ในวันที่ 23 กรกฎาคม ศาลอาญาได้นัดไต่สวนเพิกถอนประกันตัว จตุพร พรหมพันธุ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในคดีก่อการร้าย
หลังจากเมื่อวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา "จตุพร" ได้ขึ้นเวทีปราศรัยที่บริเวณหน้ารัฐสภา ถนนอู่ทอง เขตดุสิต กทม. โดยกล่าวพาดพิงการตีความของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ได้รับคำร้องเพื่อวินิจฉัยร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ขัดมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญหรือไม่
ซึ่ง "จตุพร" จะเดินทางไปศาลอาญาเพื่อชี้แจงด้วยตัวเองตามหมายเรียก โดยจะมี "คนเสื้อแดง" ส่วนหนึ่งไปให้กำลังใจ
ขณะที่ "สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ" ได้ส่งเอกสารหลักฐานไปชี้แจงแล้ว
หลังการไต่สวน "จตุพร" แล้วเสร็จ องค์คณะจะมีการพิจารณาอีกครั้งว่าข้อมูลของทางฝ่าย "จตุพร" นั้นเพียงพอหรือไม่ หรืออาจต้องมีการเรียกพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อความครบถ้วนก่อนที่จะมีการพิจารณาสั่งคดีต่อไป
สำหรับการพิจารณาถอนประกันตัว "จตุพร" ในคดีก่อการร้าย ทาง "องค์คณะผู้พิพากษาศาลอาญา" จะพิจารณาถึงพฤติการณ์ของ "จตุพร" เข้าข่ายการผิดเงื่อนไขการให้ประกันตัว มีการปราศรัยพาดพิง ข่มขู่ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ อย่างไร
จะเห็นว่าที่ผ่านมาหลังจาก "จตุพร" ได้รับการประกันตัวชั่วคราว ก็ยังคงมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองมาโดยตลอด
การขึ้นเวทีปราศรัยแต่ละครั้งของ "จตุพร" มักใช้คำพูดหรือลีลาที่ดุเดือด "ท้าทายผู้มีอำนาจ" โดยเฉพาะ "อำมาตย์-กองทัพ"
แต่กลับได้รับเสียงชื่นชมจากบรรดา "แดงฮาร์ดคอร์" ขณะที่ขัดใจผู้ที่ถูกพาดพิงถึง
หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ "จตุพร" พ้นสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย จากเหตุไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองก็ไม่ได้ทำให้ลีลาการปราศรัยบนเวทีของ "จตุพร" เปลี่ยนไปจากเดิม ทุกครั้งที่ขึ้นเวทีมักอยู่ในอารมณ์กลอนพาไป โดยลืมสถานะของตัวเองที่ "ไม่มีเอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครอง" เหมือนในอดีต และยังมีคดีความติดตัวอยู่อีกคดี
แต่ที่ "รอด" มาได้ เพราะเป็นช่วงเปลี่ยนถ่ายอำนาจ และการมีสถานะเป็น ส.ส.จึงได้รับเอกสิทธิ์คุ้มครอง
โดยเฉพาะคดีหมิ่นประมาท "จตุพร" มีเป็นหางว่าวที่ส่วนใหญ่มาจากการปราศรัยบนเวทีคนเสื้อแดง
ล่าสุด เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา "ศาลอาญา" ได้พิพากษาตัดสินจำคุก "จตุพร" คดีหมิ่นประมาท "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยกล่าวหาว่า "อภิสิทธิ์" ทำตัวเสมอพระเจ้าแผ่นดิน ในการเข้าเฝ้าฯ กราบบังคมทูลรายงาน โดยศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 5 หมื่นบาท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี
และยังมีคดีหมิ่นประมาทอีกหลายคดีตามมาจึงมีคนตั้งข้อสังเกตว่าอนาคต "จตุพร" คงต้องมีสักวันที่เจอแจ็กพอต!
