"See Angkor wat and die" ตอน ๓
วันแรกเริ่มเที่ยว
นครวัด ... คือชื่อปราสาทหนึ่งหลัง นครธม คือหนึ่งเมือง ที่มีปราสาทให้ไปชมมากมายเหลือเกิน คือกลุ่มปราสาทในนครธม มีเยอะจริงๆ จำชื่อไม่ได้หมด ซึ่งปราสาทใหญ่ที่สวย ที่เด่นๆก็คงเป็น ปราสาท "บายน" ชอบมากบายน ที่มีรูปหน้าคนอยู่บนยอดปราสาทนั่นเองไว้ตอน 4...มองเห็นเด่นแต่ไกล...
อากาศเหมือนบ้านเรา ร้อนมากๆ แล้วต้องเดินๆๆ แต่เพลิดเพลินมาก ยิ่งถ้าเรารู้เรื่องราว และสนใจประวัติความเป็นมา หรือวรรณคดีทางเรื่องของเทพ ที่นี่ นครวัด นครธม ยิ่งใหญ่จริงๆ ถ่ายรูปมาประมาณ 500 กว่ารูปได้ อิอิ ไม่ไหวอากาศร้อนเหนื่อยมากไม่อยากถ่ายเลย เลยนำมาให้ชม พอประมาณ คิดว่าจะเก็บเรื่องราวอื่นๆมาฝากกันดีกว่า ภาพทุกภาพเรียงลำดับตั้งแต่ทางเข้าจนเดินออกเลย
มหาปิรามิด แห่งเอเชีย หลังจากได้ตั๋วแล้ววันนี้เป็นเหมือนเป็นวันปีใหม่ของพี่น้องชาวกัมพูชา-น้องพี่ คริ..คริ สิ่งแรกที่ทำหลังจากอาหารตกถึงกระเพราแล้วก็คือ ตามหาเหยื่อ ที่จะพาเราไปเที่ยวชมนครวัดกันแบบเต็มวัน
เดินเล่นยามเช้าไปเลื่อยๆ จนมาถึงตลาดแห่งหนึ่งในตัวเมือง ตลาดนั้นมีนามว่า "ตลาดซาจ๊ะ" เหลือบไปเห็นพาหนะที่จะพาเราไป รูปลักษณะช่างแปลกตาวิจิตรพิศดารยิ่งนัก เดินต่อรองราคาไปเลื่อย ไปเจอคุณลุงท่านนึ่ง จะไหวไหมเนี๊ย เดี๋ยวจะหาว่าเด็กใช้ผู้ใหญ่หรือเปล่า เลือกไม่ได้จริงเพราะวินาทีนั้น คุณลุงท่านนี้ถูกสุด คริ....คริ หล่อชะมัด ยิ้มทีคิดถึงดาร์กี้เลย หลังจากเราได้เหยื่อแล้ว หมูสยามก็กระโดดขึ้นรถสกายแล็ป แล้วออกเดินทางกันเลย
๓.. สักพักก็เดินทางมาถึงปราสาทนครวัด
ลุงดาร์กี้ ก็ส่งพวกเราลงตรงนี้ และให้เราเยี่ยมชม
วันนี้แดดจัดมากเสียดายฟ้าไม่แจ่ม เวลาตอนนี้ประมาณ 10 โมงจ๊ะ
เดินทางมาแบบไม่เร่งรีบเดินเข้าไปเป็นกิโลเลย ใหญ่โตมาก
ความรู้สึกแรกมันใหญ่โตจริงๆ เต็มไปด้วยมนต์ขลัง มาหลบร้อนอยู่มุมนี้ สู้แดดไม่ไหวจริงๆ
นครวัดไม่ใช่เป็นเพียงสิ่งก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและสูงส่งเลิศเลอในบรรดาปราสาทขอมทั้งหมดเท่านั้น แต่ยังเป็นเมืองในตัวในตัวเองด้วย นั่นก็คือมีฐานะเป็นทั้งเมืองหลวง และศาสนสถานประจำรัชกาลของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ที่สร้างอุทิศถวายแก่พระวิษณุเทพ
ก้าวแรกที่เข้าตัวปราสาทมีพระพุทธรูปอยู่ตรงกลาง เรายืนมองอยู่จุดนี้อยู่นานมาก ทึ่งอยู่กับศิลปความงดงามในสมัยนั้นสวยงามยิ่งนัก
เอาหละหายเหนื่อยแล้ว เดินกันต่อนะ
ภายในตัวปราสาท เหนื่อย...ร้อน เมื่อย ครบเลย
ระหว่างทางเดิน จะมีบันไดขึ้นปราสาทชั้นที่ 2 แต่เรายังไม่ขึ้น
"..เราก็จะเลี้ยวขวา ... เห็นเป็นเช่นนี้ ...
