Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2551
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
9 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 

“โคซากะ มาซาโนบุ” ขุนพลกล้าแห่งทาเคดะ : สู่บทเหลี่ยมลึกลับใน M.O.B.



“โคซากะ มาซาโนบุ” ขุนพลกล้าแห่งทัพทาเคดะ :
สู่บทเหลี่ยมลึกลับใน Mirage of Blaze


หมายเหตุก่อนอ่าน : หลังจากติดสอบหฤโหดอันเคร่งเครียดไปแล้ว หงส์ฯ ได้ใช้เวลาพักผ่อนไปกับเกมและการท่องเที่ยว’เน็ตไปพอสมควร กว่าจะหันมาทำสมาธิเขียนวิพากษ์เรื่องราวของ M.O.B. ต่อได้ ก็ปาเข้าไปหลายสิบวัน ส่วนหนึ่งก็ล้ามาตั้งแต่บทความของ “โฮโจ อุจิเทรุ” ที่จำได้ว่าใช้เวลาจัดทำที่นานมากๆและซับซ้อน เป็นเรื่องที่เขียนยากจนจำติดตา เวลาจะเขียนอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมา พอนึกถึงการเขียนเรื่องนั้นแล้ว ความขยันมันเลยบินหนีหายไปหมด เลยรู้สึกว่าอยากหยุดพักยาวๆ ให้จงดีเสียก่อนจะมาลุยอีกครั้งหนึ่ง( กลายเป็นการหยุดพักแบบนอน “ หน้าสู้ฝ้า หลังสู้ฟูก ” ไปเลยทีเดียว ) และประจวบกับแรงบันดาลใจที่ลัดคิวไปเขียนบทความเรื่อง “ จิวยี่-อาเคจิ มิตซึฮิเดะ : เพียบพร้อม...แต่ไม่บรรลุ” ในกรุ๊ปบล็อก “ ห้องลับขงเบ้งน้อย ” เสียก่อน เลยยิ่งทำให้เรื่องนี้ออกมาช้าเกินกำหนดยิ่งขึ้นไปอีก ( แก้ต่างกันไปมากมาย )



ครั้งนี้ คนที่เขียนถึง ก็คงไม่ใช่อื่นไกล คือ “ โคซากะ มาซาโนบุ ” นั่นเอง หรือที่ในเรื่อง Mirage of Blaze มักจะได้ยินชื่อเขาอย่างยาวว่า “ โคซากะ ดันโจ มาซาโนบุ ”





เรามาดูกันว่าตัวจริงของเขาในประวัติศาสตร์นั้น เป็นอย่างไรกันบ้าง ?


“โคซากะ มาซาโนบุ” หรืออีกนามหนึ่งว่า “คาซุฮะ ดันโจ โนะสุเกะ” หรืออีกชื่อว่า “โคซากะ โทราซึนะ” และอีกนามว่า “โคซากะ เก็นซุเกะ” เกิดในปี ค.ศ. 1527 เป็นบุตรชายของ “คาซุฮะ โอสุมิ โนะคามิ” เริ่มเข้ามารับใช้ “ทาเคดะ ชินเง็น” นับแต่ยังวัยเยาว์ จนกระทั่งเติบใหญ่มาได้เป็นบุคลากรระดับขุนพลเอก ( หนึ่งใน 24 ยอดขุนพลแห่งทาเคดะ ) โดยเริ่มมีชื่อเสียงปรากฎนับแต่ได้ทำหน้าที่รักษาการ “ปราสาทโคโมโระ” ในเขตชินาโนะ และมีผลงานเด่นในการพิทักษ์ชายแดนทางตอนเหนือของเขตการปกครองแห่งทาเคดะ นอกจากนี้ เมื่อได้จัดตั้ง “ไคสุ” ปราสาทแห่งชินาโนะขึ้นมา เขาก็ได้รับคำสั่งการให้ประจำอยู่ป้องกันส่วนนี้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1560

ในด้านการออกทัพครั้งสำคัญแล้ว “โคซากะ มาซาโนบุ” ได้มีบทบาทในศึก “คาวานาคาจิม่า” ครั้งที่ 4 ปี ค.ศ. 1561 โดยเป็นผู้นำกองกำลังเข้าลอบโจมตีค่าย “อุเอสึงิ เคนชิน” ยามวิกาล ซึ่งขณะเมื่อเข้าถึงได้แล้ว เขาเจาะจงไล่ล่าตัวอุเอสึงิเป็นสำคัญ แต่กลับไม่พบแม้เงา ด้วยทางอุเอสึงิได้แอบเคลื่อนพลไปโจมตีทัพของทาเคดะ ณ ที่ราบฮาจิมันแล้ว

