1..2..3..4..5..Tag . . เพิ่งจะกลับมาจากการปิ๊คเหนือนะเจ้าาาา ก็เลยเพิ่งได้เห็นเพื่อนคนใหม่และวัฒนธรรมใหม่ๆ ที่ใครๆก็รู้จักกันหมดแล้ว คุณแท็คนั่นเอง ว่าแล้วก็โดนแปะกะเค้าอยู่นิดหน่อย เห็นว่ากันว่าต้องปฏิบัติตามโดยพร้อมเพรียงกัน ดังนี้ข้าพเจ้าก็ขอว่าตามกันเลยนะ ----------------------------------------------------------- เรื่องเล่าตอนที่ 1 ใครว่าเด็กไม่มีหัวใจ ตอนเด็กๆ สมัยเรียนประถมเคยโดนจับย้ายโรงเรียนกะทันหัน ต้องเข้าไปเรียนเทอมใหม่กลางคัน มันเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ใหญ่ที่อยากให้ลูกเข้าโรงเรียนดูดี และอยากให้พี่น้องเรียนที่เดียวกันซะให้หมด แต่กลับเด็กคนนี้มันโครตแย่ๆๆๆๆที่สุดในชีวิตในตอนนั้น จากเด็กที่เคยเรียนได้อันดับไม่เกินที่ 5 ของห้อง ก็กลายเป็นอันดับที่ 40 กว่าๆของห้อง ที่ห้องมี 48 คน ไม่มีกลุ่มอยู่ เพราะทุกคนเป็นกลุ่มเป็นพวกกันหมดแล้ว ไม่มีเพื่อน เพราะเค้าก็มีเพื่อนกันหมดแล้ว และยังเป็นเป้าหมายสำหรับการโดนกลั่นแกล้งเพราะเป็นเด็กใหม่ เลยกลายเป็นเด็กที่เงียบที่สุดในห้อง สุดท้ายได้เพื่อน 1 คน ซึ่งเป็นคนที่เข้ามากลางเทอมเหมือนกัน แต่เค้าเข้ามาหลังเรานิดนึง ก็เลยเป็นเพื่อนกันอยู่ 2 คน จนจบ ป.6 เรียนจบชั้นประถมมาโดยที่มีเพื่อน 1 คน และไม่มีความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับโรงเรียนนี้เลย....อย่างที่เค้าว่ากันอ่ะว่า ใครว่าเด็กไม่มีหัวใจ เรื่องเล่าตอนที่ 2 ชีวิตนอกระเบียบ เรียนหลุดมาจนถึงชั้นมัธยมจนได้ แต่ก็ไม่ได้ติดอุปนิสัยเก็บกดอะไรมานะ คงเป็นเพราะสังคมที่บ้านไม่ได้มีภาวะกดดันอะไร ถึงอยู่โรงเรียนจะไม่มีเพื่อนแต่พอกลับบ้านแล้วก็มีกลุ่มก๊วนเพื่อนที่เฮฮากันได้ ช่วงมัธยมก็เข้าสู่ช่วงเริ่มๆซ่าส์ตามประสาเด็กกำลังโต อยู่ในกลุ่มก็ทำตัวเป็นหัวโจก อาศัยที่ตัวสูงหน่อย เสียงดังหน่อย ก็ใช้ได้ ทำแต่ละเรื่อง น่าอ่อนใจ โดดเรียนบ้าง แอบออกไปตอนอาจารย์สอนอยู่บ้าง แต่งตัวผิดระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้าบ้าง ก็คงเหมือนหลายคนที่ก็เป็นอย่างนี้ ก็ทำมันทุกอย่างที่เค้าไม่ให้ทำ แต่ไม่รุนแรง ก็คิดว่ามันหนุกดี ขี้เกียจเรียน ขี้เกียจฟังครูบ่น ผลสรุป มีเพื่อนหนึ่งในกลุ่มต้องเรียนซ้ำชั้น เท่านั้นแหละ ทุกคนก็เริ่มรู้แล้วว่าต้องทำตัวยังงัยก่อนที่จะต้องเจอผลลัพธ์เดียวกันหมดทั้งกลุ่ม หลังจากนั้นทั้งกลุ่มก็เริ่มทำตัวดีขึ้นโดยเฉพาะตัวเอง