"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2555
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
23 กรกฏาคม 2555
 
All Blogs
 
38 - 30962 ประวัติศาสตร์ : รัชกาลที่ 5 เมื่อทรงรักษาพระองค์กับคณะแพทย์ชาวยุโรป


พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เมื่อทรงรักษาพระองค์กับคณะแพทย์ชาวยุโรป
ศันสนีย์ วีระศิลป์ชัย
ศิลปวัฒนธรรม
กรกฎาคม 2555





รัชกาลที่ 5




“---ฉันบอกว่าเมืองฉันเขากินเข้า แต่เขาขี้กันทุกคนเหมือนกัน---”

เป็นข้อความตอนหนึ่งในพระราชหัตถเลขาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีถึงสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ขณะเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ ๒ พ.ศ. ๒๔๕๐

ทรงเล่าถึงวิธีการรักษาพระองค์ของคณะแพทย์ชาวยุโรป ซึ่งมีบางอย่างที่ไม่เข้ากับธรรมชาติของคนไทย และไม่เข้ากับพระธาตุเฉพาะพระองค์ เช่น การที่แพทย์กล่าวหาว่าหากกินข้าวมากจะทำให้ท้องผูกไม่ถ่ายอุจจาระ

ใน พ.ศ. ๒๔๕๐ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เริ่มมีพระพลานามัยทรุดโทรม อันเนื่องมาแต่ทรงตรากตรำพระวรกายกับการแก้ปัญหาต่างๆ ของบ้านเมืองมาตลอดระยะเวลาบริหารราชการแผ่นดิน ๓๙ ปี

ปัญหาพระพลานามัยที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นคือ ผนังในโพรงพระนาสิกลงไปถึงหลอดลม มีพระอาการอักเสบอันเนื่องมาแต่ทรงสูบพระโอสถมวนมาก ทรงรู้สึกไม่สบายหายพระทัยไม่สะดวก เพราะมีมูลพระนาสิก ทำให้เกิดพระอาการคัดพระนาสิก และทรงไอเพราะหลอดลมอักเสบ

นอกจากนี้ยังมีพระอาการพระโลหิตจาง อันเนื่องมาจากโรคพระวักกะอักเสบเรื้อรังมาเป็นเวลานาน การที่พระโลหิตจางเป็นเหตุให้เกิดพระอาการอ่อนเพลีย ซึ่งเป็นเพราะหัวใจสูบฉีดโลหิตไปหล่อเลี้ยงร่างกายยากและไม่พอเพียง แพทย์หลวงจึงถวายคำแนะนำให้เสด็จฯ ไปรักษาพระองค์ในยุโรป

เมื่อเสด็จฯ ถึงยุโรป คณะแพทย์ชาวยุโรปได้ประชุมปรึกษากันถึงพระอาการประชวร และวิธีรักษาให้ได้ผลในระยะอันสั้น ผลการประชุมเกี่ยวกับพระอาการประชวรในส่วนที่เกี่ยวกับโรคพระนาสิกนั้น ทรงพบว่าแพทย์หลวงในบางกอกวินิจฉัยโรคและพระอาการไม่ถูกต้อง ว่าเป็นพระโรคหืด

ดังที่ทรงเล่าว่า “---มีความเสียใจที่จะกล่าวว่าฟังความเห็นหมอปัวซ์ในเรื่องรักษาจมูก มาปรากฏชัดเจนเสียแล้วว่าไม่ถูก ถ้าไม่เปนมากก็จะดีอยู่ ส่วนตัวฉันเอง หมอไรเตอก็ดี หมอบือมาก็ดี รักษาผิดทั้งคู่---หมอไรเตอผิดตั้งแต่ดิแคลว่าเปนหืด และรักษาทางหืด ดมยาป้ายยาล้างตมูก---”

เมื่อวินิจฉัยโรคว่าพระอาการประชวรพระนาสิกเกิดจากการอักเสบในโพรงพระนาสิก จึงเปลี่ยนยาและวิธีรักษาใหม่

ดังที่ทรงเล่าว่า “---หมอไฟลเนอเปนผู้รับบัญชาในการรักษาตมูก ให้หมอฟิสเตอเปนผู้ทำ อาการก็เปลี่ยนดีขึ้นทุกวันเห็นปรากฏตั้งแต่เริ่มรักษา คงล้างเช้า ๓ ครั้ง กลางคืน ๓ ครั้ง รุ่งขึ้นก็ล้างเช้า ๒ ครั้ง กลางคืน ๓ ครั้ง วันที่สามล้างเช้าครั้งหนึ่ง กลางคืน ๒ ครั้ง---ใช้น้ำมันยอนตมูก ทาตามลำหลอดทางหายใจ ปลดเปลื้องความลำบาก หายใจไม่ออกเสมหะจุกคอลงไปได้---”

