China ณ. วันที่หนาวยิ่งกว่าจุดเยือกแข็ง #4 : วังฤดูร้อน เฉียนเหมิน #ขออภัย รูปไม่ชัด ![]() 10 Jan 2016 , 06:20 AM,-7 ?c วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะอยู่ปักกิ่ง แผนของวันนี้คือเราจะไปตลาดเช้าหน่อยกลับมาคืนห้อง เอาของไปฝากที่ล๊อบบี้ ไปเก็บตกแถวๆ ในเมือง เช่น พระราชวังฤดูร้อน อี้เหอหยวนของซูสีไทเฮา ถ้าเวลาเหลือก็ไปสวนเชียงซาน เฉียนเหมินแล้วกลับมาเอาของ หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อย เราก็เดินไปตลาดอย่างมุ่งมั่น เป้าหมายหลักของวันนี้คือสตรอเบอรี่ยักษ์ แต่ปรากฏว่าวันนี้ราคาขึ้นมาอีก 2 หยวน เป็น 15 หยวน อุตส่าห์ต่อแล้วอาเฮียก็ยังไม่ยอมลด พอเสร็จภารกิจเราก็เดินกลับบ้าน (บอกแล้วภารกิจหลักคือมาซื้อสตรอเบอรีโดยเฉพาะ) พอกลับมาถึง แล้วเราก็ขนกระเป๋ามาฝากที่ล๊อบบี้และทำการคืนห้อง เอาละ ได้เวลาไปอี้เหอหยวนแล้ว จากรีวิว เราต้องไปลงที่สถานีอี้เหอหยวน YiHeYuan ที่อยู่สาย 4 มุมๆ เกือบนอกเมือง แต่พอเอาเข้าจริงแล้ว พอไปดูแผนที่ที่อยู่ในสถานีปรากฏว่าไม่มีสถานีนี้ แต่กลับมีสถานีชื่อ ซีเยวี้ยน XiYuan มาแทน อ้าว เอาแล้วไง เราก็เลยตกลงกันว่าเดี๋ยวนั่งไปลงสถานีนี้ก่อนแล้วกันแล้วถามเจ้าหน้าที่เอาว่าต้องไปลงสถานีไหนกันแน่ และด้วยความมั่วของเราที่ขึ้นรถผิดฝั่งทำให้นั่งอ้อมโลก ในที่สุดเราก็มาถึงสถานีซีเยวี้ยนจนได้ ลงไปถามเจ้าหน้าที่เค้าก็บอกว่าลงที่สถานีนีก็ได้แต่ถ้าลงสถานีหน้าจะเดินใกล้กว่า อ้าวตอบงี้แล้วงั้นใครจะลงที่นี่ฟระ เราก็เลยขึ้นเที่ยวต่อไปไปลงสถานี เป่ยกงเหมิน BeiGongMen อันที่จริงที่สถานีนี้มีวงเล็บให้ด้วยนะว่าถ้าจะไปอี้เหอหยวนให้ลงที่นี่ พอขึ้นมาจากสถานี มองไปฝั่งตรงข้ามเห็นป้ายห้องสมุดอี้เหอหยวน เราก็เลยเดินข้ามไปด้วยความมั่นใจ อี้เหอหยวนต้องอยู่ทางนั้นแน่ๆ มีเก๋งจีนเยอะแยะเลย เดินๆ ไป เจอเด็กวัยรุ่นเลยถามเพื่อความแน่ใจว่าไอ้เก๋งจีนที่เห็นน่ะ อี้เหอหยวนใช่ม๊ายย ก็ได้คำตอบว่า ไม่รู้เหมือนกันจิ พวกหนูก็เพิ่งเคยมาเหมือนกัน แป่ว ถามผิดคน ยังดี มีคนแอบได้ยินแล้วเลยบอกว่า ไม่ใช่ แต่เป็นไอ้ข้างหลังที่เราเดินผ่านมาต่างหาก ให้ข้ามไปฝั่งตรงข้ามแล้วเดินตามทางไปเรื่อยๆ (ก็ตามปกติอ่ะนะ มั่วทางอีกแล้ว) เราก็เดินตามทางไปเรื่อยๆ ก็ตามไอ้น้องกลุ่มที่เราถามนั่นหละไป เดินไปตามทางก็เห็นรถเมล์เข้าไปเรื่อยๆ จากรีวิวบอกว่ารถนี่ไปเขาเซียงซานก็วางแผนกันแล้วหละว่าพออกมาก็จะขึ้นรถเมล์นี่หละไปเขาเซียงซาน ว่าแต่เมื่อไหร่จะถึงเนี่ย เดินมาจนถึงอู่รถเมล์แล้วยังไม่ถึงเลย ก็ต้องจำใจเดินต่อไป กลัวจะเหมือนตอนไปเทียนถานที่เดินไกลมากนี่สิ แล้วก็เห็นประตูอี้เหอหยวน ทำให้เราปรี่เข้าไปหา แต่พี่ยามสุดหล่อกลับบอกว่า ประตูนี่ไม่ให้เข้านะจ๊ะ ให้เดินไปเข้าประตูหน้า เอาวะอย่างน้อยก็ใกล้แล้ว ไปต่อเลยดีกว่า ในที่สุด ก็มาถึงอี้เหอหยวน รีบไปซื้อตั๋วกันเลยดีกว่า คราวนี้ไม่งกแบบไปเทียนถานแล้วหละ กลัวต้องซื้อตั๋วใหม่ แพงขึ้นอีก 555 คนพร้อม ตั๋วพร้อม ลุย! ![]() เจอประตูนี้นึกว่าจะเหมือนมาดูวัดลามะ ![]() มีวัดอยู่ด้านหน้า ![]() คราวนี้ เข้าถูกทาง ![]() นี่แค่เสี้ยวเดียวเท่านั้น มันจะกว้างไปไหนเนี่ย เมื่อก้าวเข้าไปปั๊บ สตั๊นท์ไปห้าวินาที เข้าไปเจอสระ จริงๆ มันน่าจะเป็นทะเลสาบมากกว่า สระนี้เป็นสระขุด ชื่อว่าสระคุณหมิง ซูสีไทเฮาสั่งสร้างไว้พักร้อน (ไม่รู้ว่าใช้แรงงานและเวลาเท่าไหร่เนอะ กว้างมากกกกก ) หันซ้าย เห็นศาลาชมวิว และลิบๆ ที่ต้องข้ามสะพาน ยาวมาก (มีรูๆ ให้น้ำผ่านลองนับดูได้ 17 ช่อง เลยเรียกว่าสะพาน 17 ช่องกันเล่นๆ ปรากฏว่าไปดูป้ายมันกลายเป็นชื่อสะพานเฉยเลย สงสัยคนตั้งก็คิดไม่ออกว่าจะตั้งชื่อให้ว่าอะไร) ข้ามไปบนเกาะเป็นตำหนักอะไรซักอย่าง หันขวา ก็ยาวเหมือนกัน ยาวกว่าอีก มีทางเดินไม่เห็นว่าสุดทางมีอะไรเพราะไกลลิบๆ แต่เห็นคนเดินไปเล่นลานน้ำแข็งทางนั้น และเห็นศาลา น่าจะเป็นวัดอยู่บนเขาสูงมาก ว่ากันว่าผลาญงบมหาศาล ต้องแบ่งดูเป็นส่วน ๆ นี่อยู่ตรงกลาง![]() ![]() นี่เห็นอยู่ลิบๆ (ซ้าย) ![]() นี่ก็ลิบๆ (ขวา) ![]() ซูมดูหน่อย เราก็เลยตกลงกันว่าไปทางขวาก่อน พอเริ่มเดินไป จะมีคนเอาพู่กันอันใหญ่ๆ ชุบน้ำแล้วเขียนตัวจีนบนพื้น (เดี๋ยวนี้มีนวัตกรรมใหม่ใช้ขวดน้ำอัดลมสองลิตร ต่อกับสายน้ำเกลือเป็นระบบปล่อยน้ำ หัวเป็นฟองน้ำตัดแบบหัวพู่กันแทน คิดว่าคงจะเขียนโชว์เพื่อขายเครื่องนะ) ที่แรกที่เข้าเป็นตำหนักที่กั้นไว้ด้วยกะจก มีคำอธิบายว่าเป็นกำแพงโบราณ แต่พอไปดูก็ไม่เห็นอะไร มีต้นไม้ที่พันเชือกไว้ เพื่อกันหนาว ช่วงก่อนหน้านี้หิมะเพิ่งตกไป จึงมีน้ำแข็งเป็นแผ่นใหญ่เกาะอยู่บนพื้น เวลาเดินก็ต้องระวังลื่นกันหน่อย![]() ![]() เมื่อเดินออกมาจากตำหนัก ก็จะมีทางเดิน ระเบียงยาวมาก บนระเบียงก็มีภาพวาดต่างๆ จากหลายศิลปิน ทั้งด้านบน ด้านข้าง (เยอะถึงขั้นที่ว่ามีหนังสือรวมภาพวาดบนระเบียงรวมเล่มขายด้วย แต่แพงไม่ได้ซื้อมา) ระเบียงนี้ได้รับการบันทึกไว้ในกินเนสท์บุ๊กด้วยว่าเป็นระเบียงภาพที่ยาวที่สุดในโลก ![]() ของระดับโลกทีเดียวเชียว ![]() นี่อยู่ด้านบนระเบียง สวยและละเอียดมาก ![]() มีมันอยู่ทุกที่ ทั้งข้างบน ข้างล่างและ ข้างๆ ![]() ข้างนอกก็ยังมี ![]() ระเบียงทอดตัวไปตามริมทะเลสาบ ![]() ข้างทางเป็นสะพานข้ามไปตำหนักต่าง ๆ เดินไปเรื่อยๆ มองเห็นวัดข้างบนก็เลยมองหาทางขึ้น และก็เจอบันไดหิน เอาละจะได้ขึ้นไปดูไอ้ที่อยู่สูงลิบๆ แล้ว แต่เพื่อนเราไม่ขึ้นเพราะจะไปหาเรือหินอ่อนที่อ่านมาจากรีวิว(อีกละ) ก็เลยตกลงกันว่าแยกกัน เราเดินขึ้นเขา เพื่อนเราดินไปตามทางต่อ เพราะเป้าหมายคือเรือที่ยังไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน แล้วค่อยกลับมาเจอกันที่หน้าร้านอาหาร (มีคนเข้าคิวลงไปเล่นเลื่อนในสระกันเยอะแยะเลย) ในอีก 1 ชั่วโมงข้างหน้า ตกลงกันได้ก็แยกย้าย เราเริ่มเดินขึ้นเขา มีบันไดหินให้เดินขึ้น ไม่ได้เดินลำบากมากนัก เดินได้ซักพักก็มาถึงยังไม่ทันเหนื่อยก็มาถึงประตูแล้ว แต่... มีกุญแจคล้องอยู่ เข้าไม่ได้ เลยเดินต่อไปข้างหน้าตามทางแล้วเจอเจ้าหน้าที่ เค้าบอกให้ไปเข้าอีกประตูนึง ก็เลยเดินลง ขาลงสวนกันอาเจ๊คนนึงเค้าถามว่าข้างบนมีอะไร สวยมั๊ย ก็เลยบอกว่าไม่เห็นเพราะมันล็อค ต้องลงแล้วไปขึ้นที่อีกประตูนึง เค้าเลยบอกว่างั้นไม่ไปละ ยอมแพ้ ฮุฮู (ที่สื่อสารมาจนถึงตอนนี้ เมื่อยมือมากมาย ![]() ![]() จะไปขึ้นที่นี่ ![]() บันไดนี้ห้ามขึ้นนะจ๊ะ เป็นตัวหลอก ![]() จุดนัดพบ ทางขึ้นอยู่ตรงข้ามซุ้มนี่แหละ ทางขึ้นนี้มีเป็นชั้น 3 ชั้นเพื่อเป็นจุดพัก ข้างบนสุดเป็นวัด มีกวนอิมพันกร และทางเดินไปตำหนักอื่นๆ ซ้ายขวาได้ ทางขึ้นระหว่างชั้นสองและชั้นบนสุดเป็นบันได ชันๆ (ห้ามมองไปข้างล่างเพราะมันจะเสียวได้ ฮา) วิวข้างบนเป็นวิวมุมสูง เห็นได้ไกลไปทั่ว แต่ก็ยังไม่เห็นว่าเรือหินอ่อนอยู่ตรงไหน ตรงกลางสระมีคนเล่นสเก็ตน้ำแข็งและเลื่อนอยู่ทั่วไป พอเดินดูซักพักก็ลงเพราะกลัวเพื่อนมารอ ![]() เราจะขึ้นนี่แหละ ![]() ข้างๆ มีทางลาด จะขึ้นทางนี้ก็ได้แต่ไปได้แค่ชั้น 1 ไว้ตอนลงจะลงทางนี้ละกัน ![]() อะไรไม่รู้ อยู่ตรงช่วงพักระหว่างแต่ละชั้น ![]() หัวจั่วตำหนักจัดโชว์ไว้ที่ชั้น 2 ![]() ถึงแล้ว ชั้นบนสุด ![]() ตำหนักด้านหลัง ไม่ให้ขึ้นแล้ว ![]() มองไปได้ลิบๆ ![]() ตำหนักข้างๆ ที่ไม่มีทางให้เดินไป ![]() เดินมาไม่ได้ครึ่งทางเลย ![]() ชันไม่ใช่เล่นแฮะ เมื่อลงมาถึงข้างล่าง พอดีเพื่อนมาถึง ก็เลยเดินไปหาอะไรกินกันที่ร้านอาหารที่นัดกันไว้ เมนูอาหารภาษาจีนกับภาษาอังกฤษไม่ตรงกันดัวย ภาษาจีนมีชื่อเมนูมากกว่าภาษาอังกฤษ 1 ชื่อ เลยได้กับข้าวมาไม่ตรงกับที่อยากได้ เพื่อนบอกว่าเจอเรือแล้วอยู่สุดทางนั่นหละ ไปถ่ายรูปเรียบร้อย ดูภาพที่เหลือกันเลย ![]() มีตำหนักต่างๆ ระหว่างทาง ![]() ![]() เรือหินอ่อน ![]() ขนาดท่อระบายน้ำยังสวย ![]() คนเดินนอกระเบียง ![]() กำแพงตำหนัก ![]() ![]() มีทางออกจะระเบียงเป็นระยะ ![]() เรือมังกร ไว้ให้เช่านั่งชมวิวในสระตอนไม่เป็นน้ำแข็ง กินอิ่มแล้วเราตกลงกันว่าจะเดินกลับไปอีกทางดีกว่าเพราะยังไม่ได้ไปอีกทางเลย น่าจะเดินไกลเหมือนกัน เพราะเห็นสะพานยาวมาก แต่พอเดินมาถึงก็สี่โมงเย็นแล้ว เราก็เลยได้แต่ถ่ายรูปไว้แล้วออกมาเพราะกลัวจะไปเฉียนเหมินไม่ทัน เราต้องกลับไปถึงที่พักก่อนทุ่ม ฮึ่ม!