ผ่านมาแล้ว ๑๐ ปี
เป็นช่วงที่ฉันได้กลับไปเยี่ยมบ้าน
และต้องการไปที่ไหนสักแห่งเงียบ ๆ คนเดียวสัก ๓ - ๔ วันก่อนจะไปหาพ่อแม่
ฉันรู้ว่าถ้าไปหาพ่อแม่ก่อน ฉันก็จะถูกห้ามทำสิ่งที่ตั้งใจนี้
และด้วยนิสัย ฉันคงปฏิเสธคำร้องขอที่อบอวลไปด้วยความห่วงใยนั้นไม่ได้แน่ ๆ
ฉันแปลนง่าย ๆ ไปเสม็ดแล้วกัน
เลือกอ่าวที่อยู่ลึก เงียบสงบและคนน้อย
เดินหาที่พักเอาดาบหน้า
หลายคนเป็นห่วง แม่โทรมาวันละหลายครั้ง รวมทั้งแก้ว เพื่อนสนิทของฉัน
เป็นช่วงพายุเข้าพอดี ฝนตกบ้างไม่ตกบ้าง แต่ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร
สิ่งที่ฉันพกมาไม่ใช่ทูพีซ แต่เป็นหนังสือ สมุด และสีไม้
ไม่มีใครอื่นนอกจากคนของบ้านพัก ๒ คน
เขาถามฉันว่า *ทำไมพี่มาคนเดียว*
ฉันเกือบจะตอบเขาไปแล้วว่า *อกหัก*
แต่ฉันคงไม่แลกกับการมุสาด้วยเรื่องไร้สาระทำนองนี้
...
ในเวลานั้นโลกเป็นของฉัน และหมา
ฉันมีหมาเป็นเพื่อนเคียงข้างให้อบอุ่นใจ
หมาขาสั้นสีน้ำตาลตัวนั้นมานัวเนียแสดงความเป็นมิตรตั้งแต่ค่ำวันแรก
เขานั่งและนอนข้าง ๆ ฉันที่บนม้านั่งตลอดในช่วงกลางวัน
เขานอนเฝ้าหน้าห้องของฉันตลอดในช่วงกลางคืน
ตื่นเช้ามา เขางื้ดง้าดชวนฉันไปวิ่งเล่นริมชายหาด
ฉันยืนดูเขาวิ่งเล่นขุดทรายจับปูลมกับเพื่อนหมาของเขาเพลินไปเลย
ฟ้าของเสม็ดในยามนั้นหม่นหมอง
ทะเลของเสม็ดดูหงุดหงิดสีอึมครึม
แต่ไม่มีผลต่อจิตใจของฉันเท่าไรนัก
หมายังวิ่งเล่นเบิกบานใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
คนเราก็อย่าเอาอะไรมาเป็นข้อแม้ให้ชีวิตตัวเองมากนักเลย
สายฝน
๒๐ กันยายน ๒๕๕๘
เขียนไว้ที่ facebook
จากแท็ก เที่ยวเมืองไทยไม่ไปไม่รู้. . .