Group Blog
 
 
ธันวาคม 2547
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
27 ธันวาคม 2547
 
All Blogs
 
ขาวบริสุทธิ์ดั่งสายหมอก

อากาศหนาวเย็นหวนคืนกลับมาอีกครั้ง ภาพเบื้องหน้าดูพร่ามัว มีสีขาวบาง ๆ ปกคลุมไปทั่ว มันทำให้หมอกหวนนึกย้อนไปถึงวันนั้น วันที่หมอกลืมตามองโลกเป็นครั้งแรก โลกใบนี้ก็กำลังปกคลุมไปด้วยสีขาวบาง ๆ เหมือนอย่างวันนี้ แต่..... แท้จริงแล้วโลกใบนี้เป็นสีขาวจริง เหมือนกับที่หมอกมองเห็นหรือเปล่านะ

สัมผัสแรกในชีวิตหมอก ก็คือไออุ่นจากแม่ แม่ที่นำพาเอาความรักความอบอุ่นผ่านทางสัมผัสและน้ำนมที่ไหลผ่านเข้ามาในร่างกายของหมอก ภาพแรกที่หมอกเห็น นั่นก็คือใบหน้าของแม่ หมอกมีสีขาวนวลตลอดตัวเหมือนกับแม่ แต่ผิดกันตรงที่หางของแม่ยาว ส่วนหางของหมอกสั้นกลมคล้ายกับปุยนุ่นที่ติดตรงบั้นท้ายเท่านั้น ตาของแม่มีสีฟ้าทั้งสองข้าง ส่วนตาของหมอกมีสีฟ้าข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งสีเหลือง

หมอกเคยมีน้องฝาแฝดนะ แต่แม่คาบน้องพลาดตกลงไปในอ่างน้ำ ตอนที่พยายามจะพาหมอกกับน้องเข้าไปหลบในตู้ใต้อ่างล้างหน้าในห้องน้ำ ตอนนั้นหมอกยังไม่ลืมตาหรอก แต่ได้ยินป้าแขคนเลี้ยงแม่ของหมอกตะโกนตอนเจอน้องจมน้ำตายแล้ว ทำให้แม่เหลือหมอกเป็นลูกเพียงตัวเดียว

แม่ของหมอกชื่อว่า ปุยเมฆ ส่วนคนที่ตั้งชื่อให้หมอก ไม่ใช่ป้าแขหรอกนะ แต่เป็นแพรวไหม คนสำคัญที่สุดในชีวิตหมอกต่างหาก แพรวไหมได้มาพบกับหมอก ตอนหมอกลืมตาแล้วล่ะ แต่ยังกินนมแม่อยู่

“อุ๊ย คุณป้า ลูกแมวสีขาวน่ารักจัง”

เสียงหวาน ๆ ดังขึ้นมาข้างหลังหมอก ก่อนที่มืออันอบอุ่นนั้นจะสัมผัสโอบอุ้มตัวหมอกไว้ หมอกเงยหน้าขึ้น มองไปคนที่อุ้ม เธอหน้าตาสวย มีรอยยิ้มที่อ่อนหวาน น่ารัก ผิวขาวผ่องกว่าป้าแขเยอะ เส้นผมยาวคลอเคลียบ่า ฝ่ามืออันอ่อนนุ่มของเธอลูบไล้ขนนิ่ม ๆ ของหมอกไปมา

“สีตามันแปลกดีนะคะป้าแข ทำไมสีฟ้าข้าง เหลืองข้างล่ะคะ”

เธอพูดไปพลาง ใช้ปลายนิ้วมันเรียวยาวลูบที่ปลายคางหมอก หมอกเงยหน้า หลับตาพริ้มอย่างสบายอารมณ์

“นี่แหละหนูแพรวไหม แมวไทยพันธ์ขาวมณี ก็วันก่อนเจ้าตัวผู้ที่แอบเข้ามาผสมพันธ์กับเจ้าปุยเมฆน่ะ มันเป็นแมวขาวมณีเหมือนกัน แต่ตามันสีเหลือง ลูกออกมาก็เลยตาสีเหลืองข้าง ฟ้าข้างแบบนี้แหละ”

เธอทำสีหน้าแปลกใจ หมอกเองก็ไม่เข้าใจกับคำอธิบายของป้าแขหรอกนะ แล้วเธอหันมายิ้มหวานให้กับหมอก รอยยิ้มของเธอและดวงตาที่มองมายังหมอกนั้น ช่างดูอบอวลไปด้วยความรักความเมตตา ทำให้หมอกรู้สึกเหมือนตอนที่กำลังนอนซบอยู่บนท้องอุ่น ๆ ของแม่

“จริงเหรอคะป้าแข แปลกนะคะ น่ารักน่าชัง ไหมไม่เคยเห็นแมวน่ารักเท่านี้มาก่อนเลย”

“ไหมอยากได้ก็เอาไปสิ ป้าก็เบื่อไม่อยากเลี้ยงสองตัวให้วุ่นวาย ตัวนี้มันก็เป็นตัวเมีย กลัวมันจะออกลูกออกมาอีก ทีนี้จะเลี้ยงไม่ไหวน่ะ”

“จริงหรือคะ ขอบคุณนะคะป้าแข งั้นไหมขอนะคะ ไหมอยู่ห้องคนเดียว เบื่อค่ะ มีลูกแมวน่ารักแบบนี้เป็นเพื่อน คงหายเหงาเลยค่ะ”

ตอนนั้นหมอกอยู่ในอ้อมกอดแพรวไหม จ้องหน้าเธอตาปริบ ๆ ไม่เข้าใจคำพูดของป้าแขหรอกนะ

“แล้วมันชื่ออะไรคะป้า”

น้ำเสียงของเธอฟังแล้วช่างสดใสน่ารัก

“ยังไม่ได้ตั้งชื่อเลย แต่แม่มันชื่อเจ้าปุยเมฆ”

“ปุยเมฆหรือคะ....”

เธอพูดขึ้นลอย ๆ แล้วอุ้มหมอกเดินเล่นไปมา จนมาหยุดยืนที่หน้าประตูบ้าน

“วันนี้หมอกลงหนาจังเลยค่ะป้า สีมันเหมือนเจ้าแมวน้อยตัวนี้เลย....”

วันนั้นอากาศหนาวเย็นเหลือเกิน จนหมอกต้องหดตัวจนชิดอ้อมอกของเธอ หมอกเห็นใบหน้าอันอ่อนโยนของแพรวไหม เหม่อมองภาพอันพร่ามัวไปทั่วสวนในบริเวณบ้านของป้าแข

“งั้น... ไหมให้มันชื่อว่า..สายหมอกนะคะ ป้า”

แล้วเธอก็หันมายิ้มให้กับป้าแขอย่างอ่อนหวาน แล้วประคองใบหน้าของหมอกไปแนบชิดจนสัมผัสถูกแก้มอันอ่อนนุ่มและอบอุ่นเธอ หมอกสะบัดหัวไปมา ก็แก้มของเธอโดนปลายหนวดหมอกมันจักกะจี้นี่หน่า



ตั้งแต่วันนั้นมา หมอกก็ต้องพลัดพรากจากท้องอุ่น ๆ ของแม่ มาอยู่กับแต่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ กับแพรวไหม ตอนแรก ๆ ก็คิดถึงแม่มาก ร้องหาแม่ทั้งวัน แต่สัมผัสอันอบอุ่นของอ้อมกอดแพรวไหม และความรักความเอาใจใส่ที่หมอกได้รับจากเธอ ทำให้หมอกลืมแม่ได้ในเวลาไม่นานนัก

ของกินที่แพรวไหมให้หมอก นอกจากนมแล้ว ยังอะไรที่เป็นเม็ดเล็ก ๆ ผสมกับน้ำนิดหน่อย กินแล้วหอม ๆ มัน ๆ เค็ม ๆ อร่อยดี เห็นเธอเรียกมันว่า อาหารสำเร็จสำหรับลูกแมว เวลานอนหมอกก็ได้นอนในอ้อมกอดบนเตียงอันอบอุ่นของเธอ เรานอนด้วยกันแบบนั้นทุกวัน แล้วเธอยังเอาปลอกคอสีรุ้งกับลูกกุ๊งกิ๊งสวย ๆ มาห้อยคอให้หมอกด้วย

“น้องหมอก ไหมไปเรียนก่อนนะ แล้วไหมจะรีบกลับมาหานะจ๊ะ”

