Review: Matsumoto Kiyoshi : Retinotime Skincare ต่อต้านริ้วรอย

สวัสดีค๊า^^

พี่วิเชื่อว่าสาวๆหลายคนในที่นี้ ต้องไปช้อปปิ้งที่

Tops market กันอยู่บ่อยๆ

พี่วินะ..ทุกอาทิตย์เลยค่ะ




และตอนนี้..เราอาจจะสังเกตุเห็นว่า Tops market ที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว

มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ดูไฟสว่างๆ ดูของระรานตาใช่ไม๊คะ?? 

เป็นเพราะว่าทาง Tops market เพิ่มให้มีโซน HBA ซึ่งเกี่ยวกับ 

Health, Beauty and Accessories

ซึ่งเหมาะกับสาวนักช้อปและช่างเลือกอย่างพวกเรามากๆ

เทสกันมันส์ เล่นโน่นนี่จนเพลินลืมเวลากันเลยค่ะ


และวันนี้พี่วิจะมารีวิวผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ ให้น้ำลายหกกันเลยค่ะ555+

อดรนทนไม่ไหว แล้วล่ะสิ๊...ไปดูกันค่ะ


ส่วนตัวพี่วิชอบโซน Skincare ที่สุดค่ะ

เพราะด้วยวัย ด้วยอ่ะนะ 555++ ก่อนหน้านี้เพื่อนๆ พี่วิทุกคนที่เคยไปญี่ปุ่น

จะต้องกลับมาเม้าท์ให้พี่ฟังว่า ถ้าไปญี่ปุ่นนะ!!ทุกคนต้องไปช้อปปิ้งที่ร้าน 

ร้านนึงมีทุกอย่าง ที่เกี่ยวกับ Health & Beauty เลย 

ชื่อร้าน Matsumoto Kiyoshi เป็นร้านอันดับ 1 ทางด้านสุขภาพและ

ความงามของญี่ปุ่น คือเป็นที่รู้จักดีของนัก shopping หรือคนที่เดินทางไปญี่ปุ่น 


เมื่อก่อนอิจฉามากกก..แต่ขอโทษจ้า....ตอนนี้ไม่ต้องบินไปไกลถึงญี่ปุ่นแล้วนะ..

เพราะผลิตภัณฑ์ Matsumoto Kiyoshi มีขายที่เมืองไทยแล้ว โดยเป็นครั้งแรก

ที่มีจำหน่ายนอกประเทศญี่ปุ่น และสะดวกกว่าตรงที่อยู่ใน Tops Supermarket 

นี่แหละ..ที่สำคัญเป็นสินค้าที่คัดสรรมาแล้ว และ Exclusive มาก มีขายเฉพาะที่

 Tops และ Central Food Hall เท่านั้น



ดูระรานตามากๆ มีอะไรที่น่าสนใจกันบ้างในกลุ่มโปรดอย่าง Skincare 


เริ่มจากแบรนด์แรก..กันเลยนะ

1. ชื่อแบรนด์: Retinotime (เรทิโนไทม์)

Anti-aging Skincare

เป็นอะไรที่เหมาะกับพี่วิมากๆ ช่วยลดเลือนริ้วรอยและชะลอวัยพี่วิสุดๆ




นี่เฉพาะสกินแคร์นะจ๊ะ...เพี๊ยบเลยยย

จากที่แบรนด์เคลม...เน้นเรื่องอะไรบ้างมาดูกัน...

เป็นผลิตภัณฑ์ต่อต้านริ้วรอยก่อนวัยช่วยบำรุงล้ำลึกถึงผิวชั้นใน ทำให้ผิว

กระจ่างใส และเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวด้วยส่วนผสมหลัก 5 ชนิด


Retinoic acidTocoferil (ปรับสมดุลผิว),

ColloidolPlatinum (ปกป้องมลภาวะสาเหตุของริ้วรอยก่อนวัย),

Rejuline (เพิ่มความยืดหยุ่นและอ่อนนุ่มให้ผิว),

EDP3 (ข่วยให้ผิวนุ่มลื่นและชุ่มชื้น)

และ SuperHyaluronic Acid (ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นล้ำลึกถึงผิวชั้นใน)

*เห็นผลภายใน2 อาทิตย์ หลังการใช้อย่างต่อเนื่อง


ในแบรนด์ Retinotime นี้มีผลิตภัณฑ์ครบถ้วนมากค่ะ

แต่..วันนี้พี่วิจะพูดถึง 3 ตัวที่พี่รู้สึกว่า..น่าสนใจจริงๆ เท่านั้นนะ


เริ่มจากตัวที่พี่วิชอบที่สุดก่อนนะคะ

Retinotime: Cleansing & MassageAEX

เป็น Creme Cleansing make-up remover

ขนาด 175 กรัม  ราคา 1,450 บาท


พี่วิให้ความสำคัญมากๆ กับการทำความสะอาดผิวหน้ามาก เพราะเนื่องจาก

เคยมีประสบการณ์ หน้าพังจากการเป็นสิวอุดตันทั้งหน้ามาก่อน 

และเป็นคนแต่งหน้าตลอด รักเมคอัพค่ะ 555+

ดังนั้นเมื่อเรารักจะสวย ก็ต้องรักสะอาดแบบล้ำลึกด้วยค่ะ

มาดูซิว่า ทำไมพี่วิถึงให้ความสนใจ Cleansing ตัวนี้เป็นพิเศษ



เป็นเนื้อครีมสีเหลืองอ่อนๆ พอเกลี่ยไปแล้ว จะให้ความรู้สึกเหมือนเซรั่มเลย

เนื้อครีมจะใสขึ้น ลื่นแต่ไม่มาก ที่สำคัญเนื้อจะเย็นๆ 

รู้สึกสบายผิวดีค่ะ..เวลานวดเบาๆ ที่ผิว


พี่วิลองเทสโดยการ ทำความสะอาด Eye Liner ตัวโปรดให้ดูแล้วกันนะคะ

เป็นที่ขึ้นชื่อในกลุ่มสาวรักเมคอัพกันอยู่แล้วว่า Eye Liner ตัวนี้ติดทน!! 

ไม่ทำให้เราเป็นแพนด้า นั่นหมายถึงล้างออกไม่ง่ายเลยใช่ไม๊คะ..มาดูกัน



ช่วงทดสอบ!!  ตอนแรกแอบตกใจเหมือนกัน 

คือวนไป 3-4 รอบไม่สะทกสะท้านเลย เอ๊ะอย่างไง??


ที่จริงแล้ว!! แตะ Cleansing ลงผิวแล้วเกลี่ยให้ทั่ว!! แล้วทิ้งไว้ 10 วินาทีค่ะ

จากนั้นวนเบาๆ เท่านั้นแหละ!! ไลน์เนอร์ที่ว่าติดทนนักทนหนา!!

หลุดออกมาง่ายดายมากกกก...พอล้างน้ำออกแล้ว ตัวคลีนซิ่งไม่ทำให้รู้สึกผิวมัน

หรือทิ้งคราบลื่นๆ ติดผิวเลย แต่ผิวจะนุ่มๆ ขึ้นอีกด้วย..ถือว่าเป็นตัวที่พี่วิ

อยากทุ่มทุนเสียทรัพย์มากที่สุดค่ะ

ตัวที่ 2 ที่น่าสนใจคือ โลชั่น

Retinotime: Wrinkle Lotion AEX

ขนาด 160ml. ราคา 1,950 บาท



มีให้เลือก 2 ประเภท แบบชุ่มชื่นเหมาะกับสาวผิวมัน ถึงผิวปกติ

และแบบชุ่มชื่นมาก เหมาะกับสาวผิวแห้งค่ะ

คุณสมบัติคือช่วยปกป้องความหมองคล้ำจากมลภาวะและมอบความชุ่มชื่นสู่ผิว

ช่วยปรับสมดุลให้ผิวและผลัดเซลล์ผิวชั้นอย่างอ่อนโยน




เป็นโลชั่นน้ำใสๆ แบบนี้ค่ะ เนื้อโลชั่นจะมีความหนึบนิดๆ 

ให้ความรู้สึกชุ่มชื่นๆ เกลี่ยง่าย และซึบซาบไวมากค่ะ


มาดูอีกขวดนึงค่ะ เป็นโลชั่นเหมือนกันแต่เป็นแบบน้ำนม

Retinotime: Wrinkle MilK AEX

ขนาด 125ml.  ราคา 1,950 บาท



คุณสมบัติคือช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิวที่แห้งเป็นพิเศษ

และช่วยให้รูขุมขนเล็กลงเป็นการสร้างผิวใหม่และกักเก็บความชุ่มชื้น



เนื้อครีมเป็นสีขาวขุ่นๆ เหมือนน้ำนมเลยค่ะ  ตอนเทออกมาครั้งแรกจะหนืดๆ

รับรู้ได้ว่ามีความเข้มข้นมาก และสักครู่จะเริ่มกลายเป็นน้ำนม 

เกลี่ยแล้วผิวจะดูเงาๆ  ซึมซาบเร็วมากๆ เช่นเดียวกับโลชั่นน้ำใสๆ เลยค่ะ 

แต่โลชั่นน้ำนมจะดูผิวชุ่มชื้นกว่า และมีกลิ่นน้ำนมอ่อนๆ ติดอยู่ที่ผิว 

เหมือนผิวเด็กอ่อนเลย..555..ชอบๆๆ


และตัวสุดท้ายตัวที่ 3 ที่น่าสนใจคือ

Retinotime: Wrinkle Day Milk UV AEX

ตัวนี้เป็น Moisturizer UV Protection Make-up base All in One ค่ะ

มี SPF 50 PA+++ ขนาด 30ml. ราคา 1,650 บาท



เนื้อครีมจะเป็นสีขาวนะคะ

ซึ่งแบรนด์เคลมว่า ใช้เป็นเมคอัพเบสได้เลย..เรามาดูกันค่ะ



พอทาแล้วเกลี่ยบางๆ ให้ทั่ว..จะดูผิวใสโกลว์ๆ ค่ะ

ซึมซาบได้ไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่ทิ้งคราบขาวๆ 

ผิวจะรู้สึกตึงๆ และดูเนียนเรียบขึ้น เหมือนทาเมคอัพเบสไว้นั่นเองค่ะ

เท่ากับกันแดดด้วย เป็นเบสใสๆ เพื่อปรับสภาพผิวในเรียบได้ด้วย..อ่ะเริ่ดๆ อยู่นะ


ยังมีอีก 2 แบรนด์ที่ Exclusive ไม่แพ้กัน 

แต่ว่าเกี่ยวกับผม และผิวกายค่ะ 




2. ชื่อแบรนด์ : Argelan (อัลจีรัน)

แบรนด์นี้เป็นผลิตภัณฑ์ออแกนิคทั้งหมด

ซึ่งมีตัว Body Cream และ Hand Cream ที่ได้รับการรับรองจาก ECOCERT

ว่าเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติอย่างแท้จริง 


ตัวที่เรียกว่าชูโรง..โดดเด่น ขายดีสุดๆ ของแบรนด์เลยคือ




นี่เลยค่ะ!!  เป็น Organic Hair Care

 ขนาด 550ml.  ราคาขวดละ 1,150 บาท


เป็นแชมพูเจลสาหร่ายทะเลเนื้อเจลจะช่วยซึมซับสิ่งปรก ที่อุดตันรูขุมขน

ให้สะอาดหมดจด และอีกขวดนึงเป็นทรีทเม้นท์มาส์คโคลนทะเล 

ช่วยเคลือบและกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในเส้นผม ปราศจากซิลิโคน 

เหมาะกับผิวแพ้ง่าย และสารเคมีที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย


และท้ายสุดที่เราจะกล่าวถึงในบล็อคนี้คือ

แบรนด์ที่เกี่ยวกับเส้นผมโดยเฉพาะค่ะ




3. ชื่อแบรนด์ : Lungta (ลุงต้า)

เป็นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผม..แต่ว่าเป็น Professional Hair Care

เน้นความเป็นสินค้าอันดับ 1 ที่ลูกค้าซื้อแล้วกลับมาใช้มากที่สุด

ในร้าน Matsumoto ที่ญี่ปุ่นเลยค่ะ


เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผมระดับ Hair Salon มี 2สูตรคือ WhiteSeries 

สูตรสำหรับผมเสียมาก บำรุงล้ำลึกถึงรากผม ช่วยฟื้นฟูผมที่โดนทำลาย

จากการดัดและทำสี  ตัวบรรจุภัณฑ์จะเป็นสีขาวค่ะ


แต่สำหรับพี่วิต้องตัวนี้ค่ะ...เหมาะมาก!!!




PurpleSeries สูตรสำหรับผมลีบและขาดน้ำหนัก ทำให้ผมนุ่มสลวย

ดูมีสุขภาพดีรับรองว่าเห็นผลทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้

บรรจุภัณฑ์จะเป็นสีม่วงๆ แบบนี้ค่ะ


เห็นมั้ย ความระรานตาในโซน HBA ที่ Tops market มีสิ่งที่น่าสนใจมากๆ

สำหรับสาวๆ ที่รักสุขภาพและความงามอย่างพวกเรา

พี่วิไม่แปลกใจเลยว่าทำไมใครๆ ไปญี่ปุ่นแล้วต้องแวะ

ร้าน Matsumoto Kiyoshi ก็ดูสิ!!  มีแต่ของดีๆ ทั้งนั้นเลย!! 


ต้องขอโทษจริงๆ ที่พี่วิไม่อาจรีวิวให้ดูได้ทั้งหมดใน Zone HBA นะ

เพราะว่าของเยอะมาก...ใครแวะไป Tops Market บ่อยๆ อย่าพลาดนะคะ!!


แนะนำว่า...เผื่อเวลาไว้เยอะๆ 

และ!! ไม่ควรพาคุณแฟนไปด้วยค่ะ!!

เพราะจะเป็นการขัดเวลาแห่งความสุข บนสวรรค์น้อย ๆ 

อันเลอค่าของพวกเราค่ะ 5555++




Create Date : 03 พฤษภาคม 2557
Last Update : 4 มิถุนายน 2557 13:29:02 น.
Counter : 20862 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Beauty4ties.BlogGang.com

beauty4ties
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 157 คน [?]

บทความทั้งหมด