มาซาโนบุพิจารณารู้ว่าต้องกลนั้นเข้าแล้ว จึงรีบนำทัพกลับมาพร้อมด้วยกองพลของขุนศึกนาม “บาบะ โนบุฟุสะ ” ซึ่งก็นับว่าโชคยังดีที่สามารถกลับมาช่วยชินเง็นได้ทันเวลาอย่างปลอดภัย

ต่อมาเมื่อ “ทาเคดะ ชินเง็น” เสียชีวิตลงในปี ค.ศ.1573 รวมอายุได้ 52 ปี นับว่าการสูญเสียครั้งนี้ คือ สัญญาณหายนะสำหรับตระกูลทาเคดะ เพราะ “คัทสึโยริ” ลูกชายของชินเง็นนั้น ไม่ใช่ชายแบบที่พ่อของเขาเป็น กล่าวกันว่า “อุเอสึกิ เค็นชิน” ถึงกับหลั่งน้ำตาให้กับการสูญเสียศัตรูที่ยิ่งใหญ่คนนี้

โอดะและทาเคดะต่างก็เตรียมการสู่ศึกครั้งสำคัญ ที่จะเป็นการตัดสินว่าผู้ใดจะขึ้นมาครองความเป็นใหญ่ในแผ่นดิน จนเข้าสู่ผลการตัดสินอย่างแท้จริงในปี ค.ศ.1575 นั่นคือ ช่วงเวลาแห่ง “ยุทธการนางาชิโนะ”
“ทาเคดะ คัตสึโยริ” นำทัพล้อมปราสาทนางาชิโนะ ทหารฝ่ายโอดะตั้งรับด้วยกองพลปืนคาบศิลา ซึ่งโนบุนางะได้จัดกำลังพลปืนชั้นยอด 3,000 คน เข้าเป็นกองเดียว แล้ววางกำลังไว้เป็นสามแถวหลังแนวขวากไม้ เมื่อพวกทาเคดะผ่านสนามรบที่เจิ่งไปด้วยน้ำ กระสุนปืนที่ระเบิดขึ้นทุกๆ 20 วินาทีก็ฉีกพวกเขาออกเป็นชิ้นๆ คนที่รอดจากห่ากระสุนไปได้ ก็ถูกรุมสับด้วยทหารหน่วยอื่นๆ ของโนบุนางะ แม้แต่พวกทหารหน่วยป้องกันที่อยู่ในปราสาทก็ออกมาตีตลบหลังกองทัพทาเคดะด้วย

ทัพม้าของทาเคดะพยายามจะบุกฝ่าเข้าไปอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่อาจทะลวงผ่านแนวกั้นม้าไปได้เลย แต่คัตสึโยริก็ยังคงรั้นที่จะบุกต่อไป แม้ว่า “ฟุรินคาซัน” ( สุดยอดแม่ทัพทั้งสิบ ) และซามูไรซึ่งเป็นผู้รับใช้เก่าแก่แห่งทาเคดะทั้งหมดที่เรียกรวมว่า “24 ขุนพล” ผู้เป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดของทาเคดะจะพยายามเกลี้ยกล่อมอย่างไร ก็ยังไม่เป็นผล จนกระทั่งทัพทาเคดะเหลือจำนวนน้อยเกินกว่าจะทำการสู้ต่อไปได้ ทัพโอดะก็เริ่มที่จะเป็นฝ่ายรุกบ้าง เหล่าขุนพลต่างรู้ดีว่าหากสู้ต่อ ทัพทาเคดะจะพินาศหมดสิ้น พวกเขาทั้งหมดจึงตัดสินใจสละชีพเป็นแนวหลัง เพื่อให้คัตสึโยริสามารถหนีกลับคาอิได้อย่างปลอดภัย ซึ่งการเสียสละของเหล่าขุนพลแห่งทาเคดะนั้น คือวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ที่ยังคงได้รับการสรรเสริญมาถึงทุกวันนี้ และทำให้ชื่อของ 24 ขุนพล รวมไปถึงชื่อของ “ฟุรินคาซัน” ได้รับการจารึกในหน้าประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

เหตุที่เรายกเอาเรื่อง “ยุทธการนางาชิโนะ” มากล่าวถึงอย่างละเอียดพอควรนั้น ก็เพราะเป็นอีกหนึ่งสมรภูมิที่ประวัติศาสตร์แห่งเซ็นโกกุไม่อาจลืมเลือนในวีรกรรมแห่ง 24 ขุนพลผู้กล้า ที่พลีชีพป้องกันการถอยทัพของนายเหนือหัว “ทาเคดะ คัทสึโยริ” อย่างเข้มแข็งนั้นได้ ซึ่งแน่นอนว่า “โคซากะ มาซาโนบุ” ถือเป็นหนึ่งในเหล่า 24 ขุนพลผู้กล้านั้นด้วยเช่นกัน และเมื่อมองจากแง่มุมทางประวัติศาสตร์แล้ว จุดนี้คงเป็นสิ่งที่ยืนยันถึงความน่าภาคภูมิในตัวตนของ “โคซากะ มาซาโนบุ” ได้เป็นอย่างดีที่สุดนั่นเอง

