สาระ // 6 คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับ “มะเร็งปากมดลูก”
ห่างหายไปพักใหญ่กับการนำเสนอสาระเรื่องราวที่น่าสนใจ เกี่ยวกับโรคหนึ่งที่เป็นอันตรายและใกล้ตัวผู้หญิงทุกๆ คนค่ะ นั่นก็คือ “มะเร็งปากมดลูก”อิชั้นอยากเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคนี้ค่ะ อยากให้ผู้หญิงไทย และ ผู้หญิงทั่วโลกห่างไกลจากโรคนี้ และทราบถึงข้อเท็จจริง การป้องกันเกี่ยวกับโรคนี้ให้มากที่สุด เพื่อที่จะรักตัวเอง ป้องกันตัวเองและผู้หญิงที่รักทุกๆ คนค่ะ

บล๊อกนี้อิชั้นพบกับข้อมูลที่น่าสนใจและน่าจะเป็นสิ่งที่ผู้หญิงส่วนใหญ่สงสัยเกี่ยวกับโรคนี้มาฝากกันค่ะ รวบรวมจากข้อมูลอ้างอิงจากวารสาร และ เอกสารแผ่นพับจากทางสมาคมต่างๆ ที่เกี่ยวกับมะเร็งปากมดลูก ซึ่งอิชั้นทำการให้เครดิตด้านล่างค่ะ

6 คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับ “มะเร็งปากมดลูก”

“มะเร็งปากมดลูก” ภัยเงียบที่ร้ายกาจ โรคมะเร็งปากมดลูกนั้นเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับ 1 ของหญิงไทย และขณะนี้มีอัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น จาก 7 เป็น 14 คน ต่อวัน!!! โรคร้ายที่น่ากลัวนี้สามารถป้องกันได้ด้วยการตรวจคัดกรอง เป็นประจำ ร่วมกับการฉีดวัคซีนป้องกันค่ะ เรามาทำความรู้จักกับ “มะเร็งปากมดลูก” รวมถึงคำถามที่มักจะมีคนพูดถามถึงอยู่บ่อยๆ เกี่ยวกับโรคนี้กันค่ะ

1. ตรวจภายใน หรือ คัดกรอง (แป๊บเสมียร์) เจ็บไหมคะ? อายคุณหมอจัง? แล้วราคาเท่าไหร่คะ?

- ไม่เจ็บค่ะ คุณหมอจะมีเครื่องมือที่มีขนาดเหมาะสมกับผู้หญิงแต่ละคน ถ้าไม่เคยตรวจมาก่อน ก็สามารถบอกคุณหมอได้นะคะ คุณหมอจะได้ให้คำแนะนำเป็นพิเศษ ใช้เวลาในการตรวจแค่แป๊บเดียวก็เสร็จ ถ้าอายคุณหมอผู้ชายก็แจ้งที่โรงพยาบาลที่เข้าตรวจได้ค่ะ ว่าอยากตรวจกับคุณหมอผู้หญิง

ค่าบริการตรวจก็ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงพยาบาลค่ะ ถ้าโรงพยาบาลของรัฐบาลก็ไม่เกิน 100 บาท โรงพยาบาลเอกชนทั่วไปก็ไม่น่าเกิน 400-500 บาท (โทรปรึกษา และสอบถามทางโรงพยาบาล หรือ คลินิคที่จะไปทำการตรวจให้ทราบรายละเอียดก่อน ก็น่าจะดีกว่าค่ะ)

2. ค่าวัคซีนแพงไหม ราคาเท่าไหร่ ?

- ปัจจุบันราคาวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกปรับราคาให้ประชาชนทั่วไป สามารถเข้าถึงและรับการฉีดได้ง่ายขึ้นจากหลายปีก่อนที่ราคาถึงหลักหมื่น/โดส (3 เข็ม) มาเป็นราคาประมาณ 6-7 พันบาท (ซึ่งตรงนี้อิชั้นคิดว่าเป็นการลงทุนให้กับตัวเองและผู้หญิงที่คุณรักในการป้องกันสุขภาพร่างกายของตัวเองค่ะ ถ้างดชอปปิ้ง เครื่องสำอาง กระเป๋า เสื้อผ้า บ้างเท่านั้น อิอิ)

3. มะเร็งปากมดลูกเกิดจากเพศสัมพันธ์เหรอคะ ?

