BlogGang.com : : sirivinit : สมการแก้โลกร้อน

สมการแก้โลกร้อน

โสรวารวัฒนสวัสดิ์-มานมนัสรมเยศที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ค่ะ

สมการแก้โลกร้อน

มีข่าวล่าสุดจากกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.สหรัฐอเมริกา ระบุว่านักวิทยาศาสตร์แห่งสำนักงานบริหารมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติ ตรวจวัดระดับอุณหภูมิผิวน้ำทะเลบริเวณแถบเส้นศูนย์สูตรของมหาสมุทรแปซิฟิก เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.8 องศาฟาเรนไฮต์สูงกว่าระดับปกติ

ลักษณะดังกล่าวจะทำให้สภาพอากาศแปรปรวนทั่วโลก ฝนตกหนักมากขึ้นในพื้นที่ทางตะวันออกตอนกลาง และตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิกขณะที่บริเวณทางตอนเหนือของทวีปออสเตรเลีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์เกิดความแห้งแล้งมากกว่าปกติ

นี่เป็นปรากฏการณ์ "เอล นิโญ" ซึ่งในอีก 2-3 เดือนข้างหน้าเห็นผลชัดมากขึ้นต่อเนื่องไปถึงเดือนธันวาคม และสิ้นสุดต้นปี 2553

เอล นิโญ [El Nino] มาจากภาษาสเปนแปลว่า "บุตรของพระคริสต์" ชาวประมงเปรูและเอกวาดอร์ ใช้คำนี้ในความหมายถึงกระแสน้ำอุ่นบริเวณชายฝั่ง ปรากฏการณ์เอล นิโญ เกิดขึ้นมาในช่วงคริสต์มาสเกือบทุกปี และกลายมาเป็นคำที่ใช้เรียกเรียกกระแสน้ำอุ่นที่เกิดขึ้นอย่างผิดปกติ ซึ่งโดยเฉลี่ยเกิดขึ้น 2-3 ครั้ง ในทุก ๆ10 ปี

สำนักข่าวเอพี.ของสหรัฐพาดหัวบอกว่า "เอล นิโญ" กลับมาแล้ว เอพี.ยังระบุว่า นักวิทยาศาสตร์แนะนำรัฐบาลสหรัฐ เตรียมแผนจัดการบริหารไว้ล่วงหน้า เพราะเอล นิโญ มีผลกระทบต่อธุรกิจอุตสาหกรรม โดยเฉพาะภาคการเกษตรและประมง ...

ในข่าวไม่ได้บอกสาเหตุที่เอล นิโญกลับมาเร็วเกินคาดเพราะอะไร รู้แต่เพียงว่าอุณหภูมิของน้ำทะเลอุ่นขึ้นกว่าแต่ก่อน

ภาวะโลกร้อน [Global Warming] คือ ภาวะอุณหภูมิโดยเฉลี่ยของโลกสูงขึ้น ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงเกิดผลกระทบกับสิ่งมีชีวิตบนโลกไม่ว่าจะเป็นพืช สัตว์ หรือมนุษย์

ในเว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยาระบุ ในศตวรรษที่ 20 ปริมาณน้ำฟ้า เช่น ฝนหิมะ ลูกเห็บ บริเวณพื้นแผ่นดินส่วนใหญ่ของซีกโลกเหนือในเขตละติจูดกลางและละติจูดสูง สูงขึ้นโดยเฉลี่ย 5-10 % แต่ลดลงประมาณ 3 % ในบริเวณกึ่งเขตร้อน

ส่วนระดับน้ำทะเล จากข้อมูลทางธรณีวิทยาปรากฏว่าเมื่อ 6,000 ปีที่ผ่านมา
ระดับน้ำทะเลของโลกสูงขึ้นในอัตราเฉลี่ยประมาณ 0.5 ม.ม.ต่อปี และในระยะ 3,000 ปีที่ผ่านมา สูงขึ้นเฉลี่ย 0.1-0.2 ม.ม./ปี

แต่จากข้อมูลตรวจวัดในศตวรรษที่ 20 ระดับน้ำทะเลของโลกสูงขึ้นในอัตราเฉลี่ย1-2 ม.ม./ ปี

ข้อมูลภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ปรากฎขึ้นในช่วงเพียง 1 ศตวรรษที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงตั้งแต่มีการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหญ่ มนุษย์ทำกิจกรรมซึ่งล้วนแล้วทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโดยเฉพาะการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งรุนแรงกว่าที่ควรจะเป็นไปตามธรรมชาติ

ฉะนั้น หากเกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ ครั้งที่ 6 เพราะภาวะโลกร้อน ประวัติศาสตร์โลกต้องบันทึกว่าตัวการที่แท้ก็คือ "มนุษย์"

จากคอลัมน์ สิ่งแวดล้อม
โดยทวีศักดิ์ บุตรตัน
มติชนสุดสัปดาห์ หน้า 38
ฉบับที่ 1509 วันที่ 17-23 กรกฎาคม 2552

ขอขอบคุณ

สิริสวัสดิ์จันทรวารค่ะ

Create Date : 18 กรกฎาคม 2552

Last Update : 3 มกราคม 2555 1:39:23 น.

0 comments

Counter : 911 Pageviews.