สามปีต่อมา หลังจากรอดพ้นภัยยุทธการนางาชิโนะมาอย่างโชกโชน “โคซากะ มาซาโนบุ” ป่วยเสียชีวิตที่ “ไคสุ” ในปี ค.ศ. 1578 ช่วงชีวิตนับแต่ปี 1527 – 1578 รวมอายุได้ 51 ปี ดำรงยศทางการเมืองขั้นสูงสุด คือ ตำแหน่ง “ดันโจ” บุตรชายผู้สืบทอดเชื้อสายที่ปรากฎ คือ “โคซากะ มาซาสุมิ”

ว่าถึงเรื่องการตายของมาซาโนบุนั้น เขาเสียชีวิตตอนอายุเท่ากันกับ “โฮโจ อุจิเทรุ” ( คือตายตอนอายุ 51 ปีเช่นกัน ) แถมไล่เลี่ยกับชินเง็นด้วย [รายนี้ตายตอนอายุ 52] ก็เลยทำให้อดนึกคิดไม่ได้ว่าวัย 50 ต้นๆ นี่อันตรายจังนะ เป็นช่วงชีวิตอาถรรพ์รึเปล่า !? อะไรประมาณนั้น แต่ว่าในบางจุดมีเขียนไว้ถึงเหตุการณ์ 24 ขุนพลผู้กล้าแห่งทาเคดะที่สละชีพว่า “24 ขุนพล ตายแทบหมดสิ้นในศึกนี้” ตอนแรกก็ค่อนข้างจะสับสนอยู่ว่า ตกลงมาซาโนบุนั้นตายในศึกนางาชิโนะ หรือป่วยตายที่ไคสุกันแน่ แต่ถ้าตีความหมายคำว่า “แทบทั้งหมด” เท่ากับ “แต่ยัง ไม่ใช่ทั้งหมด” แล้ว ก็น่าจะทำให้ประเด็นว่าการป่วยตายของมาซาโนบุที่ไคสุ ดูมีเหตุผลขึ้นมา ( ในช่วงบทท้ายๆ ที่ว่าถึงเรื่องการตาย ก็เริ่มแปลยาก , สับสนอยู่เหมือนกัน แต่จะตายแบบไหน ก็ตายเช่นกันล่ะนะ )

ผ่านช่วงการแนะนำ “โคซากะ มาซาโนบุ” แบบประวัติศาสตร์แล้ว ก็มาถึงเรื่องราวความเป็นมาของ Character “โคซากะ ดันโจ มาซาโนบุ” ในฉบับนิยายและอนิเมชั่น “Mirage of Blaze” กันบ้าง ซึ่งก็ถือได้ว่าเรื่องนี้มีการเน้นเล่นปมเรื่องราวของ “ โคซากะ มาซาโนบุ” มากพอสมควร จนเกือบจะออกปากได้เลยว่าพบเจอเขาเกือบตลอดทั้งเรื่อง และดูๆ ไปแล้วเหมือนจะมีบทแสดงมากกว่าชนชั้นผู้นำดังๆ หรือขุนพลสำคัญๆ ในยุคเซ็นโกกุคนอื่นๆ บางคนเสียอีกด้วย จนคล้ายจะเป็น Character หลักบทบาทหนึ่งที่มีความเด่น , ความสำคัญไม่แพ้เหล่ายาชาชูกันเลยทีเดียว

ประเด็นที่ทำให้น่าคิด , น่าติดตาม และน่าเขียนถึงเรื่องราวของ Character “โคซากะ ดันโจ มาซาโนบุ” ในฉบับนิยายและอนิเมชั่น “Mirage of Blaze” เป็นอย่างยิ่งในมุมมองของเรา จะแบ่งแยกย่อยออกเป็น 3 เรื่องหลักๆ ด้วยกัน คือดังต่อไปนี้



1. บุคลิกชวนพิศวง




ตอนที่ได้เริ่มทำการเขียนบทความนี้ขึ้นมานั้น ก็ออกจะเป็นช่วงที่กำลัง Crazy อนิเมเรื่อง “ Code Geass ” อยู่มากและได้มีเรื่องขำขันที่เรื่องนี้ได้ปล่อยภาพหลุดๆ ของตัวละครชายคนหนึ่งออกมา จนทำให้มีการโพสต์ภาพถามเป็นกระทู้ที่อากิบักโกะขึ้นว่า “มันตัวผู้แน่หรือฟระ...!?” ประกอบกับในพันทิปเองก็มีคนถามถึงเพศของ V.V. ตัวละครที่หน้าหญิง ( หากแต่จริงๆ แล้ว มีคนเข้ามาตอบว่าเป็น “ตัวผู้” ก็ฮากันไปตามระเบียบ ) ซึ่งในจุดนี้ ถามว่ามันเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องราวของโคซากะ มาซาโนบุด้วยล่ะ ก็เพราะพอนึกถึงเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาแล้ว ก็อดเชื่อมโยงไปถึงหน้าตาแบบราชินียอดเยี่ยมของโคซากะเขาไม่ได้น่ะสิ ( ออกจะหน้าคุณหญิงเอามากๆ ยิ่งกว่าที่เป็นประเด็นคำถามนั้นซะอีก ) นอกเรื่องไปพอควร ย้อนกลับดูกันต่อที่ว่า “ บุคลิกชวนพิศวง” คืออะไรแน่ ?