- “มะเร็งปากมดลูก” เกิดจากการติดเชื้อ “เอชพีวี” ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการมีเพศสัมพันธ์ (ถุงยางอนามัยไม่สามารถป้องกันเชื้อนี้ได้ 100%) ผู้หญิงโสดก็อย่าเพิ่งวางใจนะคะ เพราะจากการสำรวจของสมาคมด้านมะเร็ง พบว่าผู้หญิงที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ ก็มีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกได้เช่นกันค่ะ โดยอาจได้รับเชื้อเอชพีวีจากทางอื่น เช่น ห้องน้ำ หรือ ผ้าเช็ดตัวร่วมกับผู้ที่มีเชื้ออยู่ฯ (แม้จะมีโอกาสเสี่ยงน้อย ก็อยากให้ระมัดระวังสุขภาพ อนามัยด้วยค่ะ)

4. หากตรวจคัดกรองแล้วจำเป็นต้องฉีดวัคซีนด้วยหรือไม่ หรือว่าทำอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้

- การป้องกันต่างกันค่ะ

การตรวจคัดกรอง เป็นการตรวจหาความผิดปกติของเซลล์ที่ปากมดลูก ซึ่งถ้าพบว่ามีเซลล์ที่ผิดปกติมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นมะเร็งร้าย ก็จะทำให้คนไข้ทราบแน่เนิ่นๆ และมีเวลาในการรักษาได้ทันท่วงที ก่อนที่เซลล์จะลุกลามไปค่ะ

การฉีดวัคซีน เป็นการป้องกันไม่ให้ร่างกายติดเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์หลักที่เป็นตัวก่อเซลล์มะเร็ง เป็นการป้องกันที่ต้นเหตุโดยตรง โดยวัคซีนจะทำการกระตุ้นสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อเชื้อเอชพีวีค่ะ

แต่ทั้ง 2 วิธีก็ไม่มีวิธีไหนป้องกันได้ 100%นะคะ คุณหมอเลยแนะนำเราว่า ต้องทำร่วมกันทั้ง 2 วิธีค่ะ

ผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ควรตรวจคัดกรองเป็นประจำค่ะ และเพิ่มการปกป้องสุขภาพร่างกายให้ห่างไกลจากภัยเงียบนี้ ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกค่ะ เนื่องจากที่ได้เล่าให้ฟังแล้วด้านบนว่า การทำวิธีใดวิธีหนึ่งไม่สามารถป้องกันได้ครอบคลุม จึงควรที่จะทำร่วมกันทั้ง 2 วิธีค่ะ ได้เคยดูวีดีโอของสมาคมโรคมะเร็ง พบว่า คนไข้รายหนึ่งที่ได้ทำการตรวจคัดกรองทุกปี ไม่เคยขาด ก็ยังพบว่า มีเซลล์ผิดปกติที่สามารถหลุดรอดการตรวจคัดกรองได้ ดังนั้นหากฉีดวัคซีนร่วมด้วยก็จะทำให้ป้องกันได้มากขึ้น โดยคนไข้ที่ตรวจพบความผิดปกติในระยะเริ่มต้นสามารถรักษาให้หายได้นะคะ แต่ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ เพื่อคอยติดตามอาการ ไม่ให้เชื้อกลับมาอีกค่ะ

5. จริงหรือเปล่าคะว่าจะต้องฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ตั้งแต่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ แล้วถ้าคนที่เคยมีเพศสัมพันธ์ จะฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ไหม วัคซีนยังช่วยป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้หรือป่าวคะ ?

- คนที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์จะได้ประโยชน์เต็มที่เพราะยังไม่เคยได้รับเชื้อมาก่อน สำหรับคนที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว ส่วนใหญ่ก็ยังได้ประโยชน์จากการวัคซีนอยู่เช่นกัน เนื่องจากพบว่ามีผู้หญิงน้อยกว่า 1% ที่ติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ 16, 18 พร้อมกันที่ปากมดลูก (หากติดเชื้อมักติดเพียงแค่สายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่งค่ะ) การฉีดวัคซีนจึงสามารถป้องกันไวรัสเอชพีวี สายพันธุ์อื่นที่ยังไม่เคยรับเชื้อมาก่อนได้ค่ะ

6. อยากฉีดวัคซีนป้องกัน “มะเร็งปากมดลูก” ค่ะ ขอทราบรายละเอียดหน่อย วัคซีนเอชพีวีจะต้องฉีดกี่เข็ม และมีภูมิคุ้มกันนานแค่ไหน?