ถึงจะยังแต่งตัว ทำตัวผิดระเบียบอยู่ แต่ก็ไม่โดดเรียน พยายามฟังที่ครูสอน และตั้งใจเรียนมากกว่าเดิม ปรากฏว่าผลสอบของทั้งกลุ่มออกมาได้ดีทีเดียวจนครูและเพื่อนๆ ก็ตกใจนะว่า พวกนี้มันก็ทำได้นีหว่า ต้องขอบคุณครูท่านนึงที่มาเป็นครูประจำชั้นในตอนนั้น เป็นครูที่ดูวัยรุ่นมาก จำได้ว่าท่าทางการพูด การสอนของครูนั้นเข้าใจวัยรุ่นมาก คือ ครูเข้าใจกลุ่มเรามาก และเป็นครูที่สอนวิชาเลขที่เราเกลียด ครูเค้าสอนได้ดีมากจนกลุ่มเราเรียนเลขได้เกรด 3 จากเกรด 1 กันเลย เราเลยเข้าใจเลยว่าครูนั้นไม่ใช่แค่เก่งอย่างเดียว แต่ต้องรู้ด้วยว่าเด็กแต่ละคนควรจะสอน ควรจะเข้าถึงในรูปแบบไหนที่เค้ารับและเข้าใจได้ สุดท้ายเด็กก็จะจำได้และปฏิบัติตามได้ดี อย่างพวกเราที่เหลือก็เรียนจบผ่านมาได้ด้วยดี เรื่องเล่าตอนที่ 3 ไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ อยู่ในกฎระเบียบมาตลอดตั้งแต่เรียนประถม พอสุดท้ายมาเรียนมหาวิทยาลัย ก็เรียนในมหาวิทยาลัยที่ไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ใดๆเลยสักอย่างเดียว ช่วงแรกก็มันส์ดิ ได้เจอกลุ่มเพื่อนเฮฮา เรียนก็ได้ ไม่เรียนก็ได้ ไม่มีใครมาบังคับ ไม่เช็คชื่อ โหสวรรค์!!! ก็เริงร่าอยู่กับเพื่อนๆ อย่างเดียวเลย ไปมหาลัยทุกวันนะ แต่ไม่เข้าเรียนเลยสักกะตัว ติดเพื่อนอย่างแรง แต่การเที่ยวในตอนนั้นไม่ใช่เที่ยวกลางคืนหรืออะไรที่ดูไม่ดี มันก็เป็นแค่การไปอยู่ในห้างสรรพสินค้า กินข้าว นั่งคุย ดูหนัง เล่นเกมส์ตู้บ้าง ก็ประมาณนั้นก็เฮกันแล้ว ช่วงนั้นก็เปรี้ยวสุดๆ มันไม่มีกฎแล้วนิในเรื่องการแต่งตัว ก็ทำมันซะทุกอย่างเลย ทำสีผม เป็นทองทั้งหัวบ้าง เป็นชมพูพิ้งกี้บ้าง ดัดหยิกบ้าง เจาะนู่นนี่ บางทีแต่งซะเพื่อนๆ ก็เริ่มไม่กล้าเดินใกล้ๆ ยังจำได้เลยว่ามาม้าไม่เคยว่าเลยเรื่องการแต่งตัวเพราะเค้าค่อนข้างหัวสมัยใหม่ แต่ครั้งสุดท้ายที่เค้าเริ่มเอ่ยปากก็ตอนที่ไปทำเป็นหัวชมพูนั่นแหละ มาม้าพูดสั้นๆว่า แม่ว่ามันดูแรงๆนะลูก แล้วแม่ก็ยิ้มๆ ก็เลยคิดว่าสงสัยจะจริงอ่ะ ก็เลยลดดีกรีลงบ้างในเรื่องการแต่งตัว และสุดท้าย ท้ายสุดในเรื่องการเรียนในระดับนี้เราก็เรียนผ่านมาได้อย่างน่าชื่นใจ เพราะถึง 2 ปีแรกเราจะไม่เรียนเลย (ตกเยอะมากๆ จนไม่ลงทะเบียนใหม่ เพราะต้องเก็บแต่ของที่ตกให้หมดก่อน) แต่สุดท้ายเพื่อความชื่นใจของมาม้า ก็เลยฮึดปีที่3 ก็ตั้งใจเรียนจนสุดท้ายก็จบได้ก่อนเพื่อนๆเทอมนึง ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นได้ว่า เด็กไม่จำเป็นต้องมีหัวดีก็สามารถเรียนได้ดีได้ด้วยความตั้งใจอย่างแน่วแน่ อย่างที่เค้าว่า อะไรก็ทำได้ขอแค่ตั้งใจจริง เพียงเท่านั้น เรื่องเล่าตอนที่ 4 ไม่มีคำว่า ไม่รู้ ตอนที่ทำงานอยู่ในบริษัทโฆษณาที่หนึ่ง ที่นี่เป็นบริษัทโฆษณาที่แรกที่รับเราเข้าทำงานตั้งแต่ตอนที่เรายังไม่มีประสบการณ์กับงานทางด้านนี้ ทั้งๆ ที่ก็เรียนจบมาทางด้านนี้โดยตรง แต่อย่างว่าบริษัทโฆษณารับเด็กใหม่ไม่ง่าย... ที่นี่ให้โอกาสกับเรา ก็เลยตั้งใจมากในกับการทำงานในสายที่เรียนมา ชอบ สนุกกับงาน กับทุกสิ่งที่ได้เจอ เจ้านายเราเป็นที่เข้าใจและรู้จักที่จะสอนลูกน้องอย่างเราได้ แต่สิ่งที่ชัดเจนมากๆ คือ เจ้านายเราไม่ชอบให้ลูกน้องเป็นคนที่พูดคำว่า ไม่รู้ ไม่ว่าเจ้านายจะถามอะไร คำแรกที่ตอบต้องไม่ใช่คำนี้อย่างแน่นอน เพราะเจ้านายเราเค้าว่า "คนเราไม่รู้นั้นไม่ผิด แต่ถ้าไม่หาความรู้เลยนั้นผิด เพราะฉะนั้นก่อนจะพูดคำว่าไม่รู้ต้องแน่ใจก่อนนะว่าหาความรู้นั้นมาแล้ว แต่ถ้ายังไม่ได้หามาควรต้องไปหามาเสียก่อน และถึงจะตอบได้ว่ารู้หรือไม่รู้แค่ไหนเพราะอย่างไร เพราะกับบางอย่างนั้นการที่เราตอบสั้นๆ ว่าไม่รู้นั้น บางทีมันอาจบ่งบอกถึงสติปัญญาของคนๆนั้นได้ในระดับหนึ่งว่าเค้าเป็นคนอย่างไร" ....... เพราะอย่างนั้นเวลาใครถามอะไรเรา หรือเจ้านายถามอะไรเรา หลายอย่างที่เราก็ไม่เคยรู้มาก่อน ก็คงจะตอบออกไปว่า ไม่แน่ใจนะ เพราะไม่เคยได้ยิน หรือ บอกเค้าไปเลยว่าให้ไปหาได้จากแหล่งที่น่าจะรู้มากกว่าเรา เรื่องเล่าตอนที่ 5 "บทส่งท้ายภาระกิจ Tag" เล่าเรื่องตัวเองมาซะเลยเถิดมาขนาดนี้ ยาวไปนิดต้องขออภัย ตอนสุดท้ายคงไม่มีอะไรจะเล่าแล้วแหละ ที่เล่ามาดูไม่ค่อยเหมือนจะหนักๆ ไปนิดเนอะ ไม่ค่อยมีอะไรให้ขำๆกัน ... ต้องขอบคุณทุกๆท่านที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ ... และขอบคุณคุณแท็กที่ทำให้ได้เล่าเรื่องส่วนตัว (ทำอย่างกะได้รางวัลอะไรสักอย่าง) ----------------------------------------------------------- ปฏิบัตภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว และขอจบภารกิจนี้ไว้เพียงเท่านี้ล่ะกันนะคับ เพราะเป็นคนดี ไม่ Tag ใครต่อ (ป่าวหรอก คือ เพราะทุกท่านก็ได้โดนคุณ Tag กันไปหมดแล้ว ) ไว้หาอะไรมาเล่าให้ฟังกันต่อนะคับ อืมมม เป็นเช่นนี้นี่เอง... tag มีสาระ เหมาะกับเด็กๆ ที่กำลังชอบไปกินเหล้าเพลินๆ หรือพวกชอบทำตัว chill chill....
