ธรรมโอวาทของพระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์
ท่านพ่อลี ธมฺมธโรวัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ จะพูดถึงการรับศีลและการรักษาศีลให้ฟังสักเล็กน้อย
คนเรานั้นมีทั้งบุญมีทั้งบาป
ขณะที่รับศีล เขายังไมไ่ด้ทำบาป เขาก็ได้บุญ
ถ้าเขาไปทำบาปเข้า เขาก็มีโทษแ่ต่ก็ดีกว่าคนที่ไม่มีศีลและรักษาศีลเสียเลย
เพราะคนชนิดนั้น เขาเรียกว่า
คนมืดคือ เหมือนกับคนตาบอดสองข้าง
คนที่บอดข้างเดียวก็ย่อมดีกว่า
หรือคนที่มีเงินอยู่ ๑ บาท
ถ้าใช้แต่ครึ่งเดียวก็ยังมีเหลืออยู่ ๒ สลึง
ดีกว่าคนที่ใช้เสียจนไม่มีอะไรเหลือเลย
บุญฤทธิ์ หมายถึง ความบริสุทธิ์
อิทธิฤทธิ์ หมายถึง อำนาจ ความแปรของรูปการตั้งใจฟังเทศน์ มีอานิสงส์เป็น
"บ่อบุญ"อันหนึ่ง
ใจของเราเป็น
"น้ำ" ร่างกายของเรานี้เหมือนกับ
"บ่อทราย"เพราะมันพังไปทุกวันๆ
ต้องทำตัวเราให้เป็น
"บ่อดินเหนียว" บ่อมี ๓ ชนิด ชนิดที่
๑.) เป็นบ่อตื้นๆ มีน้ำขังเล็กน้อย
พอฝนตกลงมาดินทลาย น้ำก็ไหลไปหมด
๒.) เป็นบ่อลึกหน่อย มีน้ำขังตามธรรมดา
๓.) เป็นบ่อลึกมาก มีน้ำในดินซึมอยู่เสมอ ไม่ขาดแห้ง
เช่น บ่อบาดาล
"บ่อบุญ" มีลักษณะเป็น ๓ ประเภทนี้
"ทาน" เปรียบด้วยบ่อบุญชนิดแรก
"ศีล" เปรียบด้วยบ่อบุญชนิดที่ ๒
"ภาวนา" เป็นบ่อบุญชนิดที่ ๓ เป็นบุญที่ยิ่งกว่าบุญอื่นบุญชาตินี้ไม่ถาวร เพราะสุขเพียงชาติเดียว
ต้องทำให้เป็นชาติหน้าด้วยจึงจะถาวร
ความสุขในโลก เป็นเพียงลมหายใจเข้าออกเท่านั้น
ความสุขในธรรม เป็นเครื่องล้างสิ่งโสโครก คือ บาป
บุญมี ๒ อย่าง คือ บุญภายนอกกับบุญภายในบุญภายนอก ได้แก่ การสร้างวัตถุสิ่งของตา่งๆไว้ในพระศาสนา
อีกอย่างหนึ่งได้แก่ การบริจาควัตถุไทยทานทั้งปวง
เช่น ทำบุญตักบาตร ถวายของพระภิกษุ สามเณร ฯลฯ เหล่านี้เป็นต้น
ถ้าใครเห็นว่า เป็นสิ่งถาวร ก็ทำบ่อยๆ
คนที่ไม่เห็นว่าถาวรก็ไม่ค่อยทำ
ที่ว่า
"ถาวร" นั้นคิดดูให้ดี
พระสงฆ์หรือครูบาอาจารย์ที่ท่านรับทานของเราไปแล้ว
ท่านก็ถาวร ไม่ตาย เพราะได้บริโภคใช้สอยในสิ่งเหล่านั้น
ถ้าเรามีตาลึกเราจะเห็นว่า
สิ่งต่างๆที่เราบริจาคไปนั้นย่อมถาวรทั้งสิ้น
ใครทำมากก็ได้มากลึกนานตาย
เช่น สร้างโบสถ์ วิหาร ฯลฯ มันนานโค่นเพราะเสาลึก
ความดีของเราก็แน่นหนักเข้าไปทุกที
อีกอย่างหนึ่งสมบัติในโลกเป็นสมบัติอยู่ชั่วลมหายใจ
พอตายแล้วก็เป็นของคนอื่น
พญามัจจุราชนั้นเขามาแต่งตัวให้เราต่างๆ
เช่น เปลี่ยนตาให้บ้าง เปลี่ยนผม เปลี่ยนฟัน เปลี่ยนหนัง ฯลฯ เป็นต้น
เขาบอกให้เราเตรียมตัวว่า เราจะต้องถูกย้ายไปเมืองอื่นนะ
ถ้าเขาสั่งอพยพเมื่อไรเราจะลำบากถ้าไม่เตรียมมหาเสบียงไว้เหตุนั้นเราต้องหาข้าวของถวายพระเจ้าพระสงฆ์ไว้
เพื่อเป็นการสะสมเสบียง
ดังนี้พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนให้เราทำบุญทำทานให้มากๆ
บุญภายใน คือ เกิดจากตัวของเรา ไม่ใช่ข้าวของทองเงิน
ก็ได้แก่ การที่พวกเราพากันมารับศีล ๕ ศีล ๘
กาย วาจา เราไม่ทำชั่ว เราก็ได้บุญจากกาย วาจา
อีกส่วนหนึ่งเกิดจากการจิต
บุญภายนอกเกิดจากมือ เท้า แขน ขา ตา หู ฯลฯตา-เราก็หลบเสียจากสังคมใหม่ๆที่ไม่ดี ไม่น่าดู เราอย่าไปดู
สังคมที่ดีจึงค่อยดู
ขา-มันจะก้าวไปในทางไม่ดีต้องดึงไว้อย่าให้มันไป
หู-ฟังแต่คำที่ดี เช่น ฟังเทศน์ ฟังพ่อแม่ ครุบาอาจารย์สั่งสอน
เขาด่าว่า นินทากันเราอย่าไปฟัง มันจะเป็นหูหม้อ ไม่ใช่หูคน
อย่าไปเอาใจใส่กับคำไม่ดีต่างๆ
จมูก-เราหายใจเข้าออกก็ภาวนา พุทโธๆ ไว้
ให้ไหลเข้าไปกับลมหายใจ
จงทำตัวเราให้เหมือนมะม่วงสุก
ส่วนภายนอกของมันก็มีสีเหลืองงาม
ส่วนภายใน คือ เนื้อก็มีรสหวาน กินได้
ส่วนลึกเข้าไปอีก คือ เมล็ด (เปรียบกับดวงจิตของเรา)
เมื่อนำไปเพาะปลูกก็จะเป็นต้น ได้กินผลยืดเยื้อยาวนานต่อไปถึงลูกหลานอีก
ดวงจิตของเรา ถ้าดี ความดีก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
แล้วก็ซึมซาบไปถึงลูกถึงหลานด้วย คัดลอกจาก
หนังสือแนวทางวิปัสสนา-กัมมัฏฐาน
พระอาจารย์ลี ธมฺมธโร.จัดพิมพ์เผยแพร่โดยชมรมกัลยาณธรรม
ปี พ.ศ. ๒๕๕๒.
ลี ธมฺมธโร. แนวทางวิปัสสนา-กัมมัฏฐาน. พิมพ์ครั้งที่ ๑.
กรุงเทพฯ : ขุมทองอุตสาหกรรมและการพิมพ์, ๒๕๕๒. หน้า ๑๓๘-๑๔๑.