ดวงหน้าที่ชวนให้เข้าใจผิด




ทำให้เผลอใจคิดว่าเขาเป็น “หญิง” แหม ! เข้าใจผิดจริงๆ นะ แวบแรกออกมา เรายังว่า “ อา!... สวยอะไรอย่างนี้!? ” แต่พอโคซากะเขาพูดออกมาประโยคแรก คำเดียว เสียงอันหล่อเข้มก็ทำเอาเราอึ้งไปพักใหญ่เลยทีเดียวว่า “ เอ่อ...สวย ! แต่เป็นผู้ชายอ่ะ ” ( หากแต่บางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาไปครอบครองร่างหญิง แล้วต่อมาไปแปลงเพศเป็นชายมารึเปล่า ก็มันหน้าหญิงซะจนไม่อยากเชื่อว่าเป็นชายเลยนี่ เอ่อ ! แต่ถ้าคิดอย่างนี้ มันก็ยิ่งหนักเข้าไปอีกน่ะสิ ! )



แววตาที่น่าคิด




แบบว่าพอสบสายตาแล้ว มันลึกล้ำมากๆ แม้ว่าจะดูเหมือนสายตาราชินีนิดๆ แต่ว่าก็มีนัยยะความเจ้าเล่ห์เหลี่ยมจัดแฝงเร้นอยู่

ถ้ากล่าวว่าเป็นแววตาชวนค้นหาเพราะดูลึกลับซ้อนกลอะไรบางอย่างไว้ ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น แต่บางทีพอได้เห็นแววตาของเขาเวลาอยู่กับนาโอเอะแล้วนี่ ช่างเหมือนเป็นแววตาขี้แกล้งยังไงชอบกลด้วยนะ





ถึงจะว่าอย่างนั้นก็เถอะ แต่แววตาเวลาเขาโกรธนี่ ก็น้องๆ “Tiger Eyes” ของคาเงโทร่าเหมือนกัน ( ดุจัดจ้านใช้ได้เลย รัศมีสีม่วงแสบทรวงมากๆ มีภาพเป็นหลักฐานดั่งว่า )





ยิ้มนั้นช่างล้ำลึก




นี่ก็อีกหนึ่ง เวลายิ้มทีไร ไม่ใช่แบบสยามเมืองยิ้ม แต่คล้ายว่าแสยะยิ้มที่เปรียบได้ดั่งเขี้ยวเล็บจิกกัดฝ่ายตรงข้ามซะอย่างนั้นเลย และเป็นที่มาของความรู้สึกว่า หมอนี่กำลังสะใจหรือสมใจกับสถานการณ์บางอย่างอยู่ เพราะบางครั้งมันคือรอยยิ้มอย่างหฤหรรษ์ที่เต็มไปด้วยเล่ห์ร้ายอันยากแท้จะหยั่งถึง

สรุปได้ว่าเวลาเราเห็นโคซากะยิ้ม นั่นทำให้เรารับรู้ได้อีกนัยหนึ่งว่าแผนการบางอย่างที่เขากำลังดำเนินอยู่ได้เคลื่อนไหวแล้ว มันทำให้ผู้ชมลุ้นระทึกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกันล่ะนี่ “ยิ้มอย่างนี้ แปลว่าทุกอย่างเข้าทางเอ็งหมดแล้วใช่ไหม?!”





แฟชั่นอย่าง Idol




นี่ก็ทำให้อยากจะคิดอยู่เหมือนกันว่า งานประจำของร่างที่โคซากะครอบครองอยู่เป็นดารา นักร้อง รึว่านายแบบหรือเปล่า ลักษณะการแต่งกายของเขาถึงได้เฉียบเนี้ยบนิ้งและสื่อถึงความสำอางค์ออกมาหน่อยๆ ( ถึงมาก? ) เพียงนี้ ที่สำคัญมันเป็นการแต่งตัวที่โฉบเฉี่ยวบาดตามากมายเลยนะ คือ มองแล้วจะออกแนวไอดอลวิชวล แต่ก็ดูเขาวางตัวเรื่องเสื้อผ้าแบบสบายๆ นะ เป็นทางการก็มีเสื้อคลุมยาวหน่อย อีกแบบก็เสื้อกล้ามโชว์หุ่นเพรียวบาง ( แต่ก็กล้ามเหมือนกันนะ เหอๆ เห็นแล้วก็เหมือนจะเรียกเสียงกรี๊ดได้เลย ) โดยภาพรวมแล้ว Costume ของโคซากะจึงให้ความรู้สึกที่แปลกตามากไปกว่าการแต่งกายลำลองแบบธรรมดาๆ ของชายที่ออกมาเดินเล่นนอกบ้าน





