เด็กพิเศษ

                ก่อนอื่น ขอออกตัวก่อนว่า ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเด็ก และไม่ได้เป็นจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น ข้อเขียนทั้งหมดนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้นเองค่ะ


                เรื่องที่อยากจะเล่ามีอยู่ว่า วันนี้ได้มีโอกาสดีดีไปทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนที่เป็นครูสอนเด็กพิเศษ หรือกลุ่มเด็กที่มีภาวะพัฒนาการช้า เด็กออทิสติก และเด็กพิเศษอื่นๆอีกหลายกลุ่ม เขาจัดกิจกรรมแสดงเปียโนขึ้นเพื่อหารายได้สมทบทุนการสร้างโรงเรียนเพื่อเด็กพิเศษ พอได้ยินว่ามีคุณครูกลุ่มหนึ่งตั้งใจที่จะสร้างสรรค์สิ่งดีดีให้กับเยาวชนเหล่านี้ เราก็เลยอยากเป็นส่วนหนึ่งค่ะ


                เมื่อได้ไปร่วมงานสิ่งที่สัมผัสได้อย่างชัดเจนจากผู้ร่วมงานทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคุณครู ผู้ปกครอง ผู้เกี่ยวข้องใกล้ชิดกับเด็กๆ และผู้แสดงเปียโนเอง ล้วนแต่เป็นคนที่มีความอ่อนโยนและความรักอยู่ในจิตใจอย่างมากมาย ความรู้สึกนี้ถ่ายทอดออกมาในการแสดง การพูดจาสื่อสารกับเด็กๆที่แม้จะไม่เหมือนเด็กอื่นทั่วไป แต่ยังไงก็คงเป็นเด็กอยู่ดี บางคนแม้จะพัฒนาการไม่เท่าเพื่อนที่อายุเท่ากัน แต่ก็มีความกล้าแสดงออก รู้จักตอบคำถาม และกล้าที่จะถามเมื่อไม่เข้าใจ สิ่งเหล่านี้แม้แต่เด็กในโรงเรียนปกติก็ยังหาได้ยาก แสดงให้เห็นว่าคุณครูและผู้สอนอื่นๆทุกท่าน รวมทั้งผู้ปกครองสนับสนุนให้เด็กๆเหล่านี้รู้จักแสดงออกในทางที่เหมาะสม ไม่เขินอายจนไม่เป็นตัวของตัวเอง


                สิ่งที่น่ายินดีมากๆคือ มีคนจำนวนหนึ่งมองเห็นว่าเด็กทุกคนเหมือนกัน ไม่ได้แตกต่างกันเพียงเพราะเขาพัฒนาการช้า ไม่ได้ treat พวกเขาเหมือนเด็กด้อยโอกาส (ตัวเองไม่ชอบคำพูดจำพวกนี้เลย เด็กที่ด้อยโอกาสนั้น ก็เพราะผู้ใหญ่ไม่เปิดโอกาสให้ต่างหาก) ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสังคม


                การทำให้เด็กๆรู้จักคุณค่าในตัวเอง แม้จะพัฒนการล่าช้าทางกายหรือทางพฤติกรรม แต่ทางใจแล้ว พวกเขาอาจจะดีกว่าเด็กที่เติบโตมาปกติทางกาย แต่ไม่มีคนใกล้ชิดที่ดูแลพัฒนาการทางใจให้ หรือไม่ได้เป็นแบบอย่างที่ดีให้ด้วยซ้ำ เด็กที่ดูเหมือนปกติจากการมองภายนอกเหล่านี้ กลับน่าสงสารกว่า เพราะขาดความสมดุลทั้งทางกายและทางใจ


                เด็กๆทุกคนมีความพิเศษเป็นของเขาเอง บางคนมีความพิเศษทางร่างกาย บางคนพิเศษที่การรับรู้ บางคนพิเศษที่จิตใจ เพียงเราหาให้เจอว่าเด็กแต่ละคนมีอะไรพิเศษ ก็จะสามารถเรียนรู้ร่วมกับเขาเพื่อให้สิ่งที่พิเศษเหล่านั้นไม่รบกวนการใช้ชีวิตในสังคมมากจนเกินไปนัก เด็กที่ได้รับการดูแลด้วยความรักความเข้าใจในตัวตนของเด็กคนนั้นย่อมมีภูมิคุ้มกันทางใจที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่พึ่งพาตัวเองได้ ไม่ทำให้คนรอบข้างต้องเดือดร้อน


                คุณล่ะ มีโอกาสได้ “รักและเข้าใจ” ในตัวตนแท้ๆของเด็กๆที่อยู่ใกล้ตัวแล้วหรือยัง






Free TextEditor





Create Date : 12 ตุลาคม 2551
Last Update : 12 ตุลาคม 2551 0:21:49 น.
Counter : 321 Pageviews.

2 comments
  
อ่านแล้วซึ้งใจจังเลยค่ะ

เราเองก็เป็นแม่ที่ลูกที่พัฒนาการค่อนข้างช้า แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นเด็กพิเศษ เข้าใจเลยค่ะ..ว่าไม่ว่าเขาจะเป็นยังไง เขาก็เป็นที่หนึ่งในใจเราเสมอ

ความรักและความเข้าใจ สำคัญที่สุดค่ะ
โดย: แค่คนหนึ่งคน วันที่: 12 ตุลาคม 2551 เวลา:15:09:27 น.
  
คุณแค่คนหนึ่งคน เชื่อว่าคุณเป็นคุณแม่ที่น่ารักและเข้มแข็งมากค่ะ เด็กๆทุกคนไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ต้องการความรักความเข้าใจจากคนรอบๆตัว เพื่อให้เขาเติบโตมาอย่างสมบูรณ์ทั้งกายและใจค่ะ เอาใจช่วยคุณแม่นะคะ
โดย: อย่างไรก็ดี วันที่: 12 ตุลาคม 2551 เวลา:23:36:58 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Bytheway.BlogGang.com

อย่างไรก็ดี
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]