โดย: master bigg IP: 58.64.57.121 วันที่: 15 มกราคม 2550 เวลา:20:36:05 น.
เรื่องเล่าตอน 4 นี้ทำให้นึกถึงรุ่นพี่คนหนึ่งเลยค่ะ .. เพราะเค้าก็แนะนำเราแบบนี้เหมือนกัน
เพราะพี่เค้าเรียนเก่ง มีวิสัยทัศน์กว้าง เค้าได้ทำงานดี แล้วก็ได้นายดี เค้าก็แนะแบบนี้ล่ะค่ะ ว่าการศึกษาหาความรู้น่ะ ไม่ได้ทำให้เรารู้ทั้งหมด แต่ว่ามันทำให้เราไม่รู้ " น้อยลง " โดย: JewNid วันที่: 15 มกราคม 2550 เวลา:23:19:19 น.
ไปเที่ยวมาสนุกป่าวคะน้องเล็ก อ่านข้อแรกแล้วนึกถึงเพื่อนคนหนึ่งสมัยประถมเลยอ้ะคะ เป็นเด็กย้ายจากที่อื่นมาเรียนกลางเทอม ..เค้าจะเหงาๆ บล็อกtag ทำให้ได้รู้จักน้องเล็กเพิ่มขึ้นเยอะเลยค่ะ... มีอยู่ช่วงนึงที่พี่มัชเป็นเด็กไร้ซึ่งกฏเกณฑ์เหมือนกันเลย โดย: มัชฌิมา วันที่: 16 มกราคม 2550 เวลา:17:12:07 น.
โอ้ เหมือนกันเลย
สมัยเด็กเรียนตจว. แต่ต้องย้ายเข้ากทม.ตอนม.2 ย้ายกลางเทอม แรกๆไม่มีใครคบด้วยเลย โดย: keyzer วันที่: 17 มกราคม 2550 เวลา:0:12:06 น.
อยากทำผมสีชมพูเหมือนกันค่ะ แต่จนบัดนี้ยังไม่เคยได้ทำ เพราะถ้าทำโดนห้ามเข้าบ้านแน่ๆ
โดย: azamiya วันที่: 17 มกราคม 2550 เวลา:20:44:35 น.
ว้าว
ชีวิตดูมีสีสันดีนะคะ เราว่าดีออก ทำให้เป็นผู้ใหญ่เร็วขึ้นนะ เราไม่มีเพื่อนเป็นกลุ่มตั้งแต่ปอห้าแล้วอ่า เป็นคนขี้รำคาญน่ะค่ะ เลยไม่มีใครคบ...เอ้ย...ฮา มีความสุขทุกวันนะ ปล. คุณbelittle-bigไม่เคยล้อกอินตอนไปเยี่ยมเราเล้ยยย หาทางมาบล๊อกนี้ลำบากเลย โดย: PADAPA--DOO วันที่: 22 มกราคม 2550 เวลา:23:59:58 น.
เจ้านายดีนะเนี่ย มีเหตุผล
แต่ว่า ผิดกับประสบการณ์ทางฝั่งเราล่ะ ทางฝั่งเราชอบให้คนตอบว่า "ไม่รู้" คือจะได้สอนให้ เพราะถ้าตอบรู้ ก็จะไม่สอน แต่ไอเดียจริง ๆ ก็คล้ายกันแหละ คือให้ค้นคว้า หาความรู้ตลอด อย่าได้หยุดอยู่กับที่ โดย: Plin, :-p IP: 202.28.62.245 วันที่: 24 มกราคม 2550 เวลา:10:48:53 น.
|
บทความทั้งหมด
|
โดดเรียนจน อ. ฝากถามมาทางเพื่อนว่า
"จะเรียนหรือเปล่า" 5555555