คุยกับ 'รอมแพง'...จันทร์ยวีร์ สมปรีดา
ผลงานของ คุณอาทิตย์ กรรณิการ์ จาก เพจ Arthit Kannikar
  แม้ละคร "บุพเพสันนิวาส" จะจบไปแล้ว แต่กระแสความนิยมชมชอบยังตราตรึงในใจคนไทยไม่เสื่อมคลาย อีกทั้งยังปลุกกระแสอยากใส่ชุดไทยกันทั่วบ้านทั่วเมือง รวมถึงคนทุกรุ่นทุกวัยต่างสนทนาภาษา "ออเจ้า" ชนิดที่ใครไม่รู้จักถึอว่าเชย จากกระแสฟีเวอร์คนไทยหันมาสนใจเรื่องราวประวัติศาสตร์สมัยอยุธยา พากันแห่ไปชมวัดวาอาราม โบราณสถาน เข้าร้านหนังสือรื้อห้องสมุดหานวนิยายดังมาอ่าน ด้วยแรงบันดาลใจจากการชมละครอิงประวัติศาสตร์แนวรักโรแมนติกเรื่อง "บุพเพสันนิวาส" แม้ละครจะจบไปแล้ว แต่กระแสความนิยมชมชอบยังตราตรึงในใจคนไทยไม่เสื่อมคลาย อีกทั้งยังปลุกกระแสอยากใส่ชุดไทยกันทั่วบ้านทั่วเมือง อีกทั้งคนทุกเพศทุกวัยต่างสนทนาภาษา "ออเจ้า" ชนิดที่ใครทำหน้าอต้องถือว่าเชยมาก นับเป็นโอกาสอันดีที่จะชักชวนคนรุ่นใหม่ให้มาสนใจวรรณกรรม ประวัติศาสตร์ และโบราณคดี   ความโด่งดังของะครไม่ใช่เพียงเพราะฝีมือของทีมผู้สร้างละครเท่านั้น แต่หามีต้นทุนที่ดีจากนวนิยาย "บุพเพสันนิวาส" ที่ตีพิมพ์ซ้ำนับครั้งไม่ถ้วน และได้รับการกล่าวถึงในแวดวงวรรณกรรมโดย อุ้ย-จันทร์ยวีร์ สมปรีดา เจ้าของนามปากกา รอมแพง เป็นผู้รังสรรค์ผลงานนี้ ทำให้สำนักหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร ได้ไอเดียจัดกิจกรรม NLT Edutainment ครั้งที่ ๔ พูดคุยกับ "รอมแพง" ณ ห้องเอกสารโบราณ ชั้น ๔ อาคารสำนักหอสมุดแห่งชาติ ให้นักอ่านและแฟนละครได้พบปะกับนักเขียนหญิงสุดฮอตแห่งปี พร้อมรับฟังเรื่องราวเบื้องหลังงานเขียนบุพเพสันนิวาสที่ใช้เวลากว่า ๓ ปีผลิตงาน โดยมีพื้นฐานจากความชื่นชอบประวัติศาสตร์ผสานกับความถนัดเขียนนิยายโรแมนติกคอเมดี แฟนนักอ่านรู้กันดีเธอฝากนวนิยายสนุก ๆ ก่อนหน้านี้หลายเล่ม  คุณรอมแพงตอนสาว ๆ สวยไม่แพ้เบลลาเลยนะเนี่ย  อุ้ย-จันทร์ยวีร์ เผยว่า ก่อนจะมาเป็นนักเขียนเคยเปลี่ยนอาชีพมาแล้ว ๑๑ ครั้ง แต่ครั้งหนึ่งได้เล่นเกมออนไลน์มังกรหยกแล้วมีการแชตพูดคุยกับคนเล่มเกมด้วยกัน โดยมีคนแนะนำให้ไปเขียนหนังสือเพราะชอบภาษาที่ตนใช้ จุดประกายรู้สึกอยากเขียนหนังสือ โดยเริ่มเขียนหนังสือแนวโรแมนติกคอเมดีเรื่องแรกคือ "มิติรักข้ามดวงดาว" และเขียนมาเรื่อย ๆ จนตอนนี้มีผลาน ๒๐ เรื่องแล้ว แต่ละเรื่องสร้างคาแรคเตอร์ของนางเอกให้เป็นผู้หญิงซน สนุกสาน เช่นเดียวกับนางเอกบุพเพสันนิวาส   ต่อมาเธอบอกว่าได้ใช้นามปากกาว่า "รอมแพง" ซึ่งเป็นภาษาล้านนาโบราณ แปลว่าหญิงผู้เป็นที่รัก เป็นชื่อสุดไพเราะของนางเอกในนวนิยายอิงประวัติศาสตร์เรื่อง "เวียงกุมกาม" ของ ทมยันตี ตนได้ขออนุญาต คุณหญิงวิมล ศิริไพบูลย์ เจ้าของนามปากกา ทมยันตี ซึ่งเป็นนักเขียนชั้นครูที่เคารพนับถือ รู้สึกซาบซึ้งมาก ก่อนจะใช้ชื่อ "รอมแพง" ตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ เป็นต้นมา ช่วงนั้นได้เริ่มวางโครงเรื่องบุพเพสันนิวาสพอดี ซึ่งเมื่อท่านให้ชื่อมาก็รู้สึกดีใจและซาบซึ้ง ที่นักเขียนชั้นครูที่เราเคารพให้ใช้ชื่อนี้ นับเป็นสิริมงคลอย่างยิ่ง   ก่อนที่คนจะรู้จัก "รอมแพง" ในฐานะผู้ให้กำเนิดนิยายบุพเพสันนิวาส อุ้ย-จันทร์ยวีร์ เล่าอีกว่าสนใจเขียนนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ เนื่องจากเรียนคณะโบราณคดีและศิลปะประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร อยากจะเล่าประวัติศาสตร์ไทยให้คนเข้าใจง่าย พอวางพล็อตไว้แล้วก็เลือกยุคสมัยที่จะหยิบมากล่าวถึง ตอนแรกนึกไปถึงสมัยรัชกาลที่ ๕ แต่พล็อตที่คิดไว้ค่อนข้างสนุกสนาน นางเอกจะต้องซุกซนตามสไตล์ของตน หากทำให้ใกล้เคียงกับปัจจุบันมากเกินไปคงเล่นสนุกได้ยาก เพราะหลายตัวละครทางประวัติศาสตร์มีสกุลที่สืบทอดมาถึงปัจจุบัน เลยนึกถึงสมัยอยุธยาซึ่งมีเหตุการณ์น่าสนใจอย่างช่วงเสียกรุง แต่ก็คิดใหม่ว่าหากเขียนให้คนอ่านแล้วมีความสุข ตนก็ไม่ชอบเรื่องเศร้า พระนางต้องพลัดพรากตายจากกัน สุดท้ายนึกถึงสมัย สมเด็จพระนารายณ์ เป็นยุคที่มีความเจริญรุ่งเรืองหลายด้านและมีสีสันมาก  "บุพเพสันนิวาสเสนอช่วงที่ สมเด็จพระนารายณ์ ใกล้สิ้นพระชนม์ ตนลงมือสืบค้นหาข้อมูลจากหนังสือประวัติศาสตร์หลายเล่ม โดยเฉพาะจดหมายเหตุลาลูแบร์ เพราะมีข้อมูลแทบจะทุกด้าน ทั้งชีวิตความเป็นอยู่ อาหาร คำศัพท์ ฯลฯ แล้วก็อ่านพงศาวดารและประวัติบุคคลสำคัญประกอบตอนที่วางพล็อต นอกจากเข้าห้องสมุดเป็นว่าเล่นแล้ว ก็ไปอยุธยานั่งเรือวนรอบเกาะเพื่อดูบ้านตัวละครหลัก อย่างพระยาโหราธิบดีจะอยู่ตรงไหน บ้านโกษาเหล็กอยู่ที่ใด เพราะไม่มีบอกไว้ในบันทึก ก็ใช้แผนที่อยุธยาเป็นตัวตั้ง โดยใช้วัดกับคลองเป็นหลัก