- วัคซีนเอชพีวีใช้ฉีดเข้ากล้ามเนื้อบริเวณต้นแขน จะต้องฉีดทั้งหมด 3 เข็ม โดยเข็มที่ 2 และ 3 ห่างจากเข็มแรก 1-2 เดือน และ 6 เดือน ตามลำดับ จากการศึกษาพบว่า การฉีดวัคซีนเอชพีวี สามารถกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้สูงมาก และมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการติดเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์ 16 และ 18 ซึ่งเป็นสาเหตุประมาณ 70% ของมะเร็งปากมดลูก

และวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกในประเทศไทย มีอยู่ 2 ยี่ห้อ คือ

1. Cervarix แม้จะเรียกกันว่า วัคซีน 2 สายพันธุ์ แต่วัคซีนตัวนี้สามารถป้องกัน เชื้อ HPV ได้มากกว่า 2 สายพันธุ์ โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกอันดับที่ 1, 2, 3, 4 คือสายพันธุ์ ที่ 16, 18, 45, 31 ซึ่งก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกถึง 80% และยังป้องกันมะเร็งปากมดลูกชนิดอะดีโน ได้อีกด้วย (มะเร็งปากมดลูกชนิด “อะดีโน” * เป็นชนิดของมะเร็งที่การตรวแป๊บเสมียร์ ก็ยังตรวจหาไม่ค่อยพบ เพราะมันจะอยู่ลึกลงไปในบริเวณคอมดลูกค่ะ)

จากงานวิจัยพบว่า Cervarix สามารถกระตุ้นให้ร่างกายภูมิคุ้มกันในระดับสูงอย่างน้อย 8 ปี และอาจอยู่ได้ตลอดชีวิตโดยไม่ต้องฉีดกระตุ้นซ้ำ ซึ่งเราก็ต้องติดตามกันต่อไป การฉีดของ Cervarix คือฉีดที่เดือน 0, 1, 6 และช่วงอายุที่สามารถรับวัคซีนชนิดนี้ได้คือ 10 – 55 ปี ค่ะ

2. Gardasil เรียกกันว่า วัคซีน 4 สายพันธุ์ คือสามารถป้องกันเชื้อ HPV 16, 18, 6 และ 11 ได้ โดย สายพันธุ์ 16 และ 18 ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก ส่วนสายพันธุ์ 6 และ 11 ก่อให้เกิดหูดที่อวัยวะเพศ (หูดไม่ทำให้เป็นมะเร็ง และสามารถรักษาให้หายขาดได้ค่ะ) ในเรื่องของภูมิคุ้มกันยี่ห้อนี้ตอนนี้ที่ค้นพบมีข้อมูลถึง 5 ปี ในส่วนของการฉีด คือฉีดที่เดือน 0, 2, 6 และช่วงอายุที่สามารถรับวัคซีนชนิดนี้ได้คือ 9 – 26 ปี วัคซีนตัวนี้มีข้อมูลการฉีดในผู้ชายค่ะ ดังนั้นคุณผู้ชายทั้งหลายถ้าอยากป้องกันเชื้อ HPV ก็ต้องเลือก Gardasil นะคะ

*แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวัคซีนทั้ง 2 ตัว ว่ามีข้อดีต่างกัน ตัว Cervarix เน้นป้องกันมะเร็งปากมดลูก เพราะภูมิคุ้มกันสูงกว่า และป้องกันสายพันธุ์ก่อมะเร็งได้มากกว่า แต่ป้องกันหูดไม่ได้ ส่วน Gardasil ก็เน้นป้องกันหูดและมีข้อมูลการใช้ในผู้ชายด้วย

ฝากถึงผู้หญิงทุกวันนี้ที่มีทั้งความเก่ง มีความสามารถมากในหลายๆ ด้าน แต่เก่งมีความสามารถแล้ว สึ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม นั่นก็คือเรื่องของสุขภาพ เมื่อเรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สมรรถภาพในการทำงานของเราก็จะมีมากขึ้น สำหรับเรื่อง “มะเร็งปากมดลูก” นั้นเป็นภัยใกล้ตัวที่เราไม่อาจมองข้าม หันมาทำความเข้าใจและพร้อมรับมือกับมันดีกว่าค่ะ ก่อนที่จะให้มันเข้ามาสู่ชีวิตเรา คนใกล้ตัว คนที่คุณรัก ก่อนที่จะสายเกินจะเยียวยา อย่าลืมบอกต่อเกี่ยวกับข้อมูลเหล่านี้ ค่ะ