คราวหน้าเจอกันแน่ ตำหนักบนเกาะ และสะพาน 17 ช่อง จากตอนแรกที่พวกเราไม่ค่อยสนใจและเกือบตัดที่นี่ออกถ้าไปที่อื่นๆ ไม่ทัน แต่พอได้มาแล้วพวกเราก็ลงความเห็นกันว่าที่นี่น่าสนใจที่สุด ![]() เดินทะลุป้อมนี้ จะเป็นอีกฝั่งที่ยังไม่ได้ไป ![]() ฝากไว้ก่อนเถอะ เจ้าสะพานลิบๆ ขากลับเราใช้เวลาไม่มาเหมือนขามาเพราะไม่หลงแล้ว จุดหมายต่อไปของพวกเราคือเฉียนเหมิน จะไปดูถนนสายวัฒนธรรมที่มีบ้านโบราณและร้านขายของที่ระลึกแบบเก่า เราก็เลยต้องนั่งไปเปลี่ยนตี้เถียะเป็นสาย 1 ลงเฉียนเหมิน QienMen พอมาถึงงงกันซักพัก เดินตามๆ เค้าไปก็เจอประตูเมืองใหญ่ๆ คล้ายหอที่กำแพงเมืองจีนเลย แต่นี่หละเฉียนเหมิน อารมณ์คล้ายประตูเมืองเชียงใหม่แต่มีหลังคา มีประตูเปิดปิดใหญ่มาก เราเดินลอดผ่านประตูเมืองเข้าไป ก็มาถึง ถนนสายวัฒนธรรมเฉียนเหมิน มีรถรางให้นักท่องเที่ยวนั่งจากหัวถนนไปจนสุดสาย มีร้านอาหารและร้านช๊อปปิ้งมากมาย คล้ายๆ หวังฝูจิ่งผสม ฌองเซลิเซ่สไตล์เอเชีย สวยเลยทีเดียว สวยขนาดที่ว่ามาครั้งหน้าก็อยากจะมาอีกเพราะมีสร้างใหม่เรื่อยๆ ขายทั้งขนม อาหารสไตล์จีน จนถึง เคเอฟซี และแน่นอนที่นี่ต้องมีถังหูลู่ขายเราก็เลยสอยมาชิม เฉียนเหมินเป็นถนนที่เมื่อก่อนอาจจะเป็นถนนสายวัฒนธรรมแต่ปัจจุบันสร้างเมืองขึ้นใหม่เรื่อยๆ ให้เป็นสไตล์ท่องยุทธภพ แต่มองออกว่าเป็นของใหม่ ราคาสินค้าที่นี่ก็สูงเอาการตามราคาแหล่งท่องเที่ยวนั่นแหละ ![]() เฉียนเหมิน ![]() ![]() ![]() ![]() มีรถรางไว้นั่งชมวิวไปสุดถนน 6 โมงเย็นแล้วได้เวลากลับที่พักเพื่อไปเอาของเตรียมไปสถานีรถไฟเราเลยเดินกลับไปที่ประตูเมืองอีกครั้งเพื่อผ่านไปขึ้นตี้เถียะแต่ประตูปิด ทหารไม่ให้เข้าแล้ว เราก็เลยเดินอ้อมมาอีกนิดเพื่อเข้าสถานี แต่ดันมีคนจีนนี่แหละแอบเดินเข้าไปตอนพี่ทหารเผลอ ไม่รู้มันจะเข้าไปทำไม เดินอ้อมนิดเดียว เรามาถึงที่พักเวลา 18.15 น. เย็นแล้วและหิวแล้วก็เลยไปกินร้านฝั่งตรงข้ามที่พักเพราะวางแผนไว้ตั้งแต่วันแรก ว่าจะกินโอเด้งร้านนี้ เห็นจากข้างนอกคนเยอะทีเดียว แต่พอเข้าไปกลับกลายเป็นร้านขายของปิ้งๆ ย่างเป็นไม้ๆ และทางเด็กเสริฟเอามาใส่ในกระป๋องให้ตามโต๊ะ ![]() กินกันเสร็จก็ไปเอากระเป๋าที่ห้องพัก แล้วแบกกระเป๋าไปสถานีรถไฟกัน แต่ก่อนหน้านั้นต้องไปคืนบัตรอี้ข่าท่งกันก่อน แต่หลังจากที่พยายามหาที่คืนอยู่หลายสถานี