รูปแบบการแต่งกายเช่นนี้ ทำให้รู้สึกว่าโคซากะเขาเป็นคนพิถีพิถัน มีความรักสวยรักงามในขณะเดียวกับที่เน้นความเพียบพร้อมสมบูรณ์ ดูจากการเลือกครอบครองร่างที่แสนจะงดงามนั่นก็พอจะเดาทางได้บ้าง แต่ภาพรวมเป็นอย่างนี้ ก็คิดไปไกลนะว่าร่างที่ครอบครองอยู่อาจเป็นคนในวงการบันเทิงก็เป็นได้ ?! ( แหม ! แต่ลองได้เป็นผู้ครอบครองที่มีฤทธิ์มีเดชขนาดนั้น คาดว่าไม่ต้องเหนื่อยทำงานอะไร ก็คงจะมีกินมีใช้สินะ หรือไม่ก็เสี่ยเลี้ยงซะอย่าง [เสี่ยทาเคดะน่ะนะ อย่าคิดลึกเป็นอื่น] )



2. ธาตุแท้แห่งนิสัย




“ หน้าไหว้หลังหลอก ”


อันนี้ที่จริงออกจะเป็นนิสัยทางด้านลบนะ ซึ่งเราไม่อยากจะกล่าวหาตัวละครใดใดในแง่ลบแบบนี้เท่าใดนัก แต่ตอนที่เห็นเขาปฏิบัติกับท่านหญิงซันโจ และเจ้านายทาเคดะ ชินเง็นในตอนแรกๆ แล้วให้ความรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ และรู้สึกชัดเจนอย่างยิ่งในตอนที่เขามองดูทาเคดะหลุดรอดจากข่ายอาคมของทาคายะไปได้ ซึ่งเขากล่าวกับตัวเองว่า



“ นายท่านสามารถฝ่ากำแพงเวทปราบวิญญาณออกไปได้
ช่างน่านับถือจริงๆ ข้า , โคซากะ ดีใจเหลือเกิน
ที่ได้เป็นข้ารับใช้ของท่าน ... หึ หึ หึ + 5555+ … ”


แม้ถ้อยคำจะฟังเหมือนศิโรราบต่อผู้เป็นนาย แต่ดูเหมือนก่อนหน้านั้น เขาต้องการจะทดสอบอะไรบางอย่าง ด้วยการมองดูพฤติการณ์อยู่เฉยๆ โดยไม่มีส่วนร่วมด้วยช่วยเจ้านายเลย ทำให้น่าสงสัยว่าเขายังรักเคารพเจ้านายอยู่เหมือนอย่างที่ประวัติศาสตร์ได้กล่าวขวัญถึงไว้หรือไม่ ที่สำคัญคือการหยักยิ้มขึ้นที่มุมปาก ซึ่งดูแล้วไม่น่าพิศมัยเท่าใดนัก ( แต่ยิ้มสวยนะ ) เพราะแฝงด้วยเลศนัยมากกว่าความดีใจที่ทาเคดะปลอดภัยอย่างแน่นอน ซึ่งตรงนี้เราคาดไว้ว่าเขาอาจจะมีแนวคิดอะไรที่ล้ำลึกมากไปกว่าที่จะรับใช้ทาเคดะอย่างภักดี และก็ไม่แน่ว่าแม้แต่ทาเคดะ ชินเง็นเอง ก็อาจเป็นเพียงเครื่องมือของโคซากะ เพื่อจุดประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง ( Last Boss อาจไม่ใช่ “โอดะ โนบุนางะ ” หรือ “ ทาเคดะ ชินเง็น ” ก็ได้ แต่เป็น “โคซากะ มาซาโนบุ” ผู้นี้ อะไรเทือกนั้นรึเปล่า คิดฮาๆ ไปเท่านั้นเอง )



“ มองอะไร กลายเป็นเกมไปหมด ”