ทุกวันเมื่อหมอกได้ยินคำพูดประโยคนี้ เธอจะอุ้มหมอกขึ้นมา แล้วจูบลาที่แก้มหมอกทุกครั้ง ริมฝีปากเรียวบางสีแดงอมชมพูอันอ่อนนุ่มของเธอนั้น สัมผัสถูกปลายนวดจนหมอกรู้สึกจั๊กกะจี้ แล้วเธอก็จะเดินไปปิดประตูใส ๆ ที่ระเบียง ก่อนที่จะเดินออกจากห้องแล้วปิดประตูไม้หน้าห้องจนสนิท หมอกมองออกไปข้างนอกระเบียงได้ แต่เดินออกไปไม่ได้เลย

หมอกไม่ชอบช่วงเวลานั้นเลย มันคือช่วงเวลาที่แสนเหงาของหมอก ได้แต่นั่งรอคอยที่เธออยู่หน้าประตูไม้นั่น กว่าจะถึงเวลาที่เธอกลับมามันก็ใกล้จะค่ำแล้ว

แพรวไหมคงไม่รู้หรอกว่า ที่ห้องข้าง ๆ มีแมวตัวโตสีลายน้ำตาลชื่อว่าเจ้าโค้ก ชอบเดินมาเยี่ยมหมอกบ่อย ๆ มันอยู่กับเจ้าของในห้องถัดไปอีกสองห้องนี้เองแหละ

พวกมนุษย์คงไม่รู้หรอกว่าแมวอย่างพวกเรา คุยกันได้โดยไม่ต้องส่งเสียง เจ้าโค้กชวนหมอกออกไปเที่ยวข้างนอก แต่หมอกไม่กล้าน่ะ ถ้าแพรวไหมไม่ไปด้วย เจ้าของเจ้าโค้กปล่อยให้มันเดินเที่ยวตามสบาย ตกเย็นก็กลับไปกินข้าวที่บ้าน เจ้าโค้กบอกว่า แมวอย่างเรา ควรจะไปข้างนอกบ้าง ไม่ใช่อยู่แต่ในห้องเหมือนกับหมอก

ทุกเย็นใกล้เวลาที่แพรวไหมจะกลับมาจากเรียน หมอกจะดีใจวิ่งไปรอที่หน้าประตูห้องทุกครั้ง แต่วันนี้ แพรวไหมไม่ได้มาคนเดียว เธอพาเพื่อนมาด้วย เพื่อนคนนี้เธอเรียกว่า “ปิ่น” ปิ่นผมสั้นกุด ตาโต ผิวขาว ตัวโตเท่า ๆ กับแพรวไหม เธอเดินตรงเข้ามาหาหมอก หมอกตกใจวิ่งหนี แต่วิ่งไม่ทัน เธอจับตัวเอาไว้ได้ แล้วอุ้มหมอกไว้ในอ้อมแขน

“น่ารักดีนะ นี่น่ะหรือน้องหมอกของเธอ” ปิ่นอุ้มหมอกเดินไปใกล้แพรวไหม

“ใช่ เห็นครั้งแรกก็ถูกชะตาเลยล่ะ” แพรวไหมรับเอาตัวหมอกจากปิ่นไปกอดเอาไว้

“แต่ปิ่นว่านะไหม เลี้ยงแมวให้อยู่แต่ในห้องแบบนี้ไม่ดีเลยนะ มันจะไม่รู้จักโลกภายนอก ไหมน่าจะปล่อยมันออกไปเดินข้างนอกบ้าง”

คำพูดของปิ่น ทำให้แพรวไหมมีสีหน้าตกใจ

“ได้ยังไงปิ่น น้องหมอกตัวเล็กเท่านี้ ปล่อยออกไปข้างนอก โดนแมวตัวใหญ่ หรือหมาที่ไหนกัดทำไงล่ะ” แพรวไหมตัดพ้อ แล้วก็อุ้มหมอกไปแนบที่แก้มเธอ

“ตามใจไหม แต่ถ้ามันโตกว่านี้ต้องปล่อยมันออกไปบ้างล่ะ ไม่งั้นนะวันไหนถ้าเกิดมันหลุดออกไปเจออะไรข้างนอก จะตกใจตายเสียก่อน” ปิ่นพูดเสียงจริงจัง

“แหม ไม่ขนาดนั้นหรอกปิ่น”

แพรวไหมพูดเหมือนไม่เชื่อปิ่น แล้วหันหลังอุ้มหมอกไปนอนที่เตียงกับเธอ ปิ่นเดินตามมานั่งลงข้าง ๆ จริง ๆ แล้วเจ้าโค้กก็บอกกับหมอกแบบนี้แหละ ว่าหมอกควรจะออกไปนอกห้องบ้าง

“เอ่อ ไหม พักนี้ไหมเจอนัทบ้างเปล่า”

“ก็เงียบ ๆ ไปนะ เทอมนี้เวลาเรียนไม่ค่อยตรงกันน่ะปิ่น”

ปิ่นทำท่ากระสับกระส่าย เหมือนมีอะไรอึดอัด

“ไหม... เอ่อ วันนั้นนะ ปิ่นเห็นนัทเดินไปตึกสังคมฯ ทำท่ายังกับจะไปจีบ...เอ่อ” ปิ่นพูดเสียงขาดเหมือนลังเลใจ

“เหลวไหลน่ะปิ่น” แพรวไหมตวาดปิ่นเสียงดัง จนหมอกตกใจ

“แค่นัทเดินไปคณะไหน ก็ต้องไปจีบสาวคณะนั้นด้วยเหรอ”

หมอกไม่เคยเห็นแพรวไหมพูดเสียงดังด้วยอารมณ์โกรธแบบนี้มาก่อนเลย

“อ่ะ ๆ ๆ ตามใจเธอไหม ดูเองดี ๆ ล่ะกัน”

ปิ่นพูดเสียงเง้างอ หันหน้าจากแพรวไหม กลับมาอุ้มหมอกแทน



บางครั้งปิ่นก็มาค้างกับแพรวไหมบ่อย ๆ จนหมอกเริ่มชินกับเธอแล้ว แต่บางครั้งเธอก็หายไปจนหมอกคิดถึงเหมือนกัน แต่วันนี้สิแปลก หมอกนั่งรออยู่หน้าประตูนานแล้วนะ แต่ทำไมแพรวไหมยังไม่กลับมาเสียที จนกระทั่งมันเริ่มมืดลงเรื่อย ๆ ท้องของหมอกมันก็ร้องหนักหนาขึ้นทุกที ๆ

และแล้ว แพรวไหมก็กลับมา เสียงประตูเปิดออก หมอกรีบวิ่งไปต้อนรับเธอที่หน้าประตูนั้นเหมือนอย่างทุกวัน แปลกจัง ทำไมวันนี้คนที่มาด้วยไม่ใช่ปิ่น แต่เป็นอีกคนหนึ่ง คนนี้ตัวโตกว่าปิ่นและแพรวไหมมาก ผมสั้นกุดกว่าปิ่นอีก เสียงห้าวก็กว่าเยอะเลย ผิวเข้มกว่าแพรวไหมนิดหน่อย เขาเดินตรงเข้ามานั่งลงไปบนเก้าอี้โซฟาอย่างแรง

“ไม่รู้แหละ ต่อไปนี้นะนัทจะมาส่งไหมทุกวันเลย”

แพรวไหมเดินตรงเข้ามา แล้วเดินผ่านตัวหมอกไป ทำไมวันนี้เธอไม่สนใจมาอุ้มหมอกเหมือนทุกวันเลยนะ

“นัทก็หายโกรธสักทีสิ ก็ไหมบอกแล้วว่าไม่มีอะไร ไหมไม่สนใจเขาสักหน่อย”

เธอพูดเสียงหวาน แล้วเดินเข้าไปนั่งใกล้คนที่ชื่อว่านัท แล้วโน้มตัวเข้าไปกอดเขา นัทโอบกอดเธอไว้เช่นกัน แล้วเอื้อมปากเข้ามาจูบเธอจนทั่วไปทั้งใบหน้า แต่เธอพยายามผลักแล้วเบื้องหน้าหนี

“นัท... อย่าสิ ก็ไหมบอกแล้วไง.......”