แม้พระอาการจะดีขึ้นดังกล่าว แต่ทรงวิเคราะห์พระโรคนี้ตามที่ทรงรู้สึก ว่าโรคเกี่ยวกับพระนาสิกของพระองค์คงจะหายขาดได้ยาก ที่พระอาการดีขึ้นส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะอากาศดี ดังที่ทรงเล่าว่า

“---ข้อที่จะหาย ฉันไม่เชื่อ นึกว่าไม่หาย แต่ไม่ตาย นานเข้าคงโทรมใหม่ เพราะการรักษาดูไม่เปนสำคัญเท่าอากาศ---ฉันเข้าใจว่าความที่ฉันสบายครั้งนี้ด้วยอากาศไม่ใช่ด้วยแรงหมอ---”

นอกจากโรคพระนาสิกแล้ว พระโรคสำคัญอีกพระโรคหนึ่ง คือโรคพระวักกะเรื้อรัง เมื่อพระวักกะทำงานไม่ปกติ ก็นำไปสู่โรคพระโลหิตจาง ทำให้มีพระอาการเมื่อยปวด

แต่แพทย์หลวงในบางกอกระบุว่าพระอาการเมื่อยปวดนั้นเกิดขึ้นจากการที่-ทรงเหน็ดเหนื่อยพระทัยจากพระราชภารกิจทั้งปวงทำให้ทรงเคร่งเครียด

ดังที่ทรงเล่าว่า “---การที่เมื่อยปวดไม่หลับนั้น เปนด้วยเนิฟกำเริบนวดมัสซาชเสียก็หาย---” และเมื่อทรงให้นวดก็ทรงบรรเทาพระอาการเมื่อยปวดคลายความเคร่งเครียดเบาสบายพระองค์ จึงโปรดให้นวดเป็นประจำ

“---ทีหลังนี้ก็ลงเปนแต่ดูเนื้อมัสซาช ให้เลือดเดินตามร่างกายสดวก ฉันก็เห็นว่ามันหายเมื่อยของแกจริงๆ จึงได้ให้ทำอยู่ทุกวัน---” แต่ครั้นมาถึงยุโรปทรงปรารภถึงพระอาการปวดเมื่อยนี้กับคณะแพทย์ชาวยุโรป การณ์กลับปรากฏว่า คณะแพทย์ยังไม่สามารถวิเคราะห์พระอาการนี้ได้

ดังที่ทรงเล่าว่า “---ฉันเชื่อว่าคงจะได้รับรักษาอย่างเต็มที่ที่เขาจะรักษาได้ แต่เสียแต่เรื่องเมื่อยไม่รู้จักจริงๆ บอกเข้าออกจะตกใจเกินๆ ไปจึงต้องตกลง เป็นระงับให้แกรักษาอย่างอื่น เมื่อยเรานวดเอาได้ รวบรวมใจความว่าถ้าหายอื่นแล้วก็จะหายเมื่อยด้วย---”

ส่วนพระราชดำริในพระองค์เกี่ยวกับพระอาการนี้ ว่าน่าจะเป็นพระอาการของเลือดลมอันเป็นธาตุเฉพาะพระองค์

วิธีรักษาพระโรคให้ได้ผลในระยะเวลาอันสั้นนั้น คณะแพทย์ชาวยุโรปมีความเห็นตรงกันว่า ขั้นแรกจะต้องฟื้นฟูพระพลานามัยก่อน ด้วยการขอให้ทรงใช้เวลาส่วนใหญ่ พักผ่อนพระวรกายด้วยการประทับพักผ่อนเฉยๆ

กราบทูลขอให้ทรงพยายามไม่คิดถึงหรือวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาบ้านเมือง ทำพระทัยให้เบิกบาน ลดการสูบพระโอสถมวน ทำให้ทรงรู้สึกอึดอัดขัดข้องพระทัยกับข้อห้ามต่างๆ

ดังที่ทรงบรรยายความในพระทัยไว้ในพระราชหัตถเลขาที่ทรงมีถึงสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพว่า “---ฉันถูกตาหมอกวดขันมากห้ามไม่ให้คิดไม่ให้พูดด้วยรั้วงานราชการอันใดเลย ห้ามไม่ให้โกรธ ไม่ให้เศร้าใจ ให้พยายามที่จะให้ใจสบายอยู่ให้เสมอจนตลอดเวลากว่าเลือดจะบริบูรณ---