ไม่ทราบว่าผู้ชมคนไหนจะรู้สึกเหมือนกับเราบ้างนะ แต่เพราะความคิดที่แท้จริงของโคซากะนั้นเร้นลับ และเขาก็ทำให้มันมีปมปัญหาหลายจุดที่น่าขบคิด จนเหมือนเป็นกระดานเกมที่เขาวางแผนเอาไว้อย่างแนบเนียนยากจะเข้าถึง และเขาก็เล่นบทลูกน้องผู้ซื่อสัตย์ของทาเคดะอย่างมีเลศนัย บวกกับการที่เขามักจะเป็นผู้เฝ้ามองสถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างนาโอเอะกับคาเงโทร่าด้วยความสนใจอย่างแรงกล้า และชอบที่จะใช้ลูกไม้นี้มากระเซ้าสะกิดแผลใจให้นาโอเอะเจ็บปวดเป็นระยะๆ บางทีก็บอกความเป็นไปบางอย่างให้อีกฝ่ายหนึ่งล่วงรู้ซะง่ายๆ แต่ยังมีหมกเม็ดทิ้งท้ายไว้ลายอีกซะด้วย คือ ถึงจะเผย แต่ก็ผิวเผิน หากแต่ยังทิ้งปริศนาค้างคาให้คนอื่นคิดกันเอาเองอีกส่วน ( ชอบบอกแต่ไม่ยอมบอกหมด ) รวมทั้งการแสดงออกถึงความสนุกสนานกับสงครามจิตวิทยากับเหล่ายาชาชู

เหล่านี้ มันทำให้อดคิดไม่ได้ว่า เขากำลังเล่นเกมบางอย่าง เพื่อกระตุ้นให้สถานการณ์รอบข้างนั้นดำเนินไปสู่จุดที่ตนเองปรารถนาไว้ ซึ่งตรงนี้เราอาจจะคิดลึกเกินไปก็เป็นได้ เพราะสุดท้ายเราก็ยังไม่รู้หรอกว่าเป้าหมายที่แท้จริงในการคงอยู่ของโคซากะ ดันโจ มาซาโนบุนั้น คือสิ่งใดแน่?



“ ช่างเย้าแหย่ เห็นคนกำลังแย่ๆ ยิ่งแหย่ ยิ่งสะใจ ”


( ระวังเจอหลุมระเบิดของจริง ) อันนี้คงเห็นได้ชัดเวลาโคซากะปะทะนาโอเอะ เพราะพบพานกันทีไร เจ้าตัวเขาอดจะเล่นสงครามเย็นกับนาโอเอะไม่ได้ซะทุกที ต้องมีการปะทะคารมกันดุเดือดน้ำโหพล่าน ที่พลุ่งพล่านเสียทีบ่อยๆ ก็เห็นจะเป็นนาโอเอะนี่ล่ะ อาจจะเป็นด้วยว่าโคซากะนี่มันรู้มาก มากถึงขั้นกำเกมไว้อยู่หมัด นาโอเอะอ้าปากเมื่อใด ป้อนลูกแหย่เข้าจี้ตรงจุดเลยทีเดียว จนบางทีก็ทำให้พระเอกของเราที่คารมคม มาดนิ่งขรึม ต้องกลายเป็นเจ้าบ้าใบ้กินคนหนึ่งไปเลย





แต่ก็ใช่ว่าจะทุกทีเสมอไป คนที่โดนเล่นงานมากๆ เข้า เขาก็เริ่มมีพัฒนาการในกลไกป้องกันตนเองมากยิ่งขึ้น จนบางทีก็สวนกลับจนฝ่ายโคซากะอึ้งตะลึงงันไปเลยทีเดียว ซึ่งบางทีพอนึกถึงเหตุการณ์นี้ทีไร อดยิ้มนิดๆ ในใจไม่ได้ว่า “ เออ เจ้าโคซากะ ก็มีช่วงเวลาที่จะถูกตอกกลับจนหน้าเอ๋อได้เหมือนกัน อุตส่าห์คิดว่าคงไม่มีอะไรมาทำให้เจ้านี่ทำสีหน้าหลุดๆ แบบแปลกประหลาดใจสุดๆ ได้เช่นนั้นอีกแล้วนะนี่ ”





เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัว ( ? )




อันนี้ค่อนข้างเป็นการสรุปโดยภาพรวมจากการสังเกตหลายๆ เหตุการณ์ในเรื่อง ซึ่งอาจจะยังไม่แน่ชัดนัก แต่พฤติการณ์หลายๆ อย่างชวนให้คิดเช่นนั้นจริงๆ ที่เห็นได้ชัดคงเป็นตอนหนึ่งในอนิเม อันว่าด้วยเหตุการณ์ที่เขาตกลงร่วมมือกับพวกนาโอเอะในการตามหาและทำลายกระจกสึทซึกะ ซึ่งเมื่อถึงฉากที่ทาคายะทำลายกระจกนั้นแล้ว ก็ล้มฟุบลงเพราะได้รับพิษจากผีเสื้อเสกของอุจิมะสะ แวบหนึ่งที่โคซากะหลบสังเกตการณ์อยู่ แล้วเดินจากไปอย่างไม่ใยดีต่อการบาดเจ็บของทาคายะ ที่อาจจะส่งผลให้ทาคายะถึงแก่ชีวิตได้ ทำให้อดคิดไปไม่ได้ว่าที่เฝ้าสังเกตการณ์นี่ เขาคงคาดไว้แค่อยากเห็นกระจกถูกทำลาย ใครจะเป็นตายเช่นไรเขาไม่สนใจแล้วอย่างนั้นหรือ?