เสียงของเธอขาดไปเพราะปากของนัทประกบกับปากของเธอ หมอกนั่งจ้องอยู่ตรงนั้นนาน ไม่เห็นปากของทั้งสองคนห่างจากกันสักที มือของนัทลูบไปมาตามลำตัวของเธอ แล้วเลื่อนขึ้นมาบีบที่หน้าอก ก่อนที่จะพยายามดึงกระดุมเสื้อโลหะให้เปิดออก แพรวไหมมีท่าทีตกใจ ปัดมือของนัทออกแล้วลุกขึ้น

“นัท! ก็ไหมเคยขอแล้วไง” เสียงของเธอดูดุดันขึ้นกว่าเก่า

“ทำไมล่ะไหม! ไหมจะไม่ยอมนัท จะไปยอมไอ้เอกนั่นหรือไง”

คนที่ชื่อนัท พูดเสียงดังแล้วลุกขึ้นเดินตามมายืนจนกระชั้นชิดตัวแพรวไหม

“ทำไมนัทพูดแบบนี้…”

เสียงของเธอสะอื้น จนหมอกใจหาย นัทเดินเข้ามาแล้วโอบกอดเธอไว้ แพรวไหมเองก็คงใจอ่อน กางแขนออกกอดร่างของนัทไว้จนแนบชิด

“ไหม.. ไหมเป็นของนัทนะ นัทสัญญานะว่าจะรักไหมจะซื่อสัตย์กับไหมคนเดียว นัทกลัวนะ กลัวจะเสียไหมไป” เสียงอ้อนวอนของนัททำให้ท่าทีของแพรวไหมอ่อนลงทันที

นัทกอดรัดแพรวไหมจนแนบชิด แล้วพวกเขาก็เอาปากประกบกันอีกพักหนึ่ง ก่อนที่นัทจะอุ้มเธอไปนอนที่เตียง แล้วกดทับลงบนร่างของเธอ พวกเขากอดก่ายกันไปมา จนหมอกไม่เข้าใจว่า ทุกวันหมอกต่างหากที่ต้องไปนอนทับอยู่บนอ้อมอกของแพรวไหม

หมอกกระโดดขึ้นไปบนเตียง เบียดเข้าไปนอนบนอ้อมกอดของแพรวไหมบ้าง

“เอ่ย! ไหม ไอ้แมวตัวนี้มาได้ไงนี่”

นัทลุกขึ้นมาโวยวาย มือที่ใหญ่โตนั้นผลักหมอกกระเด็นจนเกือบตกเตียง โชคดีที่หมอกใช้กรงเล็บตะเกียดตะกายขอบของที่นอน แล้วปีนขึ้นมาได้

“ตายแล้ว! นัท ทำไมไปผลักน้องหมอกแบบนั้น” แพรวไหมรีบลุกขึ้นมาอุ้มหมอกไว้จนแนบอก

“สกปรกจะตายไหม ทำไมไปกอดมันขนาดนั้น แล้วนี่ไหมเอาแมวมาเลี้ยงไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่นี่”

นัทโวยวายเสียงดัง ท่าทางเขาไม่พอใจหมอกนัก

“นัท อย่าโวยวายสิ เดี๋ยวน้องหมอกตกใจหมด ก็ทุกทีไหมกลับมา ก็ต้องหาอะไรให้น้องหมอกกินก่อน แต่นี่มัวแต่.….”

เสียงของเธอขาดหายไป หมอกมองไปที่ใบหน้าเธอ เห็นแก้มของเธอเป็นสีชมพู เธอหันกลับมายิ้มให้หมอก หมอกรีบขานรับ

“เหมียว......”

“ขอโทษนะน้องหมอก”

เสียงอ่อนหวานกับแววตาอันอ่อนโยนของเธอ มันทำให้หมอกรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอีกครั้ง แล้วเธอก็อุ้มหมอกลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็นหยิบของกินประจำของหมอกขึ้นมาเทลงบนจนข้าว

“สกปรกน่ะไหม เอามันออกไปข้างนอกเลย ขนแมวเข้าจมูก เดี๋ยวไหมก็เป็นภูมิแพ้หรอก”

หมอกได้ยินแต่เสียงไม่พอใจของนัท แต่ไม่ได้หันกลับไปมองหรอก เพราะตอนนี้กำลังอร่อยอยู่

“นัทนี่ จิตใจไม่อ่อนโยนเอาสะเลย” เสียงของแพรวไหมตัดพ้อต่อว่านัท เสียงฝีเท้าของนัทก้าวเข้ามาใกล้ทุกที ๆ

“ไหม... เชื่อนัทเถิดนะ เอามันออกไปนอกระเบียงก็ได้ เดี๋ยวมันกินเสร็จมันก็มากวนเราอีกหรอก…”

หมอกได้ยินเสียงของนัทอ่อนลง แล้วเหมือนหายไปในลำคอ

“ค่ะ... ก็ได้ค่ะนัท”

เสียงของแพรวไหมก็เหมือนขาด ๆ หาย ๆ เหมือนกันนะ ผ่านไปอีกสักพัก หมอกก็รู้สึกตัวว่าถูกมืออันอ่อนนุ่มของแพรวไหมช้อนขึ้น พร้อมกับจานของหมอก เดินไปที่ระเบียง เธอวางหมอกลงพร้อมจานอาหารแล้วปิดประตูใส ๆ นั้น หมอกแปลกใจนิดหน่อย ทุกทีเธอจะไม่เคยให้หมอกมากินอะไรข้างนอกแบบนี้ แต่ยังไงตอนนี้หมอกขอกินต่อก่อน



“เหมียว...ๆ....ๆ...ๆ….”

กินอิ่มตั้งนานแล้ว ร้องแล้วร้องอีก ชะง้อมองอยู่หน้าประตูใส ๆ นั้น ซึ่งตอนนี้มันพร่ามัวจนหมอกมองอะไรข้างในไม่เห็น ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงทุกที อากาศก็หนาวเย็นขึ้นมาก ทำไมแพรวไหมถึงไม่มาเปิดประตูให้หมอกเสียที หนาวทนไม่ไหวแล้ว หมอกเริ่มตะกายประตูใส ๆ นั้นเสียงดังเอียด ๆ แก๊บ ๆ รอยเท้าของหมอกทำให้ประตูพร่ามัวนั้นใสขึ้นมาเป็นเส้นตามรอยเท้าเล็กของหมอก มองเข้าไปเห็นนัทกับแพรวไหมนอนกอดกันคล้ายกับไม่ได้ใส่เสื้อผ้า

หมอกมองไปตะเกียดตะกายไปมาอยู่นานจนเหนื่อย ก็ไม่เห็นแพรวไหมมีท่าทีจะออกมาเปิดประตูให้ แล้วหมอกก็ต้องตกใจ เพราะไม่ทันรู้ตัวว่าเจ้าโค้กเข้ามายืนข้างหลังหมอกตั้งแต่เมื่อไหร่ มันบอกว่ากำลังจะกลับบ้านแล้ว เห็นหมอกยืนตะกายประตูใส ๆ อยู่ รู้สึกสงสัย เลยแวะเข้ามาทักทาย มันบอกอีกว่า อากาศหน้าหนาวแบบนี้ตอนกลางคืนอยู่ข้างนอกบ้านไม่ไหว จะไปนอนใต้ผ้าห่มที่บ้านเจ้าของ หมอกเองก็หนาวเหน็บ ทำไมวันนี้แพรวไหมใจร้ายนัก ถึงเอาหมอกมาทิ้งไว้ข้างนอกในเวลามืดที่หนาวแบบนี้

เจ้าโค้กบอกกับหมอกว่า พวกเขาไม่อยากให้หมอกเข้าไปรบกวน ตอนที่พวกเขากำลังจะทำกิจกรรมบางอย่างกัน มันบอกอีกว่าไว้หมอกโตไปก็จะรู้จักเอง ตอนนี้หมอกยังเป็นเด็ก พอโตเป็นสาวแล้วแมวหนุ่ม ๆ ก็จะมาหา ตอนนั้นหมอกฟังแล้วยังไม่เข้าใจหรอก แต่เจ้าโค้กก็มีน้ำใจชวนหมอกไปนอนบนผ้านุ่ม ๆ ที่บ้านเจ้าของกับมัน หมอกเองก็อยากไปหรอก มันหนาวนี่ แต่หมอกไม่กล้าเดินบนขอบระเบียบเหมือนเจ้าโค้กน่ะ กลัวตกลงไป



เจ้าโค้กกลับไปนานแล้ว หมอกพยายามร้องอ้อนวอนเสียงยาว แต่ทำไม.....วันนี้แพรวไหมถึงใจร้ายนัก

“เหมียว........…..เหมียว.....................”

ไม่มีพื้นที่ตรงไหนอบอุ่นนอกจากไออุ่นจากร่างกายตัวเอง หมอกขดขาทั้งสี่หมอบลงบนพื้นนั้น จนเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ มันทั้งมืดทั้งหนาวเย็นจับขั่วหัวใจ และแล้ว...แพรวไหมเปิดประตูใสที่พร่ามัวนั้นออก หมอกรีบเงยหน้าขึ้น ร้องทักเธออย่างสุดจะดีใจเลยล่ะ

“เหมียว......”

แต่แหม ! ทำไมวันนี้ แพรวไหมห่มแค่ผ้าขนหนูนะ เดินตรงเข้ามาอุ้มหมอกไว้แนบอกเช่นเคย

“น้องหมอกจ๋า... ขอโทษทีนะ ไหมลืมน้องหมอกไปเลยน่ะ”

แพรวไหมอุ้มหมอกกลับเข้าไปในห้องที่อบอุ่นอีกครั้ง

“โอ้ย! ไหมเอามันเข้ามาอีกแล้ว เอาออกไปเลย คืนนี้นัทไม่นอนกับแมวหรอกนะ”

เสียงนัทดังจนหมอกตกใจ หันไปมองเห็นเขานอนไม่ใส่เสื้ออยู่ใต้ผ้าห่ม

“นัท... สงสารน้องหมอกเถิด คืนนี้หนาวนะ จะให้น้องหมอกนอนข้างนอกได้ไง”

แพรวไหมอุ้มหมอกเดินไปนั่งลงบนเตียง นัทรีบลุกกระโจนห่างออกมาจากตัวหมอกทันที

“ไม่เอา ! เอามันออกไปเลยนะไหม ไม่งั้นนัทกลับบ้านจริง ๆ ด้วย เรื่องไรนอนกับแมว”

เสียงโวยวายของเขาดังจนแพรวไหมหน้าเสีย หันมามองหมอก หมอกพยายามทำแววตาอ้อนเต็มที่แล้ว แพรวไหมอย่าเอาหมอกไปทิ้งข้างนอกอีกนะ

“น้องหมอก... ไหมขอโทษนะ”

เสียงคล้ายสะอื้นของแพรวไหม ทำเอาหมอกตกใจจนตัวสั่น ซุกหน้าลงจนชิดอ้อมอกของเธอ เธออุ้มหมอกไปหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่ แล้วใส่ลงไปในกะละมังใบเล็ก แล้ววางหมอกลงไปอย่างเบามือ ห่มผ้าให้หมอกอย่างอ่อนโยน ยกกะละมังออกไปวางนอกระเบียงเหมือนเดิม

หมอกแล้วเงยหน้าขึ้นมาจากใต้ผ้าขนหนูสบตากับเธออยู่พักหนึ่ง แล้วลองส่งเสียงร้องอ้อนอีกครั้ง

“เหมียว........”

แต่วันนี้เธอใจร้ายเหลือเกิน หันหลังเดินกลับเข้าไปในห้อง แล้วเลื่อนประตูใส ๆ นั้นให้ปิดลง

“เหมียว..ๆ..ๆ..ๆ....”

หมอกพยายามส่งเสียงอ้อนวอนอยู่นาน แต่ก็ไม่ได้ผล เธอไม่เดินกลับมาสนใจหมอกอีกเลย ความหนาวเย็น คงทำให้ประตูใสนั้นขุ่นมัวจนมองไม่เห็นคนข้างใน หมอกได้แต่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าขนหนูนั้น มันก็ยังอุ่นดีกว่านอนขดบนพื้นเหมือนเมื่อกี้


ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เวลานัทมาทีไร หมอกก็ต้องมานอนบนกะละมังกับผ้าขนหนูแบบนี้ทุกที จนช่วงหลัง ๆ มานี่ หมอกเริ่มชินแล้วล่ะ อากาศก็ไม่หนาวแล้ว หมอกไม่ร้องอ้อนให้แพรวไหมออกมาอุ้มอีก เจ้าโค้กแวะมาเยี่ยมเยียนหมอกบ่อย ๆ แล้วถามว่า ป่านนี้แล้วหมอกก็เริ่มโตขึ้นแล้วนะ ทำไมเจ้าของยังไม่ปล่อยหมอกไปเดินข้างนอกบ้าง หมอกเคยได้ยินแพรวไหมพูดกับปิ่นว่าเป็นห่วงหมอก กลัวหมอกหลงทาง กลัวโดนรถทับ กลัวแมวหรือหมาตัวอื่นมากัด ไม่มีใครรักหมอกเท่าแพรวไหมอีกแล้วล่ะ แต่เอ้ หมา กับ รถ นี่มันหน้าตาเป็นยังไงนะ มันกินอาหารเม็ด ๆ เหมือนหมอกหรือเปล่านี่


ช่วงหลัง ๆ มานี่ทำไมแพรวไหมดูเศร้า ๆ นะ หรือเป็นเพราะพักนี้นัทไม่ค่อยมาหา มีแต่ปิ่นที่มานอนค้างด้วยบ้าง แต่ถ้าปิ่นมานะ หมอกก็จะนอนบนอ้อมกอดอุ่น ๆ ของแพรวไหมเหมือนเดิม ไม่ต้องออกไปนอนข้างนอกเหมือนอย่างวันที่นัทมา

“ไม่เอาน่ะไหม บอกแล้วไง อย่าไปสนใจเขามาก เดี๋ยวเค้าก็กลับมาหาไหมเองแหละ”

หมอกกำลังนั่งหมอบอยู่บนตักของแพรวไหม มองหน้าปิ่นที่กำลังโอบบ่าและพูดปลอบใจเธออยู่

“แต่นัททำท่าเหมือนตั้งใจหลบไหมเลยนะ”

เสียงแพรวไหมเศร้า ๆ หมอกมองขึ้นไปเห็นใบหน้าของเธอเหมือนจะมีน้ำไหลออกมาจากตา จริง ๆ ด้วย ! มีน้ำหยดลงบนหน้าหมอก หมอกตกใจรีบสะบัดหัวไปมาให้น้ำนั้นกระเด็นออกจากหน้า

“ก็อย่าไปสนใจเลยไหม ผู้ชายคนเดียว หาใหม่ที่ไหนก็ได้ อย่าอ่อนแอสิไหม”

ปิ่นเสียงดังตวาดเหมือนกับจะกลบเกลื่อนความโศกเศร้าของเธอ หมอกก็อยากช่วยปลอบใจด้วย เลยเขยิบเข้าไปใกล้ ๆ ปีนขึ้นไปบนบ่า แล้วเลียตรงแก้มขาว ๆ ของเธอ อุ้ย ! เค็ม ๆ แก้มของเธอเค็ม ๆ ด้วยล่ะ

“แล้วเมนท์ไหมก็หายไปด้วยล่ะ อยากจะปรึกษานัทสักหน่อย เขาก็หายไปแบบนี้” แพรวไหมพูดเสียงปนเสียงร้องไห้

“ปิ่นว่าอย่าเพิ่งไปกังวลมันเลย พอนัทไม่มา ไหมเป็นทุกข์แบบนี้ มันก็คงต้องมีคลาดเคลื่อนกันได้”

หมอกว่าได้ยินเสียงปิ่นขัด ๆ เหมือนจะไม่แน่ใจคำพูดตัวเองนัก

“แต่ไหมทนไม่ได้นะปิ่น ทนไม่ได้ถ้านัทจะมาทิ้งไหมไป ไหมตัดใจจากนัทไม่ได้”

แพรวไหมยิ่งร้องไห้ ซบหน้าลงกับบ่าของปิ่นแล้วกอดปิ่นไว้

เฮ่อ.... หมอกจะช่วยแพรวไหมยังไงดีนี่

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา หมอกก็ไม่เคยเห็นนัทมาที่ห้องนี้อีกเลย แพรวไหมไม่ทำอะไรนอกจากเดินไปเดินมา มองแต่โทรศัพท์ ไม่สนใจหมอกเหมือนเช่นเคย ไม่อาบน้ำให้ ก็ไม่เป็นไร เพราะหมอกไม่ชอบน้ำเอาสักเลย ถึงจะเป็นน้ำอุ่นก็เถิด หมอกใช้ลิ้นเลียขนตัวเองให้สะอาดได้ เธอไม่เล่นด้วยสิ หมอกเหงาจัง ที่สำคัญเธอลืมเวลากินของหมอกด้วย หมอกหิวจนต้องร้อง เหมียว....ๆ.... อยู่นาน เธอจึงจะนึกได้ แล้วเดินไปหยิบอาหารแมวในตู้เย็นมาให้หมอก ขอบตาของเธอช้ำบวมมีน้ำไหลออกมาจากตาตลอดเวลาเลย ได้แต่นอนบนเตียง หรือไม่ก็นั่งพิงหัวเตียงอยู่แค่นั้น

หมอกกินอิ่มแล้ว ก็เดินเข้าไปนอนซบอยู่บนตักของเธอ เอาใบหูเสียดสีไปมาบนฝ่ามืออันอ่อนนุ่มของเธอ อยากจะปลอบใจเธอน่ะ แต่ทำไงได้ ในเมื่อมนุษย์อย่างเธอไม่มีทางเข้าใจภาษาของหมอกเหมือนอย่างเจ้าโค้กนี่

ทั้งสีทั้งซบอยู่นาน หมอกเพิ่งจะเห็นเธอค่อย ๆ ก้มหน้าลงสบตากับหมอก

“เหมียว.....”