ในคดีผู้ก่อการร้ายหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ "จตุพร" พ้นสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ก็ "ไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง" ต้องใช้หลักทรัพย์มาค้ำประกันจึงต้องดูว่าครั้งนี้ "จตุพร" จะถูกประกันตัวหรือไม่
แต่หลายคนก็ยังเชื่อว่าแม้ไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง ก็ยังน่าจะหาหนทางมาต่อสู้จนได้รับการประกันตัวออกมาได้อีกครั้ง เพราะเชื่อว่าคดีการเมืองน่าจะยังได้รับโอกาส
หากเปรียบเทียบกับการเล่นฟุตบอล "จตุพร" ถือว่าโดนใบเหลืองหลายใบแล้ว รอดูแต่ว่าเมื่อไหร่กรรมการจะให้ใบแดง เพราะพฤติการณ์ที่ผ่านมาการปราศรัยเฉียดฉิวหลายรอบ
และดูเหมือน "จตุพร" เองก็ใช่ว่าจะกลัว เพราะยิ่งมีคดียิ่งมีมิตรรักแฟนเพลงแน่นหนาเป็นที่ต้องการของ "แกนนำแดงท้องถิ่น" ในหลายพื้นที่เมื่อมีกิจกรรมจึงเป็นเหมือน "ดาวเด่น" ที่มักได้รับบัตรเชิญให้เดินสายยิ่งกว่านักร้องดัง เพราะแต่ละครั้งแต่ละพื้นที่ที่ "จตุพร" เดินทางไปได้รับการต้อนรับยิ่งใหญ่ไม่ด้อยไปกว่ารัฐมนตรี
เรียกว่ามูลค่าที่ได้รับกลับมามีค่ามหาศาลกว่าการได้เก้าอี้เสนาบดีด้วยซ้ำ
ดังนั้นพฤติการณ์ขึ้นโรงขึ้นศาลของ "จตุพร" เข้าทำนองยิ่งมีคดีฟ้องร้องยิ่งดึงมวลชนให้การเชื่อถือ เปรียบเป็นศาลเจ้าถ้าไม่ "เฮี้ยน" ก็ไม่มีคนนับถือ
และการที่ "จตุพร" ทุ่มเทแรงกายแรงใจทำถึงขนาดนี้ถ้าปรับรัฐมนตรีครั้งหน้ายังไม่ได้เก้าอี้เสนาบดีก็อาจมีมวลชนคนรักจตุพรไม่พอใจ
คำพูดที่ว่า "ต้องขอดูรายละเอียดก่อน แต่ส่วนตัวเห็นว่า คุณจตุพรเป็นคนมีความตั้งใจและมีความสามารถ อย่างไรก็ตามการปรับคณะรัฐมนตรี ต้องดูความเหมาะสมและจังหวะเวลาด้วย" จากปากรัฐบาลอาจจะพูดยากยิ่งขึ้น
บางครั้งการเคลื่อนไหวของ "แกนนำคนเสื้อแดง" ก็สวนทางกับนโยบายปรองดองของรัฐบาล
ระหว่างรัฐบาลเล่นบทปรองดอง แต่ "แกนนำแดง" เล่นบทบู๊ล้างผลาญ ไม่ต่างอะไรกับการสร้างดาวคนละดวง
ขณะที่รัฐบาลบริหารประเทศเดินหน้าไปได้ แต่ต้องมาสะดุดขาตัวเอง เพราะปัญหาภายในจนบริหารประเทศไม่ได้
ดังนั้นก่อนที่ปัญหาจะลุกลามบานปลายจนไม่สามารถแก้ไขได้คงต้องหันมา "ดับดาว" ที่คอยสร้างปัญหาน่าจะดีกว่ามั้ง!
ขอบคุณ
ข่าวสดออนไลน์
คุณสมถวิล เทพสวัสดิ์
สิริสวัสดิ์จันทรวารค่ะ
เพราะไม่อยากร้อนใจตอนแก่