เพราะจะดูลวดลายการแกะสลักหิน ...
ทางด้านกำแพงชั้นนอกรอบปราสาทนั้น มีความยาวกว่า 800 เมตร มีงานแกะสลักเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 และเรื่องราวจากวรรณคดีเรื่อง รามายณะ รูปแกะสลักที่มีชื่อที่สุดก็คือรูปที่เทวดากับอสูรกวนเกษียรสมุทรด้วยเขาพระสุเมรุ และยังมีรูปแกะสลักนางอัปสรอีกถึง 1,635 นาง ที่ทั้งหมดแต่งกายและทรงผมไม่ซ้ำกันเลย มีภาพจำหลักหินด้านหนึ่งเป็นภาพกองทัพสยาม ที่ส่งไปช่วยรบกับพวกจามมีอักษรจารึกไว้ว่า สยำ กุก ปัจจุบันถูกเอาออกไปแล้วน่าจะหมายถึงกองทัพสยามจากลุ่มแม่น้ำกก คือกำลังที่มาจากเมืองเชียงราย เมืองเชียงแสนหรือจาก[สุพรรณบุรี และคำว่า โลว สันนิษฐานว่าเป็นกองทัพจากเมืองละโว้
เรื่องราวบนผนังจารึกเรื่องราวเกี่ยวกับ รามเกียรติ์
การอวตารของพระนารายณ์ ประวัติของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ผู้สร้างปราสาทนครวัด
รีวิวเราขออนุญาตไม่เน้นรายละเอียดนะ เพราะเราเองก็ไม่แม่นอย่างแรง เขียนไปจะเป็นการปล่อยไก่ กลัวว่าปราสาทนครวัดจะกลายเป็นฟาร์มไก่ (แบบเปิด) เสียสิ
".. ใครมาเที่ยวปราสาทนครวัด หรือปราสาทอื่นๆ มีข้อแนะนำว่า ห้ามไปสัมผัส จับต้อง สิ่งใดๆ โดยเฉพาะนางอัปสร หรือนางอัปสรา ที่ถูกลูบ ถูกจับหน้าอกหน้าใจ จนหินเป็นมัน(แผล่บ) บางแห่งก็ถูกแกะ แคะ จนหัวนมหลุด..ไม่ทราบว่าเกิดคึกคะนอง หรือเกิดข้อสงสัยประการใด จึงต้องทำแบบนั้น... นางอัปสราที่เห็นรายล้อมปราสาทนครวัดมีจำนวนประมาณ 1600 นาง แต่ละนางก็แสดงท่าร่ายรำไม่ซ้ำกัน ใครไปเที่ยวแล้วอยากจับต้อง ก็ขอเตือนๆเอาไว้ด้วย..เพราะสถานที่นี่ถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ไ่ม่ควรกระำทำการใดๆที่เป็นการลบหลู่..
