูไมราห์เป็นตลาด ในร่ม ติดแอร์ ขายของพื้นเมือง แล้วก็มีร้านอาหาร ร้านกาแฟน่ารักๆ จุดขาย ของที่นี่เป็นการจำลองบรรยากาศเวนิสไว้ (ซึ่งก็คล้ายๆกับโรงแรมเมื่อวาน) JanzA เลยมีโอกาสได้ถ่ายรูปบรรยากาศตอนกลางวันมา สวยดีค่ะ มานั่งสบายๆ ลมเย็นๆ เลยแอบงีบไปเลย ![]() ถ้ามีโอกาสมาดูไบ อย่าพลาดที่นี่ ขอแนะนำเลยค่ะ ![]() เป็นที่ๆหามุมถ่ายรูปสวยๆได้เยอะเลยค่ะ ไม่เสียค่าเข้าชมอีกตะหาก นั่งเล่นอยู่ถึงบ่ายสองก็รีบกลับโรงแรมเพราะนัดทัวร์ไว้ จะไป Desert Safari ทัวร์นัดไว้บ่ายสาม ต้องรีบไปเพราะช่วงนี้พระอาทิตย์ตกไว จากโรงแรมก็แวะรับ 2 แม่ลูกชาวเยอรมันร่วมทริปกับเราด้วย ใช้เวลาออกจากเมืองร่วมชั่วโมง ไกลเหมือนกันค่ะ แล้วก็แวะปล่อยลมยางเพื่อให้ล้อมันเกาะกับทรายดีขึ้น แล้วเราก็ลุย - - - ขอแนะนำสำหรับคนที่มาเที่ยวแบบนี้ว่าให้เตรียมน้ำเปล่า ใส่รองเท้าที่ถอดง่ายๆ แล้วก็อย่าเพิ่งทานอะไรก่อนมาทะเลทรายสัก 3-4 ชั่วโมง หรือถ้าเพิ่งทานอิ่มมาก็กรุณาเตรียมถุงเผื่ออาเจียนไว้ด้วย และทริปนี้ไม่เหมาะกับ คนเมารถเป็นอย่างยิ่ง ![]() แบบว่า มันโยกไปโยกมา หัวสั่นหัวคลอน หวาดเสียวเป็นที่สุด ![]() วนอยู่ได้ซัก 30 นาที รถก็จอดให้ถ่ายรูป ทรายที่นี่ละเอียดจริงๆนะ นุ่มเท้ามั่กๆ ![]() เดินไม่ดีมีกลิ้งลงมานะเออ ![]() อยู่จนพระอาทิตย์ตกดิน อากาศก็เริ่มเย็นลง ![]() รถก็กลับไปยังจุดพัก ไปเติมลมยาง แล้วก็แวะให้พวกเราได้เข้าห้องน้ำ แต่ๆๆๆ แนะนำว่าอย่าเผลอเข้าไปในร้านใดเด็ดขาด JanzA โดนฟันค่าไอศครีมแมกนั่ม 1 แท่ง ในราคา 50 DH หรือ 500 บาทไทย ไม่ได้บอกว่าจะเอาด้วย แค่ถามว่าเท่าไหร่ แล้วเค้าก็แกะแล้วยัดใส่มือเราเลย เหอเหอ แถมตอนจะออก ยังยัดเยียดหมวก พื้นเมืองกับเสื้อ ตรงจุดนี้หงุดหงิดมากมายเพราะเข้ามาโอบเราแล้วพยายาม จะใส่เสื้อให้ เค้าอาจทำกับฝรั่งจนเคย แต่วัฒนธรรมไทยยังคงรับไม่ได้ที่จะให้ คนแปลกหน้ามาโดนตัว พอเค้าใส่หมวกให้เสร็จก็พยายามดึงไปหลังร้าน เพื่อไปส่องกระจก โชคดีที่เฮียลากตัวออกมาได้ (แล้วก่อนหน้านั้นเฮียหายไปหนาย) TT พอกระโดดขึ้นรถได้ก็รู้สึกโล่งไปเปราะหนึ่ง รถก็พาเรามุ่งหน้าไปแคมป์เพื่อ ไปกินอาหารเย็น รถวิ่งอยู่บนถนนผ่ากลางทะเลทรายกว่า 2 ชั่วโมง ไม่มีไฟถนน ไม่มีรถสวนทาง รู้สึกระทึกมาก แอบคิดอยู่ในใจว่าเค้าจะพาเรามาฆ่ารึป่าว ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีประดังเข้ามา เหมือนคนที่ใกล้จะตายแล้วสำนึกผิดได้ ว่าเคยทำอะไรไม่ดีมาบ้าง และมีอะไรในชีวิตที่ยังไม่ได้ทำบ้าง (อยากให้นึกภาพ ตามว่ารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกลวงไปฆ่าเลย) น้ำตาเริ่มไหล คิดถึงปาป๊ามาม้า คิดถึงน้องๆ ในรถก็เงียบกันหมด (เดาว่าคนอื่นก็คิดเหมือนกันแต่ไม่กล้าพูด) หลังจากนั่งเงียบอยู่บนรถจนได้ยินแต่เสียงหายใจ ในที่สุดก็เห็นแสงไฟลิบๆ ดีใจมากค่ะ น้ำตาไหลอีกรอบ รอดแล้วกรู กร๊ากกกกก อาหารที่แคมป์ฟรีทุกอย่างยกเว้นเบียร์ จะลองสูบชิชาก็ได้ หรือลองเพ้นท์เฮนน่า ใส่ชุดประจำชาติ มีโชว์เบลลี่แดนซ์ ![]() ใช้เวลาในแคมป์ประมาณชั่วโมงกว่าๆ รถก็พาเรากลับไปส่งโรงแรม เป็นการผจญภัยที่ระทึกจริงๆนะ คืนนั้นก็รีบแพ็คของเตรียมกลับบ้านเพราะไฟล์ท ออกแต่เช้า ต้องเช็คเอาท์ตั้งแต่ตี 5 เฮ้ออออ กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพค่ะ PS. การรีวิวคราวนี้รายละเอียดจะขาดตกบกพร่องไปบ้างเพราะดองไว้ 4 เดือนแล้ว ขอบคุณที่แวะเวียนเข้ามาอ่านกันนะคะ อย่าลืมทิ้งคอมเมนท์เอาไว้เป็นกำลังใจ คนทำบล็อคด้วยนะคะ ขอบคุณค่า ![]() น่าไปจังครับ
โดย: DAN_KRAB
![]() น่าไปมาก ๆ เลยค่ะ
โดยเฉพาะตึกที่สูงที่สุดในโลกรออยู่ อิอิ อยากไปเหยียบทรายที่นั่น ซักครั้งจัง จะแอบเอาใส่ กระปุกมาซะหน่อย อิอิ เคยเช็คราคาทัวร์ล่ะ แพงมากเหมือนกันนะคะ พอ ๆ กับไปญี่ปุ่นเลย โดย: JinnyTent
![]() |
บทความทั้งหมด
|