คณิตย์ศาสตร์มัฒยมที่สิงคโปร์ ตอนที่ 2 Secondary 3 (ม.3) ปีแห่งความวิบัติ เฮือก!!! ระดับความยากพุ่งกระฉูดแบบก้าวกระโดดเป็นกราฟเอ็กซ์โปเนนเชียลเลย ปีนี้คณิตศาสตร์แบ่งเป็นสองวิชาคือ elementary maths(คณิตย์ทั่วไป)เรียกสั้นๆว่าe-mathsที่ทุกคนต้องเรียน กับ Advance maths(คณิตย์เสริม)หรือที่ทุกคนเรียกว่าA-mathsที่เป็นวิชาเลือกโดยคนที่ได้คะแนนคณิตย์ทั่วไปของปีก่อนหน้าเกิน 60%เท่านั้นที่จะมีสิทธิเลือกลงวิชานี้ได้ e-maths ก็ยากขึ้นกว่าปีที่แล้วพอสมควรแต่ก็ไม่มีอะไรน่าประหลาด ก็เรียนพวก ตรีโกณพื้นฐาน Sine Co-sine Tangent การแก้สมการตรีโกณทั้งแบบตัวแปรเดียวสองตัวแปร กำลังหนึ่ง และกำลังสอง มี สถิติ ก็เรียนพวกการหาค่า mean median mode SD ต้องวาดตารางความถี่และพวกกราฟและพวก histogram ให้เป็น
ตัวปัญหาคือ A-maths ยากโคตรๆ(ในความคิดผมตอนนั้น) ที่เรียนก็มีตรีโกณคล้ายๆของ e-maths แต่ความยากและปริมาณเนื้อกาคูณสอง แถมด้วยการแก้สมการสองตัวแปรขึ้นไปกำลังสอง และกำลังสามทำให้พ่วงไปถึงทฤษฏีบทตัวประกอบ(factor theorem) และก็มี polynomial ,Geometry, log and exponential, partial fraction และ Binomial theorem เนื้อหาไหลทะลักเข้าหูซ้ายและหูขวาทะลุออกจมูกอะ เรียนเยอะมากแถมเป็นเรื่องที่เราไม่เคยเจอมาก่อนอีก ความรู้สึกตอนั้นยังอยู่ในความทรงจำและตามหลอกหลอนผมจนถึงทุกวันนี้ สรุปคือคณิตย์ของปีนั้นโคตะระ ยาก และ เยอะ ถ้าอยากผ่านวิชานี้นอกจากตั้งใจเรียนในห้องแล้วต้องตะลุยทำโจทย์ให้เยอะเข้าไว้ ถ้าอาจารสั่งการบ้านหกข้อ ให้ทำสิบข้อ ต้องถึกถึงขนาดนี้ถึงจะรอด และด้วยความโหดของมันทำให้ปีนั้นมีคนได้ A สำหรับวิชา A-maths แค่8คนจากเด็ก200กว่าคน ม.3 ที่นั่นเป็นปีแห่งความโหด มันส์ ฮา อย่างแท้จริงเพราะทุกคนต้องปรับตัวครั้งใหญ่กับเนื้อหาวิชาที่อยู่ดีๆก็ยากขึ้นมาก แถมไม่ได้เป็นแค่คณิตศาสตร์วิชาเดียวแต่เป็นสำหรับ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ สังคม และ อังกฤษด้วย บวกกับงานบริหารงานนักศึกษาที่พวกกรรมการนักเรียนต้องทำ(ลืมเล่าว่าผมเป็นกรรทการนักเรียน)และกิจกรรทชมรมอีกทำให้ผมรู้สึกว่าปีนั้นเป็นปีที่เหนื่อยที่สุดในชีวิตนักเรียนมัธยมสี่ปี Secondary 4 (เหมือนจะสบาย) ปีนี้เป็นปีสุดท้ายสำหรับพวกเด็ก express stream ก่อนที่จะเดินเข้าแดนประหาร...สอบ Olevel นั่นเอง เนื้อหาปีนี้ไม่เยอะเท่าตอน ม.3 สำหรับ e-mathsนั้น ก็เรียนเพิ่มแค่ความน่าจะเป็นพื้นฐาน(ไม่มีเรื่องการจัดหมวดหมู่), Matrix, การวาดกราฟ นอกจากนั้นก็จะใช้เวลาที่เหลือทบทวนความรู้ทั้งหมดที่เรียนมาแล้วก็ ทำโจทย์ ทำโจทย์ และก็ทำโจทย์ ที่เรียนเพิ่มหลักๆก็มี Coordinate Geometry, Calculus,การวาดกราฟต่างๆ เวลาที่เหลือก็เอามาทวนเนื้อหาทั้งหมดและก็ลุยโจทย์เช่นกัน โจทย์ที่เราทำกันส่วนมากก็จะเป็น ข้อสอบOlevel เก่า และข้อสอบจากโรงเรียนอื่นที่ครูหามาให้ โดยปรกติแล้วข้อสอบของโรงเรียนจะยากกว่า Olevel เปรียบเสมือนขอสอบของโรงเรียนเตรียม หรือ MWit เมื่อเทียบกับ 7วิชาสามัญของ สทส ม.4นี่เป็นปีแห่งการทำโจทย์และข้อสอบเก่าอย่างแท้จริง ผมยังจำได้อยู่เลยว่ารวมทั้งa-maths และe-mathsผมวาดกราฟไปทั้งหมด 130แผน ทำข้อสอบไป 80กว่าชุด แต่ผลของความถึกและปริมาณกระดาษที่ต้องเสียไปก็คุ้มค่าเมื่อเห็นคะแนนคณิตศาสตร์ทั้งสองตัวออกมาเป็นที่น่าพอใจ
มีเรื่องหนึ่งที่อยากจะเล่าคือเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างการเรียนคณิตศาสตร์ที่โน่นและที่ไทย 11. Calculus สำหรับ Olevel ที่โน่นเรียนแค่การ differentiate และintegrate(ไม่มี การ ใช้ by parts หรือ u-substitution) โดยการจำสูตรแล้วเอาไปประยุกใช้ให้เป็นเท่านั้น ไม่ได้เรียน เรื่อง limits และ ความต่อเนื่องแบบที่ไทย เราเรียนว่าการ diff คือหาความชันหรืออัตราการเปลี่ยนแปลงของสิ่งหนึ่งเทียบกับอีกสิ่งหนึ่ง และการ integrate คือการหาพื้นที่ใต้กราฟ เ 2. ตรีโกณของที่โน่นจำสูตรน้อยกว่าของไทยมากกกกกก 3. Binomial Theorem ไม่ได้สอนโดยมีพื้นฐานมาจากการจัดลำดับและหมวดหมู่และความน่าจะเป็นแบบของไทย แต่สอนแยกโดยให้รู้ว่ามันเป็นวิธีการกระจายวงเล็บที่ยกกำลังเยอะๆเท่านั้น 4 4. ที่โน่นสอนแค่ความน่าจะเป็น แต่ไม่ได้สอน การจัดหมวดหมู่และการจัดเรียง 5 5. ที่โน่นไม่ได้สอนเรื่องตรรกะศาสตร์
และนี่คือเรื่องราวเกี่ยวกับวิชาคณิตศาสตร์ตอนที่ผมเรียนอยู่ที่สิงคโปร์ |
บทความทั้งหมด
|