หมอกรีบส่งเสียงทักทายเธอ นึกว่าเดี๋ยวเธอคงจะเล่นกับหมอกเหมือนวันก่อน ๆ แต่เปล่า แววตาของเธอยังคงเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความเศร้าโศก หมอกไม่เข้าใจเลยนะ กะแค่นัทไม่มาหาแค่นั้น ทำไมเธอถึงต้องโศกเศร้าเสียขนาดนี้ เธอค่อย ๆ อุ้มหมอกขึ้นมาจนใกล้ แล้วแนบแก้มของเธอลงบนขนนุ่ม ๆ ของหมอก หมอกอยากเธอว่า ไม่ต้องเสียใจหรอก หมอกนี่แหละรักเธอที่สุดในโลก แพรวไหมเหมือนเป็นแม่คนที่สองของหมอกเลยนะ

จู่ ๆ แพรวไหมก็โยนหมอกลงกับพื้น แล้วยกหูโทรศัพท์ กดปุ่ม ๆ บนนั้นอีกครั้ง หมอกเห็นเธอฟังเสียงอยู่นาน แล้ววางลง แล้วกดใหม่ ฟัง แล้ววาง แบบนี้สลับกันไปตั้งหลายเที่ยว

“นัท ! อยู่ที่ไหนน่ะ” ดูเหมือนเธอจะคุยกับนัทได้แล้วนะ

“ทำไม เดี๋ยวนี้ไหมถามไม่ได้เหรอ เดี๋ยวนี้นัทไม่มาเลย อ้างโน้นนี่ตลอด”

เสียงของเธอฟังดูคล้ายอารมณ์โกรธ ผสมกับความเศร้า เธอเงียบไปพักหนึ่งแล้วร้องไห้ออกมาอย่างสะอึกสะอื้น

“นัท.... ถ้าวันนี้นัทไม่มาหาไหม ไหมจะตายให้ดู…”

แล้วเธอก็วางหูโทรศัพท์ลงกับแท่น ก่อนที่จะซบหน้าลงกับหมอนแล้วร้องไห้อีก

หมอกเดินเข้าไปหาเธออีกครั้ง กระโดดขึ้นไปบนเตียงแล้วปีนขึ้นไปนั่งซบอยู่บนตักเธอเหมือนเช่นเคย อยากจะให้สัมผัสอันอบอุ่นจากร่างกายของหมอก ปลอบประโลมใจเธอแทนคำพูด

หมอกซบอยู่อย่างนั้นนาน จนหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้สึกตัวอีกที เมื่อนัทเปิดประตูเข้ามาดังโครม ! หมอกตกใจ กระโดดหนีไปหลบอยู่ใต้เตียง แล้วแอบดู

นัทเดินตรงเข้ามาหาแพรวไหม ท่าทางดุดันไม่เหมือนแต่ก่อน เอื้อมฝ่ามืออันใหญ่โตทั้งสองข้างเข้ามาบีบต้นแขนของแพรวไหม แล้วกระชากตัวเธอให้ลุกขึ้น

“ไหนไหม.... ไหนบอกว่าจะตายไง ทำไมไม่ตายล่ะ หา !”

“นัท....”

เธอเรียกชื่อเขาเสียงสะอึกสะอื้น แล้วจะโผเข้าไปกอดเขา แต่นัทใจร้ายจัง ผลักเธอล้มลงไปนอนบนเตียง เธอนอนร้องไห้อยู่อย่างนั้นนาน จนกระทั้งนัทหันหลังกลับ เธอก็รีบลุกขึ้นกระโจนเข้าไปกอดข้างหลังเขาไว้

“นัท อย่าไปนะ ทำไมล่ะนัท.... ทำไมเดี๋ยวนี้นัทต้องหลบหน้าไหมด้วย”

นัทหันมาเผชิญหน้ากับเธอด้วยสีหน้าโกรธจัด เอื้อมมือเข้ามาบีบต้นแขนทั้งสองข้างของเธอไว้อีก

“นัทก็ไม่อยากจะหลบไหมหรอกนะ แต่เราจะอยู่ห่างกันไม่ได้เลยเหรอไง ไหมตามนัทมากจนเกินไป ตามนัทไปได้ทุกหนทุกแห่ง ถ้าไม่เจอกัน ไหมก็จะโทรเข้ามือถือนัทไม่ได้หยุด โทร ๆ ๆ ๆ จนนัทอายเพื่อนจะตายอยู่แล้ว !”

แล้วเขาก็ผลักแพรวไหมกระเด็นลงไปนั่งที่เตียงอีก หมอกกลัวจัง ! ถอยไปหลบจนหลังชนกำแพงเลย

“ก็เราเป็นแฟนกันนินัท ไหมไม่อยู่กับนัท แล้วไหมจะไปอยู่กับใครล่ะ”

เธอยังคงพูดปนเสียงร้องไห้อย่างสะอึกสะอื้น

“เป็นแฟนกัน ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันตลอด 24 ช.ม.เลยนิ นัทไม่มีโอกาสเป็นตัวของตัวเองเลย เพื่อน ๆ มันก็ล้อว่าถูกเมียตามคุม นัทอายเขา นัทอึดอัด เข้าใจไม๊ !”

เขายังตะโกนใส่หน้าเธออย่างไร้ความปรานี จนหมอกสงสารเธอจับใจ แต่แพรวไหมก็ไม่โกรธเขาเลยนะ แถมยังเดินเข้าไปกอดแขนเขาไว้อย่างอ่อนโยน

“งั้นไหมไม่ตามนัทก็ได้ แต่พอเย็นนัทเลิกเรียน นัทมาหาไหมที่นี่ทุกวันได้ไหม”

นัทส่ายหน้าคล้ายกับว่า เบื่อหน่ายกับการพูดกับเธอเหลือเกิน

“จะให้นัทมาทุกวันมันไม่ได้หรอกนะไหม นัทก็ต้องมีงานมีธุระอะไรของนัทบ้างสิ ถ้าว่างนัทก็จะมาเองนั่นแหละ”

คำพูดที่เหมือนกับตัดความรำคาญของนัทนั้น กลับทำให้แพรวไหมยิ้มออกมาได้ทั้งน้ำตา หมอกเห็นแล้วก็พลอยดีใจกับเธอไปด้วย ค่อย ๆ ย่องออกมาจากใต้เตียง แล้วเดินเข้าไปแสดงความดีใจ โดยการเอาหูเสียดสีกับข้อเท้าเธอเล่น แต่ดูเธอจะไม่สนใจหมอกเอาเลยนะ

“นัท ไหมมีอีกเรื่องนะจะปรึกษานัท” น้ำเสียงของเธอฟังดูปกติขึ้น ไม่มีเสียงสะอื้นไห้ปนอีกแล้ว

“ไหมคิดว่า.... ไหมกำลังท้องน่ะนัท”

นัทดูมีท่าทีตื่นตกใจขึ้นมาทันที

“อะไรนะ !”

“เหงียว....!”

โอ๊ย ! นัทผลักแพรวไหม จนเซมาเหยียบถูกขาหมอกเลย หมอกทั้งเจ็บทั้งตกใจ รีบวิ่งไปหลบที่ใต้เตียงเหมือนเดิม เสียงของนัทดังยังกับเสียงฟ้าผ่าแหนะ

นัทจ้องหน้าแพรวไหมอย่างเอาเรื่อง ทำไมเขาถึงต้องโกรธขนาดนี้ด้วยนะ แต่เธอก็ยังโผเข้าไปกอดแขนเขาไว้อีก

“จริง ๆ นะนัท เมนท์ไหมไม่มาตั้งสองเดือนกว่าแล้ว แล้วพักนี้ไหมก็รู้สึกคลื่นไส้ตอนเช้า เหมือนกับอาการที่เขาบอกว่าแพ้ท้องเลย” น้ำเสียงของเธอเหมือนจะมีเสียงสะอื้นปนอีกแล้ว

นัทส่ายหน้ากัดฟันแน่น มองเธอด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เดินเข้ามาบีบต้นแขนของเธอข้างหนึ่งไว้ แล้วดึงเธอเข้าไปจนใกล้

“ไหมจะท้องได้ยังไง เราทั้งคู่ยังเรียนหนังสืออยู่เลย จะมีลูกได้ยังไง ทำไมไหมถึงไม่ป้องกันหา !” เขาตวาดเสียงดังยังกับฟ้าผ่า

อ๋อ... ที่แท้ “ท้อง” คือการจะมีลูกน่ะหรือ เหมือนกับที่แม่ของหมอกมีหมอกออกมาใช่ไหม

“ก็ไหม.... ไหมไม่ทันคิดนี่... ทำไมนัทถึงไม่เตือนไหมล่ะ” เหมือนกับเธอเริ่มจะร้องไห้อีกแล้วนะ

“แล้วทำไมนัทต้องเตือนไหมด้วย ไหมไม่รู้หรือไงว่า นอนกับผู้ชายแล้วมันต้องท้อง !”