ส่วนให้การว่าคิดถึงบ้านกลับไม่ว่าไร ว่าเปนของที่ควรจะเปน แลเปนการดีที่เปน แต่ให้ฝืนไว้อย่าให้ถึงเศร้าโศก บุหรี่นั้นถูกบังคับให้สูบแต่วันละ ๓ ตัว---”

การรักษาในขั้นต่อไป คณะแพทย์ลงความเห็นตรงกันว่า น่าจะใช้ยากระตุ้นและบำรุงพระทัยอย่างแรง แต่การใช้ยานี้จำเป็นที่จะต้องมีข้อปฏิบัติหลายประการเพื่อให้สอดคล้องกับยาดังกล่าว ดังที่ทรงเล่าไว้ในพระราชหัตถเลขาว่า

“---ถูกหมอบังคับให้นอนอยู่ในที่นอน เพราะกินยาสูง อันนี้คือลิยิศตาลิศ (Digitalis) กระทำให้หัวใจแรงซึ่งหมอเขาครึกันมาก การที่จะไปวางยาเช่นนี้ในบางกอกเปนพ้นวิไสย ยาไปไม่ถึงกลายเสียแล้ว---”

การรักษาตามกรรมวิธีของคณะแพทย์ชาวยุโรปหลายอย่างที่ทรงชื่นชม เพราะรู้สึกว่าถูกกับพระโรค แต่บางอย่างก็มีพระราชดำริตามความรู้สึกส่วนพระองค์ว่า เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพระธาตุเฉพาะพระองค์

โดยเฉพาะเมื่อมีการรักษาด้วยวิธีให้ยากระตุ้นและบำรุงหัวใจด้วยตัวยา Digitalis นั้นมีข้อห้ามหลายประการ เช่น ให้พักผ่อนมากๆ โดยทูลขอให้ทรงพระบรรทมเฉยๆ เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งแม้จะทรงรู้สึกเบื่อหน่าย แต่ก็ทรงยินยอมที่จะปฏิบัติตาม

แต่ข้อห้ามที่ทำให้ทรงเดือดร้อนคือ เรื่องเกี่ยวกับธาตุเฉพาะพระองค์ โดยเฉพาะเรื่องท้องผูก ยิ่งคณะแพทย์มีข้อห้ามไม่ให้เสวยข้าว ห้ามเสวยของเค็มต้องเสวยแต่พระกระยาหารฝรั่งที่จืดชืด ทำให้เสวยไม่ลง จึงเกิดพระอาการไม่ถ่าย

ทรงบอกกับหมอถึงสาเหตุของการไม่ถ่ายหรือท้องผูก ว่าเนื่องมาแต่ไม่ได้เสวยข้าว แต่หมอกลับแย้งว่าเสวยแต่ข้าวจะถ่ายออกได้อย่างไร

แม้จะยินยอมตามพระทัยให้เสวยข้าวบ้าง แต่เมื่อเริ่มเสวยข้าวยังทรงปรับพระองค์ไม่ได้ ท้องจึงยังคงผูกอยู่ ดังที่ทรงเล่าว่า “---พอยอมเข้าวันนี้ ก็ค่อยฟื้น แต่ยังกินเข้ากินปลาไม่ได้ ยุ่งใหญ่ ยังกินเนื้อกินหนังเข้าไป มันยิ่งแน่นมากขึ้น ต้องหันลงกินเข้า ตาหมอก็กริ้วว่าไม่กินอะไรกินแต่เข้า มันจะขี้อย่างไรได้---”

ทรงขัดพระทัยในวาจาข้อกล่าวหาของนายแพทย์ จึงเป็นที่มาของประโยคในพระราชหัตถเลขาถึงสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ที่ทรงโต้เถียงกับแพทย์ดังที่ทรงเล่าว่า

“---ฉันบอกว่าเมืองฉันเขากินเข้า แต่เขาขี้กันทุกคนเหมือนกัน---”


ขอบคุณ
มติชนออนไลน์
ศิลปวัฒนธรรม
คุณศันสนีย์ วีระศิลป์ชัย


สิริสวัสดิ์จันทรวารค่ะ



Create Date : 23 กรกฎาคม 2555
Last Update : 23 กรกฎาคม 2555 11:04:57 น. 2 comments
Counter : 4551 Pageviews.

 
ข้อความในพระราชหัตถเลขาตอนนี้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๕๐

นับถึงวันนี้ 105 ปี

โชคดีที่ยังเหลือให้ได้อ่านค่ะ


โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 25 กรกฎาคม 2555 เวลา:21:45:44 น.  

 
ก็เพราะพระองค์ท่านโปรดเสวยข้าว..เป็นพระกระยาหารหลัก



โดย: nart (sirivinit ) วันที่: 25 กรกฎาคม 2555 เวลา:21:57:52 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.