YJM_Strat สมาชิกแกงค์ลูบคลำหมายเลข 0217
 
ธันวาคม 2553
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
1 ธันวาคม 2553

เมื่อคืนนี้ มีการประมูลก้อนที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์อีเบย์ (อภิมหาอมตะนิรันดร์กาลแห่งก้อน)



สวัสดีครับ เมื่อคืนผมได้มีโอกาสร่วมชมการประมูลเอ็ฟเฟ็คกีตาร์ที่คิดว่าแพงที่สุดในประวัติศาสตร์อีเบย์แล้ว โดยเข้าไปเจอโดยที่ไม่ได้นัดหมาย จู่ๆ ก็ไปค้นเจอเองในช่วง 5 นาทีสุดท้าย ขนาดผมไม่ได้ร่วมประมูล (ไม่มีปัญญา) ยังอดใจเต้นไปกับเขาไม่ได้

ชมรูปไปก่อนนะครับ เดี๋ยวราคาจะเฉลยตอนท้าย เพื่อนๆ ทายราคาไม่ถูกแน่นอน

เอ้า......ไปโลด



ผมจะร่ายตามประวัติที่คนขายเขาเล่าเอาไว้ก็แล้วกันนะครับ ปนๆ กับความรู้เดิมนิดหน่อย

ก้อนนี้มีชื่อว่า Tone Bender MK1.5 ซึ่งทำโดยบริษัททำก้อนเก่าแก่ชื่อ Solar Sound บริษัทนี้ ชาวกีตาร์ไทยทั่วๆ ไปอาจจะไม่ค่อยคุ้น เพราะเป็นบริษัทอังกฤษ (คล้ายๆ VOX)

แต่ใครที่เล่นมาพอสมควร และอายุเยอะหน่อย แฮ่แฮ่ คงเคยได้ยินผ่านหูมาบ้าง



ความเก่าของก้อนนี้คือ เป็นก้อนที่ทำขึ้นในปี 1965 หรือปี พ.ศ. 2508

ส่วนความเก๋าก็คือ เป็นก้อนที่ทำขึ้นมาด้วยสีพิเศษ (สีทอง) ปกติจะเป็นสีเงินๆ ตะกั่วๆ แถมมีเลขแปะด้วยมืออีกต่างหาก นอกจากนั้นยังใช้ทรานซิสเตอร์ของ Mullard ซึ่งเป็นเบอร์ที่หายาก แล้วก็ถูกใช้ในก้อนเสียง Fuzz ดังๆ



สำหรับ Tone Bender Fuzz ยี่ห้อนี้ คนใช้ก็คือบรรดาเทพๆ ในสมัยนั้นแหละครับ เช่น Jimmy Page / Pete townsend ซึ่งส่วนใหญ่น่าจะเป็นมือกีตาร์เทพๆ ชาวอังกฤษ

อย่าลืมว่าเอ็ฟเฟ็คประเภทเสียงแตกแรกๆ ที่กำเนิดขึ้นมาคือ Fuzz โดยใช้ทรานซิสเตอร์ ส่วนวงจร Tube Screamer เพิ่งมามีภายหลังจากนั้น โดยใช้ชิปและไอซี

ป.ล. ใครรู้ลึกช่วยมาเติมหน่อยเร้ว แย้งได้นะครับ :)



ดูสวิตช์และหมายเลข (32) ยังแปะอยู่เลย ส่วนสีเป็นสี Limited ตามคำบอกเล่าของ Solar Sound

ก้อนนี้ เจ้าของเดิมที่นำมาประมูลเล่าให้ฟังว่า ซื้อต่อมาจากนักดนตรีที่ขายให้เพื่อนอีกคนนึง เพื่อที่ต้องการนำเงินมาใช้จ่ายค่า Studio ของตัวเอง

เจ้าของเดิมยังได้เอากลับไปให้ Solar Sound ที่เป็นคนทำก้อนนี้ (ตอนนี้ก็ยังอยู่) ดูสภาพด้วย แล้วก็บอกถึงที่มาที่ไป