เขาตะโกนใส่หน้าเธอเสียงดัง แล้วเหวี่ยงเธอกระเด็นลงไปบนเตียงอีกรอบ แต่คราวนี้แพรวไหมรีบลุกขึ้นมายืนทันที แล้วหันไปเผชิญหน้ากับนัทอย่างเอาเรื่อง

“ทำไมนัทถึงพูดแบบนี้ล่ะ ก็นัทเป็นคนทำไหมท้อง แล้วจะมาโทษว่าเป็นความผิดไหมฝ่ายเดียวได้ยังไง” น้ำเสียงเธอฟังดูดุดันขึ้นนะ

นัทเดินตรงเข้ามาจนใกล้ แล้วจ้องตาเธอเขม็ง

“แล้วนัทจะรู้ได้ยังไงล่ะ ว่านัทเป็นคนทำไหมท้อง ไหมอาจจะไปนอนกับใครก็ได้แล้วโยนความผิดมาให้นัท”

เสียงของนัทที่พูดออกมาเบาลงนะ แต่ฟังดูดุดันและเย็นชายังไงก็ไม่รู้ แพรวไหมฟังแล้วเบิกตากว้างเหมือนคนที่กำลังเผชิญอยู่กับความกลัวสุดขีด แล้วเธอก็ตรงเข้าไปกำมือทั้งสองข้างทุบลงไปที่ตัวนัทอย่างไม่ยั้งมือ ขณะที่นัทพยายามปัดป้องตัวเองให้พ้นจากกำปั้นของเธอ

“ทำไม.... ทำไมนัทถึงพูดแบบนี้ นัทใจร้าย ใจร้ายที่สุด”

หมอกเห็นพวกเขาสองคนชุลมุนกันอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดนัทก็รวบข้อมือทั้งสองข้างของแพรวไหมเอาไว้ได้

“เพลี๊ย !”

ตายแล้ว ! นัทตบแพรวไหมจนล้มลงไปหมอบกับพื้นเลย หมอกอยากออกไปช่วยเธอจัง แต่หมอกกลัวนัทน่ะ

“นี่แหนะ พูดไม่รู้เรื่อง ทำไมไหมจะท้องกับคนอื่นไม่ได้ล่ะ ทีไหมยังนอนกับนัทได้ ไหมก็ต้องนอนกับคนอื่นได้ ไหมอยากเอาความผิดไปโยนให้ใครก็เชิญ แต่นัทไม่รับ แล้วนัทก็จะไม่มาเหยียบที่นี่อีก”

นัทกระทืบเท้าด้วยความโกรธ แล้วเปิดประตูก้าวขาออกไปจากห้อง

“ปัง !”

อุ๊ย ! นัทกระแทกประตูปิดเสียงดังเลย

หมอกเห็นแพรวไหมหมอบนิ่งอยู่อย่างนั้นนานมากเลย เหมือนกับคนนอนหลับไปแล้ว แต่พอหมอกเดินเข้าไปใกล้ ๆ เธอยังลืมตาอยู่นี่

“เหมียว.....”

หมอกส่งเสียงทักเธอ แล้วก้มลงไปมองหน้าเธอ ใบหน้าของเธอนิ่งสงบ ไม่มีน้ำตาไหลออกมาจากตาอีก เจ็บไหมจ๊ะแพรวไหม เจ็บจนร้องไห้ไม่ออกเลยหรือ


ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว แต่แพรวไหมก็ยังนอนนิ่งอยู่แบบนั้น หมอกได้แต่เดินไปเดินมารอบ ๆ ตัวของเธอ ลูกตาดำของเธอแทบจะไม่ขยับเลย ริมฝีปากมีเลือดไหลออกมาซิบ ๆ คงเป็นเพราะฝ่ามืออันใหญ่โตของนัทกระแทกแก้มอันบอบบางของเธอนี่เอง แพรวไหมเจ็บไหมจ๊ะ

และแล้ว.... แพรวไหมก็ลุกขึ้น เธอไม่ร้องไห้อีกแล้ว ใบหน้าเฉยเมยเสียจนหมอกรู้สึกใจไม่ดียังไงก็ไม่รู้สิ เธอเดินตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อผ้าในตู้ออกมา แล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ

อ๋อ เธอเข้าไปอาบน้ำนี่เอง สงสัยคงจะหายเศร้าจากเรื่องของนัทแล้วล่ะ แล้วคงต้องกลับมาเล่นกับหมอกอีกเป็นแน่ ดีใจจังเลย.....

เปล่าเลย...... พอแพรวไหมออกจากห้องน้ำ ก็เดินไปหยิบกระเป๋าเงินแล้วเดินออกไปนอกห้อง หมอกเดินตามไปที่ประตูอย่างไม่เข้าใจ เดินวนเวียนไปมารอเธออยู่ตรงหน้าประตูนั่น เป็นห่วงเธอน่ะค่ะ

อุ้ย.. เธอไปแป๊บเดียวก็กลับมาแล้ว หมอกรีบวิ่งเข้าไปหา วนไปวนมาอยู่รอบเท้าเธอนั่นแหละ แต่เธอไม่สนใจหมอกเลยนะ

“กริ๊ง ๆ ๆ”

เสียงโทรศัพท์นั่นเอง ใครโทรมานะ แพรวไหมเดินเข้าไปยกหูขึ้นมาฟังแต่ไม่พูด

“มา....”

เสียงที่เธอตอบกลับไปในหูโทรศัพท์นั้น ช่างเบาเสียจนแทบไม่ได้ยิน เสียงมันเย็น ๆ ยังไงก็ไม่รู้นะ

“กลับไปแล้ว.....”

เธอพูดแค่นี้แล้วก็นิ่งเงียบไปนาน คุยกับใครอยู่นะ ไม่รู้ฝ่ายโน้นเขาพูดอะไรมาบ้าง

“ปิ่น... ไหมฝากดูแลน้องหมอกด้วยนะ” แล้วเธอก็วางหูไป

อ๋อ! ปิ่นนี่เอง แล้วทำไมเธอถึงต้องฝากให้ปิ่นดูแลหมอกด้วยล่ะ ไม่เอานะ ! ชาตินี้หมอกจะไม่ขออยู่กับคนอื่นนอกจากแพรวไหมคนเดียว

หมอกเห็นเธอเดินไปเปิดตู้เย็น รินน้ำในตู้เย็นใส่แก้วใส ๆ จนเต็มแก้ว แล้วถือน้ำกับขวดพลาสติกสีขาว ที่ดูเหมือนเพิ่งจะไปซื้อมาเมื่อตะกี้น่ะ เดินมานั่งขาเหยียดยาวบนเตียงนอน หลังพิงที่หัวเตียงไว้ หมอกเดินเข้าไปซบลงบนตักเธอเหมือนเช่นเคย

เธอเปิดฝาขวดพลาสติกสีขาวนั่น แล้วเทเม็ดขาว ๆ ออกมาจนหมดขวด มันคล้าย ๆ กับอาหารเม็ดของหมอกเลยนะ หมอกลองเอาจมูกเข้าไปดมฟุตฟิตดู อุ้ย ! ไม่ใช่อาหารเม็ดสักหน่อย อะไรก็ไม่รู้ กลิ่นแปลก ๆ

เธอกำเม็ดสีขาวนั่นอยู่พักใหญ่ แล้วค่อย ๆ เทมันใส่เข้าไปในปาก มืออีกข้างก็ยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มจนหมดแก้ว อะไรกันนี่ ! นี่คืออาหารเม็ดของคนหรือนี่

แพรวไหมค่อย ๆ ล้มตัวลงนอน ดึงผ้าขึ้นมาห่มตัวเอง หมอกก็ซบตัวลงนอนบนอกของเธอเหมือนเช่นเคย แต่ครั้งนี้เธอไม่กอดหมอกเลยล่ะ หมอกนอนอยู่นานจนใกล้จะหลับแล้ว แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นร่างกายของเธอกระตุก รีบกระโดดออกมายืนห่าง ๆ มีสีขาว ๆ เป็นฟอง ๆ ออกมาจากปากของเธอด้วยล่ะ