พอคิดจุดนี้ขึ้นมา จึงอดต่อว่าไม่ได้ว่าเจ้าโคซากะนี่ก็แล้งน้ำใจ เห็นแก่ตัวเหมือนกันนะ ถ้าเป็นผลประโยชน์ก็ร่วมมือ แต่ถ้าไม่ใช่และไม่เกี่ยวกับตน ก็ผลักไสภาระออกไปอย่างเย็นชา คนที่น่ากลัวที่สุดในเรื่อง Mirage of Blaze นั้น ในสายตาเรา กลับไม่ใช่เหล่าไดเมียวและขุนพลลือนาม หากแต่กลายเป็น “โคซากะ ดันโจ มาซาโนบุ” ผู้น้ำนิ่งไหลลึกคนนี้เสียมากกว่า





3. ปริศนาที่น่าติดตามในบทบาท
“โคซากะ ดันโจ มาซาโนบุ”


จุดมุ่งหมายในการเข้าร่วมสงครามมืดแห่งเซ็นโกกุ คิดว่าคงไม่ใช่แค่ช่วยเจ้านายทาเคดะให้บรรลุเป้าหมายชัยชนะในสงครามมืดได้แค่นั้น น่าจะมีอะไรลึกลงไปอีกที่ยังไม่เฉลยออกมาซะเรียบวุธ คงต้องติดตามกันต่อไป เพราะชายคนนี้มีดีและร้ายลึกมากกว่าที่จะประเมินเขาแค่ผิวเผิน ( คิดว่างั้นนะ )

ความสัมพันธ์กับเหล่ายาชาชู ที่เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ สำหรับผู้ที่มีเลศนัย และมีทั้งยามเป็นมิตรและคราเป็นศัตรูคู่แค้นของยาชาชูนั้น ถือว่าเป็นจุดที่น่าจับตามองว่า ท้ายที่สุดแล้ว โคซากะจะเลือกฝ่ายตรงข้ามกับยาชาชู หรือจะอยู่ต่อสู้ร่วมมือกับพวกนี้กันแน่ เพราะการยักย้ายไปมาระหว่างฐานะศัตรูและพันธมิตร ระหว่างโคซากะและพวกนาโอเอะนั้น ออกจะทำให้จินตนาการได้ถึงจุดพลิกผันที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ เป็นมิตรในวันนี้อาจคือศัตรูยิ่งยวดในวันข้างหน้า และหรือ แม้เคยร่วมมือกัน แต่สักวันอาจจะกลายมาเป็นคู่ต่อสู้จนถึงที่สุด ก็เป็นได้ ( ใครจะรู้ นอกจากจินตนาการผู้แต่ง )

จินตนาการที่อยากเชื่อมโยง มีสองเรื่องที่อยากติดตามว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ และถ้าเกิดจริงจะเป็นอย่างไร ? ก็คือ
การพบกันของ “โคซากะ มาซาโนบุ” และครอบครัวแสนสุขของเขาในยุคประวัติศาสตร์เซ็นโกกุ เห็นว่าเขาก็มีภรรยา มีลูกชาย ทำให้คิดว่า Character แบบนั้นของเขาถ้าได้มาเจอกับผู้ที่เป็นลูกชายและภรรยาในอดีตของตัวเองแล้ว เขาจะรู้สึกอย่างไร แสดงออกยังไงบ้าง และอยากเห็นภาพลักษณ์ของโคซากะที่อบอุ่นอ่อนโยนกับครอบครัว เพราะขนาด Cesare Borgia ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าผู้ปกครองที่โหดเหี้ยม ยังมีมุมอ่อนโยนให้แม่และน้องสาว ก็น่าหวังนะว่า ขุนพลหรือซามูไรในเซ็นโกกุนั้น แม้จะร้ายกาจเพียงใด แต่เมื่ออยู่กับครอบครัวแล้ว ก็คงจะมีแง่มุมที่ชวนให้รู้สึกดีต่อพวกเขาได้บ้าง

จินตนาการที่อยากเชื่อมโยงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง “ ทาเคดะ คัทสึโยริ ” และ “ โคซากะ มาซาโนบุ ” เพราะตามประวัติศาสตร์แล้ว “ ทาเคดะ คัทสึโยริ ” บุตรชายของ “ ทาเคดะ ชินเง็น ” นั้น ก็คือคนที่โคซากะเสี่ยงภัยปกป้องไว้สุดชีวิตในคราวถอยทัพที่ “ ยุทธการนางาชิโนะ ” เมื่อมองในแง่ที่ว่าผู้เป็นนายที่ไม่ค่อยเอาไหนในการศึก แต่กลับเป็นคนที่แม่ทัพพร้อมพลีชีพปกป้องไว้ด้วยชีวิตนั้น เป็นที่น่าคิดว่าตัวตนของเจ้าชายผู้นี้เป็นเช่นไรแน่ ? เพราะเหตุใดจึงได้รับการปกป้องถึงเพียงนั้น ?และเมื่อเจ้าชายผู้นั้น ย้อนกลับมามีชีวิตในเรื่องราว Mirage of Blaze อีกคราหนึ่ง โคซากะผู้นี้จะปฏิบัติเช่นไรต่อผู้ที่เขาเคยปกป้องไว้ด้วยชีวิต แต่กลับไม่สามารถเปลี่ยนแปลงให้ตระกูลทาเคดะเดินหน้าไปในทางที่ดีขึ้นได้เช่นสมัยชินเง็นยังอยู่

บทสรุปของชายเจ้าเสน่ห์และเจ้าเล่ห์แสนกล ไม่ว่าจะรับชมเรื่องราวใดใด ผู้คนต่างก็อยากล่วงรู้มากที่สุดนั่นล่ะว่า ตัวละครแต่ละบทบาทนั้น สุดท้ายแล้ว จะมีชะตากรรมลงเอยอย่างไรในตอนจบเรื่อง โคซากะก็มีสีสันและแง่มุมที่ชวนให้ติดตามว่า เขาจะมีบทสรุปของตัวเขาเองอย่างไรในเรื่อง Mirage of Blaze นี้ เพราะปมที่บรรจุอยู่ใน Character ของเขา รวมทั้งปมที่เขาได้สร้างขึ้นมาในแต่ละรายละเอียดภายในเนื้อเรื่องนั้น ก็เป็นสิ่งที่เร้าความสนใจอยู่ไม่น้อย ซึ่งก็คงต้องรอติดตามกันต่อไปตามความสะดวกใจที่จะได้รับชม

ประเด็นทิ้งทวนสุดท้าย อาจะฮาไปหน่อย คือ “ทำไมริมฝีปากของเขาเหมือนกับทาลิปสติกอยู่เสมอ” เพราะว่าล่องรอยเหมือนลิปสติกที่ริมฝีปากอย่างนี้นี่ เห็นครั้งแรก ชวนให้ใครต่อใครคิดว่าเป็น “หญิง” และในเชิงสัญลักษณ์ “ลิปสติก” คือ “ความเป็นหญิง” แต่เสียงพูดและหน่วยก้านร่างกายของโคซากะนี่ “ชาย” แท้จริง เพราะอย่างนั้นจึงไม่ค่อยเข้ากันกับริมฝีปากที่เหมือนทาลิปสติกสักเท่าไหร่นัก





อย่างไรก็ตาม ฉบับนิยายได้อ้างอิงถึงรูปลักษณ์เขาว่าเป็นอย่างนั้น ภาพลักษณ์ของเขาได้ฉายแววความเป็นสิงห์สำอางค์ที่เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบอย่างยวดยิ่ง เรื่องริมฝีปากมีสีสันคล้ายทาลิปสติกนั้น จึงเป็นประเด็นที่คล้ายจะเข้าทางอิงฉบับนิยายด้วย แม้การหยิบยกขึ้นมากล่าวเช่นนี้ดูเหมือนเป็นสิ่งแปลก แต่ในชีวิตจริงก็อาจจะมีชายรูปลักษณ์แบบนั้นอยู่บ้าง ( ที่เป็นชายแท้ ) เพียงแต่ปรากฏการณ์ “ชายปากมีสี” ในอนิเมนั้น ไม่ค่อยมีบ่อยนัก จึงอาจกลายเป็นเรื่องแปลกอยู่บ้างเมื่อเกิดมีขึ้นมา !?...





ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลออนไลน์สู่สาธารณชน
ซึ่งช่วยผสานแนวคิดจนเขียนลุล่วงด้วยดี
ดังมีรายนามบรรณานุกรมต่อไปนี้


Sengoku Biographical ,
//www.samurai-archives.com/dictionary/index.html

คุณ “Eagle” , ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ยุคเซ็นโกกุ , เว็บเด็กดีดอทคอม. 2551.

คุณ “เทพอหังกาฬ” , ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ,
เว็บบอร์ด MuSiam Online , 2551.

คุณ “วัชระ ( EE. Jump )” , ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ,
[ //www..se-ed.net/pcgamezip/japan.htm ] , 2551.




 

Create Date : 09 พฤศจิกายน 2551
0 comments
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2551 13:48:23 น.
Counter : 3254 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


หงส์อรุณ
Location :
ราชบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add หงส์อรุณ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.