อย่าลืม มาร่วม “สัญญาว่าจะบอกต่อ” เรื่องราวเกี่ยวกับมะเร็งปากมดลูกให้กับผู้หญิงทุกคนที่คุณรักนะคะ

* สามารถอ่าน ข้อมูลและเอกสารทางวิชาการที่อิชั้นได้รวบรวมไว้ในหมวด สาระ vs. ฮาเฮ ตอนก่อนๆ ที่นี่ค่ะ

- สาระ // สัญญาว่าจะร่วมบอกต่อความห่วงใย Women Protect Women Project

- Women Protect Women Project



ท้ายนี้ขอขอบคุณข้อมูลที่มีประโยชน์จาก :

ขอบคุณข้อมูลแสนดีมีประโยชน์จากแผ่นพับทางวิชาการ เอกสารอ้างอิง

1. ความเชื่อและความจริงเกี่ยวกับมะเร็งปากมดลูกและวัคซีนเอชพีวี โดย รศ.นพ.วิชัย เติมรุ่งเรืองเลิศ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
2. สมาคมมะเร็งนรี เวชไทย : Thai Gynecologic Cancer Society
3. สถาบันมะเร็งแห่งชาติ
4. Women Protect Women

*** สำหรับเนื้อหา ความรู้เกียวกับมะเร็งปากมดลูก ที่ได้เสนอไปในบล๊อกก่อนๆ ยังไม่จบนะคะ จะไปรวบรวมเรียบเรียงแล้วจะมาบอกเล่ากันอีกในตอนต่อไปเด้อ



Create Date : 30 กันยายน 2553
Last Update : 21 ธันวาคม 2553 13:50:33 น.
Counter : 1306 Pageviews.

8 comments
  
มาลงชื่อว่า "รับแซ่บบบบ ค้าบบบบ"
โดย: jejeejajar วันที่: 30 กันยายน 2553 เวลา:15:58:57 น.
  
ขอบคุณมากๆ เลยค่ะพี่โอ๋ ได้ข้อมูลดีๆ กลับไปอีกแล้วค่ะ
โดย: อะตอมกลมๆ วันที่: 30 กันยายน 2553 เวลา:20:14:12 น.
  
ข้อมูลที่มีประโยชน์มาก ๆ ค่ะพี่โอ๋
โดย: princess of rock วันที่: 1 ตุลาคม 2553 เวลา:16:11:21 น.
  
สวัสดีจ้าทุกคน สามารถเข้ามาอ่านย้อนหลังเรือง มะเร็งปากมดลูกได้นะคะ แล้วตอนหน้าจะหาข้อมูลมาฝากอีกจ้า
โดย: ชฎาแหลม วันที่: 2 ตุลาคม 2553 เวลา:16:20:16 น.
  
ตามมาอ่านด้วยคนค่ะ เจ๊หลีเพิ่งไปตรวจมา ผ่านฉลุยค่ะ
โดย: กิน ๆ เที่ยว ๆ วันที่: 19 ตุลาคม 2553 เวลา:8:10:08 น.
  
อยากทราบว่า จำเป็นไหมคะ
ถ้าเราตรวจภายในกับพยาบาล แทนหมอ
ผลการตรวจภายในจะขาดเคลื่นรึป่าวคะ

คือจะตรวจสุขภาพ แต่ว่า ไปตรวจแล๊ป ราคาถูกกว่ามาก เลยคิดว่าจะตรวจกับแล๊ป แต่ทางแล๊ป ตรวจภายในกับพยาบาลแทนหมอ

อย่างนี้มะนาวตรวจที่โรงบาลดีกว่าแล๊ป รึป่าวคะ
รบกวนตอบด้วยนะคะ
ขอบคุณคะ
โดย: มะนาว IP: 115.87.215.190 วันที่: 2 มกราคม 2554 เวลา:2:55:22 น.
  
คุณมะนาว - โอ๋เข้าใจว่า หลักการตรวจภายใน ไม่ว่าจะแล๊บหรือ รพ ใช้มาตรฐานเดียวกันค่ะ ดังนั้น ไม่ต้องกังวลค่ะ สะดวกที่ไหน ใช้บริการที่นั่นนะค๊า
โดย: ชฎาแหลม วันที่: 2 มกราคม 2554 เวลา:21:10:04 น.
  
ขอบคุณนะคะ
โดย: มะนาว IP: 61.90.8.231 วันที่: 3 มกราคม 2554 เวลา:20:15:03 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Chadalaem.BlogGang.com

ชฎาแหลม
Location :
  United Kingdom

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 66 คน [?]

บทความทั้งหมด