“ไหม ! ไหม ! เปิดประตูหน่อย” เสียงของปิ่นนั่นเอง ดีใจจังเลย ปิ่นมาแล้ว

“ไหม ! เป็นอะไรหรือเปล่า เปิดประตูให้ปิ่นหน่อยเร็ว”

หมอกได้ยินเสียงกุญแจไขประตู แล้วปิ่นก็วิ่งเข้ามา

“ว๊าย..... !” ปิ่นกรีดร้องเสียงดังลั่น หมอกตกใจกลัว รีบวิ่งไปหลบใต้เตียง

เพิ่งสังเกตเห็นว่า ปิ่นไม่ได้มาคนเดียว มีคนตัวโต ๆ มากับเธออีกคนด้วย เขาเดินตรงเข้ามาอุ้มแพรวไหมแล้วรีบออกไปจากห้องทันที ปิ่นก็วิ่งตามเขาออกไป

ประตูห้องเปิดอยู่อย่างนั้น หมอกก็ไม่กล้าเดินออกไปจากห้อง ชีวิตนี้เกิดมา หมอกไม่เคยออกจากห้องของแพรวไหมไปไหนเลยนี่หน่า


เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วนะ... หมอกไม่รู้..... รู้แต่ว่า มันมืดแล้วเช้า เช้าแล้วมืดอยู่หลายรอบแล้ว อาหารในจานของหมอกก็หมดไปนานแล้ว ตอนนี้ท้องมันร้องหิว ๆ ที่สุดเลย แพรวไหมจ๋า อยู่ที่ไหน ทำไมไม่กลับมาหาหมอก หมอกหิว แล้วก็เหงาด้วย ปิ่นก็หายไปเลย ไม่มีใครสนใจชีวิตแมวอย่างหมอกอีกแล้ว

“เอ้า ๆ ช่วยกันขนลงไปข้างล่างหน่อย เดี๋ยวอีกสองวันแม่เขาจะมาเอาของพวกนี้กลับต่างจังหวัด”

หมอกได้ยินเสียง เลยแอบย่องออกมาจากใต้เตียงดู เห็นคนผมยาวกำลังสั่งให้คนตัวโต ๆ อีกหลายคน ขนของใช้ของแพรวไหมออกไปนอกห้อง

“เฮ้อ.... คิดแล้วก็ใจหายนะ ยังเป็นเด็กเป็นเล็กอยู่แท้ ๆ ต้องมาตายเพราะท้องไม่มีพ่อ”

หมอกใจหายเลย ! เธอบ่นอะไรน่ะ ใครตายหรือ แล้วตายแปลว่าอะไร เธอหมายถึงแพรวไหมหรือเปล่านี่

ข้าวของของแพรวไหมถูกขนย้ายออกไปจนหมดห้อง ไม่เหลือแม้แต่จานข้าว กับ กะละมังทรายสำหรับถ่ายของหมอก หมอกกลัวคนพวกนี้จัง แต่ห้องสี่เหลี่ยมโล่ง ๆ แบบนี้ ไม่รู้จะวิ่งไปหลบตรงไหนค่ะ

“แล้วแมวตัวนี้ล่ะครับเจ๊”

มีเสียงใหญ่ ๆ เสียงหนึ่งพูดขึ้นมา ทำให้คนผมยาวมองมาที่หมอกเป็นครั้งแรก

“ก็เอาไปปล่อยตรงไหนก็ได้ ที่มันจะไม่กลับมาห้องนี้ได้ถูกอีก เดี๋ยวคนมาเช่าใหม่เขาจะเดือดร้อน”

“ครับเจ๊”

แล้วคนตัวโตนั่นก็เดินตรงเข้ามาหาหมอก หมอกวิ่งหนีนะ แต่เขาก็รวบตัวหมอกเอาไว้ได้ จับซะแน่นเลย เจ็บนะ แล้วเขาก็พาหมอกเดินออกมาข้างนอก

เขาโยนหมอกลงกับพื้น หมอกอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ น่ากลัวที่สุด

“ปลิ๊น ! ๆ บลื้น .........ปลิ๊น !.”

เสียงอะไรก็ไม่รู้ ! ดังกว่าเสียงของนัทอีก อะไรกันนี่ ! ตัวอะไรก็ไม่รู้วิ่งผ่านไปผ่านมาตรงหน้าหมอก เร็วจี๋จนมองไม่ทันเลย แล้วหมอกก็เห็นขาของคนเดินไปมาเต็มไปหมด แต่ไม่มีใครสนใจหมอกเลยนะ กลัวจังเลย ! รู้สึกตัวเลยนะว่าตัวสั่นไปหมดแล้ว ขาทั้งสี่ก็ถอยไปเรื่อย ๆ จนหลังติดกับกำแพง แล้วขดอยู่ตรงมุมนั้น หมอกไม่รู้จะไปไหน ที่นี่ที่ไหนนะ.... แพรวไหมจ๋าช่วยหมอกด้วย

แล้วก็มีตัวอะไรก็ไม่รู้ สีเข้ม ๆ ตัวโตมาก ๆ เลย มันแยกเขี้ยวให้ แล้ววิ่งตรงมาที่หมอกเลยล่ะ หมอกกระโดดวิ่งหนีมันอย่างไม่ทันตั้งตัว เร่งฝีเท้าเร็วอย่างไม่คิดชีวิตเลยล่ะ จนกระทั่งเห็นซอกยาว ๆ อยู่ตรงข้างหน้านั่น เลยรีบมุดเข้าไป ในนั้นเจ้าตัวโตนั่นมันคงเข้ามาไม่ได้แน่

หมอกยืนหอบอยู่ตรงนั้น เหนื่อยจนแทบหายใจไม่ออกเลย คงปลอดภัยแล้วล่ะ ว๊าย ! แล้วหมอกก็ต้องตกใจอีกครั้ง เมื่อหันไปข้างหลังเห็นแมวสีขาวตัวโตกว่าหมอกยืนอยู่ สีของมันเหมือนหมอกมากเลย แต่หางมันยาวไม่สั้นกุดเหมือนหมอก

ใช่แล้ว ! มันอาจจะเป็นแม่ของหมอกก็ได้ แม่จ๋า ช่วยหมอกด้วย

หมอกวิ่งตรงเข้าไป ต้องการที่จะซบไออุ่นจากแมวตัวนั้น เพื่อคลายความตื่นกลัวที่เจอมาเมื่อสักครู่ แต่มันกลับใช้ขาหน้าเตะหมอกจนกระเด็นไปไกลเลย

นี่มันไม่ใช่แม่ของหมอกนี่ ! ใช่แล้ว…แม่ของหมอกเป็นแมวขาว หางยาว ตาสีฟ้า ส่วนเจ้าตัวนี้ตามันสีเหลืองน่ะ ไม่ใช่แม่ของหมอกจริง ๆ ด้วย

อุ้ย ! แล้วเหมือนมีมือเล็ก ๆ อุ้มหมอกขึ้นมาอีกแล้ว กลัวจังเลย

“แม่ขา ! มีแมวสีขาวเข้ามาในบ้านเราด้วยค่ะ แม่ดูสิคะ หางมันกลม ๆ ไม่เหมือนเจ้าขาวของเราด้วย ตามันแปลกจังเลยค่ะ สีฟ้าข้างหนึ่ง เหลืองข้างหนึ่ง” คนพูดนี้เขายังตัวเล็ก ๆ กว่ามนุษย์คนอื่นอยู่เลยนะ

“แมวหลงทางมาหรือจ๊ะลูก อื้ม สวยจริง ๆ ด้วย แต่สกปรกมอมแมมไปหน่อย ส่งมา แม่จะพามันไปอาบน้ำเอง”

มือใหญ่กว่าที่นุ่มนวลนั้นโอบอุ้มตัวหมอกเอาไว้ สัมผัสของเธออบอุ่นเหมือนสัมผัสของมือแพรวไหม ทำให้หมอกเริ่มหายตื่นกลัวแล้วล่ะ

“แม่เลี้ยงมันไว้นะคะ มันน่ารักดี” เสียงเจื้อแจ้วของคนตัวเล็ก ๆ นั้นดังอยู่ข้าง ๆ ตัวหมอก

“ไม่ได้หรอกจ๊ะ เราเลี้ยงเจ้าขาวแล้ว แม่จะเอาไปให้คุณยายล่ะกัน คุณตาเพิ่งจะเสียไป คุณยายจะได้ไม่เหงา”