ดูๆ รูปไป แล้วลองคิดราคาในใจไปด้วยนะจ๊าาาาาา



มาดูแผงกัน เนี่ยแหละครับ พระเอกคือ ทรานซิสเตอร์ Mullard OC75 ดิบๆ แบบสมัยก่อน เสียงที่ได้จึงเป็นแตกแบบขุ่นๆ สากๆ นัวๆ

บางคนอาจจะสับสนระหว่าง Fuzz กับ Overdrive หรือ Distortion แต่ถ้าได้ลองเล่น จะรู้ได้เลยว่ามันไม่เหมือนกัน

Fuzz มันจะมีความเบลออะไรบางอย่าง ปนอยู่กับเสียงตลอดเวลา ซึ่งเป็นเสน่ห์ของมัน

ปัจจุบันก็ยังมีคนทำก้อนแบบนี้ออกมาขายอยู่ แล้วก็ขายแพงและรอนานด้วย



ดูอีก 2 รูป เดี๋ยวจะถึงราคาแล้ว อันนี้ฝาใน

สภาพยังดีอยู่มากๆๆๆๆๆ สำหรับเอ็ฟเฟ็คเมื่อ 45 ปีก่อน โดยทั่วไปต้องเละมาแล้ว อันนี้ถือว่า สภาพนางฟ้า เรียกว่าแทบไม่ได้เอาออกงาน

ปกติถ้านักดนตรีอย่างพวกเราเล่น ปี 2 ปีก็ไปแล้วมั้งครับ 5555



อันนี้ฝานอก โห เล่นมั่งป่าวเนี่ย

เอ้อ....... วงจรเยอะจริงๆ เปิดมาแล้วแบบว่าโหววเลย วงแตก ฮิฮิ แต่นี่แหละ ยิ่งน้อย ยิ่งเต้บบบบบบบ

เอ้า ราคามาแน่นอน รอดูรูปต่อไปได้เลย



ราคามีหลายสกุลเพราะคนขายอยู่ในอังกฤษเลยขายเป็นปอนด์ แล้วก็มีแปลงเป็นเหรียญสหรัฐในเว็บ แล้วผมจะแปลงเป็นเงินไทยให้ด้วย

แอ่น แอ๊น......

ราคาจบเมื่อคืนนี้อยู่ที่

3350 ปอนด์อังกฤษ

5202.89 เหรียญสหรัฐ

หรือ
.........
.......
....
..
.

156474.66 บาทไทย พูดง่ายๆ คือก้อนนี้ราคา........แสนหก !!!!!!!

นี่ขนาดค่าเงินบาทแข็งขึ้นมาแล้วนะเนี่ย



ตอนผมนั่งดูอยู่นั้น ราคามันนิ่งอยู่ที่ 2800 ปอนด์ แล้วจู่ๆ ช่วงโค้งสุดท้าย มันก็พรวดขึ้นไปอย่างที่เห็น เรียกว่าใส่ราคากันหน้ามืดมากๆ

มีต่อ....คราวนี้ว่าถึงเรื่องของตัวเอง ว่าถ้าเราอยากได้เนี่ย แล้วจะทำยังไง ฮิฮิ



คือช่วงปี 2005 เนี่ย มีคนทำก้อนเจ้านึงชื่อว่า D*A*M ย่อมาจาก Differential Audio Manifestationz เค้าก็เป็นคนทำก้อนแนวอนุรักษ์นี่แหละครับ กล่าวคือไม่ใช้ PCB ไม่ใช้ชิป ใช้แต่พวกทรานซิสเตอร์ตามที่เห็นนี่แหละ

เค้าได้ทำก้อนชื่อเดียวกันออกมาขาย เพื่อที่จะเลียนเสียงเจ้า Tone Bender MKII ก็ขายดิบขายดีจนทำกันไม่ทันทีเดียว



ในรูปคือวงจรที่เค้าทำออกมา อลังการไหมเล่า ใครไม่เคยได้เห็นก็ดูเอาไว้ครับ แล้วจะได้รู้ว่า โลกของเอ็ฟเฟ็คกีตาร์ มันก็มีแบบนี้อยู่