ก็เจอที่คืนแต่หมดเวลาทำการไปแล้ว ป้ายบอก open 08.00 19.00 ก็ฮากันไปอีกรอบ สรุปเก็บบัตรไว้เป็นที่ระลึกกัน หลังจากนั้นเราก็ได้นั่งรถไฟฟ้าไปยังสถานี Beijing Railway Station และถึงสถานีรถไฟตอนสองทุ่ม หลังจากที่เรามีประสบการณ์ในการขึ้นรถไฟไปซานไห่กวนกันแล้ววันนี้เลยไม่ตื่นเต้นและรู้ลู่ทางเป็นอย่างดี แต่ถึงแม้ว่าเราจะเผื่อเวลาไว้เยอะแต่พอเดินไปถึงชานชลาเจ้าหน้าที่ก็เรียกไปเข้าแถวรอเข้าชานชาลาด้านในเลย ว่าก็ว่าเหอะ ถ้ามาครั้งแรกมีตกรถไฟแน่ๆ ไม่ว่าจะชานชาลา 1 หรือ 2 ![]() เข้าคิวรอพักใหญ่ๆ ก็ได้เดินเข้าไปขึ้นรถไฟจริงๆ ละ คราวนี้เราได้ที่นั่งเป็นโบกี้ 1 เลขที่ห้อง 38 เมื่อเราเดินเข้าไปแล้วปรากฏว่าโบกี้ของเราอยู่สุดปลายและถึงเวลาจะออกแล้ว ตายละ อยู่ไกลโพ้นเราเลยต้องใช้กำลังภายในวิ่งกันอีกรอบ เมื่อถึงโบกี้ ก็ถึงคราวเบียดผู้คนไปด้านในอีก ของเราอยู่ห้องหัวสุดของโบกี้โชคดีอยู่ใกล้ๆ ห้องน้ำพอดีเลยแต่ถ้ารถยังไม่ออกห้องน้ำก็จะไม่เปิดให้ใช้ ห้องเป็นห้อง 4 เตียงเรียงชั้นบนล่าง บันไดที่เหยียบขึ้นไปด้านบนถูกพับเก็บไว้ข้างประตูตอนแรกแอบหาไม่เจอ พอเดินไปแอบๆดูห้องอื่นเลยรู้ว่าอยู่ตรงไหน จริงๆ จะมีน้ำร้อนให้เติมฟรีที่ท้ายโบกี้แต่ตอนเราไปกดน้ำก็หมดซะแล้ว มีระบบรักษาความปลอดภัยคือจะแยกห้องชายหญิง แม้จะอยู่ในโบกี้เดียวกัน ตอนแรกก็ยังงงๆกันว่าถ้ามาเดี่ยวแล้วจะทำไงถ้าอยู่รวมในห้องกะผู้ชายล้วน (ปู้จายพวกนั้นต้องเสร็จชั้นทั้งหมดแน่ 555) แต่ถ้ามาเป็นครอบครัวก็ให้เค้าอยู่เป็นครอบครัวไป (เดี๋ยวบาป ทำครอบครัวแตกแยก) เมื่อรถจะออกจะมีนายสถานีรถไฟมาแลกตั๋วกับบัตรทองของเค้า เมื่อใกล้ถึงฮาบิ้นจะมาแลกตั๋วรถไฟของเราคืนกะบัตรทองของเค้า โธ่ นึกว่าจะให้เป็นของขวัญวันตรุษจีน ไม่ทันได้ถ่ายรูปบัตรไว้เลย วิวระหว่างทางมืดมากมองไม่เห็น แต่พอเช้าใกล้จะถึงเห็นระหว่างทางมีแต่หิมะปกคลุม อย่างที่อยากจะเห็น แต่ยังไม่หนาวเพราะในห้องมีฮีทเตอร์ มองออกไปนอกหน้าต่าง มีดาวเยอะและเห็นชัดมาก พยายามมองหาดาวเต่า ดาวไถแบบบ้านเราแต่หาไม่เจอ พรุ่งนี้เจอกันนะฮาร์บิ้น.. |
บทความทั้งหมด
|