ปราสาทประธาน
มหาปราสาทนครวัด ก่อสร้างในรัชสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ในพุทธศตวรรษที่ 17 (พ.ศ. 1650 1693) จุดประสงค์เพื่อสร้างอุทิศถวายแก่พระวิษณุเทพในศาสนาฮินดูหรือศาสนาพราหมณ์ และยังใช้เป็นราชสุสานเก็บพระศพของพระองค์ ด้วยเหตุนี้มหาปราสาทนครวัดจึงถูกสร้างให้หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ต่างจากปราสาทอื่นๆ ที่จะหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเสียเป็นส่วนใหญ่ อาณาขอมโบราณนั้นได้รับอิทธิพลความเชื่อจากอินเดียผ่านมาทางขวา ศาสนาฮินดูหรือศาสนาพราหมณ์นั้นยกย่องกษัตริย์ว่าเป็นเทพเจ้า เรียกว่า ลัทธิเทวราชา กษัตริย์คือตัวแทนของเทพเจ้าในโลกมนุษย์ ซึ่งมีการสร้างเทวสถานถวายให้ และเชื่อว่าเมื่อสวรรคตแล้ววิญญาณจะประทับอยู่ที่ปราสาท ซึ่งเป็นคติเทวราชาที่เชื่อว่ากษัตริย์คือเทวเจ้าอวตารลงมา ด้วยความเชื่อเช่นนี้เอง ที่ทำให้กษัตริย์ขอมเมื่อขึ้นครองราชย์ จึงตั้งหน้าตั้งตาสร้างปราสาทตลอดรัชกาลของแต่ละพระองค์ เป็นศาสนสถานสัญลักษณ์ของระบบสุริยะจักรวาลตามคติฮินดูหรือความหมายก็คือศูนย์กลางของโลกและจักรวาลนั่นเอง
".. กำแพงชั้นสุดท้ายชั้นที่ 4 ต้องปีนป่ายขึ้นไปสูงกว่า 5 เมตร ถึงจะสามารถเข้าไปถึงปราสาทประธาน... เสียดายว่าเรากลัวความสูง ไม่เช่นนั้นจะได้เข้าไปดูร่องรอยที่ฝังพระศพของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 เรื่องเศร้าก็คือหีบศพถูกรื้อค้นทำลายจากผู้หวังจะหาสมบัติ ไม่เหลือแม้กระทั่งหลักฐาน - - ด้านบนของกำแพงชั้นที่ 4 ยังมีนางอัปสราแสนพิเศษอีกหนึ่งตน นั่นก็คือ "นางอัปสราลิ้นสองแฉก" ซึ่งอยู่ตรงมุมระเบียงด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ... ใครมีโอกาสหลังจากซ่อมแซมเสร็จแล้ว ควรขึ้นไปตามหานางอัปสราตนนี้แทนเราด้วยนะ
".. อย่าเพิ่งเหนื่อยกันเสียก่อนนะ...
เดี๋ยวจะพาไปดูเหล่าลีลาท่าร่ายรำของนางอัปสรารอบกำแพงชั้นที่ 3 ...งานนี้ดูยืนสังเกตอิริยาบถของแต่ละนางก็เพลินแล้ว ท่าแอ็ดชั่นจะแตกต่างกันไปไม่ซ้ำกัน ทรงผมกับผ้านุ่งก็จะออกแนวแฟนซี มีทั้งผมทรงเซเลอร์มูน กระโปรงสั้นอวดเรียวขา เปรี้ยวซ่า บางตนเกี้ยวก้อยคล้องแขนมากันเป็นทีม ชวนนึกไปถึงนักร้องวงเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลี ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงเกิดจากจินตนาการของช่างสลัก... ผมบางทรงยังงงอยู่เลยว่าสมัยนั้นเขาจะฮิตทำกันจริงๆ บ้างไหม นึกว่า "เซล่ามูน"
นางอัปสรา ซึ่งสวยมาก สมบูรณ์และงามมากๆ..แต่จะบอกว่า ถ้าเราไป เราจะมีจินตนาการ ซึ่งเราต้องมีจินตนาการ แล้วเราก็ลองย้อนตัวเองไปนึกถึงวันที่ทุกอย่างสมบูรณ์ ไม่ปรักหักพังอย่างวันนี้ เราจะรู้สึกว่าที่นี่ อารยธรรมของเค้าเจริญรุ่งเรืองสูงส่งมหาศาล ถึงได้มีสถาปัตยกรรม เยี่ยงนี้ได้ ความเชื่อ และความศรัทรา ในศาสนา ที่ทำให้คนสร้างสรร งานที่ยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้จริงๆ.....
มหาปิรามิด แห่งเอเชีย
บ่ายโมงแก่ๆ พอดิบพอดี ... พระอาทิตย์อยู่กลางกระหม่อมเลยทีเดียว อากาศตอนนี้แทบจะพ่นไฟได้เลย ร้อนตับแตกเลย เราขอตัวลาพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ผู้สร้างตำนานอันยิ่งใหญ่ให้นครวัดเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ...ช่างน่ามหัศจรรย์จริงๆ พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ได้ทรงสร้างนครวัดไว้ตามความเชื่อ แต่ก็กลายเป็นมรดกตกทอดที่มีค่ามหาศาลถึงลูกหลานชาวกัมพูชา ทุกวันนี้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาชมนครวัดไม่ขาดสาย ถ้าจำไม่ผิดก็ประมาณปีละ 10 ล้าน
ตอนหน้าจะพาไปทัวร์ความยิ่งใหญ่ที่ปราสาทบายนต่อไป ส่วนตัวเราชอบ "ปราสาทบายน" มากที่สุดเลย