ถึงจะได้แค่ "ชมเชย" ก็ตื่นเต้น
เนื่องจากเดี๋ยวนี้ นาน ๆ จะได้เขียนอะไรที่เป็นเรื่องเป็นราว แล้วส่งไปประกวดกับเขาสักที เมื่อทราบว่าเรื่องที่เขียนได้รางวัลมาโดยไม่คาดฝัน ก็ยังรู้สึกเฉย ๆ เลยนึกว่าตัวเอง "บรรลุ" แล้ว คงไม่ตื่นเต้นแล้วมั้ง แค่ดีใจที่ได้ค่าขนมเท่านั้นเอง ที่ไหนได้ พอไปถึงงานจริง ๆ อดตื่นเต้นไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่รับจากที่นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว อาจเพราะไม่ค่อยได้ไปงานลักษณะนี้บ่อยนัก ฉันมักขาดความมั่นใจเมื่อต้องไปอยู่ในงานที่เกี่ยวกับขีด ๆ เขียน ๆ ค่าที่ตัวเองไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันจากงานอิสระแบบนี้เลย และเป็นเพราะไม่เคยทุ่มเทจริงจังกับมันด้วย ชาตินี้ คงเป็นได้แค่มือสมัครเล่น เว้นเสียแต่ว่า ในภายภาคหน้า สามารถรวบรวมสมาธิให้แก่กล้าได้สมวัย อาจจะได้เป็นมืออาชีพกับเขาบ้าง งานนี้ จัดได้กระชับดี ชอบค่ะ แถมมีฉายวีดิทัศน์ให้ดูตั้งแต่การทำเวิร์คช็อป ตลอดจนการทำงานของคณะกรรมการขณะพิจารณาผลงานผู้ส่งเข้ามาประกวด ตั้งพันกว่าเรื่องแล้วคัดมาเหลือ 36 เรื่อง ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลยนะ แม้จะมีคณะกรรมการสามชุด ตัดสินแต่ละระดับก็เถอะ เฉลี่ยแล้ว ระดับละสามร้อยกว่าเรื่องแน่ะ ที่น่าทึ่งก็คือ ระดับนักเรียนประถมหรือมัธยมไม่แน่ใจ ผู้ชนะเลิศและรองเป็นนักเรียนต่างจังหวัดเสียส่วนใหญ่ ส่วนระดับอุดมศึกษาและประชาชน ผู้ชนะเลิศเป็นนักศึกษาวิศวะจุฬาฯ ปีสาม ขอแสดงความยินดีไว้ ณ ที่นี้อ้อ ! ที่เล่ามาทั้งหมดเป็นงานประกาศผลการประกวดเรื่องเล่าจากโครงการ "ฉลาดออม ฉลาดใช้ ฉลาดลงทุน" ของตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทยค่ะ มอบรางวัลเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2554 ที่อาคารตลาดหลักทรัพย์ ติดกับห้องสมุดมารวยนั่นแหละค่ะ ได้หนังสือเกี่ยวกับการออมการลงทุนมาเพียบเลย ขากลับ หิ้วขึ้นรถไฟใต้ดิน ก็มีสุภาพบุรุษหนุ่มใหญ่ลุกให้นั่ง มาต่อรถปรับอากาศก็มีหนุ่มน้อยลุกให้นั่ง พี่ที่ไปด้วยถามว่า ทำไมไม่นั่งแท็กซี่ (คือ คิดว่าพอจะหอบหิ้วขึ้นรถสาธารณะไหว ก็เลยเสียดายค่าแท็กซี่น่ะค่ะ คุณพี่ขา)นึกขอบคุณสังขาร ที่ยังมีเรี่ยวแรงให้รบรากับของหนัก ๆ ได้ (ฮา) วันนี้จึงถือเป็นวันดีวันหนึ่งของชีวิตที่สมควรบันทึกไว้ในแฟ้มบุคคล (ส่วนตัว)