ประเด็นคือ ขายดีมากๆ แพงมากๆ รอนานมากๆ

แต่กรูก็จนมากๆๆๆ เช่นกัน 555



มาต่อเรื่อง D*A*M กับ Solar Sound

พอทำไปทำมา บริษัท Solar Sound ที่เป็นคนเคยทำ Original ในช่วงนั้น (ซึ่งภายหลังไม่ได้ทำแล้ว) ก็ติดต่อมาบอกว่า ไหนๆ ยูก็ทำจนเหมือนแล้ว มาทำให้เราไปเลยให้สิ้นเรื่องสิ้นราวดีกว่า

สรุป D*A*M ก็เลยส้มหล่น เลิกทำในชื่อของตัวเอง แล้วหันมาทำในชื่อต้นฉบับ Solar Sound โดยกลายมาเป็น Tone Bender MKII Reissue แบบที่ลุงกุลาบอก (รุ่นเดียวกันรึเปล่าครับลุง)

โดยเน้นว่า เหมือน Tone Bender เต้บๆ ในยุคนั้นทุกประการ



แต่ก็ไม่ได้ทำเร็ว ช้า นาน คิวยาว ตามแบบฉบับของก้อนที่เราอยากได้มักเล่นตัว แต่ถ้าเร็ว หาง่ายๆ มันก็ไม่แนวสิเนอะ อิอิ

และแล้ว.....ผมก็ตกเป็นเหยื่อ (ใกล้จบละครับ)



สรุปก็คือ ถ้าใครอยากได้ ก็ส่งเมล์ไปต่อคิวเอาไว้ซะ หึหึ

ผมส่งไปเดือนสิงหาที่ผ่านมา เขาตอบมาว่า ถ้าดูตามคิว ก็จะได้เดือนกรกฎาคม ปีหน้าโน่น

ลงอีเมล์เอาไว้ให้ดู แต่ขออนุญาตลบอีเมล์ของเค้าออก ไม่ได้หวงนะครับแต่ไม่อยากเอาที่อยู่อีเมล์ของเขามาเผยแพร่ให้มันเปรอะ แบบว่าเกรงใจ

ถ้าใครอยากสั่ง ลองแงะๆ ดูตามรายละเอียด ไม่ยากเลยนะครับ

ราคาเท่าไหร่ ผมเองยังก็ไม่รู้ แต่ก็ไม่อยากรู้อยู่ดีเพราะตอนนี้ไม่มีตังค์

หมดแล้วครับ ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามดูจนจบ

ป.ล. มีความในใจอยากจะบอกว่า ที่ลงให้ดูนี่ ก็เพื่อเป็นความรู้ในโลกกีตาร์ของพวกเราว่ามันมีของแปลกๆ ใหม่ๆ อีกมากมายในโลกกว้างข้างนอก ท่านไม่จำเป็นต้องขวนขวายไปหามาเล่นแต่อย่างใด ผมว่ามันเปลืองด้วยซ้ำ ถ้าทุกวันนี้พอใจกับก้อนของตัวเอง พอใจ Boss DS-1 ถือว่าโชคดีที่สุดแล้วครับ

ที่สำคัญท่านมีน้อยแต่ยังได้เล่น นับว่ามีบุญมากกว่าผมมากมาย ที่มีเยอะแต่ไม่ค่อยได้เล่นเลย

จงภูมิใจในความโชคดีและความพอดีของตนครับ

จากใจ YJM ที่อยากจะบอกเลยนะเนี่ย :)

ป.ล. อีกที เดี๋ยวจะงงกัน คือก้อนที่ Reissue ออกมาเนี่ย ราคาไม่ถึงขนาดนั้นนะครับ ก้อนแรกข้างบนมันแพงเพราะมันเป็นของเก่าแท้ๆ คนเขาคงซื้อไปสะสมด้วย ส่วนไอ้ก้อน Reissue มันน่าจะถูกกว่าสัก 10 เท่าได้ (แต่ก็นับว่าราคาสูงอยู่ดี)

อันนี้หลายๆ คนน่าจะรู้และเข้าใจดี แต่บางคนอาจจะงงๆ เรื่องของแท้กับ Reissue ก็ขออธิบายเอาไว้ตรงนี้เลยนะคร้าบ





 

Create Date : 01 ธันวาคม 2553
0 comments
Last Update : 1 ธันวาคม 2553 22:05:35 น.
Counter : 2939 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


YJM_Strat
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add YJM_Strat's blog to your web]