แล้วก็ไปศึกษาข้อมูลวัตถุโบราณที่พิพิธภัณฑ์สำคัญในอยุธยาด้วย" นักเขียนหญิงกล่าว  เจ้าของนามปากกา "รอมแพง" กล่าวต่อว่า เริ่มค้นคว้าข้อมูลปี ๒๕๕๐ ลงมือเขียนปี ๒๕๕๒ ตัวละครในเรื่องที่ไม่มีจริงในประวัติศาสตร์ตนสร้างขึ้นมาเอง คือ การะเกด, หมื่นเรือง, แม่หญิงจันทร์วาด, และคุณหญิงจำปา การเขียนตัวละครทุกตัวมีเหตุผลของตนเอง มีทั้งดี ไม่ดี ชอบหรือไม่ชอบ นิสัยมาจากการผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้าง ยกตัวอย่าง คอนสแตนติน ฟอลคอน คนจะมองว่าเป็นตัวร้าย แต่ตนมองว่าปกติเพราะเขาเป็นฝรั่ง ต่างบ้านต่างเมือง ต้องมีความทะเยอทะยานเพื่อให้ตนเองมีชีวิตอยู่ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าชีวิตที่แท้จริงเบื้องหลังเป็นอย่างไร  "ไม่มีใครทราบว่าประวัติศาสตร์ที่นำมาแทรกในนิยายเป็นจริงหรือไม่ ผู้อ่านต้องจินตนาการเอง นางเอกที่ย้อนยุคไปเป็นตัวแทนของพวกเราทุกคน มองประวัติศาสตร์เรื่องราวน่าจะเป็นแบบนั้นบ้าง แบบนี้บ้าง แต่ในประวัติศาสตร์จะเป็นอย่างไรก็อีกเรื่อง แม้เราอยากจะเปลี่ยนแปลงแต่ก็ไม่อาจทำได้ งานนิยายเล่มนี้จึงตั้งใจแต่แรกว่า อยากให้คนอ่านฉุกคิดว่าเรื่องที่เขียนขึ้นเป็นจริงหรือไม่ แล้วเรื่องจริงเป็นแบบไหน จะมีบางอย่างที่น่าสนใจจากในเรื่องอีกหรือไม่" รอมแพงกล่าว  นอกจากนี้ สิ่งที่ทำให้บุพเพสันนิวาสกลายเป็นกระแสตั้งแต่ออกอากาศวันแรก คือเสื้อผ้าหน้าผม และตามมาด้วยอาหารการกินและยารักษาโรค ความยากในการเขียนนิยายเรื่องนี้ รอมแพงบอกว่าเป็นความยากที่จะหยิบยกเรื่องในอดีตมาเสนอให้คนปัจจุบันเข้าใจ ตอนนั้นคิดเพียงว่าถ้าได้ย้อนกลับไปสมัยอยุธยาเราอยากทำอะไร อยากไปเที่ยวไหน เกศสุรางค์ในร่างการะเกดคือตัวแทนของตนและคนไทย ไม่ได้จะข้ามภพไปหลายร้อยปีเพื่อไปช่วยเหลือบ้านเมือง ไม่เคยคิดจะแต่งให้เขาไปเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ที่มีอยู่แล้ว  ความตั้งใจของตนคือเล่าประวัติศาสตร์ที่มีอยู่แล้วให้เข้าใจง่ายเท่านั้น ตอนที่เขียนนางเอกก็มีความคิดจะเปลี่ยนแปลง แต่ทำไม่ได้ ให้แค่ไปเที่ยว ไปหาของกินที่มีในยุคนั้น ตอนที่เขียนถึงอาหารก็ทำงานหนัก สืบค้นว่าพริกสมัยนั้นมีหรือยัง มีกุ้งแห้งหรือยัง ส่วนฉากที่ยังไม่เกิดขึ้นแต่ถูกพูดถึงอย่างเรื่องหมูกระทะ คนสงสัยว่าสมัยนั้นมีเนื้อหมูขายหรือยัง อยากชี้แจงว่าสมัยอยุธยามีเนื้อหมูแล้ว คนจีนนำพันธุ์หมูมาขายที่ตลาด แต่ในพงศาวดารบอกว่าคนอยุธยาจะกินแค่ปลาเพราะหาง่าย รวมถึงเนื้อหมูราคาแพงทั้งยังเป็นสัตว์ใหญ่ กินไปเกรงกลัวต่อบาป  ลูก ๆ ของพี่หมื่นกับสาวการะเกด แม้แต่เกร็ดเล็ก ๆ อย่างผ้าอนามัย เธอเล่าต้องหาคำเรียกโบราณ มีประจำเดือนต้องทำอย่างไร ส่วนหน้าผมก็อ่านจากวรรณคดีต่าง ๆ เช่น ขุนช้างขุนแผน ขณะที่จดหมายเหตุลาลูแบร์ใช้กับเรื่องราวความเป็นอยู่ การพูดออกเจ้าก็เช่นกัน "เมื่อเกิดบุพเพสันนิวาส คนหาหนังสือประวัติศาสตร์มาอ่าน แชร์ข้อมูลเปรียบเทียบกันตามโซเชียล รู้สึกมีความสุขมากที่ความตั้งใจเล็ก ๆ ของเราเกิดผลยิ่งใหญ่ขนาดนี้ และต้องขอชื่นชมทีมงานละครและผู้เขียนบทละครโทรทัศน์ที่ใช้เวลานานพอ ๆ กับนักเขียนประมาณ ๒ ปี ผลิตละครออกมาให้คนดูชื่นชอบ ส่วนยอดพิมพ์หนังสือนับตั้งแต่เผยแพร่พิมพ์ปีละ ๒-๓ ครั้ง เมื่อละครออกอากาศความต้องการหนังสือเพิ่มขึ้น ตอนนี้ตีพิมพ์ครั้งที่ ๘๓ แล้ว กลายเป็นตีพิมพ์ทุกสัปดาห์ ครั้งละ ๑,๐๐๐-๑,๕๐๐ เล่ม ตอนนี้รวมยอดพิมพ์ ๙๐,๐๐๐ เล่มแล้ว"   ภาคสองนวนิยายที่มีเสียงเรียกร้อง รอมแพงบอกว่าจะเขียนในยุคพระเพทราชาตอนปลายถึงยุคพระเจ้าเสือ พูดถึงการค้าสมัยนั้นที่ฝรั่งโดนขับไล่ออกจากประเทศบางส่วน และจะมีเรื่องราวการค้ากับจีนมากขึ้น โดยเฉพาะยุคการค้าขายข้าวรุ่งเรือง มีคนเสนออยากให้พระเอกนางเอกมายุคปัจจุบันบ้าง แต่ไม่ใช่แนวคิดตน ฉะนั้นภาคสองจะเป็นไทม์ไลน์ประวัติศาสตร์เหมือนเดิม สิ่งที่จะเพิ่มเติมคือ อัพเดตข้อมูลของนางเอกให้รับรู้ว่ายุคสมัยปัจจุบันเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากปี พ.ศ. ๒๕๐๙ ได้ย้อนยุคจากบ้านของตนเองไป ตอนนี้พล็อตเรื่องวางไว้แน่นหมดแล้ว เหลือเพียงสืบค้นข้อมูลเพ่ิม จะเริ่มลงมือเขียนเร็ว ๆ นี้ อยากให้ติดตามกันต่อไป   นักแสดงและทีมงานร่วมแรงร่วมใจกันรำแก้บนที่ละครประสบความสำเร็จสูงสุด ภาพจาก เพจรอมแพง today.line.me komchadluek.net เพจบุพเพสันนิวาส รอมแพง ข้อมูลจากคอลัมน์ "ถนนวรรณกรรม" นสพ.แทบลอยด์ ไทยโพสต์ ๒๕-๓๑ มี.ค. และ ๑๕-๒๑ เมย. ๒๕๖๑  บีจีจากคุณญามี่ กรอบจากคุณ ebaemi Free TextEditor |
บทความทั้งหมด
|
 |
|
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [