1 ปีที่ผ่านไป หลังจากขัดส้วม นับโถ ไม่ถ้วน ปูเตียง ไปก็หลายเตียงอยู่ เก็บถ้วย จาน ชาม ไปล้าง อย่าให้นับเลย + อะไรต่อมิอะไร ล้านห้า จิปาถะ เอ่อ หรือเราจะมีชีวิตอยู่แค่นี้จริงๆ เรียนมาทำไมตั้งสูง ไม่เห็นได้ใช้อะไรหางานอะไรได้เลยนี่ ??? **** พนง โรงแรม ชาวเยอรมัน คนนึง ถามให้อิฉันอึกอัก จึกจึก ในใจ เมื่อครั้งฝึกงาน *** ลาออก แล้วเธอจะมี บ้านอยู่ไหม เธอจะมีที่อยู่ที่กิน หรือเปล่า ??? *** อิลุงประสานงาน โมเทลวัน ถามฉัน วันที่ยื่นใบลาออก *** เอ่อเน๊อะ เค้าพูดจามีประเด็นกันนะนี่ แต่ เคยฟังเพลง พี่ นภ เค้าบอก ว่า อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เรา ได้เห็นถึงความแตกต่าง เมื่อวันเวลาที่ฝนจาง ฟ้าก็คงสว่างและทำให้เราได้เข้าใจ ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนที่เฝ้ารอ 1 ปีเต็มแล้ว ที่เปิดเจ้าโฮสเทลเล็กๆ จริงๆตอนนั้น อยากไปหาเช่า โรงแรม มาทำเลยมากกว่า แต่ช้าก่อน ค่ามัดจำ+ค่าพนักงานที่ต้องเทคโอเว่อร์ +ค่าจิปาถะ นี่ไม่ใช่น้อย แถมนายหน้าที่หาโรงแรมให้เราก็เสนอมาแต่โรงแรมในแหล่งที่มันเป้นการท่องเที่ยวเฉพาะฤดู ซึ่ง อันนี้เป็นโจทย์ใหญ่ ค่าโสหุ้ย **เรียกแบบนี้ไหมค่ะ**มันสูง แล้วรายได้มันอาจจะไม่สูงตามนั้น... ในช่วง ไฮซีซั่น คงต้องปั่นๆเงินให้คุ้มกับช่วงโลว์เป็นแน่เเท้ เพราะค่าใช้จ่ายมันมีกำหนดอยู่เเล้วตายตัว และนั่นอาจจะไม่ใช่โจทย์ที่ดีนักในการเลือกลงทุน สำหรับนักลงทุนตัว*ไม่น้อย*แต่เงิน*น้อย*อย่างอิฉันและอิหมี... ทั้งหมดเลยมาตกที่อิฉันเล็งตึกที่ให้เช่า 1ชั้น ไว้ และเริ่มคุยกับอิหมีว่า อันนี้ละน่าจะทำโฮสเทลได้ ... เพราะว่านักท่องเที่ยวมีตลอดปี *อาจจะหายบางตาบ้างใน พ.ย. และธันวาก่อนสิ้นปี* และนททกลุ่ม backpack ยังคงบูม อยู่มาก อีกทั้งที่นี่ยังกระตุ้นการ ท่องเที่ยว มาได้แค่กี่ปี **ย้อนไปดูเมืองไทยว่ากระตุ้นกันมานานนับหลายทศวรรษแล้ว** มันก็เลยเป้นจุดที่ น่าจะเป็นโจทย์ที่เราตีออกได้ไม่ยากนัก และ น่าจะเป็นคำตอบ ของบ้านเราที่จะ ลงทุน เพราะในการเป็น selfemploy ที่นี่ ธนาคารไม่ปล่อยกู้ใน 2ปีแรกแน่ๆ เม็ดเงินเราเลยจำกัด ค่าลงทุนตบแต่งก็ต้องคิด จากตึก **ร้างโครตๆ** จนเปลี่ยนมาเป็นโฮสเทลให้คนได้พักได้นั่งได้นอน นี่น้ำตาไหลไปหลายปี๊บ แม่บอกเสมอว่า ถ้าจะลงทุนก็ต้องเสี่ยง กล้าได้กล้าเสีย นะลูก แต่อิฉัน กล้าได้ แบบไม่อยากเสีย เลยลงทุนไป น้ำตาไหลอาบแก้มไป ช่วงที่ยังไม่ได้เปิดทำการ **ก็กลัวเจ๊งนี่เค๊อะ** เมษา ปีที่แล้ว เปิดทางการเดือนแรก ปิดบัญชีไปได้ น่าจะ 6 พันกว่าๆ หักค่าเช่าตึก ค่าอาหารเช้า+จิปาถะแล้วก็พอให้ชื่นใจ เดือนต่อๆมา ก็ดีขึ้นที่เดียว ได้ยิ้มกับแก้มบาน **ซึ่งจริงๆแก้มก็บานอยู่เเล้วเอิ้กๆ** โลว์ซีซั่น ที่อิฉันกลัว ต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าเช่า *ถึงกับมีการกันเงินไว้จ่ายค่าเช่าตึก* คือ พ.ย. 2008 - ก.พ.2009 ปรากฏว่า พอค่าตึก+ค่าใช้จ่าย โล่ง... ได้ข้อควรกระทำมาอีกอย่างคือ ควรจ้างพนักงานเฉพาะช่วงไฮซีซั่นเท่านั้น นอกนั้นในฤดู โลว์ซีซั่นก็เเรงงานในครอบครัว ซึ่งไม่ได้มีอะไรหนักหนาเลย อีกอย่างที่ช่วยประคับประคอง กันคือ งานขายห้องพักของโรงแรมให้ผู้ร่วมประชุมต่างๆ ซึ่งส่วนนี้ เป็น บริษัทย่อย ของอิหมี ขอแค่มีเนท มีสายโทรศัพท์ เท่านั้น เราทำได้ๆๆๆๆๆ ทั้งโฮสเทล ทั้ง งานขายห้อง ตลาดมันเเน่น แต่นโยบายของอิฉันและอิหมีคือ แทรกตัวเข้าไปในราคาที่ย่อมเยาว์เพราะเราทำกันในครอบครัว ต้นทุนเราเลยไม่สูง ขายบริการ*อุย* 55 ได้ในราคาตัดตลาด กว่าชาวบ้าน ในยุคเศรษฐกิจแบบนี้มันก็เป็นตัวเลือกที่ คุ้มเม็ดเงิน ของ ผู้ซื้อ อิฉันเคยท้อ โฮสเทล มีเป้นร้อยๆ แต่ละอันใหญ่ๆทั้งนั้น เป็นเชนก็มีเยอะ เเล้วเราละเป็นใครมาจากไหน ? +มือใหม่อีกต่างหาก กลัวแม่เอ้ย ... แต่ในอีกที ก็อยากมีใหญ่ๆแบบเค้ามั่ง...แต่ทำไงได้ พ่อไม่ได้นามสกุล ฮิลตัน แถม สาระมี ก็ ไม่ได้มีทรัพย์สลิงคาน มากมายขนาดนั้น ตั้งเเต่แต่งงานกันมาก็เริ่มจาก 0 จริงๆ แต่อิฉันคิดเสมอว่า มองคนใหญ่ๆไปทำไม ก็ตัวเรายังเด็ก ยังเล็ก อยู่ *อุปมานะค่ะหาใช่สัดส่วนแท้จริงไม่** มองหน้าที่ของตัวเองให้ดี ทำแล้วมีความสุขก็ทำ ทุกวันนี้ แขกที่มาพัก ก็กลับมาเป้นขาประจำกันบ้าง ให้คนทำงานได้ชื่นใจ บางทีแขกจอง โฮสเทลใหญ่ๆ มีชื่อ ในเมืองไว้ วันอื่นๆ พอเช็คเอ้าท์ไปก็กลับมาตายรังกับเราใหม่ เพราะไม่ถูกใจ เหมือนพักกับเรา บางคนก็ขอบคุณ มีของขวัญ มาให้ มี **แอบติดกรอบรูปดอกไม้ น่ารักๆ ในห้อง วีไอพี**ไว้ให้ดูต่างหน้าก็มี ... ตอนนี้เริ่มปรับปรุงแต่งเติม โฮสเทล มีกล้อง วงจรปิด *ว่าจะซื้อเพิ่มอีก 2ตัว* เพื่อความปลอดภัย ประตูโฮสเทล *ชั้นบน มีระบบ โค๊ด อร้ายย เปรี้ยว**คิดไปเอง** ตบแต่งตามอารมณ์ศิลป์ **ศิลเปรอะ**ของอิฉัน แฮ่... อย่ามองข้าม ความจิ๊ด ในความเป็นตัวเล็กๆของเรา เพราะในความจิ๊ดเดียวของเรา มันอาจจะมีไอเดียดีๆ มีความคิดดีๆ แฝงไว้ก็ได้ อย่ามอง หนทางข้างหน้า ที่ดูขรุขระแล้วบอกตัวเองว่า **ตรูทำไม่ได้** เพราะจริงๆแล้ว คุณทำได้ *นะเค๊อะ* มองตัวเอง มองที่ข้างในใจ มองสิ่งที่ตัวเองอยากทำ มองให้เห็นศักยภาพที่แท้จริง มองให้เห็นความเป้นได้... แล้วตามมันไป ขอแค่นี้เองงงงงงงงงงงง จริงๆนะเค๊อะ ![]() ![]() ![]() คงชื่นใจน่าดูเลยสิคะ สำหรับ 1 ปีที่ผ่านไปของ Hostel
อันที่จริงเรื่องยากมันก็คือการบอกตัวเองว่า "ตรูทำได้" นี่แหละค่ะ มันก็เลยทำให้เราขุดเอาศักยภาพของตัวเองมาใช้ไม่ได้อย่างเต็มที่ซะที เมื่อไหร่จะรู้สึกกล้าได้กล้าเสียได้แบบคนอื่นเค้าบ้างนะ เราจะได้ลุกขึ้นมาทำอะไรดีๆ แบบคุณ Anne- cafe au lait บ้าง.... แล้วจะรออ่านเรื่อง update ในปีต่อๆไปของ Hostel แห่งนี้นะคะ ![]() โดย: eatandotto
![]() เก่งจังเลยค่ะ วิสกี้เห็นแล้วยังชื่นชมกับความสามารถจริงๆ นะคะ
โดย: วิสกี้โซดา
![]() เก่งจังเลยคุณแอน เกดเองจะรอดมั้ย ยังไม่มีลูกค้าเลยอ้ะ
![]() ปล. เดือนกรกฎาฯว่าจะหนีแม่สามีไปเที่ยวปารีสกันจ้า ไปแบบไม่บอกใครเลย เบื่อ เซ็ง ไม่อยากอยู่แล้วที่นี่ ![]() โดย: gadeja
![]() เเอนเก่งนะ มาถึงขั้นนี้ได้ น่าชื่นชม เอาใจช่วยจ้ะ ก่อนเป็นเถ้าเเก่เนี้ยเนี่ยต้องลำบากมาก่อนนะ เเล้วจะสบาย
อย่างเรื่องการทำงาน เมย์ก็เบื่อเหมือนกัน เเต่อย่างน้อยก็ดีใจที่ตื่นมาทุกวันยังมีงานทำ ถึงเเม้จะบ่นเรื่องผู้โดยสาร ไม่พอใจเพื่อนร่วมงาน ก่นด่าชีวิตตัวเองยังงัย อย่างน้อยตื่นมาก็ยังมีอะไรทำ เมย์ไม่ได้เก่งมากถึงกับมีทางเลือกในการทำงานที่นี่เยอะ ดังนั้นทำงานไปเเหล่ะ ดีเเล้ว ต้องคิดบวกใช่มั๊ย ถ้าได้ไปberlin อีกจะไปเป็นลูกค้าเด้อ ปล.เราว่าเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีใครจ้างพนักงานประจำกันนะ อย่างที่เเอนบอก ส่วนมากเป็นทำงานตามฤดูกาลกันทั้งนั้นเลย อย่างสายงานเราก็เป็นนะ summer งานเยอะ winter งานน้อย โดย: เมย์ (mayistheone
![]() แอน เก่งสุดๆเลยอ่ะผ่านมาได้ขนาดนี้
นับถือๆๆๆ คิดถึงเด้อ โดย: asita
![]() เก่งจังเลยค่ะ อ่านแล้วทำให้มีกำลังใจขึ้นเยอะเลย สู้ต่อไปนะคะ
โดย: ตะไคร้หอม
![]() ผ่านมาเจอ อ่านแล้วชอบใจ สู้ๆ นะคะ อยากได้เว็บโฮสเทลของหนู พร้อมราคาคร่าวๆ ปีหน้าแพลนจะไปเยี่ยมยาติที่โคโลญ และยังไม่เคยมามิวนิคค่ะ
ขอบคุณค่ะ suwaramail@yahoo.com โดย: พี่ม่วง IP: 58.9.124.28 วันที่: 13 กันยายน 2552 เวลา:21:38:26 น.
|
[ กดเบาๆนะจ๊ะ ]