คืนนั้น หมอกก็ได้นอนอยู่ในบ้านของคนเสียงหวานใจดีกับคนตัวเล็ก ๆ นั้น เขาจับหมอกไปอาบน้ำอุ่น ๆ ฟอกสบู่ให้หมอกอยู่นาน โอโห ! น้ำที่ไหลผ่านตัวหมอกออกมา เป็นฟอง ๆ สีดำเลย พออาบน้ำ เช็ดตัว เช็ดขนแห้งแล้ว หมอกก็ขาวผ่องสะอาดเหมือนกับตอนที่อยู่กับแพรวไหม

หมอกเคยได้ยินปิ่นพูดกับแพรวไหมว่า เธอเหมาะสมแล้วที่จะเลี้ยงแมวสีขาวอย่างหมอก เพราะสีขาวมันเหมือนกับหัวใจของแพรวไหม ที่ยังขาวบริสุทธิ์และไร้เดียงสาเกินกว่าจะรู้ถึงความสกปรกบนโลกใบนี้ น้ำกับสบู่มันช่วยล้างความสกปรกออกจากร่างกายของหมอก แล้วอะไรล่ะ ที่สกปรกบนโลกใบนี้ ที่ปิ่นบอกว่ามันล้างออกด้วยน้ำไม่ได้

เจ้าขาวมันบอกกับหมอกว่า หัวใจของมนุษย์ยังมีน้ำใจอีกมากมาย ที่จะเผื่อแผ่มาให้สัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะแมวอย่างพวกเรา แสดงว่านอกจากแพรวไหมแล้วยังมีคนอีกมากที่จะรักหมอก แล้วทำไมหัวใจของมนุษย์อย่างนัท จึงไม่รักแม้แต่มนุษย์ด้วยกันนะ ทำไมเขาถึงไม่รักแพรวไหม ทั้ง ๆ ที่เธอเป็นคนดีแสนดีของหมอก คนที่เป็นเหมือนชีวิตทั้งชีวิตของหมอก หมอกคิดถึงเธอเหลือเกิน เธอตายแล้วจริงหรือ แล้วเธอเป็นคนฆ่าตัวเองหรือ เธอฆ่าตัวเองทำไมกันนี่ เธอฆ่าตัวเองเพียงเพราะว่าเธอกำลังจะมีลูกงั้นหรือ

เจ้าขาวมันยังบอกกับหมอกอีกว่า มันอาจจะเป็นพ่อของหมอกก็ได้ เพราะมันจำได้ว่าเคยเข้าไปผสมพันธ์กับแมวตัวเมีย สีขาวหางยาวเหมือนกัน แต่ตาของแมวตัวนั้นสีฟ้า ทำให้จะมีลูกที่ตาสีฟ้าข้างเหลืองข้างเหมือนอย่างหมอกได้

ที่แท้แล้ว แมวหรือสิ่งมีชีวิตทุกอย่างบนโลกใบนี้ จะต้องมีแบ่งเป็นสองเพศ คือเพศผู้และเพศเมีย ส่วนมนุษย์จะเรียกตัวเองว่า ผู้ชาย กับ ผู้หญิง นั่นเอง ทั้งสองเพศนั้นจะผสมพันธ์กันเพื่อที่จะสืบทอดลูกหลานตามธรรมชาติ เหมือนอยากที่เจ้าโค้กเคยบอกกับหมอกไว้ตอนหมอกเป็นเด็กไง แล้วทำไมแพรวไหมจะต้องฆ่าตัวเองเพียงเพราะเธอกำลังจะมีลูกด้วยล่ะ หมอกไม่เข้าใจแพรวไหมเลย

เจ้าขาวมันบอกกับหมอกอีกว่า ปัจจุบัน มันไม่สามารถจะไปผสมพันธ์กับแมวตัวเมียได้อีก เพราะเจ้าของเขาจับไปทำหมันแล้ว เขาบอกกับมันว่า ถึงแม้ว่า แมวของเขาจะเป็นตัวผู้ที่ไม่ต้องออกลูกออกมาให้เกะกะบ้านเยอะแยะอีก แต่เขาก็ควรจะรับผิดชอบ มิใช่ปล่อยให้เจ้าขาวออกไปผสมพันธ์กับแมวตัวเมียอื่น ๆ แล้วออกลูกมาอีกมากมาย ให้กลายเป็นแมวจรจัดจนเต็มข้างถนนไปหมด เหมือนอย่างทุก ๆ วันนี้ ท่าทางเจ้าขาวมันนับถือน้ำใจของเจ้าของมันเหลือเกิน


มืออันเหี่ยวย่นแต่อ่อนนุ่มและอบอุ่นโอบอุ้มตัวหมอกไว้ หมอกสัมผัสได้ถึงความรักและความมีเมตตาที่ถ่ายทอดมาผ่านทางไออุ่นแห่งสัมผัสนั้น

“คุณแม่เลี้ยงเอาไว้นะคะ แล้วยังไงนี่วันอาทิตย์นี้หนูจะเอามันไปทำหมัน จะได้ไม่ต้องมีลูกให้คุณแม่ปวดหัวอีก”

“อืม จ๊ะ น่ารักจริง ๆ ด้วย มันชื่อว่าอะไรจ๊ะหนูพิม”

มือนั้นค่อย ๆ วางหมอกลงกับพื้นอย่างนุ่มนวล

“ยังไม่ได้ตั้งชื่อเลยค่ะคุณแม่”

หมอกเดินไปมารอบบ้านเธอ บ้านของเธอดูใหญ่โต กว้างขวาง มีที่ให้หมอกวิ่งเล่นได้สบายกว่าห้องแพรวไหมเยอะ หมอกเดินเล่นไปรอบบ้านเลย จนกระทั่งมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตูนี้เอง

ภาพเบื้องหน้าของหมอกนั้นพร่ามัว มีสีขาวบาง ๆ ปกคลุมไปทั่วต้นไม้ใหญ่เล็กที่เขียวขจีนั้น อากาศหนาวเย็นหวนคืนกลับมาเป็นที่สอง นับตั้งแต่วันที่หมอกออกมาจากท้องแม่ วันนี้ก็เหมือนวันนั้น วันที่แพรวไหมอุ้มหมอก เดินออกมายืนอยู่ตรงหน้าประตูบ้านป้าแข แล้วมองเห็นภาพสีขาวบาง ๆ แบบนี้
“วันนี้หมอกลงหนานะคะคุณแม่ เจ้าแมวตัวนี้ไปยืนหน้าประตู ดูกลมกลืนกับสายหมอกยังไงก็ไม่ทราบ ดูจากขนาดของมันแล้ว มันน่าจะมีอายุประมาณปีนึงแล้วนะคะ วันที่มันเกิด คงเป็นช่วงหน้าหนาวแบบนี้มังคะ”

“อืม นั่นสิ งั้นแม่ให้มันชื่อว่าเจ้าหมอก ดีไหมจ๊ะ เจ้าหมอก….”

หมอกได้มีโอกาสได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองอีกครั้ง รู้สึกดีใจจนบอกไม่ถูกเลย

“เหมียว.......” หมอกรีบขานรับ แล้ววิ่งเข้าไปหาเจ้าของเสียงนั้น

มืออันเหี่ยวย่น แต่อ่อนนุ่มนั้น อุ้มหมอกขึ้นไปนั่งบนตักเธอ นิ้วมือของเธอลูบไล้ไปทั่วปลายคางหมอก ถึงแม้จะไม่ใช่นิ้วมืออันขาวเรียวยาวของแพรวไหม แต่หมอกก็หลับตาพริ้มกับสัมผัสนั้นอย่างสบายอารมณ์ แล้วหมอบลงไปซบกับตักของเธอ

“เจ้าน่ะโตเป็นสาวแล้วนะเจ้าหมอก.... แล้วก็สวยซะด้วย” เสียงของเจ้าของสัมผัสนั้น เธอคงกำลังพูดกับหมอกอยู่

“ฉันคงต้องรีบเอาเจ้าไปทำหมันแล้ว ไม่งั้นคงมีแมวหนุ่ม ๆ มารุมตอมเป็นแน่”

แล้วมนุษย์ใจดีทั้งสองก็หัวเราะชอบใจใหญ่ หมอกไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูดหรอกนะ รู้แต่เพียงว่า สัมผัสอันอ่อนโยนนี้ มันเป็นสัมผัสของมนุษย์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำใจและความมีเมตตาให้กับเพื่อนร่วมโลก แม้กระทั่งแมวอย่างหมอก

*****************************
.........จบ..........


Create Date : 27 ธันวาคม 2547
Last Update : 31 พฤษภาคม 2549 10:38:31 น. 0 comments
Counter : 257 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

วังวน
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add วังวน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.